สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน => ข้อความที่เริ่มโดย: aom-jai ที่ ตุลาคม 05, 2013, 09:05:52 am



หัวข้อ: ภาวนาอย่างไร ให้ได้ผลไว มากที่สุด คะ
เริ่มหัวข้อโดย: aom-jai ที่ ตุลาคม 05, 2013, 09:05:52 am
คือไป ร่วมปฏิบัติธรรม 3 วัน 7 วัน มาหลายครั้งแต่ มีความรู้สึกในการภาวนา ไม่มีความก้าวหน้า เลยคะ มีแต่ความเข้าใจหลักธรรม เพิ่มแต่ อุปจาระฌาณ อัปปนาฌาน ไม่ได้ เลยคะ

 :c017:


หัวข้อ: Re: ภาวนาอย่างไร ให้ได้ผลไว มากที่สุด คะ
เริ่มหัวข้อโดย: nopporn ที่ ตุลาคม 05, 2013, 10:09:58 am
ทางสายกลาง คะ :58:


หัวข้อ: Re: ภาวนาอย่างไร ให้ได้ผลไว มากที่สุด คะ
เริ่มหัวข้อโดย: Admax ที่ ตุลาคม 06, 2013, 01:36:57 am
#  อย่างแรกที่คุณควรเข้าใจก่อนคือ ฌาณ คือ สมาธิ นั่นเอง
    - เป็นสภาวะที่มีจิตตั้งมั่นชอบเป็นกุศล ส่งต่อให้เกิดยถาภูตญาณทัสสนะ(ความรู้ ความเห็นตามความเป็นจริง) คือเห็นในองค์วิปัสนาตามจริง

1. ตั้งเจตนาไม่ทำร้ายเบียดเบียน ไม่ผูกจองเวร พยาบาท ทางกาย-วาจา-ใจต่อผู้อื่น สัตว์อื่น สิ่งอื่น และ ตนเอง
    * หากคุณทำได้..คุณก็จะมีความไม่ร้อนใจเป็นอานิสงส์

2. เจริญจิตให้เป็นกุศลอยู่เป็นประจำ คือ
    - ระลึกถึงแต่สิ่งที่ดีงามที่ทำำให้จิตใจเราผ่องใส เบิกบาน เป็นสุข ไม่เศร้ามองมัวใจ โดยปราศจากความติดใจเพลิดเพลินปารถนาใคร่ตาม กำหนัดยินดี ที่ได้ทำมาแล้ว หรือ ที่เราควรจะทำในปัจจุบันและภายภาคหน้า
    - ระลึกถึงแต่สิ่งที่ดีงามที่ทำำให้จิตใจเราผ่องใส เบิกบาน เป็นสุข ไม่เศร้ามองมัวใจ โดยปราศจากขุ่นมัวขัดเคืองใจ ที่ได้ทำมาแล้ว หรือ ที่เราควรจะทำในปัจจุบันและภายภาคหน้า
    * หากคุณทำได้ จะส่งผลให้ความคิด-พูด-ทำของคุณก็จะมีแต่กุศล มีความชื่นบานใจเป็นอานิสงส์
3. เจริญกาย วาจา ใจให้เป็นกุศล คงกุศลไว้ และ รักษากุศลไว้ไม่ให้เสื่อมตลอดเวลา
    - เพื่อบ่มจิตให้มีความปารถนาดีต่อผู้อื่นอยากให้ผู้อื่นเป็นสุข
    - เพื่อบ่มจิตให้มีความเอื้อเฟื้อแบ่งปันสิ่งที่ดีงานเป็นประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น
    - เพื่อบ่มจิตให้มีความรู้จักสละให้
    - เพื่อบ่มจิตให้มีความยินดีเมื่อผู้อื่นเป็นสุข
    - เพื่อบ่มจิตให้มีความรู้ว่าควรอดโทษ รู้ว่าควรอดใจไว้ รู้ว่าควรละไว้ รู้ว่าควรปล่อย รู้ว่าควรวาง
    - เพื่อบ่มจิตให้มีความรู้วางใจไว้กลางๆไม่เอาความพอใจยินดี และ ความไม่พอใจยินดีจากการรู้อารมณ์ใดๆมาเป็นที่ตั้งแห่งจิต
    * หากคุณทำได้คุณก็จะมิความอิ่มใจ ปลื้มใจ ก่อให้เกิดความสงบผ่องใส ผ่อนคลาย

#  เจริญทั้ง 3 ข้อนี้เป็นประจำควบคู่ไปกับการปฏิบัติกรรมฐานที่ พระอาจารย์ หรือ ท่านผู้รู้ทั้งหลาย สั่งสอนชี้แนะมาดีแล้วนั้น จิตคุณก็จะตั้งมั่นง่าย แม้นอนก็เป็นสุข แม้ตื่นก็เป็นสุข ไม่มีความร้อนรนใจ ไปที่ใดก็เป็นสุข เข้าสัมมาสมาธิได้ง่าย โดยไม่หลงเข้าไประลึกผิด และ จิตตั้งมั่นผิด



ขอเสริมเล็กน้อยน่ะครับเพื่อจะบอกคนที่อยากมีฌาณ มีญาณมากจนปฏิบัติไม่ได้ มีแต่ความร้อนรุ่มใจแทนความพ้นทุกข์ดังนี้ครับ

    - สมาธิของผู้ปฏิบัติในพระธรรมวินัยของตถาคตนี้ ไม่ได้มีเพื่อคุณวิเศษ ฤทธิ์ เดชใดๆนะครับ หากปารถนาคุณวิเศษ ฤทธิ์ เดชใดๆในพระธรรมวินัยของพระสมณโคดมพุทธเจ้า ตถาคตตรัสว่าไม่มีให้ครับ ต้องไปหาเอาที่อื่นหรือไปเข้าลัทธิอื่น เพราะตถาคตมีแต่ทางพ้นทุกข์ให้ครับ ในพระสูตรก็มีเขียนไว้ในเรื่องนี้ ไม่ใช่ว่าผมพูดลอยๆ

    - ทีนี้ผู้ปฏิบัติที่ไปสำคัญมั่นหมายตามความพอใจยินดี จนปารถนาทะยานอยากใคร่ได้ที่จะเสพย์ในสภาพฌาณใดๆนั้น ก็ควรละเสียนะครับ เพราะมันเป็นตัณหา จนกลายเป็นอุปาทานนั้นเสียแล้ว

    - ที่ว่าอุปาทานนี่ กล่าวว่า
      ๑. เพราะเข้าไปยึดถือมั่นในเวทนาขันธ์ คือ ความรุ้เสยอารมณ์ว่า..ฌาณมันทำให้ตนเป็นสุข ไม่มีฌาณมันก็เป็นทุกข์ จนเกิดเป็นความยึดมั่นถือมั่นในเวทนาขึ้นมา  กลายเป็นตัวเป็นตัวเป็นตนไป
      ๒. เพราะเข้าไปยึดถือมั่นในสัญญาขันธ์ คือ ความจำได้ จำไว้ สำคัญมั่นหมายเอาไว้ในใจว่า..ฌาณมีคุณอย่างนี้ มีฤทธิ์อย่างนี้จนเกิดเป็นความยึดมั่นถือมั่นในสัญญาขึ้นมา กลายเป็นตัวเป็นตัวเป็นตนไป
      ๓. เพราะเข้าไปยึดถือมั่นในสังขารขันธ์ คือ ความปรุงแต่งจิต สิ่งที่เกิดประกอบกับจิต ฌาณจิต ก็คือ สังขารขันธ์ตัวหนึ่งเท่านั้น เมื่อเข้ายึดมั่นถือมั่นเอาว่าพอใจยินดีในสภาวะฌาณว่ามันดี มีค่า เลิศเลอ เพอร์เฟค ไม่มีก็ไม่เหมือนคนอื่น จนเกิดเป็นความยึดมั่นถือมั่นในสังขาร จนเกิดเป็นตัวเป็นตนขึ้นมา แทนที่จะเป็นเพียงสภาพที่ปรุงแต่งจิตที่เอื้อประโยชน์ในการรู้เห็นในวิปัสนาเท่านั้น

    - ดังนั้นขอท่านผู้เริ่มปฏิบัติทั้งหลายพึงอย่าเข้าไปหลง ยิ่งหลงยิ่งห่าง พึงปฏิบัติธรรมโดยตั้งเจตนามั่นว่าเราศึกษาปฏิบัติเพื่อออกจากทุกข์ ไม่ได้ปฏิบัติเพื่อมีฤทธิ์ เดช ใดๆ สิ่งเหล่านี้เมื่อมันจะได้ก็ได้เอง เมื่อมันจะเต็มมันก้เต็มเอง ไปบังคับไม่ได้ เพราะมันไม่เที่ยง ไม่มีตัวตน ไม่่เรา ไม่่ของเรา ยิ่งปารถนาในสิ่งไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่เที่ยง ไม่มีตัวตนมากเท่าไหร่ แทนที่จะเจอทางพ้นทุกข์ ยิ่งกลับทำให้ทุกข์มากเท่ากับแรงปารถนานั้นๆ

    - ขอให้เจริญในธรรมครับ


หัวข้อ: Re: ภาวนาอย่างไร ให้ได้ผลไว มากที่สุด คะ
เริ่มหัวข้อโดย: Admax ที่ ตุลาคม 06, 2013, 01:39:39 am
 st12 thk56


หัวข้อ: Re: ภาวนาอย่างไร ให้ได้ผลไว มากที่สุด คะ
เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ ตุลาคม 06, 2013, 09:38:11 am
คือไป ร่วมปฏิบัติธรรม 3 วัน 7 วัน มาหลายครั้งแต่ มีความรู้สึกในการภาวนา ไม่มีความก้าวหน้า เลยคะ มีแต่ความเข้าใจหลักธรรม เพิ่มแต่ อุปจาระฌาณ อัปปนาฌาน ไม่ได้ เลยคะ

 :c017:

st11 เป็นปกติเช่นนี้สำหรับผู้ภาวนาโดยส่วนมาก เหตุด้วยคาดหวังโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม ผมเองก็ค้างวางถึงก็ชั่งไม่ถึงก็ชั่ง ทานให้แน่น ศีลหละหลวมบ้างเอาข้อเดียวมั่นไว้ ภาระเลี้ยงตัวครอบครัวปลดแต่ปล่อยนั้นยากอัปปนาฌานหมายยิ่งยากใหญ่ จากข้อกระทู้ก็ถือว่ามากแล้วกว่าใครอื่นนะครับเนี่ย

 :13:      :signspamani:          :13:      :signspamani:          :13:      :signspamani:          :13:      :signspamani:          :13:      :signspamani: