สาว 16 พร้อมพ่อ-แม่ และทีมทนายชุดใหญ่ เข้าบช.น.มอบตัวคดีชน 9 ศพตกโทลล์เวย์ ตร.แจ้ง 2 ข้อหาขับรถประมาทมี ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ กับขับรถโดยไม่มีใบอนุญาต ก่อนส่งต่อไปสถานพินิจฯสอบอีกรอบและปล่อยตัวไป สาวน้อยเอ่ยปากขอโทษและยืนยันเป็นอุบัติเหตุ ตร.ลุยเช็กบิลเจ้าของรถซีวิคที่ให้เด็กไม่มีใบขับขี่นำไปใช้ สอบพบสาว 16 ไร้ใบขับขี่ไม่ว่าจะเป็นของไทยหรืออเมริกา ญาติผู้เสียชีวิตเดินทางมาร่วมสังเกตการณ์ด้วย มธ.นัดแต่งชุดดำไว้อาลัยอาจารย์และเพื่อน น.ศ.ที่เสียชีวิต 'ปริญญา เทวานฤมิตรกุล' รองอธิการบดีมธ.จัดทีมทนายชุดใหญ่ขอร่วมเป็นโจทก์ฟ้องอาญา-แพ่ง ช่วยเหลือผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทั้งหมด
ความคืบหน้าคดีสาว 16 ขับรถเก๋งซีวิคชน กับรถตู้บนทางยกระดับโทลล์เวย์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 9 ศพ และบาดเจ็บจำนวนมาก เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 5 ม.ค. พ.อ.รัฐชัย เทพหัสดิน ณ อยุธยา พร้อมด้วยนางลัดดาวัลย์ เทพ หัสดิน ณ อยุธยา พ่อแม่ของสาว 16 พร้อมทนายอีก 3 คน พาลูกสาวเดินทางมายังกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพื่อรายงานตัวตามหมายเรียกกับพล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. พนักงานสอบสวน พนักงานอัยการ นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์
โดยสาว 16 สวมเสื้อชุดสีดำ แว่นตาดำ ด้านซ้าย-ขวามีพ่อแม่เดินคล้องแขนเป็นกำลังใจ พ.อ.รัฐชัย และลูกสาวมีสีหน้าเรียบเฉย ส่วนนางลัดดาวัลย์ค่อนข้างเคร่งเครียด เมื่อมาถึงก่อนทางเข้าห้องประชุม บรรดาสื่อมวลชนที่ปักหลักรออยู่ ทั้งโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และวิทยุ ประมาณ 100 คนต่างรุมถ่ายภาพ และพยายามสอบถามแต่ไม่มีคำตอบกลับมา ก่อนที่ทั้งหมดจะเข้าห้องประชุม ซึ่งพนักงานสอบสวนปิดห้องทันที ก่อนจะนำป้าย'พื้นที่หวงห้าม'มาวางไว้ด้านหน้า ห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปภายใน
ระหว่างการสอบปากคำอยู่นั้นมีนายสุ พจน์ จินันทุยา อายุ 65 ปี อาของนายภิญโญ จินันทุยา อายุ 34 ปี อาจารย์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หนึ่งในผู้เสียชีวิตพร้อมนางโทโมะโกะ นันโด ภรรยานายภิญโญเดินทางมายังบช.น. โดยนาย สุพจน์ กล่าวว่า มาสังเกตการทำงานของเจ้าหน้าที่ในเรื่องการสอบปากคำเพื่อให้เกิดความเป็น ธรรม การมาวันนี้ไม่ได้มาเพื่อเรียกร้องขอความธรรมใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งหากครอบครัวของ ผู้ต้องหาต้องการมาพูดคุยหลังสอบปากคำเสร็จ ก็ยังไม่พร้อมพูดคุยใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนสาเหตุที่อาจารย์ภิญโญ ไม่ยอมซื้อรถนั้นเนื่องจากเงินเดือนไม่พอกับรายจ่าย จึงจำเป็นต้องโดยสารรถตู้ไปทำงานอีกทั้งยังเดินทางสะดวกด้วย
ต่อมา เวลา 11.50 น. หลังสอบปากคำเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่พาทั้งหมดออกมา โดยสาว 16 กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า "ขอไปพูดที่สถานพินิจฯ แล้วกันคะ ตอนนี้หนูขอไปก่อน เดี๋ยวไปพูดที่สถานพินิจฯ" เมื่อถามว่ามีอะไรจะพูดขอโทษหรือไม่ สาวซิ่งซีวิค พูดว่า "ขอโทษค่ะ หนูเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันเป็นอุบัติเหตุ" จากนั้นเดินออกไปขึ้นรถด้านหน้า บช.น.
พล.ต.ต. อำนวย กล่าวว่า ผู้ต้องหาให้ความร่วมมือพอสมควร ส่วนรายละเอียดในสำนวนพูดตรงนี้ไม่ได้ หลังสอบปากคำก็พิมพ์มือเรียบ ร้อยก็ตกเป็นผู้ต้องหา จากนั้นนำตัวส่งสถานพินิจฯ เพราะคดีนี้ขึ้นศาลเด็กและเยาวชนกลาง เพราะผู้ต้องหาอายุเพียง 16 ปี 6 เดือนส่วน จะควบคุมตัว หรือปล่อยตัวชั่วคราวก็ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของสถานพินิจฯ เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เกี่ยวข้องเพราะไม่มีการจับกุมเพียงการมารับทราบข้อ กล่าวหา
เมื่อถามว่าแสดงว่าให้การรับสารภาพ พล.ต.ต.อำนวย กล่าวว่า ทางคดีขออนุญาตไม่ลงในรายละเอียด แต่ผู้ต้องหาก็รับทราบข้อกล่าวหาทั้ง 2 ข้อหา คือข้อหาขับรถประมาทเป็นเหตุให้ชนรถผู้อื่นให้ได้รับความเสียหายมีผู้ถึงแก่ ความตายและได้รับบาดเจ็บสาหัส และข้อหา ขับรถโดยไม่มีใบอนุญาตขับขี่ ซึ่งข้อหานี้เป็นข้อหาเล็ก แต่ข้อหาหลักคือ ขับรถประมาท ส่วนเจ้าของรถพนักงานสอบสวนจะนัดหมายมาสอบปากคำโดยนัดหมายเรียบร้อยแล้ว ถามว่ามีข่าวว่าสาววัย 16 ปี มีใบขับขี่สากล พล.ต.ต. อำนวย กล่าวว่า ไม่ได้นำมาแสดง
รอง ผบช.น. ระบุว่า เรื่องการเจรจาค่าเสียหายสอบถามผู้ปกครอง และในชั้นพนักงานสอบสวนแล้วก็มีอำนาจที่จะจัดให้เจรจาค่าเสียหายในทางแพ่ง ไม่ว่าเรื่องการชดใช้ค่าสินไหมทดแทน รวมทั้งการเยียวยาคนเจ็บ ผู้เสียชีวิต และผู้เกี่ยวข้อง ทราบว่ามหาวิทยาลัยธรรม ศาสตร์ ตั้งทีมกฎหมายขึ้นมาเพื่อดูแลในส่วนนี้ด้วย ทางผู้ปกครองของสาววัย 16 ปี ก็ประสงค์ให้ตำรวจนัดเจรจาอีกครั้ง ส่วนจะเจรจากันกี่ครั้งกี่คราวได้หรือไม่ได้เป็นเรื่องอนาคต ถ้าหากตกลงกันได้ด้วยดีอย่างสมานฉันท์ แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ก็เป็นหน้าที่ของทีมงานกฎหมายที่ทางมหาวิทยาลัยธรรม ศาสตร์ ตั้งขึ้นก็ต้องไปฟ้องร้องกันทางแพ่งต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า ให้ความมั่นใจกับครอบครัวผู้เสียหายและผู้เสียชีวิต เพราะกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ พล.ต.ต. อำนวย กล่าวว่า บอกตรงๆ ว่าไม่มีปัญหา ทาง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็ตั้งทีมกฎหมาย ขึ้นมา คดีก็ไม่ได้ลึกลับซับซ้อน มีทั้งวงจรปิด ประจักษ์พยานมีคนเห็นเหตุการณ์ที่ไม่ใช่ทั้งรถตู้ และไม่เกี่ยวกับรถของสาววัย 16 ปี ซึ่งเป็นคนนอกหรือคนกลาง คดีนี้มีความชัดเจนถึงกล้าแจ้งข้อหาสาววัย 16 ปีฝ่ายเดียว ในส่วนของรถตู้ไม่ได้แจ้งข้อหา ส่วนในทางคดีดูหลักฐานแล้วละเอียดรัดกุมโดยตั้งเป็นชุดพนักงานสอบสวนขึ้นมา
พล.ต.ต. อำนวย กล่าวด้วยว่า เตือนอยู่เป็นประจำ เช่น ผู้ปกครองที่ปล่อยลูกให้มาแข่งรถจักรยานยนต์ซิ่งซึ่งเป็นความผิดชัดเจน แต่กรณีนี้ยังห่างเพราะเป็นความผิดโดยประมาท เกณฑ์อายุที่จะสามารถขับรถได้นั้นคือดูวุฒิภาวะ
เวลา 12.15 น. ครอบครัวสาว 16 มาถึงสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกรุงเทพฯ (บ้านเมตตา) เพื่อให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่กรมคุมประพฤติใช้เวลานานเกือบ 5 ชั่วโมงจึงเสร็จสิ้น ก่อนที่นางลัดดาวัลย์ จะกล่าวว่า ลูกสาวรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และหากเป็นไปได้ ก็พร้อมจะเดินทางไปเยี่ยมผู้เสียหายทุกคน อย่างไรก็ตามลูกสาวมีโรคประจำตัวต้องกินยาเป็นประจำ ดังนั้นคงไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ จะให้เรียนต่อในประเทศไทย ส่วนเรื่องใบขับขี่นั้น ยอมรับว่าลูกสาวไม่มีทั้งใบขับขี่ของประเทศไทยหรือใบขับขี่ของต่างประเทศ
ผู้ สื่อข่าวถามว่า ลูกสาวได้ให้ปากคำอย่างไรกับเจ้าหน้าที่กรมพินิจฯ บ้าง นางลัดดาวัลย์ ปฏิเสธที่จะพูดถึงในรายละเอียดพร้อมย้ำว่ารู้สึกเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และชี้แจงถึงกรณีที่ไม่ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบตั้งแต่แรกว่าเป็นเพราะลูก สาวยังรู้สึกช็อกต่อเหตุการณ์ และได้รับบาดเจ็บ ส่วนเรื่องการบวชชีนั้นคงต้องหารือกันอีกครั้ง
นายพิทยา ปักเข็ม ทนายความ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่คุมประพฤติและเจ้าที่สังคมสงเคราะห์ สอบปากคำเยาวชนที่กระทำผิดและผู้ปกครอง ซึ่งในส่วนของเด็กนั้นเบื้องต้นรู้สึกเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สภาพจิตใจไม่รู้ว่าเป็นยังไง แต่สภาพร่างกายดีขึ้นแล้ว หลังจากนี้มีโปร แกรมไปบวชชี แต่ยังไม่กำหนดวัน เวลา และสถานที่ ส่วนเรื่องคดีความเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน โดยวันนี้น้องยังไม่พร้อมพูดกับสื่อมวลชนและสังคม คาดว่าต้องให้เวลาอีกสักระยะ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นการสอบปากคำ สาวซีวิคพร้อมมารดาพยายามหลบเลี่ยงสื่อมวลชน โดยสาวซีวิคถูกพาตัวออกไปขึ้นรถซึ่งจอดคอยอยู่ด้านหน้าสถานพินิจฯ ในขณะที่มารดาเป็นผู้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
นาง ทัศนาวไล ไกรนรา ผอ.สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนกรุงเทพฯ กล่าวว่า หลังจากรวบรวมข้อเท็จจริงเสร็จสิ้นแล้วกรมพินิจฯ จะส่งข้อมูลให้พนักงานสอบสวน โดยจะไม่มีการแนบความเห็นใดๆ เพื่อให้พนักงานสอบสวนส่งเรื่องให้พนักงานอัยการส่งฟ้องศาลเยาวชนและครอบ ครัว ศาลเยาวชนจะส่งสำเนาคำฟ้องกลับมายังสถานพินิจฯ อีกครั้งหนึ่ง จากนั้นสถานพินิจฯ จึงจะเสนอรายงานข้อเท็จจริงในส่วนของสถานพินิจฯ ส่งศาลเพื่อพิจารณาคดีต่อไป
"เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นความเสียหาย ครั้งใหญ่ อีกทั้งผู้เสียหายเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ดังนั้นญาติผู้เสียหายสามารถเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการในการฟ้องคดี หรือสามารถยื่นคำร้องต่อผอ.สถานพินิจฯ เพื่อขอยื่นฟ้องเอง และสามารถเรียกค่าเสียหายทางแพ่งได้ ทั้งนี้ คดีดังกล่าวมีอัตราโทษ 7 ปี แต่ผู้ต้องหาเป็นเยาวชนและได้มอบตัว หลังจากเจ้าหน้าที่กรมพินิจฯ สอบปากคำเสร็จสิ้นแล้วก็จะไม่มีการควบคุมตัว จึงสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ ยกเว้นทางเจ้าหน้าที่ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมก็จะนัดเป็นครั้งไป" ผอ.สถานพินิจฯ กล่าว
ด้านนายธวัชชัย ไทยเขียว อธิบดีกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน กล่าวว่า การเข้า พบพนักงานสอบสวนของเยาวชนหญิงอายุ 16 ปีในวันนี้ เป็นการเข้ามอบตัว ดังนั้นพนักงานสอบสวน และเจ้าหน้าที่สถานพินิจฯ จึงไม่มีอำนาจควบคุมตัว หลังแจ้งข้อหาจะต้องปล่อยตัวกลับไปไม่ต้องมีการพิจารณาเรื่องประกัน โดยเมื่อมาถึงบ้านเมตตาเจ้าหน้าที่จะดำเนินการเหมือนคดีทั่วไป คือ ถ่ายภาพ พิมพ์ลายนิ้ว มือ สืบเสาะและพินิจโดยพนักงานคุมประพฤติ ด้วยการสอบปากคำเบื้องต้นเกี่ยวกับพฤติการณ์การกระทำความผิด นิสัยความประพฤติ สติปัญญา การศึกษาอบรม สภาพแวดล้อม การอบรมสั่งสอน ฐานะความเป็นอยู่ พร้อมทั้งตรวจสุขภาพกายและจิต เพื่อทำความเห็น รายงานต่อศาลเยาวชนและครอบครัวว่าวิธีการที่เหมาะสมกับเยาวชนรายนี้ควรเป็น อย่างไร ภายใน 30 วัน
นายธวัชชัย กล่าวอีกว่า กรณีดังกล่าวเยาวชนยังไม่มีใบอนุญาตขับขี่ฯ ผู้ที่อนุญาตให้เยาวชนรายนี้ใช้รถยนต์ก็ควรรับผิดชอบ ซึ่งพนักงานสอบสวนควรแจ้งข้อกล่าวให้ในฐานะเป็นผู้ให้การสนับสนุน หรือส่งเสริมให้เยาวชนประพฤติตนไปในทางเสียหายหรือกระทำความผิดตามมาตรา 26 (3) ของพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ซึ่งมีโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน หรือปรับไม่เกินสามหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
"คดีนี้ควรเป็น อุทาหรณ์สำหรับเยาวชนทั่ว ไปว่า ก่อนจะทำอะไรต้องคิดถึงผลกระทบให้รอบด้านเสียก่อน เพราะหากเกิดความเสียหายขึ้นมาแล้ว มิใช่เฉพาะกับตนเองและครอบครัวเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อบุคคลและครอบครัวอื่นๆ อย่างประมาณค่ามิได้ และที่สำคัญตัวน้องที่ก้าวพลาดกระทำความผิดในครั้งนี้ จะมีแผลเป็นทางใจติดตัวไปชั่วชีวิต จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องพบนักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์ให้ความช่วยเหลือ ไม่ควรปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องรักษา และในระยะนี้ไม่ควรให้น้องเขาอยู่คนเดียว ในที่นี้รวมไปถึงญาติผู้เสียหายก็ควรมีองค์กรที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูอย่าง ใกล้ชิด" นายธวัชชัยกล่าว
นางนงภรณ์ รุ่งเพชรวงศ์ ผอ.กองสิทธิและเสรีภาพ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กล่าวว่า พร้อมจะให้ความเป็นธรรมเกี่ยวกับการใช้สิทธิของผู้เสียหายในคดีดังกล่าว ทั้งเรื่องการจัดหาทนายความและการจ่ายค่าชดเชยผู้เสียหายในคดีอาญา โดยผู้เสียหายสามารถยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมได้เต็มที่
วันเดียวกัน ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต นักศึกษานัดกันแต่งกายด้วยชุดสีดำเพื่อไว้อาลัย และเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนทางด่วนโทลล์ เวย์ โดยนักศึกษาส่วนใหญ่ทั้งชาย-หญิงสวมเสื้อและชุด สีดำ นอกจากนี้ภายในมหาวิทยาลัยยังติดป้ายแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตจำนวน หลายป้าย รวมถึงป้ายเรียกร้องความเป็นธรรม และความรับผิดชอบจากผู้ที่ทำให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น โดยในวันที่ 10 ม.ค.นี้ ทางมหาวิทยาลัยธรรม ศาสตร์ จะจัดทำบุญใหญ่ให้กับผู้เสียชีวิต ตั้งแต่ช่วงเช้าโดยจะมีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับผู้เสียชีวิต ภายในอาคารโดมบริหาร
นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงการเข้าไปเป็นฝ่ายกฎหมายช่วยเหลือครอบครัว และญาติของผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บว่า เนื่องจากที่ผ่านมาได้ไปร่วมงานศพและเยี่ยมผู้ที่บาดเจ็บจึงได้ทราบว่า ส่วนใหญ่ได้ปรึกษาในเรื่องของคดีความว่าจะเป็นอย่างไรต่อไปและต้องการให้ทา งม.ธรรมศาสตร์ เข้าไปช่วยเหลือทางด้านกฎหมายและคดี ทางม.ธรรมศาสตร์ที่มีศูนย์ช่วยเหลือทางกฎหมายให้กับประชาชนอยู่แล้ว รวมถึงผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ก็เป็นคนของธรรมศาสตร์เอง จึงได้พิจารณาเข้าช่วยเหลือทั้งหมด แม้จะไม่ได้เป็นนักศึกษาของธรรม ศาสตร์ โดยจะดำเนินการทางกฎหมายไปใน 2 ทางคือทั้งแพ่งและอาญา
"ในส่วนของ อาญาในข้อหากระทำโดยประ มาทและการกระทำนั้นเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายนั้น ถ้าหากเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมายแล้วทางฝ่ายกฎหมายของมธ.ก็ไม่จำเป็นจะ ต้องเข้าไปเกี่ยวข้องอะไร และหากคดีไปถึงชั้นศาลแล้ว ทางมธ.ก็จะถามความยินยอมจากญาติของผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ จากนั้นจึงจะเข้าไปเป็นโจทก์ร่วมในคดีเพื่อติดตามความคืบหน้า ส่วนทางแพ่งหากทางผู้ก่อเหตุได้เยียวยาญาติ และผู้เสียหายจนเป็นที่พอใจแล้ว ทางมธ.ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องเข้าไปช่วยแต่อย่างใด แต่หากยังไม่ได้มีการช่วยเหลือ หรือช่วยเหลือไม่เป็นที่พอใจ ทางมธ.ก็จะเข้าไปเป็นโจทย์ร่วมเพื่อเรียกร้องทางแพ่งในคดีอาญา" นายปริญญา กล่าว
รองอธิการบดี มธ. กล่าวต่อว่า ในฐานะของคนมธ.ก็มีความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และที่มีโอกาสไปงานศพและเยี่ยมผู้บาดเจ็บแล้วคิด ว่าความรู้สึกของญาติของผู้ได้รับผลกระทบนั้นคือถ้ามีใครมาทำอะไรก็ควรจะ ต้องรับผิดชอบ สิ่งที่ทำให้เรื่องนี้อยู่ในกระแส หรือความสนใจของคนจำนวนมาก ก็เนื่องจากว่าผู้ที่ทำให้เหตุการณ์เกิดขึ้นนั้นหรือครอบครัวออกมาแสดงความ รับผิดชอบค่อนข้างช้า จึงเกิดความไม่พอใจ สิ่งที่ทางครอบครัวของผู้กระทำควรจะทำในเรื่องของความเป็นธรรมที่ไม่จำเป็น จะต้องจบที่ศาลก็ได้ ถ้าหากแสดงความรับผิดชอบที่เหมาะสม แต่ตอนนี้ยังเห็นตรงนี้น้อยเกินไปสำหรับผู้สูญเสีย ถึงแม้จะไม่ได้ตั้งใจกระทำ แต่ถ้ามีความ รับผิดชอบตรงนี้ก็จะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น
นายปริญญา กล่าวอีกว่า ในความเห็นส่วนตัวนั้นคิดว่าคงไม่มีใครตั้งใจให้เกิดเหตุการณ์ ดังกล่าวขึ้น แม้แต่ผู้ที่ขับรถซีวิคเองก็ตาม แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็เนื่องจากมีผู้สูญเสียมาก โดย มีสาเหตุมาจาก 1.การขับรถโดยประมาท 2.ในส่วนของรถตู้ที่ต้องมีส่วนรับผิดชอบ เนื่องจากที่ผ่านมารถตู้ดัดแปลงต่อเติมส่วนต่างๆ ทั้งที่นั่งที่เกินกว่ารถจะรับได้ ติดถังแก๊สด้านหลัง และเมื่อเกิดอุบัติเหตุก็ทำให้เกิดการสูญเสียอย่างมากมาย การสูญเสียครั้งนี้จึงเป็นโอกาสที่จะต้องมีการจัดระเบียบรถตู้และระบบขนส่ง มวลชนกันใหม่ เพื่อป้องกันการสูญเสียที่จะเกิดขึ้นอีกในอนาคต
"ใน ส่วนของมธ.เองที่ได้มีมาตรการเฉพาะหน้าไปแล้วตั้งแต่หลังวันที่เกิดเหตุคือ 1.ผู้โดยสารจะต้องรัดเข็มขัดนิรภัยทุกคน 2.ต้องไม่ใช้ความเร็วเกิน 100 ก.ม.ต่อชั่วโมง 3.ห้ามให้มีผู้โดยสารเกินกว่าที่นั่งที่กำหนด แต่หลังจากนี้ก็จะต้องมีมาตรการที่นำไปสู่การจัดระเบียบอย่างจริงจัง" รองอธิการบดี มธ. กล่าว
นายธนพล ทายะติ นายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงความเคลื่อน ไหวของนักศึกษามธ.ต่อเรื่องดังกล่าวว่า ทราบข่าวในคืนที่เกิดเหตุ และติดตามข่าวจนทราบว่ามีเพื่อนนักศึกษาเสียชีวิตด้วย หลังจากวันนั้นจึงมีนักศึกษาตั้งกลุ่ม 'accident watch' เพื่อติดตามอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ก่อนกลุ่มนี้จะเข้ามาร่วมกับองค์ การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เพื่อช่วยกันดูแล และรณรงค์การขับขี่เพื่อให้ปลอดภัย ทำป้ายแสดงความเสียใจติดไว้ตามสถานที่ต่างๆรวมถึงเข้าไปให้ข้อมูลในโซเชียล มีเดีย เพื่อกระตุ้นให้เรื่องนี้ไม่หายไปโดยไม่มีความรับผิดชอบใดๆ ส่วนการแต่งกายด้วยชุดดำเป็นแนวคิดของน.ศ. กลุ่มหนึ่งที่ต้องการไว้อาลัย และแสดงสัญลักษณ์เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้เสียชีวิต
ที่มา
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdOREEyTURFMU5BPT0=§ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1TMHdNUzB3Tmc9PQ==