สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน => ข้อความที่เริ่มโดย: chatchay ที่ ธันวาคม 04, 2010, 07:21:02 pm



หัวข้อ: เกี่ยวกับนิวรณ์ ถึงแม้เรารู้ว่า นิวรณ์ นั้น ๆ เกิดขึ้นเราควรกำจัดนิวรณ์...
เริ่มหัวข้อโดย: chatchay ที่ ธันวาคม 04, 2010, 07:21:02 pm
เกี่ยวกับนิวรณ์ ถึงแม้เรารู้ว่า นิวรณ์ นั้น ๆ เกิดขึ้นเราควรกำจัดนิวรณ์ ที่เกิดขึ้นที่เรารู้ตัวแล้ว

ด้วยวิธีอย่างไร ถึงจะเป็นแนวทางที่ถูกที่ควร

 :25: :25: :25:


หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับนิวรณ์ ถึงแม้เรารู้ว่า นิวรณ์ นั้น ๆ เกิดขึ้นเราควรกำจัดนิวรณ์...
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ ธันวาคม 05, 2010, 09:22:51 am
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมัยที่ควรเข้าไปพบพระภิกษุที่เจริญทางใจ มี ๖ ประการ ๖ ประการเป็นไฉน ดูก่อนภิกษุ สมัยใดภิกษุในธรรมวินัยนี้
    มีใจถูกราคะกลุ้มรุม มีใจถูกราคะครอบงำอยู่ และเธอย่อมไม่ทราบชัดตามความเป็นจริงซึ่งอุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่งกามราคะที่เกิดขึ้นแล้ว สมัยนั้น ภิกษุนั้น ควรเข้าไปหาภิกษุที่เจริญภาวนาทางใจ และกล่าวอย่างนี้ว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ผมมีใจถูกราคะกลุ้มรุม ถูกกามราคะครอบงำอยู่ และไม่ทราบชัดตามความเป็นจริง ซึ่งอุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่งกามราคะที่เกิดขึ้นแล้ว ดีแล้ว ขอท่านผู้มีอายุจงแสดงธรรมเพื่อละกามราคะแก่ผม ภิกษุผู้เจริญภาวนาทางใจ ย่อมแสดงธรรมเพื่อละกามราคะแก่เธอ ดูก่อนภิกษุ นี่เป็นสมัยที่ควรเข้าพบภิกษุผู้เจริญทางใจ
    อีกประการหนึ่ง สมัยใด ภิกษุมีใจถูกพยาบาทกลุ้มรุม มีใจถูกพยาบาทครอบงำ และเธอไม่ทราบชัดตามความเป็นจริง ซึ่งอุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่งพยาบาทที่เกิดขึ้นแล้ว สมัยนั้นภิกษุนั้นควรเข้าไปหาภิกษุผู้เจริญทางใจ และกล่าวอย่างนี้ว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ผมมีใจถูกพยาบาทกลุ้มรุม ถูกพยาบาทเข้าครอบงำอยู่ และไม่ทราบชัดตามความเป็นจริง ซึ่งอุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่งพยาบาทที่เกิดขึ้นแล้ว ดีแล้ว ขอท่านผู้มีอายุจงแสดงธรรมเพื่อละพยาบาทแก่ผม ภิกษุผู้เจริญทางใจ ย่อมแสดงธรรมเพื่อละพยาบาทแก่เธอ ดูก่อนภิกษุนี่เป็นสมัยที่ ๒ ที่ควรเพื่อเข้าพบภิกษุผู้เจริญภาวนาทางใจ
    อีกประการหนึ่งสมัยใด ภิกษุมีใจถูกถีนมิทธะกลุ้มรุม ถูกถีนมิทธะครอบงำ และเธอย่อมไม่ทราบชัดตามความเป็นจริง ซึ่งอุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่งถีนมิทธะที่เกิดขึ้นแล้ว สมัยนั้นภิกษุนั้นพึงเข้าไปหาภิกษุผู้เจริญภาวนาทางใจ แล้วกล่าวอย่างนี้ว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ผมมีใจอันถีนมิทธะกลุ้มรุม ถูกถีนมิทธะครอบงำอยู่ และไม่ทราบชัดตามความเป็นจริง ซึ่งอุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่งถีนมิทธะที่เกิดขึ้นแล้ว ดีแล้ว ขอท่านผู้มีอายุจงแสดงธรรมเพื่อละถีนมิทธะแก่ผม ภิกษุผู้เจริญเมตตาทางใจย่อมแสดงธรรมเพื่อละถีนมิทธะแก่เธอ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายนี่เป็นสมัยที่ ๓ ที่ควรเพื่อเข้าพบภิกษุที่เจริญภาวนาทางใจ
    อีกประการหนึ่งสมัยใด ภิกษุมีใจถูกอุทธัจจะกุกกุจจะกลุ้มรุม ถูกอุทธัจจะกุกกุจจะครอบงำ และเธอย่อมไม่ทราบชัดตามความเป็นจริงซึ่งอุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่งอุทธัจจะกุกกุจจะที่เกิดขึ้นแล้ว สมัยนั้น ภิกษุนั้นพึงเข้าไปหาภิกษุที่เจริญภาวนาทางใจ และกล่าวอย่างนี้ว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ผมมีใจอันอุทธัจจะกุกกุจจะ กลุ้มรุม ถูกอุทธัจจะกุกกุจจะครอบงำอยู่ และไม่ทราบชัดตามความเป็นจริง ซึ่งอุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่งอุทธัจจะกุกกุจจะที่เกิดขึ้นแล้ว ดีแล้ว ขอท่านผู้มีอายุจงแสดงธรรมเพื่อละอุทธัจจะกุกกุจจะแก่กระผม ผู้เจริญภาวนาทางใจย่อมแสดงธรรมเพื่อละ อุทธัจจะกุกกุจจะแก่เธอ ดูก่อนภิกษุ นี่เป็นสมัยที่ ๔ ที่ควรเข้าพบภิกษุที่เจริญภาวนาทางใจ
    อีกประการหนึ่งสมัยใด ภิกษุมีใจถูกวิจิกิจฉากลุ้มรุม ถูกวิจิกิจฉาครอบงำ และเธอย่อมไม่ทราบชัดตามความเป็นจริงซึ่งอุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่งวิจิกิจฉาที่เกิดขึ้นแล้ว สมัยนั้น ภิกษุนั้นพึงเข้าไปหาภิกษุที่เจริญภาวนาทางใจ และกล่าวอย่างนี้ว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ผมมีใจอันวิจิกิจฉากลุ้มรุม ถูกวิจิกิจฉาครอบงำอยู่ และไม่ทราบชัดตามความเป็นจริง ซึ่งอุบายเป็นเครื่องสลัดออกแห่งวิจิกิจฉาที่เกิดขึ้นแล้ว ดีแล้ว ขอท่านผู้มีอายุจงแสดงธรรมเพื่อละวิจิกิจฉาแก่กระผม ผู้เจริญภาวนาทางใจย่อมแสดงธรรมเพื่อละ วิจิกิจฉาแก่เธอ ดูก่อนภิกษุ นี่เป็นสมัยที่ ๕ ที่ควรเข้าพบภิกษุที่เจริญภาวนาทางใจ
    อีกประการหนึ่ง ภิกษุไม่รู้ ไม่เห็น ซึ่งนิมิตเป็นที่สิ้นอาสวะโดยลำดับ ในเมื่อตนอาศัยกระทำไว้ในใจนั้น สมัยนั้นภิกษุนั้นพึงเข้าไปหาภิกษุที่เจริญภาวนาทางใจ และกล่าวอย่างนี้ว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ผมไม่รู้ไม่เห็น ซึ่งนิมิตเป็นที่สิ้นอาสวะโดยลำดับ ในเมื่อกระผมอาศัยกระทำไว้ในใจนั้น ดีแล้ว ขอท่านผู้มีอายุจงแสดงธรรมเพื่อความสิ้นอาสวะแก่ผม ภิกษุผู้เจริญภาวนาทางใจ ย่อมแสดงธรรมเพื่อความสิ้นอาสวะแก่เธอ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายนี่เป็นสมัยที่ ๖ ที่ควรเพื่อเข้าไปพบภิกษุผู้เจริญภาวนาทางใจ



หัวข้อ: Re: เกี่ยวกับนิวรณ์ ถึงแม้เรารู้ว่า นิวรณ์ นั้น ๆ เกิดขึ้นเราควรกำจัดนิวรณ์...
เริ่มหัวข้อโดย: arlogo ที่ ธันวาคม 05, 2010, 09:29:22 am
สำหรับ พระสูตรบทนี้ พออ่านเสร็จท่านทั้งหลาย ก็จะเข้าใจความสำคัญใน กัลยาณมิตร ทันที

 หากกำลังจิต ของเรายังไม่พอที่จะดับนิวรณ์นั้นได้ ก็ควรเข้าหา กัลยาณมิตร คือ ครูอาจารย์

ผู้ปฏิบัติได้ ให้ช่วยแนะนำ หรือ ช่วยในการภาวนาในเบื้องต้น ( ย้ำว่าเบื้องต้น ) เพราะว่า การฝึก

ภาวนานั้น จะยากในขั้นที่ 1 เท่านั้น พอได้แล้ว ก็สามารถปฏิบัติไปได้ เหมือนทางน้ำที่ไม่มีสิ่งกีดขวาง

น้ำย่อมไหลไปได้สะดวกฉันใด จิตที่ปราศจากนิวรณ์ แล้ว แม้เพียงชัวขณะหนึ่ง ก็ย่อมเปิดดวงตาเห็นธรรม

ได้ฉันนั้น เช่นกัน

เจริญพร