ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: บทความ ยุคอารยะ : ตอนที่ 2 หมากเกมนี้ ของ เทวา กับซาตาน  (อ่าน 2224 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28453
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
บทความ ยุคอารยะ : ตอนที่ 2 หมากเกมนี้ ของ เทวา กับซาตาน
 โดย:มนสิชา  พงศตานนท์

          ของดีๆแพงๆทั้งนั้นในความ รู้สึกของหญิงชรา  หากแต่ราคาหาใช่อุปสรรคของการให้  อะไรล่ะจะดีไปกว่าการได้ลิ้มรสความสุขที่เกิดจากการได้เห็นอีกคนมีความสุข  เธอคงรู้สึกเหมือนกำลังถูกหวยรางวัลเล็กๆอยู่ก็ได้ แต่ข้าพเจ้าเองกลับรู้สึกดีไปยิ่งเสียกว่าถูกรางวัลแจ็คพอต  เพราะจะมีกี่ครั้งกี่หนกัน ที่เราได้มีโอกาสหยิบยื่นในสิ่งที่คนๆหนึ่งไม่คิดว่าจะมีวันได้  หญิงขอทานเนื้อตัวมอมแมมที่ต้องคุ้ยหาขยะประทังชีวิต ไม่คิดว่าจะมีใครซื้อของดีๆให้เธอฟรีๆโดยไม่รู้จักกัน  และไม่เคยถามชื่อกันด้วย

          วันนั้นเป็นวันที่น่าจดจำและมีความสุขของคนถึง 4 คน คือตัวข้าพเจ้า 1 หญิงชราขอทาน 1 และพนักงานร้านเซเว่นอีเลเว่นอีก 2 ข้าพเจ้ารู้ดีว่า  นี่คือการสอนเพื่อนมนุษย์เรื่องการให้ที่ดีที่สุด คือ สอนโดยกระทำให้ดู  ที่ไม่มีแม้ประโยคใดๆออกมาจากปากข้าพเจ้าเลย เพียงแต่แววตาที่แอบซาบซึ้งของพนักงานทั้งสองนั่นต่างหาก ที่เป็นตัวการันตีได้ว่า  บทเรียนสำคัญเรื่องทานบารมี  ได้เข้าไปฝังอยู่ในใจของทั้งคู่เรียบร้อยแล้ว  และแน่นอน การพูดกันแบบปากต่อปาก  คือการสอนที่ทรงพลังที่สุด!

         ย้อนกลับไปเมื่อสมัยยังเป็นเด็กนักเรียนมัธยมต้นอีกครั้ง  ข้าพเจ้าเองเคยได้เรียนเกี่ยวกับระบบการค้าตั้งแต่ยุคโบราณ  ที่ใช้วิธีการแลกเปลี่ยนสินค้ากัน เช่น ใครมีมะพร้าว ก็เอามะพร้าวมาแลกข้าว แลกเกลือ หรือแลกผลิตผลอื่นๆที่ตนเองไม่มี  ซึ่งระบบการค้าแบบนั้นได้หายสาปสูญไปจากโลกปัจจุบันนานแล้ว


         ในวัยเด็กที่ข้าพเจ้าพอจะจำได้ ตามหน้าบ้านของคนในชนบท  จะมีโอ่งดินเผาเล็กๆพร้อมกระบวยที่ทำจากกะลามะพร้าววางไว้  ใส่น้ำดื่มที่เย็นชื่นใจ ไว้ให้คนที่สัญจรผ่านไปมาได้แวะตักดื่มกิน  น้ำท่าหน้าบ้านมีให้กินกันทุกที่  หากไปพูดให้คนตอนนั้นฟังว่า  สมัยนี้ไม่มีแล้วน้ำเย็นชื่นใจในโอ่งดิน  น้ำต้องซื้อกันเป็นขวดๆ  แม้แต่ร้านขายข้าวมันไก่ข้าวหมูแดงในตลาด  ที่เคยมีน้ำชาใส่น้ำแข็งเย็นๆบริการลูกค้าฟรี  เดี๋ยวนี้ก็กลายเป็นธุรกิจไปเกือบหมด  ทุกร้านมีน้ำดื่มบรรจุขวดตั้งขาย  เหลืออยู่เพียงไม่กี่ร้านที่ยังคงบริการน้ำฟรีให้ลูกค้าเหมือนเดิม โลกหนอช่างเปลี่ยนไปมากเสียจริงๆ

        นี่ใช่ไหมที่มาพร้อมกับระบบทุนนิยม ?

        โลกแบบนี้หรือที่เราต้องการ ?

        ห่างไปอีกซีก โลกหนึ่ง  กลุ่มคนหลงตัวเองได้ตั้งสมาคมลับๆขึ้นมาเพื่อจัดสรรโลกใบนี้ให้เป็นไปตามที่ ใจตนนึกปรารถนา  พวกที่ครั้งหนึ่งเคยหนีหัวซุกหัวซุนในสงครามล้างเผ่าพันธ์ของฮิตเล่อร์  กลับมามีอำนาจบาตรใหญ่กว่าเดิมในเวทีโลก ข้าพเจ้ารู้เรื่องราวของคนเหล่านี้มาได้สักระยะ และเห็นพ้องตรงกับหลายท่านในเรื่องของระบบเศรษฐกิจการค้าที่ไม่มีความเป็น ธรรมที่คนพวกนี้สร้างขึ้นมาเพื่อควบคุมโลกทั้งใบไว้ในมือ  ผ่านสัญลักษณ์แทนโลหะมีค่าเช่น เงิน และทองคำ ด้วยกระดาษที่ตี๊ต่างกันว่า มีค่าเท่ากับทองคำ หรือที่เราเรียกว่า ธนบัตรนั่นเอง

        ธนบัตรที่เราใช้แทนค่าเงินตราในปัจจุบันนี้ ถูกคิดค้นขึ้นโดยกลุ่มคนที่เชื่อว่าหัวหมอที่สุดเรื่องทำการค้า และเป็นที่แพร่หลายแทนโลหะมีค่าอย่างเช่น เงิน และทองคำ ฟังดูเหมือนจะดี แต่หารู้ไม่ว่าตั้งแต่โลกของเราก้าวเข้าสู่ระบบทุนนิยมเต็มขั้น  ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนที่มีมากอยู่แล้วเป็นทุนเดิม  ยิ่งขยายออกไปอีกราวฟ้ากับหุบเหว
 

   
       คุณคิดว่าใครอยู่เบื้องหลังธนาคารโลกหรือ World Bank ?

       คุณคิดว่าใครคือ IMF ที่เล่นบทพระเจ้าเที่ยวไปทุบค่าเงินชาวบ้านได้ตามใจชอบ ?

       คุณคิดว่ากลุ่มทุนใดที่มีอำนาจมากขนาดวางตัวประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาได้ ?

       คุณคิดว่าการเข้าแทรกแซงปัญหาตะวันออกกลางเป็นไปเพื่อมนุษยธรรมหรือเพื่อน้ำมัน ?

       คุณคิดว่าระบบการเงินการธนาคารปัจจุบันเป็นธรรมจริงหรือ ?
   



       คุณคิดว่าใครอยู่เบื้องหลังการวางแผนการศึกษาของคนทั่วโลกกันล่ะ ที่สอนให้เด็กๆที่เพิ่งลืมตาดูโลกทุกคน  ต้องแข่งขันกันเรียน  แข่งกันทำงาน  แข่งกันมีบ้านหลังใหญ่ๆ รถราคาแพงๆ นาฬิกาเรือนเป็นแสนเป็นล้าน  มีเงินในบัญชีธนาคารเยอะๆ ใช้บัตรเครดิต และแสวงหาอุปกรณ์ไฮเทคทุกชนิดมาครอบครองให้ได้ ตามโฆษณาชวนเชื่อในทีวี ?

       นั่นสินะ  ใคร ?

       ขณะที่กำลังเขียนบทความนี้อยู่  สถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติได้ซาลงไปสักพัก  แต่กลับส่งสัญญาณไม่น่าไว้วางใจหลายประการออกมาให้รู้สึกได้  ก่อนพายุใหญ่มา  ท้องฟ้าจะโปร่งใสเสมอ

        ข้าพเจ้าได้สนทนาออนไลน์กับรุ่นน้องคนหนึ่งในเรื่องนี้  เราต่างเชื่อว่าจะถึงกาลอวสานของของระบบทุนนิยมที่ไม่เป็นธรรมเหล่านี้แล้ว  ตามคำทำนายที่มีมาช้านานของทุกศาสนา ถึงการสิ้นสุดของยุคหลังการล้าง


         "คุณเอ๋พูดเหมือนกับที่ฝรั่งพวกหนึ่งพูดเลย"

         "ใครเหรอ  แล้วเขาว่ายังไง" ข้าพเจ้าถามกลับไปเมื่อเราสนทนากันอย่างออกรสในเรื่องภัยพิบัติใหญ่อันใกล้นี้

         "มีฝรั่งอยู่กลุ่มหนึ่งที่เขาศึกษาเรื่องนี้กันมานาน  พวกนี้ยังบอกอีกว่า อนาคตระบบทุนนิยมจะล่มสลาย คนจะไม่ใช้เงินกันแล้ว แบบที่คุณเอ๋พูดนี่แหละ และยังบอกอีกว่า ต่อไปประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางแห่งใหม่ของโลก "

        "แล้วเขาเอามาจากไหนล่ะ" ข้าพเจ้าซักต่อ เพราะเคยพูดกับเขาไว้ว่า  ตามคำทำนายเรื่องการเปลี่ยนยุค คนสมัยชาววิไลเขาจะไม่สนใจเงินทองกัน  แต่ทุกคนจะแข่งกันทำบุญทำกุศลแทน

        " เป็นพวกที่ติดต่อกับต่างดาวได้ เรียกว่ากลุ่มเซต้า เขาคุยกันผ่านทางบล็อกแล้วก็มีคนแปลมาอีกที"

        ข้าพเจ้านิ่งทบทวน  นึกถึงเหตุการณ์สึนามิใหญ่ที่ญี่ปุ่น  เค้ารางที่เคยสงสัยก็เริ่มปรากฏชัดเจนขึ้นมาทุกที  ทำไมต้องเป็นญี่ปุ่นก่อนนั้นน่าคิด  เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ผลิตและส่งออกรถยนต์มากที่สุดในโลก  และรถยนต์นี่แหละได้ชื่อว่าเป็นตัวการก่อมลภาวะให้กับสิ่งแวดล้อมอันดับต้นๆ ที่ทำให้เกิดก๊าซเรือนกระจก  สาเหตุสำคัญที่ทำให้โลกร้อนขึ้น จนน้ำแข็งขั้วโลกละลาย และโลกเริ่มเสียสมดุลย์จากน้ำหนักที่มากกว่าเดิม ทำให้โลกพยายามปรับสมดุลย์ด้วยการค่อยๆเปลี่ยนขั้ว ส่งผลให้แผ่นดินไหว และเกิดสึนามิ กลับมาที่ญี่ปุ่นอีกครั้ง ! นี่มันบูมเมอแรงชัดๆ


       "เอา ละคุณดัฟ  ถ้าคุณต้องรับบทมหาเทพ ที่กำลังเล่นหมากรุกอยู่กับซาตาน ที่จ้องแต่จะโกงคุณอยู่ตลอดเวลา  เมื่อเกมใกล้จะสิ้นสุดแล้วคุณก็ยังถูกโกงอยู่  วิธีที่จะจบเกมส์ให้เร็วที่สุดและเสียเปรียบน้อยที่สุดต้องทำอย่างไร" ข้าพเจ้าลองถามรุ่นน้องคนนั้น  เขานิ่งไปครู่จึงตอบกลับมางงๆ

       "ไม่รู้สิ ต้องทำยังไงครับ"

       "ล้มกระดานไง !"

       "ล้มกระดาน!"  ดัฟทวนคำ

        "ใช่ค่ะ เหล่าเทพเทวาจำเป็นต้องล้างระบบ ด้วยวิธีนี้แหละ นี่คือคำตอบว่าทำไมญี่ปุ่นต้องโดนก่อน" ข้าพเจ้าคลี่คลายข้อสงสัย

        ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ผลิตเทคโนโลยีใหม่ๆมากที่สุดในโลก  และปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เทคโนโลยีเหล่านี้ส่วนมากเป็นตัวการให้เกิดมลภาวะต่างๆตามมามากมายจากกระบวน การผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมทั่วโลก


       แล้วพวกซาตานที่โกงมาตลอดก็คือพวกที่อยู่เบื้องหลังทุนนิยมที่ทำร้ายโลกของ เรา  ดังนั้นหากจะจบเกมให้เร็วบางครั้งต้องแลกกับการสูญเสียครั้งใหญ่บ้าง

       "พวกซาตาน ที่พี่ว่าคือพวกนี้ใช่ไหม  อิลูมินาติ" ดัฟถาม

       "ใช่จ้ะ  พวกเรากำลังอยู่ในสงครามของเทวากับซาตาน  ที่กำลังอุบัติขึ้นในไม่กี่วันนี้แล้ว!       
       
         เตรียมพร้อมสำหรับการกวาดล้างรึยัง? อิลูมินาติ"


 
   โปรดติดตามตอนต่อไป

บทความ ยุคอารยะ : ตอนที่ 1 คำถามจากโลกของทุนนิยม
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=3661.0


ที่มา  http://www.naksompra.com/index.php?mo=3&art=614822
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เมษายน 28, 2011, 07:20:23 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

sakol

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 242
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
อ่าน คร่าว ๆ แล้วน่ากลัว ว่าพวกคลั่งลัทธิ ต่าง ๆ กำลังวางแผนฆ่าคนอยู่ ทั่วโลกใช่หรือไม่

ดูอย่างเขมร ที่ว่าไปแล้ว ศักดานุภาพ เทียบไทยไม่ได้ ยังหาญทำลายไทยเลย ต้องมีพวกทุนนิยม ลัทธิ เหล่านี้สนับสนุนอยู่แน่ ๆ ดูจาก อียิปต์ฺ ไปเรื่อย ๆ

สมัยที่พวกยิว ถูกฆ่าล้างเผ่าพันธ์ โดย พวกเยอรมัน นั้น...ดูแล้ว นึกแล้ว ชะตาโลก ชะตากรรม

มนุษย์ กลัวภัยพิบัติ แต่ความเป็นจริง ภัยที่เกิดจากมนุษย์นั้นน่ากลัวกว่ามาก เช่น นิวเคลีย อย่างญี่ปุ่นที่ประสพปัญหาเรือง รังสีรั่ว เป็นต้น

 :91:
บันทึกการเข้า