ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: นิมนต์เกจินำสวดมนต์ 1 พ.ค. หวังพระสิหิงค์คืนเมืองตรัง พบหลักฐานแจ้งความปี 2526  (อ่าน 1109 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28450
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0



‘นาพละ’ นิมนต์เกจินำสวดมนต์ 1 พ.ค. หวังพระสิหิงค์คืนเมืองตรัง พบหลักฐานแจ้งความปี 2526 เผยข้อมูลเหมือนพายเรือในอ่าง

เมื่อวันที่ 29 เมษายน ถึงความคืบหน้า กรณีพระพุทธสิหิงค์ พระคู่บ้านคู่เมืองตรัง สูญหายไปจากวัดหัวถนน หมู่ 6 ต.นาพละ อ.เมือง จ.ตรัง โดยที่ชาวบ้าน ราชการ ผู้นำท้องถิ่น ท้องที่ ออกมาเคลื่อนไหว มีความตั้งใจที่จะติดตามพระพุทธสิหิงค์ กลับคืนมานั้น โดยทางจังหวัดตรัง นายเดชรัฐ สิมศิริ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้เรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องเพื่อรับทราบรายละเอียด รวมถึงช่องทางการติดตามมาโดยตลอดนั้น

พระครูประภัศร์ ธรรมโสภณ เจ้าอาวาสวัดโคกพิกุล (เจ้าคณะตำบลนาโยงใต้) อายุ 74 ปี ต.นาพละ อ.เมือง จ.ตรัง กล่าวว่า ที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่มาสอบถามอาตมาว่า พระพุทธสิหิงค์ หายไปเมื่อไหร่ จำรูปพรรณสัณฐาน ได้หรือไม่ อาตมาก็ตอบว่า จำได้ เป็นองค์พระทองสัมฤทธิ์ ไม่เหมือนกันองค์จำลองที่ทำกันในปัจจุบัน สมัยนั้นพระเฮียบ ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านในสมัยนั้นมาก่อน และบวชเข้าไปมีนิสัยชอบดื่มสุรา กระทั่งองค์พระหายไปในสมัยพระเฮียบ จำได้ว่าเมื่อพระพระพุทธสิหิงค์ หายได้มีการแจ้งความ ไว้ที่โรงพักเมืองตรัง

ต่อมามีการประทับร่างทรง ด้วยเหตุผลที่ว่า สมัยนั้นหากมีสิ่งของสูญหายจะมีการประทับร่างทรงบอกได้ เมื่อองค์พระหายไปชาวบ้านทำพิธีเข้าร่างทรง ว่าคาถาอาตมาถามว่า พระพุทธสิหิงค์หายไปไหน ร่างทรงบอกว่า มีคนเซ่นสรวงไป อาตมาอีกว่า จะได้พระพุทธสิหิงค์กลับคืนมาหรือไม่ ร่างทรงบอกว่าได้กลับแต่ต้องใช้เวลานาน หากเป็นไปตามนั้นจริง ขณะนี้เวลาก็ล่วงเลยมานานแล้ว อาตมาเชื่อว่า น่าจะได้พระพุทธสิหิงค์คืนมา


 :96: :96: :96: :96:

นายปรีชา เดชเหมือน อดีตกำนันตำบลนาพละ กล่าวว่า ขณะนี้ทางชาวบ้านตำบลนาพละ จะมีการรวมพลังจิตทำพิธีสวดมนต์ ขอพร ดลจิตดลใจให้พระพุทธสิหิงค์กลับคืนเมืองตรัง ทั้งนี้ ทางอำเภอเมืองตรัง ได้รับมอบหมายจาก ผู้ว่าราชการจังหวัด ให้ดำเนินการจัดกิจกรรมดังกล่าว จะทำพิธีกันในวันที่ 1 พฤษภาคม เวลา 13. 11 น. นิมนต์พระสงฆ์และเกจิอาจารย์ จำนวน 11 รูป สวดมนต์ทำพิธี นั่งสมาธิ ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัด จะเป็นผู้นำในการทำพิธีว่ากล่าว และให้ชาวบ้านว่าตาม จริงๆแล้วไม่ได้เป็นการสาปแช่งใคร เพียงแต่ขอพระพุทธสิหิงค์กลับคืนสู่จังหวัดตรัง ไม่มีการเอาโทษเอาภัยกับใคร เนื่องจากพระพุทธสิหิงค์ เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดตรัง

การทำพิธีในครั้งนี้ เข้าช่วงเวลา 13.13-15.36 น. เป็นพิธี เข้าฤกษ์ (ยามปิติภัทร์) ซึ่งเป็นยามชนะ ขณะนี้ทางพระและชาวบ้านมีการเตรียมความพร้อมอยู่แล้ว โดยจะจัดพิธีขึ้นภายในบริเวณโรงธรรม วัดหัวถนน ต.นาพละ อ.เมือง จ.ตรัง นอกจากนี้ ตนยังได้เข้าไปสอบถามกับทางตำรวจ สภ.เมืองตรัง ว่า มีการแจ้งไว้หรือไม่ ซึ่ง ทาง พ.ต.ท.ประเสริฐ สงแสง รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.เมืองตรัง ค้นหา และพบว่า มีการแจ้งความไว้ โดย นาชอบ ทวนดำ อดีต ผญบ.หมู่ 6 แจ้งความไว้เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2526


 st12 st12 st12 st12

ด้านนายสุวัฒน์ ทองหอม อาจารย์โรงเรียนสภาราชินี จ.ตรัง อดีตกรรมการติดตามพระพุทธสิหิงค์ สมัยนายสมพงษ์ อนุยุทธพงศ์ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดตรังเมื่อปี 2552 กล่าวว่า จากข้อมูลทางประวัติศาสตร์เชื่อได้ว่าพระพุทธสิหิงค์เมืองตรังสร้างราวยุคสุโขทัย คาดคะแนอายุไม่ต่ำกว่า 700 ปี เพราะตำนานพระนางเลือดขาวผู้สร้างมีการกล่าวถึงพ่อขุนรามคำแหงมหาราช จึงถือเป็นสมบัติล้ำค่าเกินที่จะประเมินได้

เช่นเดียวกับ นายกัมปนาท อินทองมาก ประธานชมรมพระเครื่องจ.ตรัง ที่ยืนยันเช่นกันว่า รูปพรรณองค์พระเก่าแก่ไม่น้อยกว่ายุคสิงห์1 นั่นคือพระพุทธสิหิงค์รุ่นแรก และเป็นไปได้ที่จะมีอายุเกิน 700 ปี ในอดีตที่ชาวตรังอัญเชิงพระพุทธสิหิงค์มาสรงน้ำในช่วงสงกรานต์ ได้มีข่าวลือล่วงหน้ามาเป็นปีๆว่าพระจะหาย จนผู้ว่าราชการจังหวัดตรังในขณะนั้นต้องไปขอพระจากชาวบ้านมาไว้ที่ศาลากลาง แต่เอามาไว้ได้เพียง 15 วัน ชาวบ้านก็มาเอากลับไปไว้ที่วัดหัวถนน และต่อมาก็ได้สูญหายไป”นายสุวัฒน์ กล่าว

 st11 st11 st11 st11

นายถวิล ศรีนคร ผอ.สำนักพระพุทธศาสนาจ.ตรัง เปิดเผยว่า ว่า เมื่อปี 2552 นายชาญยุทธได้เสนอให้มีการตั้งกรรมการ ทางจังหวัดจึงได้ตั้งกรรมการชุดดังกล่าว จำนวน 10 คน มีนายจิรวัชร์ สิงห์ดี รองผู้ว่าฯในขณะนั้นเป็นประธาน ประชุมไป 2 ครั้ง ครั้งแรกเป็นการกำหนดให้ติดตามหาข้อมูล แต่ครั้งที่ 2 มติที่ประชุมให้ยุติการดำเนินการ เนื่องจากไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน อย่างไรก็ตามต่อมาปี 2555 มีประชาชนร้องมาอีกครั้ง แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าใดๆในด้านข้อมูล

สำหรับรายงานการประชุมเมื่อปี 2552 ของ กรรมการชุดดังกล่าว ระบุ ถึงการติดตามพระพุทธสิหิงค์ว่าอยู่ในความครอบครองของใคร เพื่อให้ดำเนินการกลับคืนมาให้ชาวตรังเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการดำเนินชีวิต ประกอบสัมมาอาชีพต่อไป ทั้งนี้ในที่ประชุม กรรมการมีการพูดถึงว่าอาจมีพระพุทธสิหิงค์อยู่ที่หิ้งพระในบ้านข้าราชการ ชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งแต่ก็ไม่มีข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจน


 ans1 ans1 ans1 ans1

“บันทึกประชุมกรรมการได้ระบุการบอกเล่าของผู้เห็นเหตุการณ์ว่า ในคืนหนึ่งได้มีรถแวนโตโยต้าสีขาวมาจอดหน้าวัดหัวถนน ในยุคนั้นมีพระจำวัดเพียงรูปเดียว แล้วมีชายฉกรรจ์ 2-3 คนลงมาจากรถแล้วเดินหายเข้าไปในวัด ต่อมาทราบภายหลังว่าพระพุทธสิหิงค์ได้หายไปก็ต่อเมื่อมีชาวบ้านมานิมนต์พระผู้ดูแลวัดให้ไปสวดศพ จึงได้รับการบอกเล่าจากพระรูปดังกล่าวว่าพระพุทธสิหิงค์ได้หายไปแล้ว โดยได้ถูกขโมยไป พระรูปดังกล่าวได้นำชี้ให้เห็นไม้กระดานฝากุฏิที่ถูกโจรงัดอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งที่ 2 ไม่มีบันทึกการประชุม มีเพียงมติที่ประชุมให้ยุติเรื่อง เพราะเป็นข้อมูลบอกกล่าวกันมา เป็นข้อมูลซ้ำๆเหมือนพายเรือวนในอ่าง”นายถวิล กล่าว.



ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.matichon.co.th/news/120807
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

kobyamkala

  • โยคาวจรผล
  • ******
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 2236
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
นิมนต์ พระเกจิ สวด ไม่เข้าใจทำไปเพื่ออะไร แช่งชักหักกระดูก คนเอาไป หรือว่า ดลใจดลจิต ให้นำกลับมาคืน ต่างประเทศฉันไป เดินทางไป ตามร้านอาหาร คลับ บาร์ ตลอดถึงสถานที่ บุคคลสำคัญ

  เพราะเศียร ชาวต่างชาติ มองเป็น สมบัติ ใครมีประดับแสดงถึงประดับบ้าน ถือเป็นเครื่องหมายการล่าสมบัติ

  :34:
บันทึกการเข้า
แล้วลองแอบมาแย้มกะลา
เพื่อดูโลก เห็นแล้วตกใจโลกนี้กว้างใหญ่จริง ๆ