เป็นหัวข้อธรรม ที่นำมาเสนอ ได้ตรง กับเรื่องจริง ๆ เพราะว่า ธรรมส่วนนี้เป็นส่วนที่ มีส่วนที่ต้องระวังในการทำความเข้าใจ อาตมา พบ พระรูปหนึ่ง เป็นพระบวชใหม่ เข้ามาบวชเสร็จแล้ว ก็อาศัยธรรมส่วนนี้แล้วก็ปฏิเสธโลก ทุกวันที่มีกิจวัตร เธอก็จะบอกว่า โลกนี้มีแต่ความไม่มี ผมถึงความไม่ยึดมั่นถือมั่น อะไรแล้ว ไม่มีอะไรที่ผมจะต้องทำอีกแล้วปัจจุบัน พระรูปนี้ก็สึกไปแล้ว ไปอยู่ที่บ้าน ก็จะพูดเรื่องพวกนี้ แล้วเขายบอกว่า เขาเป็นพระอรหันต์ ถึงความไม่ยึดถืออะไร ไม่มีพระ ไม่มีฆราวาส เป็นดั่งอรหันต์จี้กง นอนสูบกัญชา อยู่ที่บ้าน จนพ่อแม่ ส่ายหน้าไม่รู้จะทำอย่างไร
ธรรมส่วนนี้ ถ้าไม่มีพื้นฐาน บารมีธรรม ทำให้บุคคลปฏิเสธโลกได้
ดังนั้นต้องทำความเข้าใจตาม พระสูตร
‘ธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่น’ ภิกษุนั้นย่อมรู้ยิ่งธรรมทั้งปวง
ครั้นรู้ยิ่งธรรมทั้งปวงแล้ว ย่อมกำหนดรู้ธรรมทั้งปวง
ครั้นกำหนดรู้ธรรมทั้งปวงแล้ว เธอได้เสวยเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่งสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม มิใช่ทุกข์มิใช่สุขก็ตาม
เธอพิจารณาเห็นความไม่เที่ยง
พิจารณาเห็น ความคลายกำหนัด
พิจารณาเห็นความดับ
และพิจารณาเห็นความสลัดทิ้งในเวทนาทั้งหลายนั้นอยู่
เมื่อพิจารณาเห็นความไม่เที่ยง
พิจารณาเห็นความคลายกำหนัด
พิจารณาเห็นความดับ
และพิจารณาเห็นความสลัดทิ้งในเวทนาทั้งหลายนั้นอยู่
ย่อมไม่ยึดมั่นอะไร ๆ ในโลก เมื่อไม่ยึดมั่น ย่อมไม่สะดุ้งหวาดหวั่น เมื่อไม่สะดุ้งหวาดหวั่น ย่อมดับกิเลสได้เฉพาะตนและรู้ชัดว่า ‘ชาติสิ้นแล้ว อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ไม่มีกิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้อีกต่อไป พึงศึกษา ให้จบ สาย อย่างนี้ อย่าพึงกล่าวเพียงใด ท่อนหนึ่ง ของพระสูตร แล้วตีความให้ผิดทาง ดังนั้นเป็นการดีที่ท่านทั้งหลาย สาวหาต้นตอของพระสูตร
เป็นสิ่งที่น่าชมเชย เป็นอย่างยิ่ง
เจริญธรรม