พระไตรปิฎกและอรรถกถาระบุว่า นิพพานเป็นอนัตตาอย่างไรก็ตาม เมื่อยังจะยืนยันให้ได้ว่า นิพพานเป็นอัตตา ท่านก็ให้หลักการที่ชัดเจนไว้ สำหรับเอามา
ใช้เป็นหลักฐาน ที่จะแสดงว่านิพพานเป็นอนัตตาขอย้ำอีกว่า การชี้แจงต่อไปนี้ เป็นการนำหลักฐานมาแสดง ตามที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้ ซึ่งบันทึกไว้ใน
พระไตรปิฎก พร้อมทั้งคำอธิบายประกอบในอรรถกถา ไม่ใช่เป็นเรื่องของความคิดเห็น หรือแม้แต่ตีความ ถ้าที่ใด
เป็นความคิดเห็นก็จะเขียนบอกหรือวงเล็บไว้ด้วย ว่าเป็นความคิดเห็น แต่คิดว่าจะไม่มีเรื่องความคิดเห็น อย่าง
มากก็มีเพียงคำอธิบายประกอบ
คำอธิบายประกอบก็คือ การขยายความหมายของคำออกไปตามหลักที่มีอยู่แล้ว เช่น ถ้ามีหลักฐาน
กล่าวถึง อริยสัจจ์ 4 หาก กลัวว่าคนทั่วไปจะไม่เข้าใจก็อาจจะวงเล็บไว้ว่า (คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) อย่างนี้เป็นต้น นี้ถือเป็นการอธิบาย ไม่ใช่ความเห็นขอสรุปให้ว่า
- ในคัมภีร์พระพุทธศาสนา เริ่มแต่พระไตรปิฎก และอรรถกถา ไม่มีหลักฐานในคัมภีร์ใดเลยที่กล่าวถ้อย
คำระบุลงไปว่านิพพานเป็นอัตตา
- แต่หลักฐานในคัมภีร์ที่ระบุลงไปว่านิพพานเป็นอนัตตานั้นมี และมีหลายแห่ง
ขอให้ทำความเข้าใจกันไว้ก่อนว่า ที่ว่านิพพานเป็นอนัตตา คำว่า "เป็นอนัตตา" นั้น เป็นการทับศัพท์
บาลีเพื่อความสะดวกในการกำหนดหมาย โดยสาระก็คือเป็นการปฏิเสธอัตตา มิใช่หมายความว่า มีอะไรอย่าง
หนึ่งที่เรียกชื่อว่าเป็นอนัตตา (จะแปลอนัตตานี้ว่า ไม่ใช่อัตตา ไม่เป็นอัตตา หรือไม่มีอัตตา ก็ไม่ต้องเถียงกัน อยู่ที่ความเข้าใจให้ชัด แต่เมื่อว่าโดยสาระก็คือ เป็นการปฏิเสธความเป็นอัตตา)หลักฐานในพระไตรปิฎกและอรรถกถา ที่ระบุว่านิพพานเป็นอนัตตา มีมากแห่ง ในที่นี้จะยกมาพอเป็น
ตัวอย่าง1. ในพระไตรปิฎกเล่มที่ 8 มีคำสรุประบุชัดไว้ ดังนี้ว่า
อนิจฺจา สพฺพสงฺขารา ทุกฺขานตฺตา จ สงฺขตา
นิพฺพานญฺเจว ปณฺณตฺติ อนตฺตา อิติ นิจฺฉยา ฯ (วินย. 8/826/224)
แปลว่า: "สังขารทั้งปวง อันปัจจัยปรุงแต่ง ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา นิพพานและบัญญัติเป็น
อนัตตา วินิจฉัยมีดังนี้ "1คัมภีร์วิมติวิโมทนีได้อธิบายข้อความในคาถาสรุปนี้ไว้ว่า
ปาฬิยํ นิพฺพานญฺเจว ปญฺญตฺตีติ เอตฺถ ยสฺมา สงฺขตธมฺเม อุปาทาย ปญฺญตฺตา สมฺมุติสจฺจภูตา
ปุคฺคลาทิปญฺญตฺติ ปรมตฺถโต อวิชฺชมานตฺตา อุปฺปตฺติวินาสยุตฺตวตฺถุธมฺมนิยเตน อนิจฺจทุกฺข-ลกฺขณทฺว
เยน ยุตฺตาติ วตฺตุํ อยุตฺตา, การกเวทกาทิรูเปน ปน ปริกปฺปิเตน อตฺตสภาเวน วิรหิตตฺตา " อนตฺตา "ติ
วตฺตุํ ยุตฺตา.
ตสฺมา อยํ ปญฺญตฺติปิ อสงฺขตตฺตสามญฺญโต วตฺถุภูเตน นิพฺพาเนน สห " อนตฺตา อิ ติ นิจฺฉยา "
ติ วุตฺตา.
อวิชฺชมานาปิ หิ สมฺมุติ เกนจิ ปจฺจเยน อกตตฺตา อสงฺขตา อวาติ (วิมติวิโนทนีฏีกา 2/351)
แปลว่า: " ในข้อความนี้ว่า " นิพฺพานญฺเจว ปญฺญตฺติ " ในพระบาลี อธิบายความว่า ด้วยเหตุที่
บัญญัติมีบุคคลเป็นต้น อันเป็นสมมติสัจจะ ซึ่งท่านบัญญัติไว้โดยอาศัยสังขตธรรม เพราะเหตุที่เป็น
สิ่งไม่มีจริงโดยปรมัตถ์ จึงไม่ควรจะกล่าวว่าประกอบด้วยลักษณะ 2 คือ อนิจจลักษณะ และทุกข
ลักษณะ ซึ่งกำหนดด้วยสิ่งที่ประกอบด้วยอุบัติ และวินาศ (เกิด-ดับ) แต่ควรจะกล่าวว่าเป็นอนัตตาเพราะปราศจากสภาวะที่เป็นอัตตา อันกำหนดด้วยอาการที่เป็นผู้กระทำ
และเป็นผู้เสวยหรือรับผลเป็นต้น
เพราะฉะนั้น แม้บัญญัตินี้ พร้อมด้วยนิพพานซึ่งเป็น สิ่งที่มีอยู่ ท่านกล่าวว่า "วินิจฉัยว่าเป็น
อนัตตา" เพราะเสมอกันโดยความเป็นอสังขตะ จริงอยู่ สมมติแม้ไม่มีอยู่ ก็เป็นอสังขตะ เพราะไม่ถูกปัจจัยใดๆ กระทำขึ้น"
(นิพพานเป็นอสังขตธรรมที่มีจริง ส่วนบัญญัติเป็นอสังขตะที่ไม่มีจริง เพราะฉะนั้นอสังขตธรรมแท้จริงมี
อย่างเดียว คือนิพพาน แต่ทั้ง 2 อย่างนั้นเป็นอนัตตา)2. หลักธรรมหมวดใหญ่ที่ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งชาวพุทธรู้้จักกันดี คืออริยสัจจ์ 4 นิพพานก็อยู่ใน
อริยสัจจ์ 4 ด้วย คือเป็นจุดหมายของพระพุทธศาสนา ได้แก่ อริยสัจจ์ข้อ 3 ที่เรียกว่า "นิโรธ" คำว่านิโรธนี้เป็น
ไวพจน์ คือใช้แทนกันได้กับ "นิพพาน" พระไตรปิฎกเล่ม 31 ระบุว่าอริยสัจจ์ 4 ทั้งหมดซึ่งรวมทั้งนิโรธ คือนิพพานด้วยนั้น เป็นอนัตตา ดังนี้
อนตฺตฏฺเฐน จตฺตาริ สจฺจานิ เอกปฏิเวธานิ . . . นิโรธสฺส นิโรธฏฺโฐ อนตฺตฏฺโฐ.
(ขุ.ปฏิ. 31/546/450)
แปลว่า: "สัจจะทั้ง 4 (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) มีการตรัสรู้ด้วยกันเป็นอันเดียว (คือด้วยมรรค
ญาณเดียวกัน) โดยความหมายว่าเป็นอนัตตา . . . นิโรธมีความหมายว่าดับ(ทุกข์) ก็มีความหมายว่า
เป็นอนัตตา "อรรถกถาอธิบายว่า
อนตฺตฏฺเฐนาติ จตุนฺนมฺปิ สจฺจานํ อตฺตวิรหิตตฺตา อนตฺตฏฺเฐน.
(ปฏิสํ.อ.2/229)
แปลว่า: "คำว่า 'โดยความหมายว่าเป็นอนัตตา' หมายความว่า โดยความหมายว่าเป็น
อนัตตา เพราะสัจจะแม้ทั้ง 4 เป็นสภาวะปราศจาก อัตตา "3. อีกแห่งหนึ่ง ในพระไตรปิฎกเล่ม 31 คัมภีร์ปฏิสัมภิทามัคค์ กล่าวไว้ว่า
เอกสงฺคหิตาติ ทฺวาทสหิ อากาเรหิ สพฺเพ ธมฺมา เอกสงฺคหิตา ตถฏฺเฐน อนตฺตฏฺเฐน
สจฺจฏฺเฐน . . . (ขุ.ปฏิ 31/242/155)
แปลว่า: "ที่ว่ารวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน อธิบายว่า ธรรมทั้งปวงรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
โดยอาการ 12 คือ โดยอรรถว่าเป็นอย่างนั้น โดยอรรถว่าเป็นอนัตตา โดยอรรถว่าเป็นสัจจะ...."
อรรถกถาอธิบายความตรงนี้ไว้ให้ชัดขึ้นว่าสพฺเพ ธมฺมา เอกสงฺคหิตา สงฺขตาสงฺขตธมฺมา เอเกน สงฺคหิตา ปริจฺฉินฺนา. ตถฏฺเฐนาติ ภูต
ฏฺเฐน, อตฺตโน อตฺตโน สภาววเสน วิชฺชมานฏฺเฐนาติ อตฺโถ. อนตฺตฏฺเฐนาติ การกเวทกสงฺขาเตน อตฺต
นา รหิตฏฺเฐน. (ปฏิสํ.อ. 1/343)
แปลว่า: "ธรรมทั้งหลายทั้งปวงสงเคราะห์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน คือ ทั้ง สังขตธรรม (สังขาร/ขันธ์ 5)
และ อสังขตธรรม (นิพพาน) สงเคราะห์ หมายความว่า กำหนดได้โดยความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ที่ว่า " โดยอรรถว่าเป็นอย่างนั้น " (ตถา) คือโดยอรรถว่า มีอยู่ หมายความว่า โดยอรรถว่า มีอยู่ตามสภาพของมัน ๆ
ที่ว่า " โดยอรรถว่าเป็นอนัตตา " คือโดยความหมายว่าปราศจากอัตตา ซึ่งนับว่าเป็นผู้ทำและผู้
เสวยหรือรับผล...."
4. ในพระไตรปิฎกเล่ม 17 กล่าวถึงพุทธพจน์ว่า
สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจา, สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตาติ (สํ.ข. 17/233)
แปลว่า: " สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยง ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา "อรรถกถา อธิบายว่า
สพฺเพ สงฺขารา อนิจฺจาติ สพฺเพ เตภูมกสงฺขารา อนิจฺจา.
สพเพ ธมฺมา อนตฺตาติ สพเพ จตุภูมกธมฺมา อนตฺตา (สํ.อ. 2/346)
แปลว่า: "พุทธพจน์ว่า สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยงหมายความว่า สังขารในภูมิ 3 (กามาวจรภูมิ รู
ปาวจรภูมิ อรูปาวจรภูมิ) ทั้งปวง ไม่เที่ยง
พุทธพจน์ว่า ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา หมายความว่า ธรรมในภูมิ 4 (กามาวจรภูมิ รูปาวจร
ภูมิ อรูปาวจรภูมิ และโลกุตตรภูมิ คือมรรค ผล นิพพาน) ทั้งหมดทั้งปวงเป็นอนัตตา "
5. อรรถกถาที่อธิบายเรื่องเหล่านี้ยังมีอีกมากมาย จะยกมาเพียงอีก 2-3 แห่งก็เพียงพอ ที่จริงเพียงแห่ง
เดียวก็ต้องถือว่าพอ เพราะไม่มีที่ใดขัดแย้ง1) สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตาติ นิพฺพานํ อนฺโตกริตฺวา วุตฺตํ (นิทฺ.อ.2/8)
แปลว่า: "ข้อความว่า ' ธรรมทั้งปวงเป็นอนัตตา' นั้น พระพุทธองค์ตรัสรวมทั้งนิพพานด้วย"
2) สพฺเพ ธมฺมาติ นิพฺพานมฺปิ อนฺโตกริตฺวา วุตฺตา อนตฺตา อวสวตฺตนฏฺเฐน.
(นิทฺ.อ. 1/219 และ ปฏิสํ.อ. 1/68)
แปลว่า: " ข้อความว่า ' ธรรมทั้งปวง' ตรัสไว้รวมแม้ทั้งนิพพานด้วย ชื่อว่าเป็นอนัตตา โดยความหมาย
ว่าไม่เป็นไปในอำนาจ "บางแห่งใช้คำว่า อัตตสุญญ แปลว่า ว่าง หรือ สูญจากอัตตา ก็มี เช่น
3) นิพฺพานธมฺโม อตฺตสฺเสว อภาวโต อตฺตสุญฺโญ (ปฏิสํ.อ. 2/287)
แปลว่า: "ธรรม คือนิพพาน สูญ (ว่าง) จากอัตตา เพราะไม่มีอัตตานั่นเอง "
4) สงฺขตาสงฺขตา ปน สพฺเพปิ ธมฺมา อตฺตสงฺขาตสฺส ปุคฺคลสฺส อภาวโต อตฺตสุญฺญาติ.
(ปฏิสํ.อ. 2/287)
แปลว่า: " ก็ธรรมทั้งหลาย แม้ทั้งปวง ทั้งสังขตะ (สังขาร) และอสังขตะ (นิพพาน) ล้วนสูญ (ว่าง) จาก
อัตตา เพราะไม่มีบุคคล กล่าวคือ อัตตา "เอกสารของวัดพระธรรมกาย กล่าวว่า
" อัตตามีนัยมากมาย ทั้งอัตตาโดยสมมติ...และอัตตาในระดับที่สูงขึ้น "
ขออธิบายสั้นๆ ว่า ในที่นี้ ข้อความในพระไตรปิฎก และอรรถกถานั้น ปฏิเสธตรงไปที่อัตตาเลย ไม่ว่าจะ
มีกี่นัย คือ ไม่ต้องปฏิเสธนัยไหนของอัตตาทั้งนั้น แต่ปฏิเสธอัตตาทีเดียวหมดไปเลย คือปฏิเสธอัตตาว่าไม่มีอยู่
จริงโดยปรมัตถ์ เป็นอันว่าไม่ต้องไปพูดว่าเป็นอัตตาหรือตัวตนแบบไหน นัยอย่างไหน เพราะท่านไม่ได้ปฏิเสธ
ความหมายต่างๆ ของอัตตา แต่ท่านปฏิเสธที่คำว่าอัตตาตรงไปตรงมา ทีเดียวเสร็จสิ้นไปเลยว่า อัตตาโดย
ปรมัตถ์ไม่มี ส่วนอัตตาโดยสมมติ คือตัวตนตามภาษาพูดที่ใช้สื่อสารในชีวิตประจำวันและในระดับศีลธรรม ก็
เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ไม่ได้มีปัญหาอะไร หมายความว่า นอกจากอัตตาที่ท่านปฏิเสธไปแล้วนี้ คำที่กล่าวถึงอัตตา
ก็เป็นการกล่าวโดยสมมติเท่านั้น
แต่ที่สำคัญก็คือว่า ไม่มีพุทธพจน์ หรือข้อความในอรรถกถา หรือในคัมภีร์แห่งใดที่ระบุว่านิพพานเป็น
อัตตา แต่มีชัดเจนที่ระบุว่านิพพานเป็นอนัตตาส่วนคำว่าอัตตาจะใช้ในนัยไหน อันนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งหรือเป็นอีกประเด็นหนึ่งทีเดียว และก็ไม่ได้มี
ปัญหาอะไรในเมื่อเรารู้อยู่แล้วว่าเป็นการใช้โดยสมมติทั้งสิ้น
ที่มาืื http://dhammakaya.exteen.com/20050418/entry-29
นิพพานยังอยู่ภายใต้กฎไตรลักษณ์ คือ เป็นอนัตตาครับ(แต่ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นอนิจจัง)
ที่กล่าวว่า " พ้น" นั้น พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดใน ๓๑ ภพภูมิ...ขอรับ
มีบทความอีกบทหนึ่งของ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย
เรียบเรียงโดย พระมหาบุญไทย ปุญญมโน
"นิพพานเป็นอนัตตา" แนะนำให้อ่านครับ คลิกลิงค์นี้ได้เลย http://www.mbu.ac.th/index.php?option=com_content&task=view&id=384&Itemid=148&limit=1&limitstart=0