หัวข้อ: 20 สาเหตุที่ควรรู้ของชาวพุทธ... เริ่มหัวข้อโดย: ทินกร ที่ มกราคม 29, 2010, 09:03:05 pm 20 สาเหตุที่ควรรู้ของชาวพุทธ...
1. สาเหตุที่เกิดมาอายุสั้น ๑. : เข่นฆ่าชีวิตสัตว์น้อยใหญ่ไม่เว้น ๒. : เรียกให้ผู้อื่นฆ่าหรือสั่งให้ฆ่า ๓. : ชื่นชมกับฝีมือการล่า/ฆ่าสัตว์ที่ตนไปเห็นมา ๔. : มีความสุขใจเมื่อเห็นคนกำลังล่า/ฆ่าสัตว์ ๕. : หวังว่าคนที่เราเกลียดชังจะตายวันตายพรุ่ง ๖. : เห็นศัตรูคู่อริตายไป เกิดความสุขใจ ๗. : ทำลายรังของสัตว์เดรัจฉาน ๘. : เรียกให้ผู้อื่นทำลายหรือสั่งให้ทำลายรังของสัตว์ ๙. : จัดงานบุญงานบวชแต่เอาชีวิตสัตว์น้อยใหญ่มาสังเวย ๑๐. : เห็นการทารุณสัตว์เป็นเรื่องสนุก (ชนไก่ ชนวัวฯ) ด้วย เหตุแห่งกุศลกรรมทีได้สั่งสมไว้แต่ชาติปางก่อน เมื่อบุคคล มาเกิดในชาตินี้จึงมีอายุสั้น กล่าวคือมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ได้ไม่นาน ต้องมี อันถึงแก่กรรมตั้งแต่วัยเยาว์ วัยรุ่น หรือไม่พ้นวัยกลางคน อย่างไรก็ดี หากได้ชดเชยด้วยการทำความดีสร้างบุญกุศลบ้าง อาจต่อชะตาได้แค่ ช่วงหนึ่งเท่านั้น แต่ก็ไม่เสียเที่ยวได้เกิดมา ที่น่าเป็นห่วงสำหรับคนที่ยัง มัวตะบอยเสเพลเถลไถล ผลกรรมของการปาณาติบาตนั้นแรงมากยาก ผ่อนผัน ชีวิตต้องเผชิยเคราะห็ร้ายเป็นกิจวัตร พึงสำนึกอยู่เสมอว่า ความสุขสบายไม่ได้ช่วยให้อายุยืน จำต้องชดใช้ชีวิตคืนเมื่อถึงเวลา. 2. สาเหตุที่เกิดมาอายุยืน ๑. : เว้นขาดจากการเข่นฆ่าทำร้ายชีวิตสัตว์น้อยใหญ่ ๒. : ตักเตือนผู้อื่นให้ละเว้นการเข่นฆ่า ๓. : กล่าวชมเชยเมื่อเห็นผู้อื่นละเว้นการเข่นฆ่า ๔. : เกิดความสุขใจเมื่อเห็นผู้อื่นละเว้นการเข่นฆ่า ๕. : หาทางช่วยเหลือสัตว์ที่กำลังถูกฆ่า ถูกทรมาน ๖. : ปลอบขวัญให้กำลังใจแก่คนที่กำลังหวาดกลัว ๗. : คิดหาอุบายช่วยคนขวัญอ่อน ๘. : เห็นคนประสบเหตุเภทภัยก็บังเกิดความสงสาร ๙. : เห็นคนกลุ้มอกกลุ้มใจก็คิดหาวิธีช่วยเหลือ ๑๐. : บริจาคข้าวปลาอาหารแก่ผู้อดอยากหิวโหย ด้วย เหตุแห่งกุศลกรรมทีได้สั่งสมไว้แต่ชาติปางก่อน เมื่อบุคคล มาเกิดในชาตินี้จึงมีอายุยืน แต่อย่างไรก็ตามถึงแม้ไม่ได้เข่นฆ่าทำลาย ชีวิตสัตว์ แต่เอาสัตว์มาขังไว้ในกรงเลี้ยงดูอุดมสมบูรณ์ เช่นนี้อนาคต ชาติแม้ว่าได้อายุขัยที่ยืนยาวก็จริงอยู่ แต่ชะรอนชะตาชีวิตนั้นก็ถูกริดรอน ทอนบุญบางอย่างไปตามเหตุที่สร้างไว้ กล่าวคือเป็นคนที่มีอายุยืนแต่ขาด อิสรภาพต้องอยู่เฝ้าบ้านไปจนแก่ เพราะอำนาจแห่งกรรมจำกัดขอบเขต ไว้แล้ว การออกนอกบ้านแต่ละครั้งไม่วายมีเหตุให้ต้องรีบร้อนกลับบ้าน ด้วยความเป็นห่วง ชีวิตเช่นนี้ก็ไม่ต่างจากนกในกรงทองนั่นเอง. 3. สาเหตุที่เกิดมามีโรคมาก ๑. : ชอบทุบตีทรมานสัตว์อย่างโหดร้ายทารุณ ๒. : เรียกใช้ไหว้วานให้ผู้อื่นทำแทน ๓. : กล่าวชมเชยเมื่อเห็นผู้อื่นกระทำทารุณกับสัตว์ ๔. : มีความสุขเมื่อเห็นคนกำลังจับสัตว์มาทรมาน ๕. : สร้างความหนักใจให้พ่อแม่เป็นทุกข์ ๖. : ใส่ร้ายป้ายสีนักบวชผู้ทรงศีล ๗. : ดีใจเมื่อรู้ว่าศัตรูคู่อริล้มป่วยอาการหนัก ๘. : เห็นศัตรูคู่อริอาการดีขึ้นเกิดความไม่พอใจ ๙. : ใช้ยาปลอม จ่ายยาไม่ตรงโรค ไม่รักษาจรรยาแพทย์ ๑๐. : กินตามใจปาก ไม่คำนึงถึงสภาพร่างกาย ด้วย เหตุแห่งกุศลกรรมที่ได้สั่งสมไว้แต่ชาติปางก่อน เมื่อบุคคล มาเกิดในชาตินี้จึงกลายเป็นคนขี้โรค กล่าวคือ มีโรคติดตัวมาตั้งแต่เกิด หรืออาจเป็นเมื่อโตขึ้น บาปกรรมที่ทำไว้คือโรคภัยที่เบียดเบียนความทุกข์ ทรมานเป็นผลมาจากแรงกรรม สามวันดีสี่วันไข้ไม่หยุดหย่อน โรคเรื้อรัง รักษากี่หมอผ่าตัดกี่ครั้งก็ยังไม่หาย วิทยาศาสตร์ตามไม่ทันเพราะโรคล้ำ หน้า เหตุจากจิตใจของมนุษย์ชั่วร้ายขึ้นทุกวัน ลองคิดดูสิว่าการแพทย์ เจริญแต่ทำไมผู้คนขยันเป็นโรคไม่หยุดหย่อน คนยุคใหม่ตายด้วยโรคมาก ที่สุด หากแก้ที่โรคไม่ได้ผลก็ลองหันมาแก้กรรมกันดูบ้าง. 4. สาเหตุที่เกิดมาห่างไกลจากโรคภัย ๑. : เว้นขาดจากการทุบตีหรือทรมานสัตว์ ๒. : ตักเตือนผู้อื่นไม่ให้จับสัตว์มาทุบตีหรือทรมาน ๓. : กล่าวชมเชยเมื่อผู้อื่นล้มเลิกการทารุณสัตว์ ๔. : เกิดความสุขใจเมื่อเห็นสัตว์ปลอดภัยจากถูกทรมาน ๕. : ปรนนิบัติรับใช้พ่อแม่หรือผู้ป่วยด้วยความเต็มใจ ๖. : ช่วยเหลือผู้ประสบเคราะห์ภัยฯ ๗. : เห็นศัตรูคู่อริหายจากโรคภัยก็เกิดความเจริญใจ ๘. : บริจาคยารักษาโรค ๙. : เกิดความสงสารเมื่อเห็นผู้อื่นเป็นทุกข์ทรมาน ๑๐. : บริโภคอาหารโดยคำนึงถึงสภาพร่างกาย ด้วย เหตุแห่งกุศลกรรมที่ได้สั่งสมไว้แต่ชาติปางก่อน เมื่อบุคคล มาเกิดในชาตินี้จึงมีสุขภาพดี กล่าวคือตั้งแต่แรกเกิดจนถึงวัยชราความ ทุกข์ทรมานจากโรคภัยไข้เจ็บไม่มีย่างกรายมารบกวนแม้แต่น้อย เพราะ เหตุที่เคยได้ช่วยเหลือดูแลผู้อื่นไว้ในปางก่อน ชาตินี้จึงได้ร่างกายที่แข็ง แรงเป็นของขวัญ อีกทั้งเงินทองยังมีเหลือเอาไปทำบุญ เพราะการบุญ นั่นแล คือหลักประกันสุขภาพที่ได้ซื้อไว้ตั้งแต่ชาตินี้ ชาติหน้าไม่ต้องเสีย ทรัพย์เป็นเงินหมื่นเงินแสนเป็นค่ายารักษา อย่างนี้ก็มีความสุขไปตลอด ชีวิตดั่งคำพังเพยที่ว่า "ความไม่มีโรคคือลาภอันประเสริฐ" นั่นเอง. 5. สาเหตุที่เกิดมาอัปลักษณ์ ๑. : อารมณ์หงุดหงิด ขุ่นเคือง โมโหง่าย ๒. : ฝังใจอาฆาตพยาบาทเคียดแค้น ๓. : ฉีกหน้า ไม่ไว้หน้า ทำให้คนอื่นขายขี้หน้า ๔. : ไม่ให้เกียรติผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้อาวุโส (หยามหน้า) ๕. : โกหกหลอกลวงต้มตุ๋น (ปั้นหน้า) ๖. : ใส่ร้ายป้ายสี (ทำผู้อื่นเสียหน้า) ๗. : ขัดขวางกีดกันไม่ให้คนทำดี ๘. : ทำลายสาธารณสมบัติ (หน้าตาของสังคม) ๙. : เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน (ตำแหน่งบังหน้า) ๑๐. : เห็นคนหน้าตาอัปลักษณ์ รังเกียจหัวเราเยาะ ด้วย เหตุแห่งอกุศลกรรมที่ได้สั่งสมไว้แต่ซาติปางก่อน เมื่อบุคคล มาเกิดในชาตินี้จึงเป็นคนอัปลักษณ์ กล่าวคือ รูปร่างหน้าตาผิดแผกไป จากคนทั่ว ๆ ไปคือ รูปชั่ว ตัวดำดึก หน้าตาเหยเก ตัวเตี้ย แขนขาสั้น ฯ เหล่านี้เกิดจากใจอัปลักษณ์ เป็นผลกรรมที่มาถึงกาลสุกงอมในชาตินี้ เตือนหญิงชายอย่างหลงไหลรูปลักษณ์แค่ภาพพจน์เพียงภายนอก หากไม่ รู้จักยับยั้งชั่งใจใฝ่ทางชั่วกลั้วทางผิด มีหวังชาติหน้าได้อภิสิทธิ์รูปชั่วตัว อัปลักษณ์ สวยทางตรงคือสั่งสมความดี สวยชาตินี้ไม่กี่ปีก็สร่าง อยาก สวยอนันตกาลพึงบ่มความงามไว้ในจิตใจ. 6. สาเหตุที่เกิดมาหน้าตาดี ๑. : อารมณ์เยือกเย็นสุขุม อดทนอดกลั้น ๒. : มีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เห็นอกเห็นใจ ๓. : กล่าวชมเชยเมื่อเห็นคนทำความดี ๔. : ยกคุณงามความดีให้ผู้อื่น ๕. : สุภาพอ่อนโยนต่อผู้หลักผู้ใหญ่ ผู้อาวุโส ๖. : สมทบทุนหรือจัดหาวัสดุอุปกรณ์ในการตกแต่ง ๗. : ดูแลทำความสะอาดสถานที่ปฏิบัติธรรม ๘. : ตกแต่งประดับประดาสถานที่ปฏิบัติธรรม ๙. : ให้เกียรติคนอัปลักษณ์โดยไม่คิดรังเกียจ ๑๐. : เชื่อว่ารูปร่างหน้าตา คือวาสนามาจากชาติก่อน ด้วย เหตุแห่งอกุศลกรรมที่ได้สั่งสมไว้แต่ซาติปางก่อน เมื่อบุคคล มาเกิดในชาตินี้จึงมีรูปร่างหน้าตาดี กล่าวคือเป็นที่ต้องตาต้องใจของ ผู้คนที่พบเห็น ใครต่อใครก็ชื่นชมในความสวยความงาม กล่าวได้ว่า ไม่เป็นสองรองใคร เข้าตากรรมการทุกเหลี่ยมทุกมุม หากเกิดเป็นชาย ก็หล่อเหลาเอาการ เป็นสตรีก็สวยปานนางฟ้านางงามเป็นดาวดารา เป็น บุญตากับคนได้พบเห็น อย่างไรก็ดีหากสวยแล้วโอหังอีกทั้งยังถือดี สวย อย่างนี้ชื่อว่าสวยแค่กระพี้ประชาชีจะครหา หากสวยทั้งทียังคงไว้ซึ้ง ความดีคือ คุณสมบัติของกุลสตรีศรีเรือนนั่นเอง. 7. สาเหตุที่เกิดมาผู้คนรังเกียจ ๑. : มีใจอิจฉาริษยา ๒. : รู้สึกไม่พอใจไม่ว่าใครได้ดี ๓. : เห็นความฉิบหายล่มจมแล้วสะใจ ๔. : เห็นเขามีชื่อเสียงโด่งดังแล้วด่าว่าสาดเสียเทเสีย ๕. : เห็นเขาชื่อเสียงย่อยยับแล้วเกิดความสนุกสุขใจ ๖. : ทำลายสาธารณะสมบัติส่วนรวม ๗. : เป็นคนเนรคุณ หรือทรยศต่อผู้มีพระคุณ ๘. : ทำลายความสามัคคีให้แตกแยก ๙. : ขัดแย้งไม่ให้ผู้อื่นลงรอยกัน ๑๐. : ทำตัวเป็นอุปสรรค เป็นคนเจ้าปัญหา (ก่อกวน) ด้วย เหตุแห่งอกุศลกรรมที่ได้สั่งสมไว้แต่ชาติปางก่อน เมื่อบุคคล มาเกิดในชาตินี้จึงเป็นที่รังเกียจของผู้คน กล่าวคือเป็นบุคคลที่สังคมไม่ ต้อนรับไม่ยินดีด้วย ถึงแม้เป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งให้มาอยู่ในตำแหน่ง เป็นเจ้าใหญ่นายโต แต่สุดท้ายจะต้องถูกประท้วง ถูกขู่ ถูกทำร้ายจาก คนส่วนใหญ่คือประชาชนหรือลูกจ้างบริวาร สร้างความไม่พอใจจนถูก ขับไล่ไสส่ง บุคคลเมื่อมีบาปติดตัวมาเช่นนี้เข้าไปสู่สังคมใดก็จะนำความ ฉิบหายไปสู่สังคมนั้น กล่าวได้ว่าเป็นตัวเสนียด เป็นอัปมงคล พึงระวัง พฤติกรรมของบุคคลอันนำมาซึ่งความพินาศเช่นนี้แล. 8. สาเหตุที่เกิดมาผู้คนนิยมชมชอบ ๑. : ไม่มีใจอิจฉาริษยา ๒. : รู้สึกเบิกบานใจไม่ว่าใครได้ดี ๓. : เห็นความฉิบหายล่มจมก็แสงความเสียใจ ๔. : เห็นเขามีชื่อเสียงโด่งดังก็พลอยยินดีไปด้วย ๕. : เห็นเขาชื่อเสียงย่อยยับก็คิดหาทางช่วยเหลือ ๖. : บริจาคสิ่งปลูกสร้างเป็นสาธารณะสมบัติมากมาย ๗. : ประกาศคุณงามของผู้มีพระคุณให้ฟุ้งขจร ๘. : ส่งเสริมความสามัคคีให้เกิดขึ้น ๙. : สมานความขัดแย้งที่แตกร้าวให้ลงรอยกัน ๑๐. : คลี่คลายปัญหา เป็นที่ปรึกษาไขข้อข้องใจ ด้วย เหตุแห่งกุศลกรรมที่ได้สั่งสมไว้แต่ชาติปางก่อน เมื่อบุคคล มาเกิดในชาตินี้จึงเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน กล่าวคือเป็นบุคคลที่มหาชนให้ ความเคารพยกย่องอย่างท่วมท้นล้นหลาม พูดได้ว่าเป็นคนของประชาชน เป็นบุคคลแถวหน้าระดับผู้นำประเทศ ผู้นำกองทัพ ผู้นำองค์กรต่าง ๆ อีกทั้งบุคคลซึ่งเป็นขวัญใจของมหาชนที่ให้การต้อนรับอย่างคับคั่งไม่ว่า แฟนเพลง แฟนหนัง แฟนละคร แฟนฟุตบอล เป็นต้น ที่เป็นเช่นนี้เนื่อง จากอำนาจแห่งกรรมดีที่สั่งสมไว้เป็นบารมีแผ่นไพศาลดั่งสนามแม่เหล็กซึ่ง ดึงดูดความนิยมและครองใจมหาชนไว้ตราบนานเท่านาน. 9. สาเหตุที่เกิดมาต่ำต้อย ๑. : ทำตัวเย่อหยิ่งยโส จองหองลำพองตน ๒. : ไม่เคารพบิดามารดา ซ้ำดูถูกเหยียดหยาม ๓. : ไม่เคารพผู้มีพระคุณ ฯ ๔. : ไม่เคารพนักบวช ผู้ทรงศีล ฯ ๕. : ไม่เคารพต่อครูบาอาจารย์ ฯ ๖. : ไม่ให้เกียรติผู้ประพฤติพรหมจรรย์ ๗. : ไม่เต็มใจรับใช้ผู้อาวุโสกว่า ๘. : ไม่มีสัมมาคารวะ ความอ่อนน้อมถ่อมตน ๙. : ปฏิเสธความหวังดีที่พ่อแม่พร่ำเตือนอบรมสั่งสอน ๑๐. : กดขี่ข่มเหงลูกจ้างบริวาร ด้วย เหตุแห่งอกุศลกรรมที่ได้สั่งสมไว้แต่ชาติปางก่อน เมื่อบุคคล มาเกิดในชาตินี้จึงเป็นคนต่ำต้อย กล่าวคือเป็นบุคคลที่ผู้อื่นดูถูกเหยียด หยาม เป็นคนไม่มีเกียรติ ไม่มีศักดิ์ศรีในสายตาของใคร ๆ (ดูไม่ขึ้น) ต้อง ใช้ชีวิตอยู่อย่างต่ำต้อยด้อยค่า ถึงความชั่วไม่มีแต่ความดีที่ปรากฏก็ไม่มี คนเห็น มักถูกมองข้ามเสมอแม้เป็นเจ้าของผลงานหรือถูกผู้อื่นฉวยเอา ประโยชน์ไป หากไม่ถูกกลั่นแกล้งก็ถูกโกงเงินค่าจ้างค่าแรง ถูกใช้แรง งานอย่างกดขี่ ชีวิตต้องเร่ร่อนหากินด้วยการแบมือขอและยกมือไหว้ซึ่ง เป็นกรรมแต่ปางก่อนที่ไม่เคยให้ความเคารพใคร ๆ นั่นเอง. 10. สาเหตุที่เกิดมาสูงศักดิ์ ๑. : ไม่เป็นคนเย่อหยิ่งยโส จองหองลำพองตน ๒. : เคารพบิดามารดา ๓. : เคารพผู้มีพระคุณ ๔. : เคารพผู้ออกบวช ผู้ทรงศีล นักบุญ ๕. : ให้เกียรติผู้บำเพ็ญพรหมจรรย์ ๖. : เคารพครูบาอาจารย์ ๗. : เต็มใจรับใช้ผู้สูงอายุ ๘. : มีสัมมาคารวะ อ่อนน้อมถ่อมตน ๙. : รับฟังคำว่ากล่าวตักเตือน ๑๐. : มีความกรุณาต่อลูกจ้างบริวาร ด้วย เหตุแห่งกุศลกรรมที่ได้สั่งสมไว้แต่ชาติปางก่อน เมื่อบุคคล มาเกิดในชาตินี้จึงสูงศักดิ์ กล่าวคือเป็นบุคคลที่มีเกียรติ มีบารมี มียศ ศักดิ์ เป็นที่นับหน้าถือตาและเคารพยำเกรงของผู้คน ไม่ว่าจะเป็นผู้มี ฐานะหรือชนชั้นธรรมดา กล่าวได้ว่ามหาชนให้ความเคารพยกย่องและ สรรเสริญ บุคคลเหล่านี้มักถูกเชิญไปเป็นเกียรติ เป็นประธาน เป็นผู้ มอบของรางวัลในพิธี รัฐพิธี หรือพระราชพิธีต่าง ๆ อย่างไรก็ดีบุคคล เช่นนี้เมื่อเข้าไปอยู่ร่วมในสังคมใดก็จะเป็นสิริมงคลนำมาซึ่งความรุ่งเรือง รุ่งโรจน์สู่สังคมนั้นนั่นเอง. หัวข้อ: Re: 20 สาเหตุที่ควรรู้ของชาวพุทธ... เริ่มหัวข้อโดย: ทินกร ที่ มกราคม 29, 2010, 09:03:41 pm 11. สาเหตุที่เกิดมายากจนขัดสน
๑. : ตระหนี่ถี่เหนียว ๒. : ปล้นชิงวิ่งราว ลักเล็กขโมยน้อย ๓. : เสี้ยมสอนให้ผู้อื่นเป็นขโมย หรือชี้ช่องทาง ๔. : กล่าวชมเชยเทคนิคในการลักขโมย ๕. : รู้เห็นเป็นใจกับแก๊งมิจฉาชีพ ๑๘ มงกุฏ ๖. : รีดไถพ่อแม่จนอัตคัดฝืดเคือง ๗. : เบียดเบียนจตุปัจจัยของนักบวช ผู้ทรงศีล ๘. : เห็นเขามั่งคั่งร่ำรวยเกิดจิตคิดละโมบ ๙. : ขัดขวางผลประโยชน์ที่ผู้อื่นจะได้รับ ๑๐. : โขกสับคนจนอย่างไม่ปราณี ด้วย เหตุแห่งกุศลกรรมที่ได้สั่งสมไว้แต่ชาติปางก่อน เมื่อบุคคล มาเกิดในชาตินี้จึงยากจน กล่าวคือมีฐานะความเป็นอยู่ค่อนข้างอัตคัด ขัดสนในปัจจัย ๔ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีพเป็นต้นว่าที่พักอาศัย ไม่มีเป็นของตน ต้องขออาศัยหรือเช่าทำมาหากิน บ้างขาดแคลนเสื้อผ้า สวมใส่ต้องทนเหน็บหนาวทุกข์ทรมาน บ้างข้างปลาอาหารไม่พอกินพอใช้ อด ๆ อยาก ๆ หาเช้ากินค่ำหรือต้องขอเขากิน บ้างยามเจ็บไข้ได้ป่วยเงิน ทองไม่เพียงพอค่าเยียวยารักษา ชีวิตมีหนี้สินล้นพ้นตัวเพราะมีเหตุให้เสีย ทรัพย์อยู่เสมอ กล่าวได้ว่าตกอยู่ในสภาพยากจนขัด 12. สาเหตุที่เกิดมามั่งคั่งร่ำรวย ๑. : ใจบุญสุนทาน ชอบเผื่อแผ่แบ่งปัน ๒. : บริจาคทรัพย์สินเงินทองเป็นจำนวนมาก ๓. : ฝึกฝนผู้อื่นให้รู้จักการให้ การอุทิศเสียสละ ๔. : เห็นผู้อื่นทำบุญบริจาคก็บังเกิดจิตอนุโมทนา ๕. : กล่าวชมเชยผู้อุทิศตนบำเพ็ญประโยชน์ ๖. : ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ๗. : พบเห็นคนอดอยากยากจนเกิดความสงสาร ๘. : ปรนนิบัติรับใช้พ่อแม่ไม่ขาดตกบกพร่อง ๙. : ถวายจตุปัจจัยแก่นักบวช ผู้ทรงศีล ๑๐. : เห็นเขาได้รับผลตอบแทนก็พลอยปลาบปลี้มยินดี ด้วย เหตุแห่งกุศลกรรมที่ได้สั่งสมไว้แต่ชาติปางก่อน เมื่อบุคคล มาเกิดในชาตินี้จึงมั่งคั่งร่ำรวย กล่าวคือเป็นบุคคลที่มีฐานะความเป็นอยู่ ค่อนข้างสุขสบาย เป็นเศรษฐี มหาเศรษฐี เป็นเจ้าของมรดกฯ ชีวิตอุดม ด้วยปัจจัย ๔ และเงินทองทรัพย์สมบัติโชคลาภวาสนา กล่าวได้ว่าเกิดมา บนกองเงินกองทอง ไม่ต้องตรากตรำลำบากก็มีกินมีใช้จนชั่วชีวิต แต่ อย่างไรก็ดีหากชาตินี้ไม่สร้างบุญตุนไว้เป็นทุนสำรอง เท่ากับกินบุญเก่า ให้หมดไป เกิดชาติใหม่ไร้คนอุปถัมภ์ต้องถอยหลังไปเริ่มต้นตั้งหลักกว่า จะกรุยทางสร้างตัวขึ้นมาได้ก็ต้องรอจนถึงบั้นปลายชีวิตนั่นเอง. 13. สาเหตุที่เกิดมาโง่เขลาเบาปัญญา ๑. : คบคนพาลเป็นมิตร (โง่เขลา, ชั่วร้าย) ๒. : เอาความรู้ความฉลาดไปใช้ในทางผิด ๓. : ไม่ได้ใช้ความรู้ความฉลากแยกแยะผิดชอบชั่วดี ๔. : เห็นเขามีความรู้การศึกษาเกิดความไม่สบายใจ ๕. : หวงแหนวิชาความรู้ อมภูมิไม่เปิดเผย ๖. : ปิดกั้นโอกาสในการเรียนรู้ (เผาโรงเรียน) ๗. : ยกย่องชมเชยคนทำความผิด ๘. : รังเกียจเหยียดหยามคนโง่เขลาเบาปัญญา ๙. : ความคิดมิจฉา ขัดแข้งกับเหตุผล เชื่อเรื่องงมงาย ๑๐. : ลบหลู่พระธรรมคำสอน ฯ ด้วย เหตุแห่งกุศลกรรมที่ได้สั่งสมไว้แต่ชาติปางก่อน เมื่อบุคคล มาเกิดในชาตินี้จึงโง่เขลาเบาปัญญา กล่าวคือเป็นบุคคลที่มีความคิดอ่าน ที่ตื้นเขิน พัฒนาการด้านสมองค่อนข้างเชื่องช้าเป็นต้นว่า หัวทึบ หัว ขี้เลื่อย สมองฝ่อ ความจำเสื่อม ไอคิวเตี้ย ไอเดียต่ำ ปัญญานิ่มฯ บุคคลเหล่านี้มีพฤติกรรมไม่เหมือนคนปกติ มักสับสนในตนเอง เข้าใจ เรื่องราวต่าง ๆ ได้ยากแม้ว่าเป็นเรื่องง่าย ๆ ของคนทั่วไป ชีวิตจึงหมด โอกาสทางด้านการศึกษา กล่าวได้ว่าเป็นบุคคลที่ตกอยู่ในสภาพเป็นรอง ผู้อื่นทางด้านความคิดไปตลอดชีวิตนั่นเอง. 14. สาเหตุที่เกิดมาฉลาดปราดเปรื่อง ๑. : คบหาสมาคมกับบัณฑิต (ผู้มีปัญญา, นักปราชญ์) ๒. : แบ่งปันความรู้ให้คำปรึกษาเป็นวิทยาทาน ๓. : ส่งเสริมผู้คนให้เห็นความสำคัญของวิชาความรู้ ๔. : ถ่ายทอดวิชาความรู้ด้วยความเต็มใจ ๕. : เปิดโลกการศึกษาให้ชนทุกชั้น ๖. : ยกย่องชมเชยความคิดสร้างสรรค์ ๗. : รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี ๘. : ไม่รังเกียจเหยียดหยามคนโง่เขลาเบาปัญญา ๙. : ความคิดเที่ยงตรง รับฟังเหตุผล ไม่หลงงมงาย ๑๐. : จรรโลงพระธรรมคำสอนฯ ด้วย เหตุแห่งกุศลกรรมที่ได้สั่งสมไว้แต่ชาติปางก่อน เมื่อบุคคล มาเกิดในชาตินี้จึงฉลาดปราดเปรื่อง กล่าวคือเป็นบุคคลที่มีความคิดสติ ปัญญาเฉียบแหลม ไหวพริบปฏิภาณดีเยี่ยม พัฒนาการทางสมองโดด เด่น เรียนรู้ได้ไว มีจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ รู้รอบและรอบรู้ สารพัด บุคคลเหล่านี้จัดอยู่ในกลุ่มผู้บริหาร นักวิเคราะห์ นักวางแผน ครู อาจารย์ ด็อคเตอร์ ศาสตราจารย์หรือนักวิทยาศาสตร์ซึ่งมีบทบาท ด้านวิจัย ด้านความรู้และการศึกษา กล่าวได้ว่าข้อได้เปรียบของบุคคล เหล่านี้คือมีความคิดและสติปัญญาที่เป็นเลิศนั่นเอง.สนชั่วชีวิตนั่นเอง. 15. สาเหตุที่ไปเกิดเป็นสัตว์นรก ๑. : พอใจในการทำลายชีวิตคนหรือสัตว์ให้ตกล่วง ๒. : พอใจในการลักขโมย ทุจริต ฉ้อโกง ยักยอก ๓. : พอใจในการประพฤติผิดหญิงชาย (ทั้งที่เต็มใจหรือข่มขืน) ๔. : พอใจในการพูดโกหกหลอกลวงปลิ้นปล้อน ๕. : พอใจในการพูดจาเหลวไหลไร้สาระ ๖. : พอใจในการวิจารณ์นินทา ส่อเสียด ให้ร้ายป้ายสี ๗. : พอใจในการพูดจาหยาบคาย ด่าประณาม สาปแช่ง ๘. : พอใจในความอยากได้เป็นเจ้าของ (โดยไม่ชอบธรรม) ๙. : พอใจในการปองร้ายหรือวางแผนลอบทำร้ายผู้อื่น ๑๐. : พอใจในความคิดตามแบบฉบับของตน (ไม่สนถูกผิด) 16. สาเหตุที่ไปเกิดเป็นเปรต ๑. : ตระหนี่ถี่เหนียว เห็นแก่ตัว:โลภในทรัพย์สินเงินทอง ๒. : ไม่ยินดีในการบริจาคให้ทาน: เพราะคิดว่าไม่มีผลกำไร ๓. : ทุจริต หลอกลวง ฉ้อราษฎร์บังหลวง ๔. : หาประโยชน์ในทางมิชอบ: ใช้อำนาจบังคับกดขี่ข่มเหง ๕. : ตัดสินบน ใช้ตำแหน่งบังหน้าหากิน ๖. : รีดไถ เก็บส่วน รีดนาทาเร้น ข่มขู่ ๗. : ฉกชิงวิ่งราว เลี้ยงปากท้องด้วยมิจฉาอาชีพ ๘. : ปล่อยเงินกู้เรียกเก็บดอกเบี้ยอย่างขูดเลือดขูดเนื้อ ๙. : ทุบตีพ่อแม่ ใช้วาจาหยาบคาย เป็นคนเนรคุณ ๑๐. : ทำลายเครื่องให้ทานที่มีผู้นำไปถวายพระสงฆ์องค์เจ้าฯ 17. สาเหตุที่ไปเกิดเป็นอสุรกาย ๑. : มีใจอิจฉาริษยาเมื่อเห็นคนอื่นได้ดีกว่า ๒. : หยิ่งยโส อวดดี ทะนงตน ใจมีอคติ ๓. : ดื้อรั้นเอาแต่ใจตนเอง ๔. : มารยาทต่ำทราม หยาบคาย ๕. : แก้ตัว มีแต่ข้ออ้าง ไม่รับผิดชอบ โยนความผิดให้ผู้อื่น ๖. : บันดาลโทสะ โกรธง่าย โมโหร้าน อารมณ์รุนแรง ๗. : ชอบกลั่นแกล้ง ทดสอบ ลองภูมิ เย้ยหยัน ๘. : มีจิตอาฆาตพยาบาลเคียดแค้น ไม่รู้จักให้อภัย รอทวงคืน ๙. : ใจคออำมหิตดุร้าย นิยมการทำลายใช้กำลัง เป็นอันธพาล ๑๐. : มีนิสัยชอบความฉิบหาย ชอบทำสงคราม ยกพวกตีกัน 18. สาเหตุที่ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ๑. : เบียดเบียนชีวิตคนสัตว์ไม่เว้น (เกิดเป็นสัตว์หนีการตามล่า) ๒. : กู้หนี้ยืมสินไม่ชดใช้คืน (เป็นช้างม้าวัวควายใช้แรงงาน) ๓. : มักมายในกามราคะ ไม่รู้พอ (เป็นสัตว์ผสมพันธุ์ไม่เลือกหน้า) ๔. : ปากเป็นอาวุธสร้างวจีกรรมหนำใจ (เป็นสัตว์น้ำใช้ปากหายใจ) ๕. : มัวเมาในรสสุรายาเสพติดฯ (เป็นสัตว์ที่กินของสกปรก) ๖. : ทรยศต่อผู้มีคุณ ประเทศชาติบ้านเมือง ๗. : เชื่อว่าตายแล้วยังได้กลับมาเกิดเป็นคนอีกแม้ว่าทำชั่ว ๘. : เชื่อว่าชีวิตสัตว์ไม่ได้มาจากคน คนตายแล้วก็จบสิ้น ๙. : เช้าใจว่ากฎแห่งกรรมเป็นเรื่องงมงาย ชีวิตหลังความตายไม่มี ๑๐. : เชื่อว่าการเหนือเกิดพ้นตายเป็นเรื่องเกินความจริง 19. สาเหตุที่ไปเกิดเป็นมนุษย์ ๑. : เว้นขาดจากการเบียดเบียนทำลายชีวิตคนสัตว์ ๒. : เว้นขาดจากการขโมยของผู้อื่นเป็นของตน ๓. : เว้นขาดจากการประพฤติผิดหญิงชาย ๔. : เว้นขาดจากการใช้วาจาคำพูดไปสร้างความเสียหาย ๕. : เว้นขาดจากการเสพสุรายาเสพติด ๖. : มีใจเมตตาโอบอ้อมอารี เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ๗. : ทำมาหากินในทางสุจริต ไม่เอารัดเอาเปรียบ ไม่เห็นแก่ตัว ๘. : รู้จักผิดชอบชั่วดี บาปบุญคุณโทษ ๙. : มีมารยาท วาจาสุภาพไม่หยาบคาย มีสัมมาคารวะ ๑๐. : ใช้ความคิดสติปัญญาในทางที่ชอบ 20. สาเหตุที่ไปเกิดเป็นเทพเทวา ๑. : มีใจเกรงกลัวและละอายต่อบาป ๒. : นิยมการทำบุญ บริจาคให้ทานอยู่เสมอ ๓. : มีจิตเมตตาสงสาร ชอบช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยาก ๔. : ประพฤติตนอยู่ในศีล ๕. : ใจเย็น สุขุม รู้จักควบคุมอารมณ์ รู้จักให้อภัย ๖. : มีวินัย เจ้าระเบียบ รักความสะอาดเรียบร้อย ๗. : พูดจาอ่อนหวาน ไพเราะเสนาะหู ๘. : มีความจริงใจ อัธยาศัยที่ดี เป็นมิตรกับทุกคน ๙. : รักษาสัจจะ ไม่ผิดคำพูด รักความยุติธรรม ๑๐. : เป็นผู้เจริญธรรม ชอบศึกษาใฝ่หาธรรม ยึดมั่นในความดี ... ที่มา หนังสือ "รู้ชีวิต กำหนดชีวิต" หัวข้อ: Re: 20 สาเหตุที่ควรรู้ของชาวพุทธ... เริ่มหัวข้อโดย: axe ที่ กุมภาพันธ์ 02, 2010, 11:40:22 am ;D :D ;) :)
เว็บมาส...เตอร์ มีสาระเหมือนกัลล? หยอกเล่น อนุโมทนา ครับ หัวข้อ: Re: 20 สาเหตุที่ควรรู้ของชาวพุทธ... เริ่มหัวข้อโดย: patra ที่ ตุลาคม 19, 2010, 10:22:46 pm แนะนำให้อ่านครับ
:13: |