ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: กินมังฯแบบมั่วๆ จนเจอ... “เนื้องอก” อุทาหรณ์จากสาวเจ้าของร้านมังสวิรัติ  (อ่าน 696 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28450
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


กินมังฯแบบมั่วๆ จนเจอ... “เนื้องอก” อุทาหรณ์จากสาวเจ้าของร้านมังสวิรัติ

การกินมังสวิรัติเป็นสิ่งที่ดี แต่การกินโดยไม่ศึกษาให้ถ่องแท้อาจสร้างผลเสียต่อร่างกายของเรามากกว่าที่คิด...

พี่ปุ๋ม-นวลวรรณ สุพฤฒิพานิชย์ อายุ 36 ปี นักเขียนเจ้าของผลงาน My Veggie Diary รวมสุดยอดร้านอร่อยมังสวิรัติและเจ้าของร้านอาหารมังสวิรัติขนาดกำลังน่ารักอย่าง Lilou Cafe ย่านอารีย์บอกกับเราว่าผลจากการกินมังฯแบบผิดๆ น่าจะมีส่วนทำให้เธอในวัย 29 พบว่าตัวเองมี “เนื้องอก” อยู่บริเวณทรวงอก

โชคยังดีที่เนื้องอกดังกล่าวไม่ใช่เนื้อร้าย และเธอสามารถอยู่กับมันได้อย่างมีความสุขจนปัจจุบัน อะไรคือเคล็ดลับการดูแลสุขภาพของเธอ? แล้วการกินมังฯอย่างถูกต้องเป็นยังไง? ไปค้นพบคำตอบพร้อมๆ กัน

 :96: :96: :96: :96:

กินมังฯแบบมั่วๆ น่ากลัวกว่าที่คิด
พี่เริ่มกินมังสวิรัติมาตั้งแต่อายุ 16 ตอนกินมังฯแรกๆ เรากินแบบคนไม่รู้ แล้วกินเต้าหู้เยอะมาก คือกินทุกวันเพื่อหวังจะให้เต้าหู้ไปช่วยเพิ่มโปรตีน พี่กินเต้าหู้ทุกวันอยู่เป็นสิบปีเลยนะ จนเมื่อ 7 ปีก่อน ตอนอายุเกือบ 30 ก็ตรวจเจอเนื้องอก ก็คิดว่ามันน่าจะเป็นผลจากการกินเต้าหู้ซ้ำๆ นี่ล่ะค่ะ และส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเรื่องของกรรมพันธุ์ด้วย เพราะว่าคุณแม่ของพี่ก็เป็นมะเร็งเต้านมตอนอายุ 34 นอกจากกินเต้าหู้เยอะแล้ว บางทีพี่ก็ไม่ได้เลือกผักที่เป็นออแกนิคจริงๆ ซึ่งพี่เพิ่งมารู้ภายหลังว่าการกินมังฯแบบไม่สนใจที่มาของผักว่าปลูกด้วยสารเคมีหรือเปล่า มันก็ไม่ปลอดภัยเท่ากับเรากินหมูที่โดนเลี้ยงมาแบบธรรมชาติด้วยซ้ำ

ทานผักแบบรู้ที่มา...ปรุงแต่งให้น้อยที่สุด
หลังตรวจพบเนื้องอก พี่ปุ๋มก็ปรับวิธีการกินให้ถูกต้องขึ้น คือลดการกินเต้าหู้ เพิ่มการกินถั่ว และมีอยู่ช่วงที่กลับมากินปลา และเริ่มลดการใช้สารเคมีเท่าที่จะเลี่ยงได้ จากนั้นพี่ก็ลาออกจากงานประจำไปร่วมโครงการทำฟาร์มออแกนิคแลกกับการพักฟรีที่ญี่ปุ่นอยู่ระยะหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่พี่ได้เรียนรู้จากตอนนั้นคือการกินมังสวิรัติอย่างถูกต้องเราต้องกินอย่างรู้แบ็กกราวน์ของอาหาร ถ้าจะไม่กินเนื้อสัตว์เลย เราก็ควรเลือกกินผักที่รู้ที่มาของมันว่ามาจากไหน ยังไง และทุกวันนี้วิธีการกินของพี่คือจะกินแบบปรุงแต่งให้น้อยที่สุด ไม่รู้เรียกว่ากินคลีนได้หรือเปล่านะ แต่พี่ชอบกินอาหารแบบไม่ค่อยปรุงเพราะอยากให้รสชาติของอาหารนั้นๆ ยังอยู่ เวลาปรุงอาหารจะใช้แค่น้ำมันกับเกลือ พริกไทย แต่จะไม่เติมน้ำตาลให้มันมีหลายรสชาติ นี่คือวิธีพยายามเลือกกินในแบบพี่



ไลฟ์สไตล์เปลี่ยน...เลี่ยงสารเคมีให้มากที่สุด
พูดตามตรงว่าหลังจากพบว่าตัวเองมีเนื้องอกพี่ก็ไม่ได้ทำอะไรเลย ก็ยังใช้ชีวิตปกติ เคยเป็นยังไงก็เป็นอย่างนั้นค่ะ (หัวเราะ) ที่ทำเพิ่มเติมมีแค่ไปตรวจเช็กร่างกายทุก 6 เดือนตามคำสั่งหมอ แต่ส่วนเรื่องการกิน การควบคุมอารมณ์นี่พี่ก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว แล้วปกติพี่ใช้ชีวิตยังไงน่ะเหรอ? ก็ชอบเล่นโยคะ ฝึกสมาธิ และพยายามหลีกเลี่ยงสารเคมีให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้

อย่างทุกวันนี้พี่ไม่ได้ใช้ยาสระผม สบู่ หรือเครื่องสำอางค์อะไรเลย เพราะพี่รู้สึกว่าพวกนี้คือเคมีทั้งนั้น และจะว่าไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน คนเราก็ไม่ได้ใช้ของพวกนี้ แสดงว่ามันเป็นของที่ไม่จำเป็นต้องใช้ ทุกวันนี้พี่ก็ปล่อยหน้าสดให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ

เวลาพี่อาบน้ำสระผมพี่ใช้น้ำเปล่าอย่างเดียวเลยนะคะ ก็รู้สึกว่ามันเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว ทำแบบนี้มาเป็นปีๆ ผมก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร ไม่เห็นมีใครดูออกว่าพี่ไม่ใช้แชมพู ส่วนผิวพี่ก็ลื่นจนมีคนคิดว่าพี่ทาครีม ทั้งที่จริงพี่ก็ไม่ได้ใช้ทั้งสบู่และโลชั่นนะคะ (หัวเราะ) แต่ที่มันลื่นเพราะเราไม่ได้ใช้สิ่งที่มีสารเคมีเลย อันนี้พี่เดานะคะ

กินมังฯยังไงให้ชีวิต OK
สิ่งที่สำคัญที่สุดในเรื่องการกิน พี่คิดว่าเราควรลดการกินน้ำตาล เพราะจริงๆ แล้วน้ำตาลอยู่ในอาหารทุกอย่างเยอะมาก ไม่ว่าผลไม้หรือพืชที่เรากินเช่น ข้าว ก็เปลี่ยนเป็นน้ำตาลได้ แต่เรากลับยังกินน้ำตาลเข้าไปอีก กินผลไม้ที่หวานเข้าไปอีก ซึ่งการกินน้ำตาลมันทำให้สมองเราติดว่าเราต้องกิน และพี่ก็รู้สึกว่าจริงๆ แล้วน้ำตาลมีโทษหลายอย่าง เพราะฉะนั้นลดได้ก็ลดเถอะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ให้กินน้ำตาลเลยนะค่ะ เพราะการไม่กินเลยมันก็เป็นโทษเหมือนกัน สรุปคือทุกอย่างมันต้องทางสายกลาง

นอกจากนั้นพวกอาหารแปรรูปต่างๆ อาหารที่อยู่ในกระป๋อง และอาหารที่พี่ไม่เห็นว่าชิ้นของมันเป็นยังไง เช่น พวกลูกชิ้น ไส้กรอกนี่พี่จะไม่กินเลย ส่วนผักผลไม้ถ้าเลือกได้ก็จะเลือกที่ปลูกแบบไม่มีเคมี แต่ถ้าเลือกไม่ได้จริงๆ ก็จะพยายามล้างให้สะอาดค่ะ ทั้งหมดนี้คือเรื่องหลักๆ ที่พี่ทำอยู่



ชีวิตเฮลธ์ตี้ เคล็ดลับอยู่ที่ “ร่างกายสมดุล”
ทุกวันนี้ตื่นมาตอนเช้าพี่จะกินน้ำเอนไซม์ที่เป็นพวกน้ำหมักผลไม้ เพราะมันทั้งช่วยปรับสมดุลและช่วยเพิ่มโปรไบโอติกให้กับร่างกาย ทำให้ลำไส้ของเราทำงานได้ดี จากนั้นถ้ามีเวลาว่างพี่ก็จะหายใจค่ะ คือจริงอยู่ว่าเราก็หายใจกันอยู่ตลอดเวลา แต่ถ้าเป็นเวลาปกติคนเราจะไม่ค่อยได้หายใจลึกๆ เพราะฉะนั้นเวลาตื่นเช้าพี่จะพยายามหายใจให้มันลึกและหายใจออกให้ยาวที่สุด เพราะการทำแบบนี้มันเหมือนเป็นการชาร์จพลังงานในตัวเองและยังช่วยเพิ่มออกซิเจนในสมอง

ในเรื่องของร่างกายพี่ใช้วิธีเล่นโยคะ ซึ่งพี่เล่นมานานแล้วค่ะ แต่ไม่ได้เล่นเพื่อออกกำลังกายหรือเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงนะ แต่พี่เล่นโยคะเพื่อเชื่อมต่อกับจิตวิญญาณของตัวเองให้มากที่สุดก็เท่านั้นเองค่ะ คือพี่ว่าชีวิตคนเรามันต้องสมดุลกันทั้งร่างกาย อารมณ์ จิตใจ และอาหารค่ะ เช่น ถ้าทานอาหารที่ดีแต่พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือจิตใจเราเครียดอยู่ตลอดเวลา แบบนี้ยังไงร่างกายเรามันก็ไม่โอเคอ่ะ



ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก
http://www.healthyliving.in.th/detail.aspx?id=110015&from=content
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ