สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน => ข้อความที่เริ่มโดย: ธัมมะวังโส ที่ มิถุนายน 13, 2015, 02:55:38 pm



หัวข้อ: ช่วงหลัง ๆ มานี้ หลายท่านบ่นว่า พระอาจารย์ เขียนบทความหนัก ๆ ทั้งนั้น ปริศนาเยอะ
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ มิถุนายน 13, 2015, 02:55:38 pm
   ask1

ช่วงหลัง ๆ มานี้ หลายท่านบ่นว่า พระอาจารย์ เขียนบทความหนัก ๆ ทั้งนั้น ปริศนาเยอะ


  คำถามจาก nimit fasai saieaw หมวยนีย์ axe รักหนอ tcarisa tcnapa namo catwoman etc.

     ans1

  (https://scontent-kul1-1.xx.fbcdn.net/hphotos-xtf1/v/t1.0-9/11429771_834847953263327_2395188791152614842_n.jpg?oh=6f1b7d551a8057c4ec41b00ffe83f22c&oe=56351C9C)

   ก็ดูเหมือนจะใช่ เพราะช่วงนี้ พยายามลำดับความสำคัญ ต่อเนื่องให้แก่ท่าน ที่ติดตามกันได้เข้าถึงเนื้อหาทางกรรมฐาน หมายถึง ความสำเร็จ หรือ การบรรลุธรรม นั่นด้วย ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น เพื่อส่งเสริม ความไม่ประมาท อันอาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะชีวิต เป็นของไม่แน่นอน ฉันเองก็รอ ท่านทั้งหลายอ่านติดตามกันมาหลายปี พอสมควร แต่ ตอนนี้ ก็ต้องการทดสอบความรู้ สติ ปัญญา คุณธรรม และ มรรค ผล นิพพาน นั้นมีแก่ท่านหรือยัง ด้วยเนื้อหา มันจึงต้องเข้มข้นไปด้วยเพราะฉันเน้นเรื่องการไปสู่ ประตู อมตะธรรม มาก เพื่อที่จะได้บอกทางแก่ท่านทั้งหลาย ด้วยกรรมฐาน ที่อันสืบทอดเรียนไว้ จากครูอาจารย์

    ดังนั้น เนื้อหา จะหนักขึ้นไปเรื่อย ๆ สำหรับ ท่านที่ไม่ได้ ภาวนา แต่จะเบา ขึ้นไปเรื่อย ๆ สำหรับท่านที่ภาวนาตามมาด้วยกัน


    เจริญธรรม / เจริญพร



หัวข้อ: Re: ช่วงหลัง ๆ มานี้ หลายท่านบ่นว่า พระอาจารย์ เขียนบทความหนัก ๆ ทั้งนั้น ปริศนาเยอะ
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ มิถุนายน 13, 2015, 05:19:40 pm
(https://scontent-kul1-1.xx.fbcdn.net/hphotos-xfa1/v/t1.0-9/11391518_757833007666479_2450934346935187876_n.jpg?oh=98b23e3251b4bc4cf1d5d51c68746960&oe=55E64007)

 เห็น
เท่ากับ สัมมาทิฏฐิ
ทำ
เท่ากับ
อาตาปี สัมมปชาโน สติมา สุขัง สุปะติ อุปสะโม นิพพานัง โหติ
แจ้ง
เท่ากับ
มรรค ผล นิพพาน

ดังนั้นตามสูตร

เห็นจริง ทำจริง ก็แจ้งจริง
เห็นผิด ทำจริง ก็ไม่สามารถแจ้งได้
เห็นถูก ทำผิด ก็ไม่สามารถแจ้งได้
เห็นผิด ทำผิด แน่นอนมันต้องผิดทั้งหมด

ใครอยู่ สมการ ไหน ? รู้ตัวหรือไม่ ? อันนี้น่าคิด นะ

 ( พิมพ์น้อย ปริศนาเยอะ พิมพ์มากก็เหนื่อยอยู่ แต่มันก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำอะไรเลย )


หัวข้อ: Re: ช่วงหลัง ๆ มานี้ หลายท่านบ่นว่า พระอาจารย์ เขียนบทความหนัก ๆ ทั้งนั้น ปริศนาเยอะ
เริ่มหัวข้อโดย: PRAMOTE(aaaa) ที่ มิถุนายน 13, 2015, 08:23:48 pm

          ขออนุโมทนาสาธุ ครับ


หัวข้อ: Re: ช่วงหลัง ๆ มานี้ หลายท่านบ่นว่า พระอาจารย์ เขียนบทความหนัก ๆ ทั้งนั้น ปริศนาเยอะ
เริ่มหัวข้อโดย: komol ที่ มิถุนายน 15, 2015, 01:39:14 am
เห็นจริง ( สัมมาทิฏฐิ )
 หมายถึง ความเห็นถูกต้อง
  ตามความหมายที่พระพุทธเจ้า บัญญัติไว้ คือ เห็นอริยะสัจจะ ทั้ง 4 โดยความเป็นจริง คือ การเห็น สัจจะญาณ
 ในเบื้องต้น ความจริงของ ทุกข์ มีสาเหตุ และทุกข์ ดับได้จริง ด้วยมรรค เมื่อทุกข์ดับ ความสุข ก็จักเกิดมี


ภาวนาจริง หมายถึง การกำหนดญาณ กิจจญาณ และ กตญาณ
  การกำหนดทุกข์ เป็น สัจจะญาณ
  การกำหนดหน้าที่ของทุกข์ และ จำแนกของทุกข์ ออกมาตามความเป็นจริงก็จะมองเห็นได้ว่า ทุกข์ไหน เป็นทุกข์ที่สามารถทำให้ดับได้จริงตามการภาวนา ทุกข์ที่ไม่สามารถทำให้ได้ดับด้วยการภาวนา
  การทำให้แจ้งในทุกข์ ด้วยการละจากทุกข์ เป็น กตญาณ คือการละดับกิเลส ที่เป็นสาเหตุให้ทุกข์ เริ่มจากละกิเลสได้ชั่วคราว ชั่วขณะหนึ่ง และละได้อย่างสิ้นเชิง

รู้แจ้งจริง หมายถึง การได้บรรลุ คุณธรรม มรรค 4 ผล 4 และ นิพพาน 1
 สำหรับข้อนี้ไม่มีคำอธิบาย เพราะป็นอำนาจที่เกิดแต่การภาวนา ที่เป็นผล เท่านั้น ถึงจะชื่อว่า มรรค แต่ก็จัดเป็นผล เพราะมรรค ไม่เกิดแก่บุคคลที่ไม่ภาวนา

     คำตอบก็คือ

     ถ้าไม่มี สัมมาทิฏฐิ เห็นอริยสัจจะตามความเป็นจริง ทั้ง 4 ประการ ก้ไม่ชื่อเห็นจริง เรียนถูก ยกตัวอย่าง คนหนึ่งเป็นทุกข์เพราะไม่มีเงินทอง ก็เลยมาปฏิบัติภาวนาเพื่อให้ได้เงิน และทองโชคดีเป็นต้น จะเห็นว่า ความเห็นคือ ทุกข์ เพราะไม่มีเงินทอง มานั้นถูก แต่มาถึงวิธีการภาวนา และเป้าหมายที่เขาคิดไว้นั้น เป็นทางที่ไม่ถูก ดังนั้นยังชื่อ ไม่เห็นจริง ดังนั้นเมื่อภาวนา ถึงได้การภาวนาถูกททาง ตามมรรค แต่ผลที่เขาต้องการคือการได้เงิน และทอง ไม่ใช่ มรรค ผล นิพพาน ดังนั้น เมื่อเห็นผิด ทำถูก ผลก็คือผิด เขาก็ต้องจบด้วยการพูดว่า มาปฏิบัติธรรมไม่ร่ำรวย ไม่ได้เงินทอง เพราะเห็นผิดนั่นเอง

     แค่ตัวอย่างสมมติให้เข้าใจง่าย ๆ นะ

   ;)
 


หัวข้อ: Re: ช่วงหลัง ๆ มานี้ หลายท่านบ่นว่า พระอาจารย์ เขียนบทความหนัก ๆ ทั้งนั้น ปริศนาเยอะ
เริ่มหัวข้อโดย: หมวยจ้า ที่ มิถุนายน 15, 2015, 02:27:17 am
ไม่รู้ว่า เข้าใจถูกตาม ความที่พระอาจารย์ ต้องการให้รู้หรือ ไม่

   นั่นก็คือ เห็นสีขาว ในสีดำ และเห็น สีดำ ในสีขาว
  และเห็น ทั้งสีดำ และ สีขาว

    ความหมายก็คือ ถ้าอกุศล ( ดำ ) ก็จะเห็น กุศล ( ขาว ) ได้ง่าย
                     ถ้ามีกุศล ( ขาว ) ก็จะเห็น อกุศล ( ดำ ) ได้ง่ายเช่นกัน

   แต่ ทั้่ง อกุศล และ กุศล เป็น สิ่งที่มีอยู่ คู่กัน จะมีแต่ขาว อย่างเดียวก็ไม่ได้ จะมีดำอย่างเดียวก็ไม่ได้ ดังนั้น สำหรับ ปุถุชชน ก็คงมีทั้ง กุศล และ อกุศล สำหรับ ผู้ภาวนา ก็ควรจะเป็น กุศล (ขาว ) มากกว่า อกุศล ( ดำ )

   สิ่งใดก็ตาม ที่ สูง ย่อม มี ต่ำ ที่มี ผิด ก็มี ถูก

   ที่มี รัก ก็มี หน่าย ที่มีสมหวัง ก็มี ไม่สมหวัง

   ถ้ามองเห็นอย่างนี้ จิต ก็จะเห็นว่า มันเป็นธรรมดา ที่ต้องมีอย่างนี้นั่นเอง

   ควรมิควร แล้ว แต่พระอาจารย์ จะวินิจฉัย คร้า...

     :25: :25: :25:
     st11 st12


หัวข้อ: Re: ช่วงหลัง ๆ มานี้ หลายท่านบ่นว่า พระอาจารย์ เขียนบทความหนัก ๆ ทั้งนั้น ปริศนาเยอะ
เริ่มหัวข้อโดย: kobyamkala ที่ มิถุนายน 15, 2015, 04:32:21 am
 st11 st12 st12


หัวข้อ: Re: ช่วงหลัง ๆ มานี้ หลายท่านบ่นว่า พระอาจารย์ เขียนบทความหนัก ๆ ทั้งนั้น ปริศนาเยอะ
เริ่มหัวข้อโดย: Hero ที่ มิถุนายน 15, 2015, 07:32:22 am
 st11 st12 st12

 ผมคนหนึ่งที่รู้สึก อย่างนั้นเหมือนกัน คือ ช่วงหลัง ๆ เข้ามาแล้วรู้สึกว่าอ่านไม่ค่อยจะเข้าใจ ครับ

  thk56