ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: อันซีน 'พระถือบันได' พระปรไมยไอศวร 1 เดียวที่ "วัดศรีดอนมูล"  (อ่าน 2295 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28527
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


อันซีน 'พระถือบันได' พระปรไมยไอศวร 1 เดียวที่ "วัดศรีดอนมูล"
ท่องไปในแดนธรรม เรื่อง ไตรเทพ ไกรงู ภาพกุลพันธ์ ศิริพิมพ์อัมพร

วัดศรีดอนมูล ตั้งอยู่ ต.ชมภู อ.สารภี จ.เชียงใหม่ สร้างขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐาน เดิมชื่อวัดพระเจ้าก้นกึ่ง เนื่องจากมีพระพุทธรูปจำนวนมาก และมีสภาพเป็นวัดร้าง จึงมีช้างเข้ามาอาศัยหากินอาหาร และใช้งางัดพระพุทธรูปจนหน้าคว่ำลง ทำให้ฐานพระพุทธรูปยกขึ้นจึงเรียกขานว่า "วัดพระเจ้าก้นกึ่ง" ตามภาษาพื้นเมือง แต่ได้สันนิษฐานว่าสร้างมานานแล้ว ในรัชสมัยพระเจ้าติโลกราช ต่อมาภายหลังพม่าเข้ามารุกรานอาณาจักรล้านนาไทย ประชาชนได้อพยพหนีภัยสงคราม วัดจึงถูกทิ้งร้างไว้ ปัจจุบันมีพระครูสิริศีลสังวร หรือครูบาน้อย เตชปญฺโญ เป็นเจ้าอาวาส

      ครูบาน้อยได้สร้างศาสนสถานภายในวัดศรีดอนมูล ทั้งโบสถ์ วิหาร ศาลา กุฏิ และเจดีย์ ๙ คณาจารย์ เป็นสถาปัตยกรรมล้านนาจากฝีมือสล่าเชียงใหม่ นอกจากนี้ยังมีบ่อน้ำทิพย์ภายในวัดศรีดอนมูล เชื่อกันว่าช่วยรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ชะงัด ก่อนนำไปใช้ต้องทำจิตใจให้บริสุทธิ์ มีสมาธิ จึงจักบังเกิดผลต้องตามความประสงค์


       ans1 ans1 ans1

      ส่วนพระพุทธรูปศักดิ์ภายในวัดมีหลายองค์ แต่มีอยู่องค์ที่แปลกตา คือ พระปรไมยไอศวรปางซ่อนหา ซึ่งมีลักษณะ ถือบันไดไว้ด้านหน้า ประดิษฐานอยู่ในวิหารบริเวณทางเข้าวัด ครูบาน้อย อธิบายให้ฟังว่า พระปรไมยไอศวรปางซ่อนหา เดิมคือท่านเป็นผู้มีทิฐิมานะถือดี เอาตัวเองเป็นใหญ่ไม่ยอมฟังเหตุผลของใคร แม้แต่มาพบพระพุทธองค์ก็ยังไม่ยอมกราบไหว้ เพราะถือว่าตนเองเหนือกว่าพระพุทธองค์ ส่วนพระพุทธองค์ผู้มีบุญบารมีเหนือกว่าพระปรไมยไอศวรในทางธรรม คือ หนึ่งไม่มีสอง แต่พระปรไมยไอศวรก็ยังอยากจะลองดีด้านอิทธิฤทธิ์กับพระพุทธองค์
 
      ดังในรูปจำลองออกมาตอนที่ท้าทายให้พระพุทธองค์ซ่อนตัว ฝ่ายพระปรไมยไอศวรจะเป็นฝ่ายตามหา ซึ่งได้สัญญากับพระพุทธองค์ว่า หากหาท่านไม่พบ พระปรไมยไอศวรจะยอมกราบไหว้พระพุทธองค์ อีกทั้งข้าวของเงินทองอันมากมายอันไม่อาจจะนับได้ก็พร้อมจะถวายแด่ท่านทั้งหมด พระพุทธองค์ได้ยินคำท้าทายจากพระปรไมยไอศวรเช่นนั้น พระพุทธองค์จึงตอบรับคำท้าทายนั้น โดยเนรมิตแปลงกายเป็นตัวไรดำเข้าไปซ่อนอยู่ในมวยผมของพระปรไมยไอศวร

      :25: :25: :25:

     พระปรไมยไอศวรตามหาพระพุทธองค์ไปทั่วสารทิศ ไม่ว่าจะเป็นบนบกหรือใต้น้ำ จนแทบพลิกแผ่นดินหาก็ไม่พบ เมื่อหมดปัญญาจึงอ้อนวอนขอให้พระพุทธองค์ออกมาให้เห็นหน้าแล้วจะยอมกราบไหว้ และทำตามสัญญาที่ให้ไว้ทุกประการ พระพุทธองค์จึงส่งเสียงอันดังกังวานไปทั่วพิภพว่า

     “พระปรไมย ท่านเป็นเจ้าใหญ่แห่งเขาไกรลาศอันมีฤทธิ์ เมื่ออยากเห็นเราขอให้ท่านทำบันไดทองคำประกอบด้วยแก้วแล้วพาดจากหน้าผากของท่านจนถึงแผ่นดินเดี๋ยวนี้เถิด เราตถาคตไม่ได้อยู่ที่ไหน แต่อยู่ในขมวนเกล้า (มวยผม) ของท่านนี้แล้ว”
 

      :96: :96: :96:

     ฝ่ายพระปรไมยไอศวร ผู้ปราศจากซึ่งศีลธรรมได้ยินแล้วก็แปลกใจว่าจะเท็จจริงเพียงใด จึงเนรมิตบันไดทองคำตามรับสั่งแล้วเอาพาดจากหน้าผากของตนเองจรดถึงแผ่นดิน แล้วอัญเชิญพระพุทธองค์อันเป็นบรมครูแก่โลกทั้ง ๓ ออกมาให้ปรากฏ พระพุทธองค์จึงเดินออกมาจากมวยผมแล้วยืนเหยียบยันไดทองคำลงมา

     โดยปราศจากมลทินจนถึงแผ่นดิน พระอินทร์ พระพรหม พร้อมทั้งเทวดาทั้งหลายไม่อาจนิ่งดูดายได้ยกมือกราบไหว้สาธุการ ฝ่ายพระปรไมยไอศวรก็ก้มลงกราบไหว้พระพุทธองค์ ตั้งแต่นั้นมาพระปรไมยไอศวรจึงถือศีลปฏิบัติธรรม นำข้าวของเงินทองที่สัญญาไว้มาถวายพระพุทธองค์ จนเป็นที่เลื่องลือแก่หมู่ยักษ์มารทั้งหลายที่ได้เห็นพระปรไมยไอศวรกลับตัวกลับใจ ถึงบั้นปลายชีวิตก็ยังมีฤทธานุภาพ   

   
     :sign0144: :sign0144: :sign0144:

    "พระปรไมยไอศวรเป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์อันลือชาปรากฏไปทั่วไกรลาศ มีอำนาจวาสนา มีความสามารถขจัดภัยภยันตรายตลอดถึงภูตผีปีศาจ มารร้าย ด้วยอิทธิฤทธิ์ของท่านนานัปการ ผู้คนเชื่อว่าผู้ใดมีไว้บูชาในครอบครัวจะมีแต่ความร่มเย็นเป็นสุข ซื้อง่ายขายคล่อง มีโชคลาภ ปราศจากโรคภัยทั้งปวง ด้วยความตั้งจิตอธิษฐานถึงบุญบารมีของท่านก็จะช่วยคุ้มครองปกปักรักษาได้" ครูบาน้อยกล่าวทิ้งท้าย



วาทะธรรมครูบาน้อย

มนต์เสน่ห์อย่างหนึ่งที่สร้างความประทับใจให้แก่ผู้ไปกราบไหว้ขอพรคือ คำประพรมน้ำมนต์ท่านรับการถ่ายทอดมาจากหลวงปู่หล้าตาทิพย์ (พระครูจันทสมานคุณ) ซึ่งคำประพรมน้ำมนต์นี้เป็นคำโคลงของล้านนาไทย ที่อวยพรให้แก่คณะศรัทธาญาติโยมให้มีความสุขความเจริญในหน้าที่การงาน ตลอดถึงมีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง ไม่ว่าจะไปรดครั้งละกี่คนท่านร่ายคำโคลงของล้านนาไทยไม่ต่ำกว่า ๑๕ นาที เพื่ออวยพรให้แก่คณะศรัทธาญาติโยมให้มีความสุขความเจริญในหน้าที่การงาน ตลอดถึงมีสุขภาพพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง

ส่วนคำสอนที่ครูบาน้อยมักจะสอนพระเณรทั้งในวัดและเดินทางไปเยี่ยมเสมอๆ คือ "เป็นพระต้องหลับดึกๆ ตื่นแต่เช้าๆ หมั่นไหว้พระ สวดมนต์ ฟังธรรม เดินจงกรม เที่ยวบิณฑบาต(ภิกขาจาร) อดทน อดทน อดทน คือ ขันติที่มีสมาธิกำกับ มารไม่มีบารมีไม่เกิด บารมีจะเกิดเมื่อมีมารมาทดสอบ" เป็น
 
     ans1 ans1 ans1

    "คิดก่อนทำ ไม่ใช่ทำแล้วคิด คิดก่อนพูด ไม่ใช่พูดแล้วคิด คิดก่อนไป ไม่ใช่ไปแล้วคิด คิดดี เพื่อดี คิดดี สู่ดี ของจริงทำจริง เห็นจริง ของดีทำดี เห็นดี คิดดีเพื่อดี คิดดีสู่ดี คิดชั่ว ทำชั่ว ได้ชั่ว ฉะนั้นให้ถึงพร้อมทานศีลภาวนา นิพพานัง ปรมัง สุขัง”

    "วันนี้ คือ ชาตินี้ วันพรุ่งนี้ คือ ชาติหน้า วันเวลามันเร็ว จะทำความดีก็รีบทำอย่าผัดวันประกันพรุ่ง อย่าหลงใหลในลาภยศ สรรเสริญ อย่าปล่อยให้ โลภะ โทสะ โมหะ มาครอบงำ ต้องมีสติ คาถาชนะมาร คือ อดทน อดทน อดทน อดทน"




ใช้บุญเก่าสร้างบุญใหม่

   วัตรปฏิบัติประจำวันของครูบาน้อยไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย คือ
   ถ้าอยู่ที่วัดท่านจะตื่นตั้งแต่ ๐๔.๐๐ น. เพื่อนำพระภิกษุสามเณรในวัดสวดมนต์ ทำสมาธิ และเดินจงกรม
   จากนั้นเวลา ๐๗.๐๐ น. ออกบิณฑบาต ออกโปรดพุทธศาสนิกชน จากนั้นก็อยู่วัดโปรดญาติโยมที่ไปกราบไหว้ขอพร
   จนถึงเวลา ๑๘.๐๐ น. ก็จะนำภิกษุสามเณรทำวัตรเย็น ทำสมาธิ แผ่เมตตา เว้นแต่มีกิจนิมนต์ต่างจังหวัดเท่านั้น และวัตรปฏิบัติหนึ่งที่ครูบาน้อยทำไม่เคยขาดคือ ทุกข้างขึ้นของทุกๆ เดือน ท่านจะไปทำบุญตักบาตรพระเณร ๑๐๘ รูป ณ หน้าอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย เชิงดอยสุเทพ

ทั้งนี้ ครูบาน้อยได้พูดให้คติธรรมไว้อย่างน่าคิดว่า "ไม่ว่าเป็นพระหรือเป็นฆราวาส อย่าหลงในลาภ ยศ สรรญเสริญ กินบุญเก่าก็ต้องเพิ่มบุญใหม่ด้วย ทุกวันนี้เรากินบุญในอดีตหากไม่สร้างเพิ่มบุญย่อมหมดไปวันหนึ่งเราอาจจะตกต่ำได้ เราเอาด้วยเราต้องให้ด้วย กินด้วยถ่ายด้วย เข้าด้วยออกด้วย เอาของเขามาต้องคืนเขาด้วย ถ้าเราเอาอย่างเดียวเท่ากับว่าเป็นการเพิ่มพูนกิเลส การให้เป็นการละลดกิเลสได้อย่างหนึ่ง"


     :25: :25: :25:

อย่างไรก็ตาม วัตรปฏิบัติของครูบาน้อยที่เรียกว่าพิเศษ หรือแตกต่างจากพระรูปอื่นๆ คือ ท่านไม่ดูทีวี ไม่ฟังวิทยุ ไม่ใช้โทรศัพท์ อยากคุยต้องมาเจอเองที่วัด ทั้งนี้ ในวันอาทิตย์ที่ ๒๓ กุมภาพันธ์นี้ ครูบาน้อยอธิษฐานจิตออกนิโรธกรรม เวลา ๐๖.๐๙ น. และนำคณะสงฆ์รับบิณฑบาต ๒๑ รูป ส่วนผู้ที่จะเดินทางไปกราบไหว้ขอพรครูบาน้อยนั้น ท่านจะออกมาโปรดญาติโยม จะแบ่งออกเป็น ๒ ช่วงคือ ช่วงเช้า เวลา ๑๐.๐๐-๑๒.๓๐ น. และช่วงบ่าย เวลา ๑๔.๐๐-๑๗.๓๐ น. ขอรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ วัดศรีดอนมูล โทร.๐-๕๓๔๒-๐๒๗๗ หรือเข้าชมข้อมูลวัดได้ที่ www.watsridonmoon.com"


ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.komchadluek.net/detail/20140131/177926.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

drift-999

  • ศิษย์ตรง
  • พอพึ่งพาได้
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 239
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 :smiley_confused1:

 ทำไปเรื่อย นะจิตรกร จิตรกรรม อยากให้เป็นแบบไหน ก็ ทำไป เดี๋ยวนี้มีปาง นั่ง อึ ด้วยนะครับ ไม่บอกนะวัดไหน

 ทำกันไปเรื่อย จริง ๆ นีั่แหละน้า

    อารมณ์จิตรกร

    :49:
บันทึกการเข้า