ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พาเที่ยวชม บู๊ตึ่ง ไท้เก็ก กำเนิดที่นี่ ครับ  (อ่าน 3378 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

มหายันต์

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 154
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
เขาบู้ตึ๊ง หรือ อู่ตังซัน (ในภาษาจีนกลาง) มีอีกชื่อว่า ไท่เหอซัน เป็นเทือกเขาที่มีความสำคัญของลัทธิเต๋า ที่เล่าสืบมาว่า ปรมาจารย์เจินอู่ หรือเทพเจ้าเสวียนอู่(玄武神)ที่ศาสนาเต๋าเคารพนับถือ ได้บำเพ็ญตบะบนยอดเขาแห่งนี้ รู้สึกติดอกติดใจกับเทือกเขา ที่เสมือนเป็นแดนสุขาวดี ได้ใช้วิชาทั้งบุ๋นและบู้ต่อกรกับภิกษุหลายรูปของฝ่ายพุทธ จนได้รับชัยชนะ สามารถยึดเขาแห่งนี้เป็นที่พำนักสืบมา...





      เขาบู้ตึ๊ง ได้กลายมาเป็นแหล่งฝึกวิชา และเข้าฌานของนักพรตลัทธิเต๋า หลายสำนักมาหลายยุคสมัย และยังเป็นที่กำเนิดสุดยอดวิชากังฟูที่โด่งดัง ตามที่เราเคยคุ้นหูคุ้นตาในนิยายกำลังภายในด้วย เขตโบราณสถานบนเขาบู้ตึ๊ง มีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 321 ตร.กม. ประกอบด้วย ส่วนที่เป็นหมู่ตึกโบราณ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม และส่วนที่เป็นทิวทัศน์ธรรมชาติ อาทิ สระน้ำ บ่อน้ำพุร้อน ถ้ำ หน้าผาและยอดเขา รวมกว่าร้อยแห่ง




      บนเขาบู้ตึ๊ง มีสถาปัตยกรรม นับตั้งแต่สมัยถัง ซ่ง หยวน หมิง และชิง โดยส่วนใหญ่ เป็นอารามหรือวิหารที่มีความสำคัญในศาสนาเต๋า ซึ่งโบราณสถานที่หลงเหลือมาจนทุกวันนี้ส่วนใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมสมัยราชวงศ์ หมิง ที่เป็นเช่นนี้สืบเนื่องมาจาก กษัตริย์เฉิงจู่จูตี้ (หย่งเล่อ) ทรงเคารพเลื่อมใสในศาสนาเต๋าอย่างแรงกล้า ในรัชสมัยของพระองค์โปรดให้มีการสร้างศาสนสถานของศาสนาเต๋าขึ้นมากมายนั่น เอง

     โบราณสถานเก่าแก่ คือ ศาลเจ้าห้ามังกร (อู่หลงฉือ) จักรพรรดิถังไท่จง หลี่ซื่อหมิน แห่งราชวงศ์ถัง มีพระราชโองการรับสั่งให้สร้างขึ้น ระหว่างปี ค.ศ.627-649 ต่อมา ในสมัยราชวงศ์ซ่ง เกิดกระแสเลื่อมใสศรัทธาเทพเจ้าเจินอู่(เสวียนอู่) ฐานของศานาเต๋าจึงเริ่มหยั่งรากขึ้นบนเขาบู้ตึ๊ง จนกระทั่งมาในสมัยราชวงศ์หมิง ศาสนาเต๋าเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด จนกลายเป็นศูนย์รวมของกิจกรรมทางศาสนาเต๋าทั่วประเทศ และยังเป็นที่ตั้งของวัดแห่งราชสำนักหมิงที่สำคัญด้วย



     ณ ยอดเทียนจู้ ยอดเขาที่สูงที่สุด มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 1,612 เมตร เป็นที่ตั้งของวิหารใหญ่แห่งศาสนาเต๋า จินเตี้ยน สร้างขึ้นเมื่อปีที่ 14 (ค.ศ.1416)ในรัชสมัยจักรพรรดิหย่งเล่อ แห่งราชวงศ์หมิง มีความสูง 5.5 เมตร กว้าง 5.8 เมตร ภายในวิหาร งามวิจิตรด้วยลวดลายบนเสาเอกและเพดานประดับมุข เป็นที่ประดิษฐานรูปสำริดของเทพเจ้าเจินอู่(เสวียนอู่) น้ำหนัก 10 ตัน ด้านนอกวิหาร เป็นกำแพงเมืองจื่อจินเฉิง มีความยาว 1,500 เมตร ก่อขึ้นเป็นรูปทรงภูเขา นอกจากนี้ยังมีพระราชวังจื่อเซียว ที่สร้างขึ้นในสมัยหย่งเล่อ ปีที่ 11 (ค.ศ.1413) ที่สามารถอนุรักษ์อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุดมาจนถึงวันนี้



     แหล่งธรรมชาติบนเขาบู๊ตึ๊ง มักมีชื่อที่เกี่ยวเนื่องกับสัตว์ และมีความเชื่อรวมถึงที่มาต่างๆกัน เช่น บริเวณรอบๆวิหารจินเตี้ยน เรียก ‘ลานแสวงบุญ’ เนื่องจากทุกปีในวันแรกของฤดูใบไม้ร่วง จะมีมดมีปีกจำนวนมากบินมาเกาะบริเวณดังกล่าว และไม่บินไปไหนจนกระทั่งตายหมดทั้งฝูง ชาวบ้านจึงเชื่อว่า มดมีปีกเหล่านี้บินมาสักการะเทพเจ้าเสวียนอู่ จึงให้ชื่อบริเวณนั้นตามเรื่องมหัศจรรย์ดังกล่าว

      หรือเช่นบริเวณ ‘เขาอีการับอาหาร’ ‘เสือดำลาดตระเวนเขา’ มีเรื่องที่เล่าสืบมาว่า เมื่อครั้งพระอาจารย์เจินอู่เดินทางมาจาริกแสวงบุญบนเขาบู้ตึ๊ง มีเสือดำคอยเปิดทางขึ้นเขา และมีอีกาคอยนำทางให้ ช่วงเวลาที่ท่านบำเพ็ญตบะ อีกาจะคอยร้องเตือนบอกเวลา เมื่อถึงรุ่งสางของทุกวัน และเสือดำคอยป้องกันระวังภัยให้ เมื่อพระอาจารย์เจินอู่ สำเร็จวิชาบรรลุเป็นเทพเจ้า กาตัวนั้นจึงได้ยศเป็นทหารเทพ ส่วนเสือดำก็เป็นขุนศึกลาดตระเวนบนภูเขาแห่งนี้

      ครั้นต่อมา เนื่องจากความเชื่อดั้งเดิมของอุบาสก อุบาสิกาในศาสนาพุทธ ที่ว่า กาดำเป็นสัตว์อัปมงคล ชอบนำเรื่องร้ายมาสู่มากกว่าเรื่องดี ดังนั้น เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงโชคร้าย เมื่อพุทธศาสนิกชนได้มาที่เขาบู้ตึ๊งและเดินทางมาถึงบริเวณ ‘เขาอีกา’ จะโยนข้าว หรือข้าวโพดที่นำติดตัวมา ขึ้นไปบนอากาศ แล้วตะโกนว่า ‘อีกามารับอาหาร’ อีกาที่บินมาเป็นฝูง จะกางปีกอ้าปากรับอาหารที่คนโปรยให้ จึงเกิดเป็นชื่อเขาดังกล่าว



     จางซันเฟิง(张三丰)ชื่อเดิม จางเฉวียนอี หรือ จางจวินอี้ว์ นักบวชเต๋าแห่งเขาบู้ตึ๊ง ในปลายสมัยซ่งเหนือ ‘ซันเฟิง’ เป็นฉายาที่ใช้เมื่อออกบวช เกิดในปี ค.ศ.1247 ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน บริเวณที่เป็นมณฑลเหลียวหนิงในปัจจุบัน เริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวบ้านสามัญชน จากฝีมือการช่วยเหลือคนเจ็บไข้ ด้วยหลักการรักษาโดยใช้กำลังภายใน

      ปรมาจารย์จางซันเฟิงหรือเตียซำฮง ได้ให้กำเนิดหมัดมวยสำนักบู้ตึ๊ง ซึ่งโด่งดังเคียงคู่มากับหมัดมวยเส้าหลิน ของสำนักพุทธแห่งเขาซงซัน ท่านได้ คิดค้นมวยบู้ตึ๊ง จากการศึกษาทฤษฎีพื้นฐานของศาสตร์หยินและหยาง ศาสตร์เรื่องธาตุทั้งห้า และหลักการของแผนภูมิทั้งแปด (ปา กว้า八卦) โดยท่านสามารถสังเคราะห์แก่นแท้ของศาสตร์เหล่านี้เข้าด้วยกัน และหลอมรวมมาเป็นทฤษฎีของหมัดมวยบู้ตึ๊ง

      กังฟูสำนักบู้ตึ๊ง มีการกำเนิดเกี่ยวเนื่องลึกซึ้งกับศาสนาเต๋า ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเนื่องจาก ในระหว่างการบำเพ็ญตบะ นักบวชในศาสนาเต๋าจะต้องเรียนฝึกกังฟูไปพร้อมกันด้วย โดยมีเป้าหมายหลัก เพื่อฝึกปรือให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง การฝึกกังฟูของสำนักบู้ตึ๊งมีหลักการคือ ฝึกการควบคุมกำลังภายใน (Internal styles 内家拳派) ใช้ความนุ่มนวลสยบความแข็งแกร่ง ภายหลังมีการพัฒนาจนเป็นวิทยายุทธ์การต่อสู้ด้วยมือเปล่าที่แกร่งกล้า และเป็นที่ยอมรับไปทั่ว

      มวยบู้ตึ๊ง ประกอบด้วยมวยหลัก 3 สายวิชา ได้แก่ มวยไท่จี๋ (ไทเก็ก) มวยสิงอี้ (สิงอี้เฉวียน ท่าทางการต่อสู้เลียนแบบการเคลื่อนไหวของสัตว์ เช่น เสือ วานร มังกร เหยี่ยว นางแอ่น เป็นต้น) และฝ่ามือแปดทิศ (ปา กว้าจ่าง เคลื่อนไหวโดยการสืบเท้าเป็นรูปวงกลม และแปลงกระบวนท่าฝ่ามือเป็นท่าต่างๆ) ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นศิลปะการต่อสู้ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของประเทศจีน ที่โด่งดังและได้รับการยอมรับไปทั่วโลก


     - ข้อควรระวัง

     มารยาทการเข้าวัดเต๋าหรือโบราณสถานของลัทธิเต๋า คล้ายคลึงกับวัดพุทธ เช่น ห้ามส่งเสียงดัง ไม่เหยียบธรณีประตู ไม่พูดคำหยาบ ห้ามดื่มเหล้า

     แต่ มีข้อยกเว้นอีกว่า ห้ามใช้นิ้วชี้หรือหันหลังให้รูปเคารพในวัด ห้ามถามอายุนักพรตเต๋า(มีเหตุผลมากมายตามความเชื่อในศาสนาเต่า)

     ของ เซ่นไหว้ในวัดมีข้อกำหนดว่า ห้ามไหว้ลูกทับทิม ลูกพลัม ไก่ สุนัข ดอกไม้สีแดงฉูดฉาด มีสถานที่ต้องห้ามหลายแห่ง กรุณาเดินตามไกด์ เพื่อความปลอดภัยและสิริมงคลของตัวท่านเอง


ข้อมูล

http://travel.thaiza.com
http://www.travelprothai.com/
บันทึกการเข้า