ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: กาลครั้งหนึ่ง...ต้องไปสัมผัส กับ 10 สถานที่ชวนฝัน "Dream Destination"  (อ่าน 1598 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28450
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


กาลครั้งหนึ่ง...ต้องไปสัมผัส กับ 10 สถานที่ชวนฝัน "Dream Destination"


วัดแก้วสารพัดนึก : วัดพระธาตุผาแก้ว

       ในเมืองไทยยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งที่มีความงดงามชวนฝันและชวนให้ตกหลุมรัก แต่อาจยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก โดยในปี 2557 นี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เปิดโครงการ Dream Tourism ภายใต้แคมเปญ “หลงรักประเทศไทย” โดยได้เริ่มต้นด้วยโครงการ “Dream Destination” กาลครั้งหนึ่ง...ต้องไป และได้คัดสรรแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามและสร้างแรงบันดาลใจ ดึงดูดให้คนไทยต้องออกไปสัมผัสแหล่งท่องเที่ยวเหล่านี้ให้ได้สักครั้งหนึ่ง แล้วจะหลงรักเมืองไทย ทั้ง 10 สถานที่เหล่านั้นมีดังนี้
       
       วัดแก้วสารพัดนึก : วัดพระธาตุผาแก้ว       
       "วัดพระธาตุผาแก้ว" หรือเดิมคือวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาในหมู่บ้านทางแดง ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ก่อสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมแก่พระสงฆ์ และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ที่ตั้งของวัดซึ่งล้อมรอบไปด้วยเนินเขาสลับซับซ้อน ประกอบกับสถาปัตยกรรมภายในวัดที่สร้างอย่างวิจิตรงดงาม โดยสิ่งก่อสร้างที่โดดเด่นที่สุดคือ “เจดีย์พระธาตุผาซ่อนแก้ว สิริราชย์ธรรมนฤมิต" เจดีย์ขนาดใหญ่ที่ตกแต่งด้วยถ้วยชามกระเบื้องและลูกแก้วในจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ผนัง เสาและพื้น เมื่อกระทบกับแสงแดดก็จะส่องประกายระยิบระยับงดงาม อีกทั้งด้านบนเจดีย์ยังสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันงดงามของเขาค้อได้เป็นอย่างดี



ป่าสนสลับสี : ออป.วัดจันทร์

       ป่าสนสลับสี : ออป.วัดจันทร์       
       องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้วัดจันทร์ หรือ ออป.วัดจันทร์ นับเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวไฮไลท์ของ อ.กัลยาณิวัฒนา จ.เชียงใหม่ โดยภายในพื้นที่มีสวนอันร่มรื่นเขียวครึ้ม โดยเฉพาะสวนสนที่ปลูกอยู่ทั่วบริเวณ มีสะพานไม้สร้างอย่างเป็นธรรมชาติให้เดินชมทิวทัศน์พืชพันธุ์ไม้ รวมถึงเส้นทางปั่นจักรยานให้ปั่นชมธรรมชาติ อีกทั้งภายใน ออป. ยังมีทุ่งนาเขียวขจีมีฉากหลังเป็นป่าสนลำต้นตระหง่าน ใกล้ๆ กับทุ่งนาจะเป็นอ่างเก็บน้ำที่ถือเป็นจุดถ่ายรูปชั้นดี ในยามเช้าของช่วงหน้าหนาว เหนืออ่างเก็บน้ำแห่งนี้จะมีสายหมอกลอยล่องดูราวกับความฝัน และที่สำคัญ ในช่วงฤดูหนาวต้นเมเปิลจะเปลี่ยนสีจากเขียวเป็นส้ม และน้ำตาล ต้นนางพญาเสือโคร่งจะทิ้งใบและผลิดอกสีชมพูสดใส บวกกับป่าสนสีเขียวขจี จนเรียกได้ว่าเป็น “ป่าสนสลับสี” งดงามจนไม่อยากละสายตา



ป่าห่มศรัทธา : วัดป่าภูก้อน

       ป่าห่มศรัทธา : วัดป่าภูก้อน     
       “วัดป่าภูก้อน” ตั้งอยู่ใน อ.นายูง จ.อุดรธานี นอกจากจะเป็นวัดที่มีความสงบตามแบบพุทธศาสนสถานแล้ว ยังมีความอุดมสมบูรณ์ไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ บริเวณโดยรอบวัดมีทิวทัศน์ที่งดงาม มองเห็นทิวเขาสลับซับซ้อนรายล้อมรอบกว่า 3,000 ไร่ ผู้ที่มาเยือนวัดป่าภูก้อน จะได้มากราบนมัสการ “พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี” พระพุทธไสยาสน์หินอ่อนสีขาว ความยาว 20 เมตร สร้างด้วยหินอ่อนจากประเทศอิตาลี อีกทั้งยังสามารถมากราบสักการะ “องค์พระปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์” องค์เจดีย์ที่ชั้นบนยอดบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และประดิษฐานรูปหล่อของบูรพาจารย์ในสายกรรมฐานให้กราบระลึกบูชากันด้วย



มุมมองจากวัดผาตากเสื้อลงไปเห็นแม่น้ำโขงช่วง อ.สังคม

       เกล็ดพญานาคริมโขง : หาดทรายริมโขง อ.สังคม      
       อ.สังคม เป็นอำเภอแรกสุดของ จ.หนองคายที่แม่น้ำโขงไหลผ่าน เป็นอำเภอเล็กๆ ที่เงียบสงบแต่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจให้ไปชมกัน ไม่ว่าจะเป็น “วัดถ้ำศรีมงคล” หรือ “วัดถ้ำดินเพียง” ที่ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นเส้นทางสู่เมืองพญานาคและยังเป็นทางเดินใต้ลำโขงที่เชื่อมไปถึงเมืองเวียงจันทน์ได้ “วัดผาตากเสื้อ” วัดบนภูเขาที่นอกจากจะได้มาไหว้พระทำบุญแล้ว ยังจะได้มาชมวิวแม่น้ำโขงในมุมที่งดงามที่สุดอีกแห่งหนึ่ง เพราะเมื่อมองจากบนผาลงมามองเห็นแม่น้ำโขงวาดยาวโค้งเป็นคุ้งน้ำ กลางแม่น้ำมีเกาะขนาดใหญ่ ทำให้แม่น้ำโขงช่วงนี้คล้ายแยกเป็นรูป Y อีกทั้งในแม่น้ำโขงในบริเวณ อ.สังคม ช่วงหน้าแล้งที่น้ำลดจะมองเห็นหาดทรายยาวกลางแม่น้ำเป็นริ้วทรายลายเกล็ดพญานาค ดูงดงามปนความพิศวงไม่น้อย



สะพานเมฆ : เขาช้างเผือก

       สะพานเมฆ : เขาช้างเผือก       
       “เขาช้างเผือก” ตั้งอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี เป็นอีกหนึ่งเป้าหมายของผู้ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวในแบบผจญภัย ด้วยเส้นทางสู่ยอดเขาที่มีความท้าทาย โดยเส้นทาง 1 ก.ม. สุดท้ายสู่ยอดเขาช้างเผือกนั้นจะต้องผ่านจุดที่เรียกว่า “สันคมมีด” ซึ่งเส้นทางบนสันเขาแคบๆ สองข้างเป็นหุบเหวสูง ผู้ที่จะพิชิตยอดเขาช้างเผือกก็จะต้องพิชิตความกลัวและหวาดเสียวผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แม้เส้นทางจะน่ากลัว แต่ก็งดงามไม่เหมือนที่ใด ยิ่งช่วงเวลาเช้าหรือเย็นที่มีสายหมอกโอบคลุมสันเขา สันคมมีดก็เป็นดังสะพานเมฆทอดยาวข้ามสู่ยอดเขาสูงงดงามยิ่งนัก



ทะเลหมอกตลอดปี : พะเนินทุ่ง

       ทะเลหมอกตลอดปี : พะเนินทุ่ง      
       “เขาพะเนินทุ่ง” ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เขาแห่งนี้ตั้งอยู่ในแวดล้อมของผืนป่าดงดิบตามธรรมชาติที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ เป็นที่อยู่ของสัตว์ป่านานาชนิด อีกทั้งบนเขาพะเนินทุ่งแห่งนี้ยังเป็นแหล่งชมทะเลหมอกได้ตลอดทั้งปี สามารถชมทัศนียภาพที่สวยงามของหมอกสีขาวที่ปกคลุมไปทั่วหุบเขาได้ตลอดทั้งปี ซึ่งจุดชมทะเลหมอกที่สวยที่สุดบนเขาพะเนินทุ่งจะอยู่บริเวณ กม.ที่ 30 และ กม.ที่ 36 อีกทั้งระหว่างสองข้างทางที่ขึ้นสู่เขาพะเนินทุ่งนั้นก็ยังสามารถชมผืนป่าที่ยังสมบูรณ์ และหากโชคดีก็สามารถพบเห็นสัตว์ป่า อาทิ ค่างแว่นถิ่นใต้ นกนานาชนิดได้อีกด้วย พร้อมกันนั้นยังมีเหล่าผีเสื้อนานาสายพันธุ์โบยบินตามเส้นทางให้ได้ชมอย่างไม่ขาด



ถนน ชล-จันท์ : เส้นทางเฉลิมบูรพาชลทิศมองจากจุดชมวิวนางพญา

       ถนน ชล-จันท์ : เส้นทางเฉลิมบูรพาชลทิต     
       “ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต” เรียกได้ว่าเป็น Scenic Route หรือเส้นทางชมทิวทัศน์อันสวยงาม โดยเป็นเส้นทางที่วิ่งเลียบชายฝั่งทะเลตะวันออกจากจังหวัดชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ระยะทาง 111 ก.ม. ซึ่งก็จะผ่านจุดชมวิวสวยๆ หลายจุดตลอดเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นหาดแหลมสน อนุสรณ์เรือรบหลวงประแส ใน จ.ระยอง ปากแม่น้ำจันทบุรี หาดเจ้าหลาว อ่าวคุ้งวิมาน จุดชมวิวเนินนางพญา ใน จ.จันทบุรี เป็นต้น



เกาะกูด หนึ่งในหมู่เกาะทะเลตราด

       หมู่เกาะสุดแดนบูรพา : หมู่เกาะทะเลตราด       
       ในท้องทะเลอ่าวไทย หมู่เกาะในทะเลตราดถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในทุกๆ หน้าร้อน ด้วยความงดงามและความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของแต่ละเกาะ ไม่ว่าจะเป็นเกาะช้าง เกาะหมาก เกาะหวาย เกาะกระดาด เกาะกูด หรือเกาะเล็กเกาะน้อยอื่นๆ ที่มีจำนวนมากถึง 52 เกาะ ก็ทำให้ทะเลตราดกลายเป็นหมู่เกาะสุดแดนบูรพาที่ชวนฝัน เป็นสวรรค์ของนักเดินทางทุกคน



สระว่ายน้ำกลางทะเล : เกาะห้อง

      สระว่ายน้ำกลางทะเล : เกาะห้อง       
       “เกาะห้อง” เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “เกาะเหลาบิเละ” อยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี จ.กระบี่ เป็นเกาะที่มีความงดงามด้วยลักษณะของอ่าวโค้งคล้ายรูปนกบิน มีน้ำทะเลใสสีเขียวมรกต และมีหาดทรายที่ขาวละเอียด โอบล้อมด้วยแนวป่าสลับกับหินสูงชัน อีกทั้งจุดเด่นของเกาะห้องก็คือจะมีลากูน หรือทะเลใน เป็นเวิ้งอ่าวปิดล้อมด้วยเขาหินปูน ภายในเป็นเหมือนสระน้ำขนาดใหญ่สีเขียวมรกต ที่โอบล้อมด้วยเขาสูงทุกทิศทาง เหมือนมีสระว่ายน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่อยู่ตรงกลาง เป็นความงดงามที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้น



สวรรค์ของคนมีความรัก : เกาะหลีเป๊ะ

       สวรรค์ของคนมีความรัก : เกาะหลีเป๊ะ       
       “เกาะหลีเป๊ะ” ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา จ.สตูล ได้ชื่อว่าเป็น “มัลดีฟส์เมืองไทย” ด้วยชายหาดขาวสะอาด น้ำทะเลสีฟ้าใสราวกระจกจนมองเห็นผืนทรายเบื้องล่างแม้จะลึกกว่า 3 เมตร และวิวของดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่ชายหาดก็สวยงามไม่แพ้ที่ไหน ไม่แปลกใจเลยที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาตต่างหลงไหลในมนต์สะกดของเกาะนี้


ขอบคุณภาพและบทความจาก
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9570000003568
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

saieaw

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 271
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


ยังไม่เคยไปเลย คะ แต่ก็น่าสนใจ นะงาน นี้ ต้องเตรียมร่างกายหน่อยแล้ว

 thk56 :88:
บันทึกการเข้า

nongyao

  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 380
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ในคน คนหนึ่งมันก็มีหลากหลายอารมณ์เหมือนธรรมชาติที่เราอยากไปพบเจอนี้แหละ
บันทึกการเข้า
กราบนอบน้อมพระพุทธเจ้าอันเป็นอดีต อนาคต แลปัจจุบัน ด้วยเศียรเกล้า
                 พุทธัง  ธัมมัง  สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ
                       
                         ข้าพเจ้าจักขอทำเหตุที่ดี