ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - sompong
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6
121  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / เพื่อนคนหนึ่งเล่าว่า "นั่งสมาธิแล้วปวดเข่า" เมื่อ: มีนาคม 02, 2011, 04:51:46 pm
เดิมเราอ่านจากที่ต่างๆและนั่งเองนะครับ
มีปัญหาไม่สามารถนั่งขัดสมาธิ ขวาทับซ้ายได้ หรือแม้แต่ขาไขว้กัน
เพราะ จะหงายหลังตลอด ด้วยรูปร่างทำยังไงก็ไม่ได้ นั่งจะเกร็งเพื่อไม่ให้ล้ม จนขาสั่น เกร็ง ไม่ให้ล้ม ทรมานมาก(เข่าขวาจะยกตลอด ไม่สามารถวางราบได้) แก้โดยการนั่งพิงหลัง
ต่อมาด้วยแรงอึด เราก็พยาบามจนได้ แต่ต้องเป็นซ้ายทับขวา ได้อยู่ 2-3 ครั้ง
ผลปรากฏว่า ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เรามีอาการปวดเข่าซ้ายมาตลอด
เดินขึ้นบันไดก็แปล๊บๆ พับเพียบ คุกเข่า ขัดสมาธิจะเจ็บ(กินยาหายแป๊บเดียวก็เจ็บอีก)
ไปx-ray พบว่า ข้อเข่าแคบ น้ำน้อย น่าจะเป็นอาการเริ่มต้นของเข่าเสื่อม
ตั้งแต่ นั้นมาถ้าเราจะทำสมาธิ เราจะนั่งห้อยเท้าตลอด เพราะเราอายุยังไม่มาก กลัว 50 ก็ต้องผ่าแล้ว และเข้าฟิตเนสเพื่ออกกำลังเพิ่มกล้ามเนื้อขา จนอาการดีขึ้น

จนเราไปปฏิบัติธรรม ครั้งแรก ตอนแรกเรากะจะขอพระอาจารย์เพื่อนั่งเก้าอี้ แต่ก็อยากลองดู
ปัญหา เดิมครับแม้จะไม่ค่อยเจ็บเหมือนเมื่อก่อน แต่ผมไม่สามารถทรงตัวได้ เวลานั่งสมาธิไม่ว่า 1หรือ 2 ชั้น เข่าขวาจะกระดกตลอด ทำให้น้ำหนักจะไปอยู่ตรงก้นด้านหลังจะหงายหลังตลอด ยิ่งถ้าเอามือมาวางแล้วเกือบล้มทันที ต้องแอบยื่นมือไปข้างหน้าถ่วงไว้ แต่ก็นั่งได้ไม่นานก็ยอมแพ้(ไม่ถึง5นาที สั่งเป็นเข้าเข้าเลย เพราะเกร็งขาไม่ให้หงายหลัง)
เคยเห็นหลายคนบอกว่า คนที่ปวดเข่า นั่งสมาธิพอถึงระดับหนึ่งแล่วก็นั่งได้และเข่าก็หายปวด
คิด ว่าผมควรจะเสี่ยงนั่งสมาธิแบบ2ชั้นต่อดีเพื่อร่างกายอาจจะชิน และอาจหายปวดเหมือนประสบการณ์ของบางท่าน(มันเป็นไปได้หรือ) หรือนั่งเก้าอี้ไปเลย เพราะยังไงรูปร่างเราก็อาจไม่สามารนั่งได้อยู่แล้วและก็ปลอดภัยต่อเข่าเรา ด้วย



ทีเขาเล่าไว้อย่างนี้นะครับ สำหรับ กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ มีวิธีแก้ไขอย่างไรบ้างครับ

 :25:
122  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: เมื่อน้องสาว มาถามดิัฉันว่า "พี่เราเกิดเป็นคนไทย ชาติต่อไปก็เป็นคนไทยใช่ไหมคะ" เมื่อ: มีนาคม 02, 2011, 04:38:22 pm
น่าจะส่วนนะครับ ดูเรื่องที่คนระลึกชาติ ได้ส่วนมาก ก็ไม่ไกลเรื่อง ไกลตัวกันเลย ประวัติของพระพุทธเจ้าที่เป็นชาดก ก็ไม่มีกล่าวว่าเป็น พวกกรีก ยิปซี อียิปต์ เลยนะครับ

 ???
123  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / "เวสารัชชญาณ ๔" ความแกล้วกล้าอาจหาญ เมื่อ: มีนาคม 02, 2011, 04:35:10 pm
เรียนรู้ศัพท์พระพุทธศาสนาวันละคำ "เวสารัชชญาณ ๔" ความแกล้วกล้าอาจหาญ

ขอถวายความนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

    เวสารัชชะ หรือ เวสารัชชญาณ ๔ (ความไม่ครั่นคร้าน, ความแกล้วกล้าอาจหาญ, พระญาณอันเป็นเหตุให้ทรงแกล้วกล้า ไม่ครั่นคร้าม - intrepidity; self-confidences)

พระตถาคตเจ้าไม่ทรงมองเห็นว่า ใครก็ตาม จักทักท้วงพระองค์ได้โดยชอบธรรมในฐานะเหล่านี้ คือ (The Perfect One sees no grounds on which anyone can with justice make the following charges;)

๑. สัมมาสัมพุทธปฏิญญา (ท่านปฏิญญาว่าเป็นสัมมาสัมพุทธะ ธรรมเหล่านี้ท่านยังไม่รู้ - You who claim to be fully self-enlightened are not fully enlightened in these things.)

๒. ขีณาสวปฏิญญา (ท่านปฏิญญาว่าเป็นขีณาสพ อาสวะเหล่านี้ของท่านยังไม่สิ้น - You who claim to gave destroyed all taints have not utterly destroyed these taints.)

๓. อันตรายิกธรรมวาทะ (ท่านกล่าวธรรมเหล่าใดว่าเป็นอันตราย ธรรมเหล่านั้น ไม่อาจก่ออันตรายแก่ผู้ส้องเสพได้จริง - Those things which have been declared by you to be harmful have no power to harm him that follows them.

๔. นิยยานิกธรรมเทศนา (ท่านแสดงธรรมเพื่อประโยชน์อย่างใด   ประโยชน์อย่างนั้นไม่เป็นทางนำผู้ทำตามให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบจริง - The Doctrine taught by you for the purpose of utter extinction of suffering does not lead him who acts accordingly to such a goal.)

ด้วย เหตุนี้ พระองค์นี้จึงทรงถึงความเกษม ถึงความไม่มีภัย แกล้วกล้าไม่ครั่นคร้ามอยู่ (Since this is so, he abides in the attainment of security, of fearlessness and intrepidity.)

เวสารัช ชะ ๔ นี้ คู่กับทศพล หรือ ตถาคตพล ๑๐ (เรียกกันทั่วๆ ไปว่า ทศพลญาณ) เป็นธรรมที่ทำให้พระตถาคต ทรงปฏิญญาฐานะแห่งผู้นำ เปล่งสีหนาทในบริษัททั้งหลาย ยังธรรมจักรให้เป็นไป (Endowed with these four kinds of intrepidity, the Perfect One claims the leader's place, roars his lion's roar in assemblies, and sets rolling the Divine Wheel.)

M.I.71; A.II.8.   ม.มู.๑๒/๑๖๗/๑๔๔; องฺ.จตุกฺก.๒๑/๘/๑๐.
http://www.dhammathai.org/bd/04.php

พจนานุกรมฉบับประมวลธรรม  โดย พระธรรมปิฎ
124  เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: ประกาศเรื่องการจัดรายการออกอากาศ เมื่อ: มีนาคม 02, 2011, 04:21:38 pm
ตอนนี้ยังรับฟังได้อยู่ครับ แสดงว่ารายการยังไม่ได้หยุด
ผมว่าศิษย์ใกล้ชิดพระอาจารย์ น่าจะมีทางออกในเรื่องนี้ได้นะครับ
ผมหมายถึง ทีมมัชฌิมา ครับเบื้องต้นแสดงความเห็นให้ไว้อย่างไรบ้างครับ

แต่ถ้าถอยตั้งหลัก ก็ว่ากันใหม่อีกครั้งได้ครับ
ส่วนตัวผมเอง ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้ามาฟังครับ

ชอบอ่านติดตามข่าวสารครับ

 :13:
125  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: ช่วยหน่อยครับ เมื่อ: มีนาคม 02, 2011, 04:12:44 pm
สาูธุ ครับ พระอาจารย์ อธิบายได้เข้าใจง่าย ดีครับ

 :25:
126  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / Re: ลดกังวล คลายเครียด หลับสบาย หายทุกข์ แนวพุทธ โดย นพ.เอกชัย จุละจาริตต์ เมื่อ: มีนาคม 02, 2011, 04:09:56 pm
ผมเห็นไฟล์ใหญ่ ครับ 664 kb ก็ต้องขออภัย หากรบกวน BW ของเว็บด้วยครับ

ไม่ทันอ่านประกาศ คำแนะนำ

 :25:
127  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / ลดกังวล คลายเครียด หลับสบาย หายทุกข์ แนวพุทธ โดย นพ.เอกชัย จุละจาริตต์ เมื่อ: มีนาคม 02, 2011, 04:08:19 pm


ลดกังวล คลายเครียด หลับสบาย หายทุกข์ แนวพุทธ โดย นพ.เอกชัย จุละจาริตต์

หนังสือหาอ่าน แล้วดีครับ
128  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: แนะนำ เที่ยวเชียงราย กันครับ ฤดูหนาวปี 2553 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2010, 03:45:51 pm






ดอยแม่สลอง ห่างจากตัวเมืองเชียงราย 75 กม. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.5 ชั่วโมง เป็นชื่อเรียกรวม ๆ ของชุมชนชาวจีนฮ่อแห่งกองพล 93 ที่ตั้งหลักแหล่งบนดอยแห่งนี้มานานกว่า 40 ปี ปัจจุบันชุมชนชาวจีนบนดอยแม่สลองมีชื่อว่า หมู่บ้านสันติคีรี ตั้งอยู่ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลเฉลี่ย 1,200 ม. อากาศเย็นสบายตลอดปี รายได้หลักมาจากการปลูกชาอู่หลง บ้านสันติคีรีเป็นชุมชนขนาดใหญ่ มีประชากรประมาณ 800 หลังคาเรือน มีทั้งวัด โบสถ์คริสต์ มัสยิด ระบบไฟฟ้า โทรศัพท์ และธนาคารทหารไทย ที่ให้บริการอย่างสมบูรณ์แบบ

ข้อมูลทั่วไป

ดอย แม่สลองเป็นยอดดอยหนึ่งในเทือกเขาแดนลาว อยู่ในเขต อ.แม่ฟ้าหลวง มีความสูงประมาณ 1,200 เมตร จากระดับน้ำทะเล บนยอดดอยแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวให้ชมหลายแห่งด้วยกัน เช่น พระบรมเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี ตั้งอยู่เหนือหมู่บ้านไปตามถนนลาดยางประมาณ 4 กม. จะพบพระบรมธาตุสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2539 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จย่า ลักษณะเป็นสถาปัตยกรรม ทรงล้านนาประยุกต์บนฐานสี่เหลี่ยมลดชั้น สูง 20 เมตร ฐานกว้างด้านละ 15 เมตร คุณสามารถชมวิวหมู่บ้านสันติคีรีได้อย่างสวยงามด้วยความสูงกว่า 1500 เมตร จากระดับน้ำทะเล บริเวณนี้จึงเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามที่สุดของดอยแม่สลอง


ประวัติ

ดอย แม่สลองเป็นชุมชนของอดีตทหารจีนกองพล 93 สังกัดพรรคก๊กมินตั๋งของนายพลเจียงไคเช็ค ทำการรบอยู่ทางตอนใต้ของจีนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่อมาเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในจีน เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์นำโดยเหมาเจ๋อตุง ยึดอำนาจสำเร็จ พรรคก๊กมินตั๋งจึงถอยร่นไปปักหลักที่เกาะไต้หวัน กองพล 93 กลายเป็นกองกำลังพลัดถิ่น ถูกกดดันอย่างหนักจนถอยร่นเข้ามาในเขตพม่า แต่ถูกฝ่ายพม่าผลักดัน เกิดการปะทะกันหลายครั้งจนต้องถอยร่นมาจนถึงเทือกดอยตุงชายแดนไทย

ฝ่าย พม่าได้ร้องเรียนไปยังสหประชาชาติเมื่อปี พ.ศ. 2496 และมีมติให้อพยพกองกำลังพลัดถิ่นไปยังประเทศไต้หวัน แต่ทหารสังกัดนายพลหลี่เหวินฝาน และนายพลต้วนซีเหวินราว 3 หมื่นคน ทำเรื่องขอลี้ภัยในประเทศไทย เนื่องจากไม่แน่ใจในอนาคต เพราะไต้หวันเป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ รัฐบาลไทยอนุญาตโดยจัดสรรให้ทหารของนายพลหลี่เหวินฝานไปอยู่ที่ถ้ำง้อบ อ. ฝาง จ. เชียงใหม่ ส่วนทหารสังกัดนายพลต้วนซีเหวิน 15,000 คน อยู่บนดอยแม่สลอง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2504 เพื่อใช้เป็นกันชนกับชนกลุ่มน้อย ทำให้ดอยแม่สลองในยุคแรกเป็นดินแดนลี้ลับต้องห้าม มีปัญหายาเสพติดและกองกำลังติดอาวุธมาตลอด ทางการไทยได้พยายามแก้ปัญหา โอนกองกำลังเหล่านี้มาอยู่ในความดูแลของกองบัญชาการทหารสูงสุด

ดอย แม่สลอง มีแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ได้แก่ อนุสรณ์สถานชาวไทยเชื้อสายจีนอดีตทหารจีนคณะชาติ จัดแสดงประวัติศาสตร์ความเป็นมาต่าง ๆ เปิดทุกวันเวลา 08.00-17.00 น. ค่าเข้าชมคนไทย 30 บาท ต่างชาติ 50 บาท และในราวต้นเดือนมกราคม ดอกซากุระจะบานสะพรั่ง ชิมชารสดีและอาหารจีนยูนนาน

แหล่งท่องเที่ยว ณ  ดอยแม่สลอง


พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี

                 ตั้งอยู่บนยอดดอยสูงสุดของแม่สลอง ห่างจากหมู่บ้านประมาณ 4 กม. พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี ตั้งอยู่บนยอดสูงสุดที่ระดับความสูง 1,500 ม. เหนือหมู่บ้านสันติคีรี ห่างจากหมู่บ้าน 4 กม. มีถนนลาดยางตัดขึ้นไปยังพระบรมธาตุฯ แต่ถนนสูงชัน คดเคี้ยวมาก พระบรมธาตุฯ สร้างแล้วเสร็จเมื่อราวปี พ.ศ. 2539 เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จย่า เป็นเจดีย์แบบล้านนาประยุกต์ บนฐานสี่เหลี่ยมลดชั้น สูงประมาณ 30 ม. ฐานกว้างด้านละประมาณ 15 ม. ประดับกระเบื้องสีเทา มีซุ้มจระนำด้านละสามซุ้ม เรือนธาตุประดับพระพุทธรูปยืนสี่ทิศ องค์ระฆังประดับแผ่นทอง แกะสลักลวดลาย ใกล้กับองค์เจดีย์เป็นวิหารแบบล้านนาประยุกต์ที่ตั้งของพระบรมธาตุฯ เป็นจุดสูงสุดของเทือกดอยแม่สลอง จึงชมทิวทัศน์ได้กว้างไกล โดยเฉพาะในยามเย็น ขณะเดียวกันองค์พระธาตุยังเด่นเป็นสง่า มองเห็นแต่ไกล เป็นสัญลักษณ์อีกอย่าง ของดอยแม่สลอง

สุสานนายลต้วน  ซี  เหวิน

ผู้ นำทหารจีนฮ่อแห่งกองพันที่ 5 กองพล 93 เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเยี่ยมเยียน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวไทยเชื้อสายจีนนิยมขึ้นไปเคารพศพนายพลด้วน ตัวสุสานสร้างด้วยหินอ่อนทั้งหมด แท่นหินอ่อนบรรจุร่างนายพลต้วนซีเหวิน อยู่ภายในศาลาเก๋งจีนขนาดใหญ่ สีขาว พื้นปูหินอ่อน ด้านหลังแท่นบรรจุศพ มีภาพถ่ายเก่าแก่เกี่ยวกับประวัติและผลงาน ด้านหน้าเป็นลาดเนิน มีตัวอักษร "ต้วน" ภาษาจีน สีทองบนพื้นสีฟ้า สุสานนายพลต้วน ตั้งอยู่บนเนินเหนือหมู่บ้าน ระดับความสูงประมาณ 1,300 ม .แยกขึ้นไปทางด้านข้างคุ้มนายพลรีสอร์ต ประมาณ 1 กม. สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2523 บริเวณที่ตั้งสุสานยังเป็นจุดชมทิวทัศน์ของดอยแม่สลองได้อย่างกว้างไกล สามารถมองเห็นบ้านสันติคีรีในหุบต่ำลงไปเบื้องล่าง เป็นจุดชมทิวทัศน์ของหมู่บ้านที่ดีจุดหนึ่ง ด้านหน้ามีร้านชาสองร้าน ซึ่งจะเชิญชวนให้ผู้มาเยือนได้ทดลองชิมชา

อนุสรณ์สถานวีรชนอดีตทหารจีนคณะชาติ                                                             

ตั้ง อยู่ที่ บ้านสันติคีรี ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง   จ.เชียงราย   สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์ระลึกถึงประวัติศาสตร์ว่า ที่บ้านสันติคีรีเป็นหมู่บ้านของอดีตทหารจีนคณะชาติ (ทจช.ก๊กมินตั๋ง) กองพล 93 ได้ช่วยราชการไทยต่อสู้และปราบปรามคอมมิวนิสต์ในพื้นที่ดอยหลวง ดอยขาว และดอยผาหม่น จ.เชียงราย พ.ศ.2514-2528 และพื้นที่เขาย่า จ.เพชรบูรณ์ ในปี 2524 จากการสู้รบดังกล่าวอดีตทหารจีนคณะชาติได้เสียชีวิตและบาดเจ็บทุพพลภาพเป็น จำนวนมากรัฐบาลไทยจึงกำหนดสถานะให้อดีตทหารจีนและคณะชาติเหล่านั้น เป็นผู้ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศไทย และให้แปลงสัญชาติเป็นไทยได้ ซึ่งทำให้อดีตทหารจีนคณะชาติเหล่านี้ สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯเป็นอย่างมาก อนุสรณ์สถานดังกล่าวออกแบก่อสร้างและตกแต่งอย่างสวยงามด้วยสถาปัตยกรรมจีน ข้างในเป็นที่รวบรวมข้อมูล ประวัติความเป็นมาของชุมชนแม่สลอง ประวัติของคณะทหารจีนคณะชาติ ความเหนื่อยยาก การตั้งรกรากอยู่ในประเทศไทย และมีห้องสมุดที่เก็บรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องไว้เป็นหลักฐานอ้างอิง มีการจัดแสดงภาพถ่ายประวัติศาสตร์ความเป็นมา รูปภาพ และสิ่งสำคัญต่างๆ บนดอยแม่สลองที่ได้เกิดขึ้นในอดีต โดยนักท่องเที่ยวที่เข้าชมได้ทุกวัน ระหว่างเวลา 08.00-17.00 น. เสียค่าบำรุงอนุสรณ์สถาน ฯ คนไทย 30 บาท คนต่างชาติ 50 บาท โทร. 053-765114


เที่ยว ไร่ชา                 

ตั้ง อยู่ที่หมู่ 1 ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย บ้านสันติคีรีเป็นอีกหมู่บ้านหนึ่งที่มีการผลิตชากันมาก และได้รับการพัฒนาให้เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวสวนชา OTOP ผลิตภัณฑ์ชาที่จำหน่ายก็ได้ผ่านการคัดสรรให้เป็นสินค้าสุดยอดหนึ่งตำบลหนึ่ง ผลิตภัณฑ์ชาที่ถูกใจนำไปฝากคนใกล้ ชิดได้เช่นกัน บ้านสันติคีรีนี้มีกลุ่มผลิตชาหลายกลุ่มได้แก่ กลุ่มชาวังพุดตาล บริษัทใบชาโชคจำเริญ จำกัด และกลุ่มสวนชาดอยตุง ซึ่งอยู่ที่ ต.แม่ฟ้าหลวง อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย

ขี่ม้าชมธรรมชาติ

บริการ ขี่ม้าชมไร่ชา ผ่านหมู่บ้านชาวเขา คุณจะได้สัมผัสกับวิถีชีวิต และวัฒนธรรมของแต่ละชนเผ่าอย่างใกล้ชิด และยังมีโปรแกรมท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจอีกมายมาย


แหล่งซื้อของฝาก

สินค้า ประเภทพืชไร่เมืองหนาว ชา กาแฟ ลูกท้อ ลูกบ๊วย ไวน์ เครื่องยาและเครื่องปรุงอาหารต่าง ๆ จากเมืองจีน รวมถึงเครื่องประดับจากชาวเขาเผ่าต่าง ๆ เป็นอีกครั้งหนึ่งที่นักท่องเที่ยวสามารถซื้อหาติดไม้ติดมือกลับบ้านไปได้ ราคาสินค้าจัดว่าไม่แพงนักเมื่อเทียบกับคุณภาพสำหรับสินค้าที่ขึ้นชื่ออย่าง ยิ่งของดอยแม่สลอง ได้แก่ใบชาพันธุ์ต่าง ๆ มีร้านขายใบชาเปิดให้  นักท่องเที่ยวได้เข้าไปชิมอยู่หลายร้าน ร้านชิมชาเหล่านี้ส่วนมากไม่ไร่ชาและโรงอบชาเป็นของตนเอง


การเดินทาง ขึ้นดอยแม่สลองมี 2 ทาง

เส้น ทางที่ 1 จากตัวเมืองเชียงรายไปตามทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านอำเภอแม่จันเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1089 ( แม่จัน ? ท่าตอน ) กิโลเมตรที่ 856 ผ่านน้ำพุร้อนป่าตึง บ้านห้วยหินฝน ถึงสามแยกกิ่วสะไต กิโลเมตรที่ 55 เลี้ยวขวาขึ้นดอยแม่สลองประมาณ 15 กิโลเมตร
เส้นทางที่ 2  ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านอำเภอแม่จัน ไปยังอำเภอแม่สายถึงกิโลเมตรที่ 10 สามแยกศูนย์พัฒนาและสงเคราะห์ชาวเขา เลี้ยวขวาสู่ทางหลวง 1338 ไปพระตำหนักดอยตุง เลี้ยวซ้ายไปทางหลวง 1234 ผ่านบ้านอีก้อ ถึงสามแยกกิโลเมตรที่ 9 เลี้ยวซ้าย ขึ้นดอยอีก 16 กิโลเมตร


สภาพภูมิอากาศ   

ดอยแม่สลองมีสภาพอากาศที่เย็นสบายตลอดทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ย อยู่ระหว่าง 15 -20 องศาเซลเซียส
ช่วงอากาศหนาวจัด อยู่ในระหว่างเดือน ธันวาคม - มกราคม อุณหภูมิจะลดลง อยู่ระหว่าง 4 - 6 องศาเซลเซียส ในเวลากลางคืน
ช่วงอากาศร้อนสุด อยู่ในระหว่างเดือน เมษายน อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 25-32 องศาเซลเซียส โดยประมาณในเวลากลางวัน
อากาศ ที่เย็นสบายไม่ร้อนจัดหรือหนาวจัด อยู่ในระหว่างเดือน มิถุนายน - พฤศจิกายน อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 15 - 20 องศาเซลเซียส โดยประมาณ

ฤดูการท่องเที่ยว   ทุกฤดูกาล ช่วงฤดูหนาว ประมาณเดือน พฤศจิกายน ? มกราคม สวยงามที่สุด

เทศกาล และกิจกรรม ดอยแม่สลองมี เทศกาลที่น่าสนใจมากมาย
- เทศกาลดอกซากุระบาน อยู่ในระหว่างเดือน  มกราคม-กุมภาพันธ์
- เทศกาลปีใหม่ชนเผ่า  อยู่ในช่วงทุกๆ สิ้นปี
- เทศกาลตรุษจีน  อยู่ในช่วงเดือน กุมภาพันธ์
- เทศชมงานมหัศจรรย์ชา ซากุระบาน อาหารชนเผ่า ดอยแม่สลอง


       งานมหัศจรรย์ชาดอยแม่สลอง จัดขึ้นช่วงเดือน ธันวาคม จนถึงเดือน มกราคม ณ บริเวณอนุสรณ์สถานวีรชนอดีตทหารจีนคณะชาติ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว อำเภอแม่ฟ้าหลวงร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลแม่สลองนอก กำหนดจัด "งานมหัศจรรย์ชา ซากุระบาน อาหารชนเผ่า ดอยแม่สลอง" ประจำปีขึ้น ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม-4 มกราคม ของทุกปี ณ บริเวณอนุสรณ์สถานวีรชนอดีตทหารจีนคณะชาติ บ้านสันติคีรี(ดอยแม่สลอง) ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย มีการจัดนิทรรศการ จำหน่ายใบชารสดี การแสดงวัฒนธรรมชนเผ่า ประกวดอาหารชนเผ่าและอาหารที่ประกอบจากใบชา ประกวดเทพธิดาใบชา ประกวดร้องเพลงลูกทุ่ง การแสดงแสงสีเสียง(การแสดงเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของชนเผ่า) บนดอยแม่สลอง 6 ยุคสมัย นอกจากนี้ในคืนวันที่ 31 ธันวาคม ส่งท้ายปีเก่า จะมีการจุดพลุ ปล่อยโคมลอย และเช้าวันที่ 1 มกราคม จะมีการทำบุญตักบาตรใบชาพระสงฆ์ มีขันโตก 9 มงคล

สถานที่พักกางเต็นท์ 6 แห่ง

1. จุดชมวิว เจ้าของกิจการ คุณสุรพล สายเพชรก่อสกุล
เลขที่ 70/1 หมู่ที่ 6 ตำบลแม่สลองนอก อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย 57110
โทรศัพท์ 053-710-024
กางเต็นท์ได้จำนวน 30 หลัง ราคาหลังละ 100 บาท / หลัง / วัน
 
2. โรงเรียนบ้านสันติคีรี โทรศัพท์ 053-765-250
3. โรงเรียนบ้านสันติคีรีวิทยาคม โทรศัพท์ 053-765-248-9
4. โรงเรียนบ้านใหม่สันติ โทรศัพท์ 053-765-051
5. บ้านอังหล่อ เจ้าของกิจการ คุณอาเชียน โทรศัพท์ 053-765-415
6. องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สลองนอก โทรศัพท์ 053-765-129

ข้อมูลเพิ่มเติม องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สลองนอก โทร.053-765129
 
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม องค์การบริหารส่วนตำบลแม่สลองนอก ต.แม่สลองนอก อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย
โทร / แฟ็กซ์ 053-765129
โฮมเพจ / เว็บไซต์ : ไม่ระบุ
แหล่งข้อมูล เชียงรายโฟกัส ดอทคอม/ www.chiangraifocus.com
129  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: แนะนำ เที่ยวเชียงราย กันครับ ฤดูหนาวปี 2553 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2010, 03:43:27 pm


สามเหลี่ยมทองคำ อยู่ห่างจากอำเภอแม่สาย 28 กิโลเมตร ตามทางหลวงหมายเลข 1290 เป็นบริเวณที่แม่น้ำโขงและแม่น้ำรวกมาบรรจบกัน หรือที่เรียกว่า สบรวก เป็นพรมแดนระหว่างประเทศไทย ลาว พม่า บริเวณนี้เคยมีการค้าฝิ่น โดยแลกเปลี่ยนกับทองคำ
ทิวทัศน์ของแม่น้ำโขงบริเวณนี้มีความงดงามโดยเฉพาะยามเช้าที่ดวงอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางสายหมอกด้านฝั่งพม่า และลาว นักท่องเที่ยวนิยมนั่งเรือเที่ยวชมทิวทัศน์จุดบรรจบของพรมแดนไทย ลาว และพม่า ค่าเช่าเรือประมาณ 300–400 บาท นั่งได้ 6 คน
ถ้าต้องการนั่งชมทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำโขงไปไกลถึงเชียงแสนและเชียงของ ก็สามารถหาเช่าเรือได้ แต่ค่าเรือขึ้นอยู่กับระยะทางใกล้ไกล นักท่องเที่ยวที่สนใจล่องแม่น้ำโขงไปเที่ยวทางตอนใต้ของประเทศจีน เช่น สิบสองปันนา คุนหมิง สามารถติดต่อกับบริษัทนำเที่ยวในจังหวัดเชียงรายได้
หากต้องการจะชมทิวทัศน์มุมกว้างของสามเหลี่ยมทองคำบริเวณสบรวกและเพื่อนบ้าน ต้องขึ้นไปบนดอยเชียงเมี่ยง ที่อยู่ริมแม่น้ำโขง

ที่มา:http://www.ezytrip.com/travel/images/10000/00700/000648.htm




130  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: แนะนำ เที่ยวเชียงราย กันครับ ฤดูหนาวปี 2553 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2010, 03:39:55 pm

แผนที่เส้นทาง ไหว้พระธาตุึ 9 แห่งของ จังหวัดเชียงรายครับ
131  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: แนะนำ เที่ยวเชียงราย กันครับ ฤดูหนาวปี 2553 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2010, 03:37:28 pm
พระธาตุจอมกิตติ
ที่ตั้ง วัดพระธาตุจอมกิตติ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย โทร. o- ๕๓๖๕- o๕๓๔ มีพระครูวิกรมสมาธิคุณเป็นเจ้าอาวาส


ประวัติพระธาตุ ตามตำนานกล่าวว่า กษัตริย์แห่งราชวงค์โยนกองค์ที่ ๒๔ คือ พระเจ้าพังคราช พร้อมด้วยโอรส คือ พระเจ้าพรมมหาราช ได้รับพระบรมสารีริกธาตุจากพระเถระเจ้าชาวโกศล เมืองสุธรรมาวดี นามว่า พระพุทธโฆษาจารย์ รวม ๑๖ องค์ พระเจ้าพังคราชจึงทรงโปรดแบ่งพระบรมสารีริกธาตุออกเป็นขนาดใหญ่ ๑ องค์ ขนาดกลาง ๒ องค์ ขนาดเล็กอีก ๒ องค์ ประธานแก่พระยาเรือนแก้ว เจ้าเมืองไชยนาราย์ ซึ่งพระยาเรือนแก้วได้สร้างเจดีย์ประดิษฐานไว้ ณ. ดอยจอมทองที่เหลืออีก ๑๑ องค์ ทรงโปรดให้นำพระโกศแก้ว พระโกศเงิน มารองรับพระบรมธาตุ พระราชทานให้พระเจ้าพรหมมหาราชนำไปประดิษฐานไว้ที่ดอยน้อย หรือดอยจอมกิตติที่พระเจ้าสิงหนวัตนิ ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงค์โยนกได้เคยบรรจุพระบรมสารีริธาตุ

อ่านต่อ
http://www.tourismchiangrai.com/cr/9jom/jom-kitti.php
132  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: แนะนำ เที่ยวเชียงราย กันครับ ฤดูหนาวปี 2553 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2010, 03:35:34 pm
วัดพระธาตุผาเงา บ้านสบคำ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย




วัดพระธาตุผาเงา ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำโขงทางด้านทิศตะวันตก ตรงกันข้ามกับประเทศลาว ในหมู่บ้านสบคำ ตำบลเวียง อำเภอเชียงแสน ทางทิศใต้ของตัวอำเภอเชียงแสนประมาณ 3 กม.ห่างจากสามเหลี่ยมทองคำประมาณ 15 กม.

มี พื้นที่ทั้งหมด 743 ไร่ พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเนินเขาเล็กๆ ทอดยาวลงมาตั้งแต่บ้านจำปี ผ่านบ้านดอยจันและ มาสิ้นสุดที่บ้านสบคำ แต่ก่อนเขาเรียกดอยลูกนี้ว่า “ดอยคำ”  แต่มาภายหลังชาวบ้านเรียกว่า “ดอยจัน”  ชื่อของวัดนี้มาจากชื่อของพระธาตุผาเงาที่ตั้งอยู่บนยอดหินก้อนใหญ่ คำว่าผาเงาก็คือ เงาของก้อนผา (ก้อนหิน) หินก้อนนี้มีลักษณะสูงใหญ่คล้ายรูปทรงเจดีย์และทำให้ร่มเงาได้ดีมาก ชาวบ้านจึงตั้งชื่อว่า “พระธาตุผาเงา”

ความจริงก่อนที่จะย้ายวัดมาที่นี่ เดิมมีชื่อว่า “วัดสบคำ”  ซึ่งตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำโขง ฝั่งน้ำได้พังทลายลง ทำให้บริเวณ ของวัดพัดพังลงใต้น้ำโขงเกือบหมดวัด คณะศรัทธาจึงได้ย้ายวัดไปอยู่ที่ใหม่บนเนินเขา ซึ่งไม่ไกลจากวัดเดิม

ที่มาเพิ่มเติม
http://www.greenwaytour.com/news_index.asp?id=NW080026
133  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: แนะนำ เที่ยวเชียงราย กันครับ ฤดูหนาวปี 2553 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2010, 03:33:00 pm



วัดถ้ำผาจม

          ตั้งอยู่ที่มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศพม่า  โดยมีแม่น้ำสาย  เป็นเส้นแบ่งเขตแดนทั้งสองประเทศ  นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปที่แม่สาย  ส่วนใหญ่เมืองมาถึงตลอดแม่สาย  ก็จะเลยข้ามฝั่งไปประเทศพม่า  ที่เรียกกันว่าฝั่งท่าขี้เหล็ก  ไปเที่ยวซื้อของพื้นเมืองของที่ระลึกต่าง ๆ อันได้แก่  หินหยก  หยกของประเทศพม่า  เป็นหยกที่ดีที่สุดเพราะมีความเป็นมันวาว    อยู่ในตัวของมันพวกเครื่องประดับต่าง ๆ  เช่น พลอยทับทิม  ตัวแหวน  สร้อยข้อมือ  ซึ่งค่าแรงงานทางฝั่งพม่า  ไทยใหญ่ถูกกว่าทางกรุงเทพฯ  และยังมีสินค้าของประเทศจีน  ที่ผ่านเข้ามาจากคุงหมิง  มาทางเชียงตุงแล้วเข้ามาวางขายที่ตลาดท่าขี้เหล็กนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เมื่อมาแล้ว  ก็จะถ่ายรูปตรงป้ายที่เขียนว่า  “เหนือสุดยอดสยาม” เพราะบริเวณเขต ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย นั้นเป็นพื้นที่ส่วนที่สูงที่สุดของประเทศไทย  ฉะนั้นวัดถ้ำผาจม  จึงเป็นวัดที่ตั้งอยู่เหนือสุดของประเทศไทย
134  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: น้ำพุร้อน เชียงราย เวียป่าเป้า ครับ เมื่อ: ธันวาคม 10, 2010, 03:29:33 pm

องค์เก่า จัดสร้างบูรณะโดย ครูบาศรีวิชัย

องค์ใหม่ บูรณะโดยกรมศิลป์

พระธาตุดอยตุง นับเป็นโบราณสถานอันเก่าแก่แห่งหนึ่งในภาคเหนือ ตามประวัติตำนานได้กล่าวไว้ว่า พระมหากัสสะปะเถระเป็นประธานฝ่ายสงฆ์ได้อาราธนาอัญเชิญเอายังพระบรมสารีริกธาตุกระดูกไหปลาร้า(พระรากขวัญเบื้องซ้าย) ของพระพุทธเจ้า มามอบถวายแด่พระเจ้าอุชุตราชเจ้าผู้ครองนครนาคพันธ์โยนกชัยบุรี รัชกาลที่ 3 แห่งราชวงศ์สิงหนวติ เป็นประธานพร้อมด้วยมุขมนตรีเสวกอำมาตย์ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินของพระองค์ ได้นำเอาพระบรมสารีริกธาตุขึ้นมาบรรจุสร้างขึ้น ณ ที่ดอยดินแดง (คือดอยตุงปัจจุบัน) สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1454 ต่อมาอีก 100 ปี มีพระอรหันต์องค์หนึ่งชื่อว่า พระมหาวชิรโพธิเถร ได้นำเอาพระบรมสารีริกธาตุมามอบถวายให้พระเจ้ามังรายะนะธิราช แล้วจึงได้พร้อมใจกันนำเอาพระบรมธาตุขึ้นบรรจุสร้างใหม่ขึ้นมาอีกองค์หนึ่งบนดอยตุง พร้อมได้ปฏิสังขรณ์องค์เดิม จากนั้นมาก็ไม่ปรากฏหลักฐานรายนามผู้บูรณะปฏิสังขรณ์ ลุถึง พ.ศ.2470 ครูบาศรีวิชัย นักบุญผู้ยิ่งใหญ่แห่งลำพูนพร้อมด้วยคณะศรัทธาชาวพุทธได้ทำการปฏิสังขรณ์องค์พระเจดีย์ พระวิหาร พระประธาน กาลเวลาผ่านพ้นมานานวิหารและพระประธานก็ถูกภัยธรรมชาติครอบงำชำรุดทรุดโทรมไปตามกาลเวลา ส่วนองค์พระเจดีย์นั้นยังมีรูปทรงปกติดีอยู่ ต่อมาประมาณปี พ.ศ.2499 ได้มีอุบาสิกาผู้หนึ่งอยู่ในจังหวัดพะเยา ชื่อว่า นางทองคำ ฮั้นตระกูล ได้มีกุศลเจตนาอันยิ่งใหญ่ ทำการลงรักปิดทองพระเจดีย์ทั้ง 2 องค์ ให้เหลืองอร่ามไปทั่ว ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2500 องค์สรภาณมธุรส(บ๋าวเอิง) เจ้าอาวาสวัดสมานัมบริหาร กทม. พร้อมด้วยอุบาสิกา ทองคำ ฮั้นตระกูล ได้ทำการก่อสร้างอุโสถขึ้นหนึ่งหลังพร้อมทั้งพระประธานในอุโบสถ พระสาวก หมอชีวกโกมารภัจ ต่อมาเมื่อประมาณปี พ.ศ.2507 ก็ได้มีการดำริในการที่จะบูรณะองค์พระธาตุดอยตุงครั้งใหญ่ ซึ่งได้ใช้เวลาเตรียมการและหาทุนต่อเนื่องกันมาเป็นเวลาหลายปี ลุถึง พ.ศ.2514-2516 จึงได้ดำเนินการก่อสร้างเสร็จไป 1 องค์ พระธาตุ 2 วิหารหลวงที่ประดิษฐานพระประธานสิงห์หนึ่งเชียงแสน 3 พระประธานสิงห์หนึ่ง ซึ่งได้กราบทูลสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เสด็จมาเป็นองค์เททอง
   ในการบูรณะครั้งนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงรูปทรงองค์พระเจดีย์กันใหม่ ออกแบบโดยอาจารย์ประกิต(จิตร์) บัวบุศน์ องค์พระเจดีย์บุด้วยกระเบื้องโมเสดสีทอง มีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูป 8 ซุ้ม มีฉัตรประดับทั้ง 4 มุมดังที่เห็นปรากฎวันนี้ ต่อมาประมาณปี พ.ศ.2525 ได้มีอุบาสกคนหนึ่งชื่อ ไศลยนต์ ศรีสมุทร์ เจ้าของและผู้จัดการตลาดแม่สาย ได้มีกุศลเจตนาอันแรงกล้า ได้ทำการเทลานพระธาตุและพร้อมกันนั้นทางวัดก็ได้ทำการก่อสร้างรั้วรอบบริเวณ ลานพระธาตุอีกโสดหนึ่ง
   สำหรับท่านที่ขึ้นมานมัสการพระธาตุนั้น ท่านจะสังเกตุเห็นว่าวัดพระธาตุดอยตุงนั้นจะมีบริเวณ 2 เขตด้วยกันคือ ชั้นบนนั้นจะเป็นเขตพุทธาวาส นับเอาตั้งแต่ประตูวัดที่มียักษ์นั่งถือขวานอยู่นั้นขึ้นไป ท่านห้ามไม่ให้ใครทำสกปรกรุงรัง เช่น ถ่ายหนัก ถ่ายเบา เพราะห้องน้ำไม่มี จากที่ประตูวัดลงมา 1 กิโลเมตร เป็นเขตสังฆาวาส เป็นที่อยู่พำนักของพระสงฆ์องค์เณรและประชาชนทั่วไป
ก่อนขึ้นมานมัสการพระธาตุ กรุณาจอดรถเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนที่วัดน้อย 1 กิโลเมตร
   คำไหว้พระธาตุดอยตุง : นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ....(สามจบ) พิมพา ธะชัคคะ ปัพพะเต นะจุฬาธาตุ จิรัง มะหาคะมา นะมามิหัง อะหังวันทามิ สัพพะทาฯ(สามจบ)
135  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: น้ำพุร้อน เชียงราย เวียป่าเป้า ครับ เมื่อ: ธันวาคม 10, 2010, 03:27:07 pm

  โครงการ ๑๐ ปี
อุโบสถวัดร่องขุ่น ( ภาพจากนิมิต )
"งานสร้างศิลป์เพื่อแผ่นดิน"
ของ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์
(จิตรกรชื่อดัง)

http://www.moohin.com/033/033m022.shtml
136  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: น้ำพุร้อน เชียงราย เวียป่าเป้า ครับ เมื่อ: ธันวาคม 10, 2010, 03:25:54 pm


พระธาตุดอยเวาแม่สาย

วัดพระธาตุดอยเวา เป็นวัดอันเป็นที่ประดิษฐานพระธาตุดอยเวา พระธาตุที่เชื่อกันว่า มีความเก่าแก่เป็นรองพระธาตุดอยตุง พระธาตุดอยเวานั้น ตั้งอยู่บนยอดดอยเวา แต่พระอุโบสถและเขตสังฆาวาสจะอยู่ที่เชิงดอย ผู้ที่จะขึ้นไปนมัสการต้องเดินขึ้นบันไดไปนมัสการ ซึ่งข้างบนเป็นจุดชมทัศนียภาพสองฝั่งสาย สามารถเห็นทัศนียภาพได้รอบทิศ

http://www.moohin.com/trips/chiangrai/doiwow-maesai/
137  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: น้ำพุร้อน เชียงราย เวียป่าเป้า ครับ เมื่อ: ธันวาคม 10, 2010, 03:23:11 pm



เที่ยวแบบบูรณาการที่วัดพระแก้ว จังหวัดเชียงราย

               ทริปนี้หมูหิน.คอม พาเพื่อน ๆ มาเที่ยวที่วัดพระแก้ว จังหวัดเชียงรายครับ วัดแห่งนี้ถือว่าเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์คู่บ้าน คู่เมืองเชียงราย มาหลายชั่วอายุคน อีกทั้งโบราณสถาน และโบราณวัตถุที่น่าสนใจ ควรคู่แก่การศึกษาและอนุรักษ์ไว้แก่ชนรุ่นหลัง ทริปนี้หมูหินเลยอาสาพาเรียนรู้ที่วัดพระแก้ว จังหวัดเชียงรายครับ

http://www.moohin.com/trips/chiangrai/watphakaew/
138  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / Re: น้ำพุร้อน เชียงราย เวียป่าเป้า ครับ เมื่อ: ธันวาคม 10, 2010, 03:21:42 pm


ชิมน้ำเต้าหู้ญี่ปุ่น ปาท่องโก๋ยักษ์ ที่เชียงราย

          ทริปนี้หมูหิน.คอมอยู่ที่จังหวัดเชียงรายครับ  เชียงรายนับว่าเป็นจังหวัดที่มีจำนวนประชากรค่อนข้างเยอะ ไม่ว่าจะเป็นชาวเชียงราย นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ยิ่งช่วงเวลาบ่ายแก่ ๆ ผู้คนต่างเดินทางเข้ามาในเมืองเพื่อจับจ่ายซื้อของ หรือหาที่พักในยามค่ำคืน ตลอดสองฝั่งริมถนนบรรพประการ คึกคักเต็มไปด้วยเหล่าบรรดาพ่อค้า แม่ค้า ที่มาออกร้านขายของ ไม่ว่าจะเป็นร้านกับข้าว ร้านชา กาแฟ ขนมหวาน และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ร้านที่สะดุดตาหมูหิน.คอมมากที่สุด ก็คือ ร้านน้ำเต้าหู้ญี่ปุ่น ปาท่องโก๋ยักษ์ ที่ตั้งอยู่หน้าร้านสหรส บนถนนบรรพประการแห่งนี้ครับ

http://www.moohin.com/trips/chiangrai/giantdeepfrieddoughstick/
139  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / แนะนำ เที่ยวเชียงราย กันครับ ฤดูหนาวปี 2553 เมื่อ: ธันวาคม 10, 2010, 03:18:45 pm


ที่มาภาพและข้อมูล

http://www.moohin.com/trips/chiangrai/maekajan/
140  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: กลุ่มคัมภีร์กัจจายนะ ไวยากรณ์บาลี เมื่อ: ธันวาคม 10, 2010, 02:52:10 pm


07 สุโพธาลังการมัญชรี
อลังการศาสตร์ ไม่เป็นเพียงอุปการะในการศึกษาวรรณกรรมสันสกฤษเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์ต่อการศึกษาพระไตรปิฎกอีกด้วย เพราะภาษาบาลีที่ใช้ในพระไตรปิฎกซึ่งเป็นพระพุทธพจน์หรือเป็นถ้อยคำพระ อรหันต์ผู้แตกฉานนิรุตติปฏิสัมภิทา ล้วนไพเราะสละสลวยด้วยหลักอลังการตามสมควร ผู้ที่เข้าใจหลักอลังการย่อมจะทราบซึ้งในอรรถรสของพระไตรปิฎก ที่มีการแต่งเสียงและความหมายไว้เป็นอย่างดี แม้ผู้ประสงค์จะแต่งกวีนิพนธ์ในภาษาบาลีต้องรู้จักวิธีแต่งเสียงและความ หมายอย่างถูกต้อง จึงจะแต่งบทประพันธ์ที่น่าชื่นชมแก่บุคคลทั่วไปได้
ผู้รจนาคัมภีร์นี้ คือ พระสังฆรักขิตเถระ พระเถระชาวลังกา ในราว พ.ศ. ๑๗๐๐ ท่านดำรงสมณศักดิ์ว่า มหาสามิ ซึ่งตรงกับตำแหน่งสมเด็จพระสังฆราชของไทย จึงปรากฎนามว่า สังฆรักขิตมหาสามิเถระ
อลังการศาสตร์จึงเป็นหนึ่งในคัมภีร์พื้นฐานที่ควรศึกษาเล่าเรียนดังข้อความในคำลงท้ายของปริเฉทที่ ๓ แห่งคัมภีร์สุโพธาลังการ ว่า
โย  สทฺทสตฺถกุสโล  กุสโล  นิฆณฺฑุ-
ฉนฺโท  อลงฺกติสุ  นิจฺจากตาภิโยโค
โสยํ  กวิตฺตวิกโลป  กวีสุ  สงฺขย-
โมคยฺห  วินฺทติ  หิ  กิตฺติมมนฺทรูปํ
แปลว่า: ชนผู้ฉลาดในคัมภีร์ไวยากรณ์ ฉลาดใน นิฆัณฑุศษสตร์ ฉันทศาสตร์และ อลังการศาสตร์ กระทำความเพียรเป็นนิจศีล แม้เขาจะบกพร่องความเป็นกวี ก็หยั่งสู่ความนับในหมู่กวี ย่อมจะประสบเกียรติคุณหาน้อยไม่

ผู้รจนาคัมภีร์นี้ คือ พระสังฆรักขิตเถระ พระเถระชาวลังกา

บ้านริมธารธรรม 27 หมู่ 1 ต.ไทยาวาส อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม 73120
โทร.081-943-2665 Email:wetban@hotmail.com
141  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: กลุ่มคัมภีร์กัจจายนะ ไวยากรณ์บาลี เมื่อ: ธันวาคม 10, 2010, 02:50:08 pm
ติดต่อสั่งซื้อได้ที่ suchawan@hotmail.com

หรือ โทร. 081-3829381
142  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / กลุ่มคัมภีร์กัจจายนะ ไวยากรณ์บาลี เมื่อ: ธันวาคม 10, 2010, 02:42:40 pm


14 คัมภีร์กัจจายนัตถทีปนี
กลุ่มคัมภีร์กัจจายนะ
ไวยากรณ์บาลี คือ วิชาว่าด้วยรูปคำและระเบียบในการประกอบรูปคำให้เป็นประโยค ไวยากรณ์นี้จัดว่าเป็นคัมภีร์ที่พิทักษ์พระพุทธศาสนาาไว้ให้ดำรงอยู่จนถึง ปัจจุบัน เพราะเป็นศาสตร์ที่ช่วยให้อนุชนรุ่นหลังเข้าใจภาษาบาลีที่ใช้จารึกพระไตร ปิฏก
คัมภีร์ไวยากรณ์บาลี ๔ คัมภีร์ คือ กัจจายน ไวยากรณ์ โมคคัลลานไวยากรณ์ สัททนีตปกรณ์ และสัททสังคหะ มีสูตรทำตัวรูปเป็นเอกเทศ จึงเรียกว่า "บาลีไวยากรณ์ใหญ่"

คัมภีร์สายกัจจายนไวยากรณ์  ที่อธิบายสูตรกัจจายนะ โดยไม่มีการจัดลำดับสูตรใหม่มีมากมายหลายคัมภีร์ เพื่อให้นักศึกษาค้นคว้าคัมภีร์กัจจายนะนี้อย่างสะดวก จึงได้ประวรรตและเรียบเรียงเนื้อหากลุ่มคัมภีร์นี้คือ
๑.คัมภีร์กัจจายนสุตตนิเทส รจนาโดยพระฉัปปทเถระ ชาวเมืองพุกาม ประเทศพม่า ใน พ.ศ.๑๙๙๐ สมัยพระเจ้าปรักกมพาหุที่ ๖ ครองราชย์อยู่
๒.คัมภีร์กัจจายนวัณณนา รจนาโดยพระวิชิตาเถระ (พ.ศ. ๒๐๕๘-๒๑๒๔) คัมภีร์นี้ว่าด้วยการอธิบายความหมายของสูตร การสำเร็จรูปและกฏไวยากรณ์อื่นๆ พระวิชิตาวีเถระผู้รจนาได้อาศัยคัมภีร์นยาสะหรือมุขมัตตทีปนีและคัมภีร์สุ ตตนิเทศเป็นหลักในการรจนา
๓.คัมภีร์กัจจายนัตถทีปนี รจนาโดยพระอินทริยาภิวงศ์ โดยอาศัยคัมภีร์นยาสะหรือมุข มัตตทีปนี คัมภีร์สุตตนิเทศ คัมภีร์สัททนีติ คัมภีร์โมคคัลลานะ เป็นต้นเป็นหลักในการรจนา
๔.คัมภีร์กัจจายนสารมัญชรี รจนาโดยพระยสเถระ ชาวพม่า (๑๖๐๐-๑๗๐๐) คัมภีร์นี้แสดงกฏไวยากรณ์บาลีที่สำคัญๆจากคัมภีร์กัจจายนะเป็นคาถาประเภท อนุฏฐุภาฉันท์ ๗๒ คาถา พระคันธาสารภิวงศ์ ได้เรียบเรียงเนื้อหาใหม่โดยอาศัยฏีกาเก่า ฏีกาใหม่และโยชนาพร้อมกับนิสสยะต่างๆ โดยอาศัยคัมภีร์กัจจายนสารสรูปัตถทีปนีที่อธิบายความได้ละเอียดชัดเจนเป็น หลัก

http://www.palisikkha.org/view_pali_yai.php?page=14&id_cai=
143  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ขายของอยู่ที่ตลาดและมีหนูมารบกวน จึงวางยาเบื่อหนู จะมีผลอย่างไร? เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2010, 07:04:24 am
เพื่อนน้อง ฝากถามมาครับว่า

ขายของอยู่ที่ตลาดและมีหนูมารบกวนทำลายสินค้า จึงวางยาเบื่อหนู และกับดับหนู ผลการทำบาปจะมีผลอย่างไร?
อย่างไรกับผู้ที่ได้กระทำครับ

 :25:
144  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / วิญญาณ แทนที่กันเรื่องนี้จริง หรือเป็นนิยายที่แต่งให้อ่านกันครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2010, 07:02:39 am
การที่มีผู้เสียชีวิตด้วย อุบัติเหตุ ทราบมาว่าวิญญาณจะอยู่ที่ตรงนั้น จนกว่าจะมีผู้อื่นมาเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุเช่นเดียวกัน วิญญาณเดิมจึงจะไปเกิดได้ เป็นตัวตายตัวแทน ถ้าไม่มีคนมาเสียชีวิตตรงนั้นวิญญาณเดิมก็ต้องทนทุกข์ทรมานต่อไป จริงหรือไม่

 :25:
145  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ทำบุญกับพระที่เข้าสมาบัติ ออกสมาบัติครับ ( เห็นท่านนั่งกรรมฐาน ถึง 3 วัน 3 คืน ) เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2010, 07:00:18 am
ถ้ามีโอกาสได้ไปทำบุญใส่บาตรพระที่ออกจากนิโรธสมาบัติ ควรจะอธิษฐานจิตก่อนใส่บาตรอย่างไรดีครับ

ควรอธิษฐานอย่างไร ครับ

แล้วผลบุญจะเกิด ทันทีหรือป่าวครับ

 :25:
146  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถ้าเราอธิษฐานว่า เราจะอยู่กับคนที่เรารัก อันนี้เป็นการอธิษฐานที่ผิด หรือ ไม่ครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2010, 06:58:40 am
ถ้าเราอธิษฐานว่า เราจะอยู่กับคนที่เรารัก เพื่อช่วยกันสร้างบารมีเพื่อมรรคผลนิพพาน เป็นการอธิษฐานที่ผิดหรือไม่ (ไม่ว่าชาติไหนก็อยู่กับคนนี้)

 :25: :25: :25:
147  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / จ้่่างพ่อ แม่ ไปปฏิบัติธรรม ผมจะได้บุญหรือป่าวครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2010, 06:57:40 am
คือผมเป็นคนใฝ่ธรรมะ ครับ แต่เห็นว่า พ่อซึ่งเป็นทหารเก่า กับ แม่ซึ่งเป็นเมียทหารเก่า ยังมีอุปนิสัย ชอบดื่มสุรา

และเล่นการพนันกัน ผมเลยจ้างทั้งสองท่านไปทำบุญ และ ปฏิบัติธรรมเข้าคร์อสธรรมะ เป็นหมื่นบาท ซึ่งท่านก็ยอม

ไปกันด้วยดี อยากทราบว่าผมทำอย่างนี้เป็น บุญ หรือ บาป ครับเพราะพี่น้องผมบอกว่า เป็นการดูถูก พ่อ แม่ ซึ่งผม

ฟังแล้วไม่สบายใจเลยครับ

 :25:
148  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถวาย นม หลังจากเที่ยงไปแล้ว เป็นบุญ หรือ บาป ครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2010, 06:53:57 am
การถือศีล ๘ แล้วดื่มน้ำปานะ ถ้าเป็นนมหรืออะไรที่ช่วยให้ท้องสบายจะถือว่าผิดศีลหรือไม่

ผมไปปฏิบัติกรรมฐาน พิเศษ ในสายวัดป่าที่ปากช่องมา

  นำนมไปถวาย ท่านรับแต่ไม่ฉัน กันบอกว่า นม เป็นไม่ใช่น้ำปานะ ฉันไม่ได้

 มีข้ออธิบายให้ผมเข้าใจหรือป่าวครับ  เพราะผมไม่สบายใจว่า ทำบุญไม่ได้บุญ ครับ

149  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ขอให้พระอาจารย์ ช่วยขยายความของคำเหล่านี้ แบบสั้น ๆ หน่อยครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2010, 06:50:50 am
ขอให้พระอาจารย์ ช่วยขยายความของคำเหล่านี้ แบบสั้น ๆ หน่อยครับ

  ฌาน
  ขณิกะสมาธิ
  อุปจาระสมาธิ
  อัปปนาสมาธิ
 
  3 สมาธิ อันไหนจัดเป็น ฌานครับ และอันไหน เป็น วิปัสสนา ครับ

 :25:
150  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ถ้านั่งสมาธิแล้วเกิดอาการปวดเมื่อยมากๆ จะทำอย่างไรดีครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2010, 06:48:42 am
ถ้านั่งสมาธิแล้วเกิดอาการปวดเมื่อยมากๆ จะทำอย่างไรดีครับ 

ขอบคุณครับ

 :25:
151  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / พ่อแม่ ที่พาลูกเล็ก ๆ ไปทำบุญ แล้วรบกวนคนเวลานั่งสมาธิ เป็นบาปหรือป่าวครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2010, 06:47:42 am
การที่พ่อแม่นำลูกเล็กๆที่ยังกระจองอแงอยู่ ไปปฏิบัติธรรมเช่น นั่งสมาธิด้วยนั้น ถือว่าพ่อแม่จะเป็นบาปไหม? เพราะขณะที่ทุกคนกำลังนั่งสมาธิอย่างสงบอยู่นั้น แล้วมีเสียงเด็กร้องขึ้นมารบกวนสมาธิ
152  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / 6 มาตรการสร้างเสริม คุณธรรม เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2010, 09:05:41 pm
1. ควรส่งเสริมให้คนในครอบครัวปฏิบัติธรรม เพื่อให้เกิดความรักซึ่งกันและกัน จะทำให้ลดความขัดแย้ง

2. ควรมีการสอนการเจริญสติให้กับทุกภาคส่วนของสังคม โดย เฉพาะในโรงเรียน เพื่อให้เกิดขึ้นกับเยาวชนก่อนเป็นอันดับแรก

3. ควรส่งเสริมให้เกิดการมีธรรมาภิบาลขึ้นในสังคมโลก

4. ควรเน้นให้นำเรื่องวิทยาศาสตร์มาใช้สนับสนุนการเรียนพระพุทธศาสนา ในการศึกษาพระพุทธศาสนา ซึ่งจะทำให้คนรุ่นใหม่สนใจศึกษาพระพุทธศาสนามากขึ้น

5. เรื่องการใช้คอมพิวเตอร์ในการส่งเสริมพระพุทธศาสนา ที่ประชุมยอมรับว่าจะทำให้เกิดทั้งคุณและโทษ แม้การใช้คอมพิวเตอร์เพื่อการเผยแผ่พระพุทธศาสนา จะไม่ถือว่าผิดหลักศาสนา แต่ก็ต้องระมัดระวังในการใช้คอมพิวเตอร์เผยแผ่พระพุทธศาสนาด้วย

6. เรื่องพระพุทธศาสนากับภาวะโลกร้อน ที่ประชุมเห็นว่าจะ ต้องทำยุทธศาสตร์ในการลดปัญหาโลกร้อน โดยส่งเสริมให้เกิดความสำนึกร่วมกันของชาวโลกด้านสิ่งแวดล้อม ให้มองปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องที่ต้องรับผิดชอบร่วมกัน เพราะไม่มีใครอยู่โดดเดี่ยวบนโลกได้
153  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ศีลธรรม คืออะไร เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2010, 09:03:24 pm
ศีลธรรม คืออะไร

ความประพฤติดีงามทางกายวาจา, ความประพฤติที่ดีที่ชอบ, ความสุจริตทางกายวาจาและอาชีวะ;โดย ทางศัพท์ ศีลธรรม แปลว่า ธรรมคือศีล หมายถึง ธรรมขั้นศีล หรือ ธรรมในระดับศีล เพราะศีลเป็นธรรมอย่างหนึ่งในบรรดาธรรมภาคปฏิบัติ ๓ อย่าง คือ ศีล สมาธิ และปัญญา

ดังนั้น ต่อจากธรรมขั้นศีล จึงมีธรรมขั้นสมาธิและธรรมขั้นปัญญา; ได้มีผู้พยายามแปล ศีลธรรม อีกอย่างหนึ่งว่า ศีลและธรรม (ถ้าแปลให้ถูกต้องจริงต้องว่าศีลและธรรมอื่นๆ คือ ศีลและธรรมอื่นๆ นอกจากศีล เช่น สมาธิและปัญญา เป็นต้น เพราะศีลก็เป็นธรรมอย่างหนึ่ง) ถ้าแปลอย่างนี้จะต้อง เข้าใจว่า ศีลธรรม มิใช่เป็นเพียงความประพฤติดีงามเท่านั้น แต่รวมถึง สมถะวิปัสสนา ขันธ์ ๕                 ปฏิจจสมุปบาท ไตรลักษณ์ เป็นต้น

ที่มา: หนังสือพจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม ผู้แต่ง พระธรรมปิฎก (ป. อ. ปยุตฺโต)
154  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / คุณธรรม คืออะไร เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2010, 08:57:01 pm
คุณธรรม คืออะไร


การ ช่วยเหลือ เอื้อเฟื้อ และการแบ่งปัน (หรือให้ทาน) นั้น จัดว่าเป็นคุณธรรมอย่างหนึ่ง และเมื่อพูดถึงคุณธรรมแล้ว เรามักนึกว่าเป็นเรื่องสมัครใจ คือ ทำก็ดี ไม่ทำก็ไม่เป็นไร ความคิดเช่นนี้เมื่อกล่าวโดยทั่วไปแล้วก็ถือว่าไม่ผิด แต่มีหลายกรณีที่เป็นข้อยกเว้นเพราะในบางสถานการณ์หรือในบางสถานะคุณธรรมคือ หน้าที่เลยทีเดียว สำหรับผู้ที่เป็นพ่อหรือแม่ คุณธรรมที่มีต่อลูก เช่น การเสียสละให้ลูกได้กินอิ่มนอนอุ่นนั้น ถือว่าเป็นหน้าที่ หาใช่เรื่องความสมัครใจไม่ ในทำนองเดียวกันการทำตัวให้เป็นแบบอย่างที่ดีก็ถือว่าเป็นหน้าที่ของครูต่อ ศิษย์ ในวัฒนธรรมไทย มีหลายสถานภาพที่มาพร้อมกับหน้าที่ที่จะต้องช่วยเหลือเจือจานผู้อื่น โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ "ต่ำ" กว่า เช่น พี่กับน้อง ผู้ใหญ่กับผู้น้อย เจ้านายกับลูกน้องเป็นต้น ในบางสถานการณ์ การช่วยเหลือก็ถือเป็นหน้าที่ที่ต้องทำ ไม่ใช่แค่เรื่องสมัครใจเท่านั้น เช่น เมื่อเห็นคนกำลังจมน้ำ คนที่อยู่บนบกจะถือว่าธุระไม่ใช่ ช่วยก็ได้ ไม่ช่วยก็ได้ หาได้ไม่ ในยามนั้นทุกคนมีหน้าที่ที่จะต้องช่วยเหลือคนที่กำลังจะจมน้ำตายถ้าไม่ทำ ย่อมถูกตำหนิติเตียน คุณธรรมที่ถือว่าเป็นหน้าที่นี้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "หน้าที่ทางศีลธรรม" ทุกสังคมหรือทุกวัฒนธรรมย่อมกำหนดหน้าที่ทางศีลธรรมไว้สำหรับบุคคลอย่างน้อย ก็เมื่ออยู่ในบางสถานะหรือในบางสถานการณ์ หน้าที่ทางศีลธรรมต่างจากหน้าที่ตามกฎหมาย เพราะไม่มีการตราเป็นข้อบังคับหรือลายลักษณ์อักษร แต่ถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ผู้ที่ละเมิดหรือละเลย แม้จะไม่ถูกลงโทษตามกฎหมาย แต่ก็ถูกตำหนิ ติเตียนจากสังคม หรือถึงกับไม่มีใครคบค้าสมาคมด้วย

Fwd mail
155  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: เมื่อพระพุทธเจ้า ตรัส ธรรม วินัย 8 ประการ ภิกษุณีพระนางมหาปชาบดี เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2010, 08:44:29 pm
เป็นมนุษย์ หรือ เป็นคน

เป็นมนุษย์ เป็นได้ เพราะใจสูง

เหมือนหนึ่งยูง มีดี ที่แววขน

ถ้าใจต่ำ เป็นได้ แต่เพียงคน

ย่อมเสียที ที่ตน ได้เกิดมา

ใจสะอาด ใจสว่าง ใจสงบ

ถ้ามีครบ ควรเรียก มนุสสา

เพราะทำถูก พูดถูก ทุกเวลา

เปรมปรีดา คืนวัน สุขสันติ์จริง

ใจสกปรก มืดมัว และร้อนเร่า

ใครมีเข้า ควรเรียก ว่าผีสิง

เพราะพูดผิด ทำผิด จิตประวิง

แต่ในสิ่ง นำตัว กลั้วอบาย

คิดดูเถิด ถ้าใคร ไม่อยากตก

จงรีบยก ใจตน รีบขวนขวาย

ให้ใจสูง เสียได้ ก่อนตัวตาย

ก็สมหมาย ที่เกิดมา อย่าเชือนเอย ฯ

พุทธทาสภิกขุ
156  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: อำนาจของความยึดติด คู่มือมนุษย์ หลวงพ่อพุทธทาส เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2010, 08:42:31 pm
คนเราติดอะไร

(เบญจขันธ์)

อะไรเป็นที่ตั้ง ที่ยึด ที่เกาะเกี่ยวของอุปาทาน?

ที่ตั้งของอุปาทานก็คือโลกนี้เอง, คำว่า “โลก” ในทางพุทธศาสนา มีความหมายกว้างกว่าความหมายตามธรรมดา คือหมายถึงสิ่งทั้งปวงทั้งสิ้นทีเดียว ไม่ว่าจะเกี่ยวกับมนุษย์ เทวดา พรหม สัตว์เดรัจฉาน สัตว์นรก ปีศาจ เปรต อสุรกาย อะไรก็สุดแท้ที่จะมี รวมแล้วก็เรียกว่าโลก

การรู้จักโลก มีความหมายอยู่ตรงที่ว่ามันมีความลึกลับเป็นชั้นๆ เรารู้จักกันแต่ชั้นนอกๆ ที่เรียกว่า “ชั้นสมมุติ” นี้หมายถึงตามสติปัญญาของคนทั่วๆ ไป พระพุทธศาสนาจึงมีการสอนให้ดูกันหลายๆ ชั้น ท่านมีวิธีแนะให้ดูการจำแนกโลกออกเป็นฝ่ายวัตถุ ซึ่งเรียกว่า “รูปธรรม” อย่างหนึ่ง ฝ่ายจิตใจเรียกว่า “นามธรรม” อีกฝ่ายหนึ่ง ยิ่งกว่านั้นท่านได้แบ่งส่วนที่เป็นนามธรรม หรือจิตใจนี้ออกเป็น ๔ ส่วน เมื่อเอารูปธรรม ๑ ส่วน มารวมเข้ากับนามธรรมก็ได้เป็น ๕ ส่วน ท่านเลยเรียกว่า “เบญจขันธ์” หรือ “ขันธ์ห้า” แปลว่า ส่วน ๕ ส่วนประกอบกันขึ้นเป็นโลก คือเป็นสัตว์เป็นคนนี่เอง

การดูโลก ก็หมายถึงการดูสัตว์โลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือคน เพราะปัญหาอยู่ที่เรื่องของคน ร่างกายเป็นวัตถุที่เรียกว่า “รูปขันธ์” (ส่วนที่เป็นรูป) ส่วนที่เป็นจิตใจอีก ๔ ส่วนนั้นจำแนกไปได้คือ

    ส่วนที่ ๑ เรียกว่า “เวทนา” หมายถึงความรู้สึก ๓ ประการ คือสุขหรือพอใจอย่างหนึ่ง, ทุกข์หรือไม่พอใจอย่างหนึ่ง, อีกแบบหนึ่งอยู่ในลักษณะที่ไม่อาจจะเรียกได้ว่าสุขหรือทุกข์ คือเป็นเรื่องที่ยังเฉยๆ อยู่ แต่ก็เป็นความรู้สึกเหมือนกัน

    ความ รู้สึกนี้มีประจำอยู่ในคนเราปกติ วันหนึ่งๆ ย่อมเต็มไปด้วยความรู้สึก ท่านจึงถือว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ประกอบกันเป็นคน และเรียกส่วนนี้ว่า “เวทนา” หรือ “เวทนาขันธ์”

    ส่วนที่ ๒ เรียกว่า “สัญญา” แปลว่า รู้ตัว เป็นความรู้สึกตัวอยู่เหมือนอย่างว่าเรากำลังตื่นอยู่ คือไม่หลับ ไม่สลบ ไม่ตาย หรือเรียกว่ามีสติสมปฤดี

    โดย ทั่วๆ ไปมักจะอธิบายกันว่าเป็นความจำได้หมายรู้ ก็ถูกเหมือนกัน เพราะว่ายังไม่เมา ไม่สลบ ไม่หลับ ไม่ตาย ดังที่กล่าวมาแล้ว เมื่อกระทบอะไรทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ก็รู้สึกหรือจำได้ว่าเป็นอะไร เช่นรู้ว่า เขียว แดง สั้น ยาว คน สัตว์ ฯลฯ ตามแต่จะจำได้นั่นแหละ เป็นความรู้สึกของสมปฤดี หรือ “สัญญา” ในที่นี้

    ส่วนที่ ๓ เรียกว่า “สังขาร” มีความหมายมาก จนมันปนกันยุ่งไปหมด เราพูดถึงสังขารที่เป็นส่วนของนามธรรมนี้กันก่อน แปลว่า “ปรุง” คือกิริยาอาการของสิ่งที่เป็นอยู่ในคนหนึ่งๆ ได้แก่ การคิด SANY1993Cหรือ ความคิด เช่นคิดที่จะทำ คิดที่จะพูด คิดอย่างนั้นอย่างนี้ คิดดี คิดเลว คิดในทางไหนก็จัดเป็นความคิดทั้งนั้น ความรู้สึกที่เป็นความคิดพลุ่งขึ้นมาจากการปรุงแต่งภายในใจนี้เรียกว่า “สังขาร”

    คำว่า “สังขาร” ในที่อื่นนั้น หมายถึงบุญกุศลที่ปรุงแต่งคนให้เกิดขึ้นก็มี หมายถึงร่างกายหรือโครงร่างที่มีจิตใจครองดังนี้ก็มี มีความหมายหลายทาง แต่ตรงกันโดยเหตุที่มันมีความหมายไปในทางมีการปรุงแต่งประกอบกันขึ้นมา

    ส่วนที่ ๔ เรียกว่า “วิญญาณ” หมายถึงจิตที่ทำหน้าที่รู้สึกที่ตา ที่หู ที่จมูก ที่ลิ้น และที่กายทั่วๆ ไป ตลอดถึงที่ใจของตนเองด้วย (ไม่ใช่เจตภูตอย่างที่คนส่วนมากเข้าใจกัน)

ขันธ์ห้านี่แหละเป็นที่เกาะยึดของอุปาทานทั้ง ๔

สรุปความว่า สิ่งทั้งปวงในโลกนี้รวมอยู่ในคำว่า “เบญจขันธ์” คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ แต่ละส่วนเป็นมายา ไร้ตัวตน แต่ก็มีอำนาจของเวทนาล่อให้เกิดการยึดถือ จนคนทั่วไปอยากมี อยากเป็น อยากไม่ให้เป็นซึ่งล้วนแต่ทำให้เกิดทุกข์ ไม่อย่างเปิดเผยก็อย่างเร้นลับ ทุกคนจะต้องอาศัยข้อปฏิบัติที่เรียกว่า “ไตรสิกขา” (ศีล สมาธิ ปัญญา) ถอนความหลงติดในเบญจขันธ์เสียให้สิ้นเชิง จึงจะไม่ตกอยู่ใต้อำนาจของขันธ์ทั้งห้าและก็จะไม่มีความทุกข์ โลกจะอยู่ในลักษณะที่อำนวยความผาสุกใจให้แก่ผู้นั้น ไม่ต้องร้อนใจเพราะสิ่งใดๆ เป็นผู้มีจิตใจอยู่เหนือสิ่งทั้งปวงตลอดชีวิตนี้เป็นผลของการรู้แจ้งแทงตลอด ในเรื่องเบญจขันธ์ ตามคำสอนของพระพุทธเจ้า

คัดลอกบางส่วนบางตอนจากหนังสือ “คู่มือมนุษย์” ของท่านพุทธทาส
157  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / อำนาจของความยึดติด คู่มือมนุษย์ หลวงพ่อพุทธทาส เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2010, 08:39:32 pm
อำนาจของความยึดติด

(อุปาทาน)

เราจะปลีกตัวถอนตัวออก มาเสียจากสิ่งทั้งหลายที่เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ได้อย่างไร? คำตอบก็คือจะต้องศึกษาว่า อะไรเป็นต้นเหตุให้เราอยาก จนเข้าไปยึดติดในสิ่งนั้น? เมื่อรู้ต้นเหตุ เราอาจจะตัดความยึดติดเสียได้ กิเลสซึ่งเป็นความยึดถือในสิ่งทั้งปวงนั้น ในพุทธศาสนาเรียก “อุปาทาน” แปลว่า ความยึดติด จำแนกเป็น ๔ ประการด้วยกัน

๑. กามุปาทาน (ยึดมั่นโดยความเป็นกามหรือของรักใคร่ทั่วไป) เห็นได้จากการที่คนเราตามธรรมดามีความติดพันในสิ่งที่น่ารักน่าพอใจ ไม่ว่าจะเป็น รูป เสียง กลิ่น รส และสัมผัส สัญชาตญาณของคนเราย่อมรู้สึกสนุกสนานเพลิดเพลิน หรือเอร็ดอร่อยในกามคุณ ๕ อย่างนี้ ตามหลักธรรมในพุทธศาสนาขยายออกไปเป็น ๖ คือ มี “ธรรมารมณ์” เพิ่มขึ้นอีกอย่างหนึ่ง หมายถึง สิ่งที่ผุดขึ้นในใจ จะเป็นอดีต ปัจจุบัน หรืออนาคตก็ได้ เกี่ยวกับวัตถุภายนอกหรือภายในก็ได้ เป็นเพียงคิดฝันไปได้ แต่ทำให้เกิดความเอร็ดอร่อยเพลิดเพลินทางจิตใจในขณะที่รู้สึก

พอคนเราเกิดมา ได้รู้รสของกามารมณ์ทั้ง ๖ นี้ก็ยึดติดในอารมณ์นั้น และยึดยิ่งขึ้นตามลำดับๆ อย่างแน่นแฟ้นเหลือวิสัยที่คนธรรมดาจะสอนได้ ฉะนั้น จึงเป็นปัญหาสำคัญที่จะต้องมีความรู้ ความเข้าใจให้ถูกต้องและประพฤติปฏิบัติให้ถูกต้องต่อสิ่งเหล่านั้น มิฉะนั้นความยึดติดนี่แหละจะนำไปสู่ความวินาศฉิบหาย ขอให้เราพิจารณาดูความวินาศฉิบหายของคนทั่วๆ ไปตามปกติ จะเห็นได้ว่า มีมูลมาจากความยึดมั่นถือมั่น ในสิ่งที่น่ารักอย่างใดอย่างหนึ่งดังกล่าวมาแล้ว ทุกอย่างที่มนุษย์ปุถุชนทำกันอยู่ไม่ว่าอะไร ล้วนแต่มีมูลมาจากกามารมณ์ทั้งนั้น คนเราจะรักกัน โกรธกัน เกลียดกัน อิจฉาริษยาฆ่าฟันกัน หรือฆ่าตัวเองตายก็ตาม ก็จะต้องมีมูลมาจากกามารมณ์

………………….

๒. ทิฎฐุปาทาน (ยึดติดในทิฎฐิหรือความคิดเห็นที่ตนมีอยู่เดิมๆ) เป็นสิ่งที่พอมองเห็นและเข้าใจได้ไม่ยาก พอเราเกิดมาในโลก เราก็ได้รับการศึกษาอบรมให้เกิดมีความคิดเห็นชนิดที่มีไว้สำหรับยึดมั่น ไม่ยอมใครง่ายๆ นี้ เรียกว่า ทิฎฐิ ลักษณะที่ยึดติดในความคิดความเห็นของตนนี้เป็นไปตามธรรมชาติ เขาไม่ติเตียนกันนัก และเป็นสิ่งที่ห้ามไม่ได้ แต่เป็นโทษภัยที่ร้ายกาจไม่น้อยไปกว่าความยึดติดในของรักของใคร่

………………….

๓. สีลัพพตุปาทาน (ยึดติดในวัตรปฏิบัติที่มุ่งหมายผิดทาง) หมายถึงความยึดมั่นถือมั่นในการประพฤติกระทำที่ทำปรัมปราสืบกันมาอย่างงมงาย ไร้เหตุผล หรือที่คนนิยมเรียกกันว่า ขลัง ศักดิ์สิทธิ์ คิดกันว่าเป็นสิ่งที่เป็นอย่างอื่นไปไม่ได้และไม่ยอมเปลี่ยนแปลง

คนไทยเราทั่วไปก็มีสิ่ง นี้กันไม่น้อยไปกว่าชนชาติอื่น มีการถือเครื่องรางของขลัง หรือเคล็ดลับต่างๆ เช่น ตื่นนอนขึ้นมาจะต้องเสกน้ำล้างหน้า จะถ่ายอุจจาระก็ต้องผินหน้าไปทิศนั้นทิศนี้ จะบริโภคอาหารหรือจะนอนก็ต้องมีเคล็ดมีพิธี เชื่อผีสางเทวดา ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นต้น เป็นการปฏิบัติที่ไร้เหตุผลอย่างยิ่ง ไม่เคยคำนึงถึงเหตุผล คงมีแต่ความยึดมั่นถือมั่นตามตำราบ้าง เคยทำมาแล้วไม่ยอมเปลี่ยนแปลงบ้าง

………………….

๔. อัตตวาทุปาทาน (ยึดมั่นโดยความเป็นตัวเป็นตน) ความยึดมั่นว่าตัว เป็นตนนี้ เป็นสิ่งสำคัญ และเป็นสิ่งเร้นลับอย่างยิ่ง สิ่งที่มีชีวิตทั้งหมดย่อมจะรู้สึกว่า มันเป็นตัวตนของมันอยู่ดังนี้เสมอไปอย่างช่วยไม่ได้ เพราะมันเป็นสัญชาตญาณขั้นต้นที่สุดของสิ่งที่มีชีวิต และเป็นมูลฐานของสัญชาตญาณอื่นๆ เช่น สัญชาตญาณหาอาหารกิน สัญชาตญาณต่อสู้อันตราย หลบหนีอันตราย สัญชาตญาณสืบพันธุ์และอื่นๆ อีกมาก ซึ่งล้วนแล้วอาศัยสัญชาตญาณแห่งความรู้สึกยึดถือว่าเป็นตัวตนทั้งนั้น มันต้องยึดมั่นว่า มีตัวเราเสียก่อนมันจึงไม่อยากตาย มันจึงอยากหาอาหารมาเลี้ยงร่างกาย อยากต่อสู้เอาตัวรอด หรืออยากจะสืบพันธุ์ของมันไว้

ความยึดถือว่ามีตัวตน นี้ มีประจำอยู่ในสิ่งที่มีชีวิตทั้งหลาย ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว มันจะมีชีวิตรอดมาไม่ได้ แต่อันนั้น มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้เกิดความทุกข์ ในการแสวงหาอาหาร ในการต่อสู้ ในการสืบพันธุ์ หรือในการทำอะไรทุกๆ อย่าง ฉะนั้น จึงกล่าวว่า มันเป็นรากฐานแห่งความทุกข์ทั้งปวง ด้วย

ข้อนี้พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้เป็นใจความ โดยสรุปสั้นที่สุดว่า “สิ่งต่างๆ ที่คนมีอุปาทานเข้าไปยึดถืออยู่นั่นแหละเป็นตัวความทุกข์ หรือเป็นมูลเหตุแห่งความทุกข์” หรือ “ร่างกายและจิตใจที่คนเข้าไปยึดถือด้วยอุปาทานอยู่นั่นแหละเป็นความทุกข์”

………………….

ขอสรุปความว่า อุปาทานทั้งสี่นี้ เป็นปัญหาอันเดียวที่พุทธบริษัท หรือผู้ประสงค์จะรู้จักตัวพุทธศาสนา จะต้องเข้าใจให้ได้ เพราะว่าวัตถุประสงค์ของการรักษาพรหมจรรย์ในพุทธศาสนานี้ ก็เพื่อทำจิตให้หลุดพ้นจากความยึดมั่นที่ผิดๆ นี้ ท่านทั้งหลายจะได้พบคำกล่าวเช่นนี้ ในท้ายบาลีทุกๆ สูตร ที่กล่าวถึงการบรรลุธรรมของพระอรหันต์ ซึ่งในที่นั้นจะมีคำว่า “จิตหลุดพ้นจากอุปาทาน” แล้วก็จบกัน เพราะว่า เมื่อจิตหลุดพ้นจากความยึดมั่นแล้ว ก็ไม่มีอะไรจะผูกพันคล้องจิตนั้น ให้ตกเป็นทาสของโลก หรือเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป เรื่องจึงจบสิ้นกัน หรือกลายเป็น โลกุตตระ คือ พ้นโลก เพราะเหตุฉะนั้น การหลุดพ้นจากความยึดมั่นที่ผิดๆ จึงเป็นใจความสำคัญที่สุดของพุทธศาสนา
158  ธรรมะสาระ / บทสวดมนต์ มนต์พิธี / บทสวด ขอขมาพระรัตนตรัย ที่ทั่วไปกล่าวกันครับ เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2010, 08:03:52 pm
โยโทโส โมหะจิตเต นะพุทธัสมิง ปาปะกะโต มะยา
ขะมะถะเม กะตัง โทสัง สัพพะปาปัง วินัสสันตุ

โยโทโส โมหะจิตเต นะธัมมัสมิง ปาปะกะโต มะยา
ขะมะถะเม กะตัง โทสัง สัพพะปาปัง วินัสสันตุ

โยโทโส โมหะจิตเต นะสังฆัสมิง ปาปะกะโต มะยา
ขะมะถะเม กะตัง โทสัง สัพพะปาปัง วินัสสันตุ

159  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: คำสอนเจ้าคุณนรรัตน์ราชมานิต เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2010, 07:52:57 pm
เจ้าคุณนร ฯ ถือได้ว่าเป็นพระสุปฏิปันโนอีกรูป โดยเฉพาะตอนที่ท่านใกล้มรณะภาพ กับโรคคอที่ท่านเป็น

ท่านวางอารมณ์ ได้อย่างหน้านับถือ สิ่งที่ผมมองเห็นแล้ว ก็คือไม่ว่าเราจะบำเพ็ญภาวนาจนแม้จะได้ ผล

ระดับใดก็ตาม สิ่งที่เราหนีไม่พ้น ก็คือสังขาร คือ ความเสื่อม หากแม้นเรื่องของอิทธิบาท นั้นเป็นเรื่องของ

ผู้ที่มีบุญญาธิการ ในการบำเพ็ญธรรม จริง ๆ จึงจักใช้ได้

   ตอนนี้แม้แต่ หลวงพ่อคูณ ก็เข้าโรงพยาบาล รักษาตัวก็แพ้สังขาร ความจำ ๆ ไม่ได้ว่าใครเป็นใครแล้ว

สังขาร มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงทำความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด

 :25:
160  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: ธรรมประทีป ๙ เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2010, 07:48:52 pm
ผมจำได้ว่า หนังสือเล่มนี้ เคยได้รับแจกในงาน ฉลองสมณศักดิ์ ของหลวงพ่อพระครูสิทธิสังวร ที่วัดราชสิทธาราม

เมื่อต้นปี นะครับก็ยังอ่านไม่หมดเลยครับ เพราะว่า เป็นหลักการส่วนใหญ่ แต่นับว่าเป็นหนังสือสำหรับอุบาสก เขียน

ขึ้นมาให้อ่าน อีกเล่มครับ

 :25:
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6