ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: จิตอภิมหาสติ  (อ่าน 3857 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28456
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
จิตอภิมหาสติ
« เมื่อ: มิถุนายน 24, 2013, 09:48:57 am »
0



จิตอภิมหาสติ

ในอนาคตไม่ไกลจากนี้ โลกของเราจะประสบกับภัยพิบัติ สมาธิที่เราฝึกมาก็สามารถช่วยเราได้ เพราะการฝึกสมาธิ คือ การที่เราฝึกจิตให้เกิดสติ สมาธินี้มีส่วนช่วยตั้งแต่เรามีชีวิตไปจนถึงไม่มีชีวิต สมาธิเมื่ออบรมจิตดีแล้วก็จะก่อให้เกิดสติ

    สตินี้จริงๆ แล้วก็คือ ตัวรู้ คนที่มีความเข้าใจจะรู้ว่าสตินั้นมีความยิ่งใหญ่มาก เรียกว่าเป็น มหาสติ
    สติของคนธรรมดากับสติของคนที่ฝึกสมาธิจะไม่เหมือนกัน สติคนธรรมดาตอนขับรถก็ต้องมีสติอยู่กับถนน อยู่กับรถ เรียนหนังสือก็ต้องมีสติกับการเรียน
     แต่สติที่ผ่านการอบรมจิตแล้ว สติจะมีความตั้งมั่นต่อกันทำให้ความคิดอยู่กับปัจจุบันขณะ และความคิดที่อยู่ในจิตเลือกที่จะสลัดความคิดที่ไม่ดีออกไปได้ คือ สติที่ผ่านการอบรมจิตมาแล้ว โดยธรรมชาติจะสลัดความคิดที่ไม่ดีออกไป สติจะดึงโน้มเข้ามาในความคิดที่ดี อยู่ในกุศลกรรมที่ดี หรือความดีต่างๆ

    ดังนั้นเมื่อเกิดภาวะอันตรายหรือภัยพิบัติขึ้นมาในโลก สติที่ฝึกแล้วจะน้อมนำเข้าสู่สติที่ดี เช่น คนกำลังจะตายมีความคิดไม่ดี เช่น คิดห่วง คิดหวง คิดโลภ คิดแค้นเคือง จิตก็จะไปยึดความคิดสุดท้ายเป็นอารมณ์ จิตก็จะกลับเข้าสู่วัฏสงสารที่จะต้องมาเกิด เพราะจิตไปยึดความคิดสุดท้ายตามอารมณ์ที่อยู่ในอกุศลกรรม

     แต่จิตที่ผ่านการฝึกสมาธิมา ผ่านการอบรมจิตมา จิตในขณะสุดท้ายก็จะเป็นจิตที่มีสติกำกับอารมณ์ต่างๆ ที่จิตเข้าไปควบคุมไม่ได้ ซึ่งสามารถดึงให้ดวงจิตไม่ไปเศร้าหมองได้ สามารถรับสภาพและภาวะอันเป็นเรื่องร้ายๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่หลงฟุ้งตามสภาพภัยพิบัติที่เห็น จิตที่ไม่ได้รับการฝึกมา เมื่อเห็นภัยพิบัติ เห็นโศกนาฏกรรม เห็นคนตายเยอะๆ จิตก็จะฟุ้งซ่าน กลายเป็นคนบ้าได้ง่ายๆ



     คำว่าสติ สั้นๆ แค่นี้ แต่เราต้องฝึกสมาธิอย่างหนัก ดำรงสติอยู่เป็นประจำ จิตจะได้สติเป็นมหาสติ
     แต่สภาพจิตที่เลยมหาสติมากไปกว่านั้นเรียกว่า จิตอภิมหาสติ คือจะมากกว่ามหาสติหลายเท่า สูงกว่ามหาสติ อันนี้เป็นความจริงที่ทุกคนสัมผัสได้ จิตที่มีสติในขั้นจิตอภิมหาสติ
     นอกจากจะมีความตั้งมั่นแล้ว ถ้าคนที่มีสติในรูปแบบนี้ แม้แต่การพูดคุยกับคนอื่นๆ ก็จะสามารถรู้ได้ถึงความคิดของคนที่สนทนาด้วย และเห็นถึงสิ่งที่เขากำลังเป็น คือ เห็นเป็นแสงที่มีสีต่างๆ เป็นฉัพพรรณรังสี หรือทีชาวตะวันตกเรียกว่า ออร่า ออร่าของคนคนนั้น เห็นถึงราศีที่เขามีอยู่ สติที่ไม่ตั้งมั่นถึงขนาดนี้จะไม่สามารถมองเห็นได้เลย

     อย่างการขับรถ คนขับก็มีสติอยู่กับการขับรถบนท้องถนน แต่คนขับรถแบบนี้จะมีสติไม่เท่ากับนักขับรถแข่งที่ขับด้วยความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพราะในความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หากขาดสติไปเพียงเสี้ยววินาทีเดียวก็อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าคนขับรถธรรมดากับคนขับรถแข่งจะมีสติเหมือนกัน แต่ระดับของสติต่างกันมาก



     สติที่เหนือกว่ามหาสติ หรือเรียกว่า จิตอภิมหาสติ จะมีความยิ่งใหญ่มากๆ จะมีความตั้งมั่นอยู่ทุกเสี้ยววินาที สติแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยการฝึกสมาธิจนมีสติตามรู้ทุกขณะ เมื่อมีสติตามรู้ทุกขณะจิตจะมีความมั่นคงเป็นมหาสติ เมื่อจิตตั้งมั่นจนเลยขั้นมหาสติไปแล้ว จิตนั้นจะมีความมั่นคงอย่างมาก เป็นอภิมหาสติ
     ถ้าผู้มีจิตขั้นอภิมหาสติอยู่ในความว่าง ความนิ่งระดับหนึ่ง คนที่มีสติแบบนี้จะรู้เลยว่า กำลังจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป อย่างถนนว่างๆ เราจะรู้สึกในใจว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น จะมีอะไรมาบอกหรือจะรู้เอง คล้ายๆ มีสัมผัสพิเศษ
     อย่างเรากำลังสนทนากับคนคนหนึ่งอยู่ ถ้าเรามีสติขั้นนี้ คนพูดโกหกเราก็รู้ ใครเจ็บป่วยเราก็รู้ ใครกำลังประสบปัญญาในชีวิตเราก็รู้ ใครมีเคราะห์เราก็รู้ ใครมีเหตุให้เป็นไปต่างๆ นานาเราก็รู้

     แต่ที่สุดของการฝึกจิตให้มีสติแล้ว ก็คือ การทำให้ดึงจิตมาอยู่กับปัจจุบันแทนที่เราจะฟุ้งซ่าน สติจะดึงอารมณ์ที่ดีๆ เข้ามา ไม่หลงไปปรุงให้มัวหมอง ให้โลภ ให้โกรธ ให้หลง ให้กลัว จิตที่ฝึกจนมีอภิมหาสติจะเห็นอะไรที่ลึกไปกว่าการดึงอารมณ์ต่างๆ มาเป็นอารมณ์จิตให้จิตมัวหมอง จิตจะเห็นอะไรที่เป็นนามธรรมได้อีกหลายเท่านัก.


ที่มา http://www.thaipost.net/tabloid/090613/74738
ภาพจาก เฟซบุ้ค MadchimaRDN
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ