ว่าง หรือ สุญญตา นั้นสำหรับผู้ภาวนาคือว่างจาก ความยึดมั่น ถือมั่นประการหนึ่ง ๑
ว่างจากขันธ์ ทั้ง ๕ ประการหนึ่ง ๑ ว่างจาก อายตนะ ทั้ง ๑๒ ประการหนึ่ง ๑
ว่างจากอริยธรรม ประการหนึ่ง ๑
ว่างจาก ความยึดมั่น ถือมั่นประการหนึ่ง ๑ เป็นไฉน
เมื่อจิตยังไม่รู้เห็นตามความเป็นจริง ควรฝึกจิตให้มองเห็นด้วยปัญญาว่า
ธรรมทั้งหลาย ทั้งปวง ล้วนเป็นอนัตตา ว่างเปล่าจากความหมายแห่งความเป็นตัว เป็นตน เป็นเรา เป็นของเรา
ดังนี้เป็นต้น เมื่อจิตรู้ด้วยปัญญาอย่างนี้ ย่อมปล่อยว่างทุกสิ่งลง แต่ยังไม่สิ้นสุด เพราะยังเห็นว่ามีอยู่เป็นเพียง
การข่มใจให้รู้ว่าว่าง
ว่างจากขันธ์ ทั้ง ๕ ประการหนึ่ง ๑ เป็นไฉน
เมื่อจิตของบุคคลทั่วไป ตื่นอยู่ด้วยปัญญา ย่อมเรียนรู้ทำความเข้าใจ ในความว่าง อันรวมเรียกว่าขันธ์ทั้ง 5
อันมีกาย เรียกว่า รูป มี เวทนา มี สัญญา มี สังขาร มี วิญญาณ เรียกว่า นาม การฝึกจิตเช่นนี้ให้ใจมองเห็น
ขันธ์ทั้ง 5 เป็น รูป เป็น นาม เกิด ขึ้น ตั้งอยู่ และ ดับไป เพื่อใจที่วางได้วาง และได้ว่างจากความยึดถือ ว่า
ขันธ์ 5 นี้ิเป็นเรา เป็นของเรา เป็นตัวเป็นตนของเรา เป็นต้น การทำเช่นนี้ก็ยังเป็นเพียงการข่มด้วยปัญญาเช่นกัน
ว่างจาก อายตนะ ทั้ง ๑๒ ประการหนึ่ง ๑ เป็นไฉน
เมื่อใด บุคคลสัมผัสความว่างด้วยปัญญา อย่างละเอียด ยิ่งขึ้นด้วยปัญญา และความเป็นผู้มีสติ เริ่มสมบูรณ์
เมื่อนั้นจิตย่อมละเอียด มองเห็นความเกิดดับ ของ อายตนะ อันกระทบกัน เพื่อคลายความยึดมั่นถือมั่น
การเข้าถึงอย่างนี้เป็นความว่าง ขั้นกลาง เพราะเริ่มมีสติมองเห็นด้วยความยึดมั่น ถือมั่น และ จางคลาย
จากความยึดมั่น ถือมั่นว่าเป็นเรา เป็นของเรา เป็นตัวเป็นตนของเรา การว่างอย่างนี้เป็นการว่างของพระ
อริยบุคคลตั้งแต่ พระโสดาบัน เป็น ต้นไป
ว่างด้วยคุณแห่งอริยธรรม ประการหนึ่ง ๑
เมื่อภิกษุ ในศาสนานี้เข้าถึงคุณธรรม เป็นความว่างด้วย สติ และ สมาธิ มองเห็นรู้แจ้งตามความเป็นจริงด้วย
ใจ จึงจางคลายจากยึดมั่นถือมั่น ด้วยคุณธรรมนั้น ๆ เป็นความว่างเรียกว่า สุญญวิหารสมาบัติ อันเป็นธรรมของ
พระอริยบุคคล เพราะพ้นจากอวิชชา จบกิจในศาสนา พรหมจรรย์ของเธอ ชื่อว่าอยู่จบแล้ว กิจอื่นยิ่งกว่านี้ไม่มี
อีกแล้ว นี่เรียกว่า ว่างด้วยคุณแห่งอริยธรรม
สรุป แล้ว สติ ต้องเจริญธรรม ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอน จน สติ พัฒนา เป็นสมาธิ จึงจะสมบูรณ์
ไล่ คุณธรรม โพชฌงค์ 7 ประการนั้น เป็นไปตามลำดับ
คือ สติ + ธรรมวิจยะ + วิริยะ ( พระพุทธานุสสติ )
ปีติ ( พระธรรมปีติ )
ปัสสัทธิ ( พระยุคลธรรม )
สมาธิ ( อุปจาระสมาธิ + สุขสมาธิ )
อุเบกขา เพราะวางเห็นตามความเป็นจริง ( พระโสดาบัน เป็นต้นไป )
ผู้ฝึกที่ปฏิเสธ การฝึก กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ พึงทราบไว้
เจริญธรรม ไว้แต่เพียงเท่านี้ก่อนนะจ๊ะ