สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

กรรมฐาน มัชฌิมา => ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน => ข้อความที่เริ่มโดย: ธัมมะวังโส ที่ ตุลาคม 27, 2022, 09:01:22 am



หัวข้อ: ความตั้งใจ กับความเป็นจริง อาจจะไม่เหมือนกันเลย
เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ ตุลาคม 27, 2022, 09:01:22 am
ความตั้งใจ กับความเป็นจริง อาจจะไม่เหมือนกันเลย ถ้าถามว่ามีความฝันอยากเป็นอะไร แต่จะมีสักกี่คนที่จะไปตามความฝันที่อยากเป็นได้ เพราะทุกอย่างมีเหตุปัจจัย สนับสนุนต่างกันไป
เหมือนคำถามที่ครูถามนักเรียน โตขึ้นอยากเป็นอะไร
ส่วนใหญ่ที่ฟัง 60 เปอร์เซ็นต์ที่ตอบครูคือ เป็น หมอ สำหรับ ผญ  ส่วน ผช 60 เปอร์เซ็นต์ เป็นตำรวจ 5 เปอร์เซ็นต์ เป็นทหาร และทั้งหญิงชาย 15 เปอร์เซ็นต์ตอบอยากเป็นครู แต่ไม่มีใครตอบว่า อยากเป็นเหมือนพ่อเหมือนแม่  พอดีที่โรงเรียนที่เรียนอยู่มีแต่ลูกพ่อค้าแม่ค้า ลูกทหารเป็นส่วนใหญ่ ตอนนั้น พอจ ก็ยังตอบไม่ได้เลยว่าจะเป็นอะไรมึน จนครูล้อว่า ด.ช.สนธยา ไม่รู้ว่าจะเป็นอะไร คงเป็นคนส่งหนังสือพิมพ์เหมือนพ่อ ( พ่อทำงานส่งหนังสือพิมพ์ ) แม่ก็เป็นแค่แม่บ้าน พอจบ ม.3 แม่ จบ ป.4 ทั้งครอบครัวยากจน เพราะว่าพ่อแม่ไม่ได้มีความคิดให้ลูกได้ศึกษาสูง พ่อบอกว่าจบ ป6 ก็ไปทำอะไรก็ทำ ส่วนแม่ไม่ได้คิดถึงลูกเลย
ทุกวันนี้ พอจ เห็นน้องสาวจบ ป.โท พยาบาลศาสตร์ ก็ดีใจที่มาได้ไกลกว่าใครในเรื่องความรู้ทางการศึกษา
ส่วนตัว พอจ จบ ป5 ถูกครูมาตามที่่วัดให้ไปสอบจบ ป6 หลังจากนั้นก็ถูกทอดทิ้งจากพ่อแม่ ให้อยู่แต่วัดดังนั้นจบ ป6 ก็บวชสามเณร วิ่งเล่นอยู่ในวัดไม่ได้เรียนหนังสืออะไรเลย 3 ปี อายุ 11  - 14 ปี เป็นวัยที่ไม่ได้เรียนอะไรเลย แม้แต่นักธรรมก็ไม่ได้เรียน กว่าจะมาสำนึกเรื่องเรียนนักธรรมก็ตอน อายุ 15 ไปสอบนักธรรมตรี สอบตกรู้สึกชอบช้ำระกำใจ จึงบอกลาวัดเดิมคือวัดดาวเสด็จเข้าไปอยู่วัดปากเพรียว ก็สอบนักธรรมได้ถึงชั้นโท
ตอนนี้เริ่มวัยรุ่นแล้วอายุ 16 ปีจึงลาสิกขาออกไปช่วยงานพ่อแม่ เหมือนเดิมพ่อแม่ก็ไม่ได้หางานอะไรให้ ไปหาสมัครงานทำก็ตามเพื่อนไป ไปสมัครงานได้เป็นบ่อยโรงแรม 99 หน้า บขส ดูแลรับแขกชั้นที่ 4 ทำอยู่ 2 ปี อายุ 18 ก็เริ่มมีความรัก รักแล้วไม่สมหวังถูกกีดกันจากพ่อแม่ฝ่าย ผญ เอง เพราะว่ายากจนคงไม่เหมาะสมกับ เศรษฐี แต่ ผญ ก็รักกันขอบกันอยู่แล้ว อันนี้ติดพ่อแม่ฝ่ายหญิงไม่เห็นด้วยสุดท้ายเหมือนคนอกหักต้องจากไม่รู้จะไปไหน คนพาไปฟังธรรมที่สวนอิทัปปัจจยตา ไม่เคยได้ฟังธรรมพระมาก่อนพอฟังแล้วรู้สึกสบายใจ เลยศรัทธาขอบวชเป็นสามเณรศึกษาหลักธรรม
ที่สวนอิทัปปัจจยาเป็นสาขาของสวนโมกรู้จักสวนโมกครั้งแรก ตอนไปอยู่ก็ไม่รู้จักพอบวชแล้วจึงรู้จักครูอาจารย์เห็นว่าอายุน้อยจึงให้ติดตามอาจารย์ฝ่ายเผยแผ่ไปเรียนเอาความรู้ทางด้านการเผยแผ่ที่ลำปาง ก็ต้องระเห็นระเหินตามครูอาจารย์ไปอยู่ลำปาง ไปอยู่ที่นั่นท่านก็สอนการเผยแผ่แต่ส่วนตัวไม่ชอบๆ การปฏิบัตินานเข้า ครูอาจารย์ที่นำไปเห็นว่าเอาแต่ปฏิบัต เผยแผ่ไม่เอาท่านก็เลยทิ้งไว้ไม่สนใจต่อไป กลายเป็นอยู่แบบถูกตัดหางปล่อยวัดไม่รู้จะทำอะไร อยู่ที่นั่นก็เลยศึกษาวิชาทางโลกไป ศึกษาอิเลคทรอนิกส์ ศึกษาหลักสูตรสอบเทียบ และ ก็ไปถึงการศึกษา พ.ม. ในยุคนั้น สอบเทียบ ม 3 และ ม ปลาย ศึกษาต่อไปจนถึงหลักสูตร เทคโนโลยีสารสนเทศ สาขาวิทยการคอมพิวเตอร์ ไป ๆ มา ๆ ก็มาเรียนเหมือนกันแต่ไปสายลัด สอบลัดเอา สุดท้ายทุกวันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเรียนไปทำไม แต่นิสัยมันติดตัวเรื่องการค้นคว้าด้วยตนเองมีค่อนข้างมากและก็พยายามอย่างมาก ด้วยการศึกษาด้วยตนเอง
แต่สิ่งที่พยายามอยู่คือเรื่องของภาษาอังกฤษ พยายามฝึกอ่านพูดเขียนด้วยตนเอง หาตำรามาเรียนเองแต่จนกระทั่งวันนี้ก็ยังพูดเขียนไม่ได้อย่างที่ตั้งใจเลย มันก็อ่านได้เป็นบางคำ พูดได้บางประโยชน์ ฟังได้บ้างไม่ได้บ้างสรุปก็คือยังไม่ได้ดั่งใจที่คิดไว้
เล่ามาเล็กน้อยแต่เพื่อต้องการให้หลายท่านทราบว่า สิ่งที่ตั้งใจ ความฝันที่ตั้งไว้ ไม่ใช่ใครต่อใครจะทำได้ดั่งตั้งใจหรือฝันไว้ ดังนั้นจะตั้งใจอะไรฝันอะไร ใครทำได้ก็ดีใจด้วย ใครทำไม่ได้ ก็อย่าได้น้อยใจแต่ให้ภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นคน เป็นมนุษย์ จะยากจน ร่ำรวย ก็อย่าได้ประมาทในการสร้างกุศล ถ้าไม่กุศลผลทานเอาไว้ชาติต่อไปก็จะลำบาก ถ้าสร้างกุศลผลทานเอาไว้ชาติต่อไป ก็ต้องสบายตามผลกรรมที่สร้าง
เป็นมนุษย์เป็นคนมันก็ยังมีโอกาส เป็นเปตร เป็นสัตว์ดิรัจฉาณ เป็นสัตว์นรก มันหมดโอกาศสร้างกุศล
อย่าย่อท้อชีวิตมันลำบากก็ต้องอดทน ต้องสู้สร้างความดีกุศลต่อไป
พูดไม่ค่อยเก่งเรืองให้กำลังใจสู้ชีวิต พูดเก่งแค่เรื่องกรรมฐาน คงพูดได้แค่นี้เรื่องชีวิตต้องสู้ เท่านี้จริง ๆ เอาใจช่วยขอให้ทุกท่านพ้นความลำบาก
เจริญธรรม / เจริญพร