เป็นเรื่องเมื่อครั้ง เป็น สามเณร ก็เป็นไปตามนัั้นตอนนั้นอายุประมา 17 ปี เกิดความฟุ้งซ่านมาก ฟังธรรมในแนวทางสวนโมก ( ครั้งเมื่ออยู่ที่สวนอิทัป ) แล้วเกิดอยากปฏิบัติให้ิสิ้นภพ สิ้นชาติ อย่างแรงกล้า ก็เลยมุมานะฝึกวิชา อานาปานสติ จากหนังสือ ธรรมโฆษณ์ หลวงพ่อพุทธทาส แต่สุดท้ายฟุ้งซ่าน มาก ๆ รู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก เดินกระสับกระส่าย ฟุ้งซ่านในป่า
ครั้นเดินไปมาก ๆ รู้สึกเหนื่อย พอเหนื่อยก็มานั่งแล้ว ก็นึกในใจว่า อยากเรียนวิชาเดินเร็วจัง จะได้เดินให้หายฟุ้งซ่านกันไปข้าง นึกดังนั้น ก็พนมมือนึกถึง พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ขอให้แจ้งในวิชากกรรมฐาน เพื่อคลาย ความกระสับกระส่าย นึกอยู่อย่างนั้น เป็นเวลา 2 วัน ก็ปรากฏมีพรสงฆ์รูปหนึ่งเป็นพระชราภาพ ท่านเดินธุดงค์ผ่านมา ขอน้ำฉันหน้ากุฏิ
ตอนนั้นก็สงสัยอยู่ว่า หลวงตาที่มาขอน้ำท่านเดินธุดงค์อย่างไร ไม่มีเครื่องอัฏฐบริขารเลย ก็นึกอยู่เช่นนั้น ท่านก็ชวนคุยไปสักพัก ก็ถามว่า เณร อยากเรียน วิชาเดินไว ไหม จะสอนให้ หลวงตาพูดเหมือนรู้ใจ ก็โดนใจ ท่านก็บอกว่าจะสอนให้ ก็เลยขอเรียนกับท่าน วิชานี้ เรียกว่า วิชาย่นฟ้าย่อพสุธา ( ชื่อเป็นทางการ ) ในวิชามีการเดินจิต ธาตุลมไปใส่ที่เท้าสองข้าง และให้ปิดวาจากห้ามพูดคุยกับใครทั้งสิ้นจนกว่าจะถึงเป้าหมาย ในขณะเคลื่อนตัวไป ให้บริกรรม อิติปิโส ถอยหลังไปเรื่อยๆ วิชาก็มีเท่านี้
หลังจากหลวงตา ท่านจากไปก็เริ่มฝึกท่อง อิติปิโส ถอยหลัง ท่องอยู่ 2 วันถึงใช้ร่วมกับ ลูกประคำ 108 เม็ด วันที่ 3 ก็นึกสนุกตามประสา เณรหนุ่ม จึงอธิษฐานไปสถานที่รู้จักใกล้ ๆ ตอนนั้นก็นึกถึงเขาพรมสวรรค์ เคยไปเที่ยวมาและพอจะอยู่ใกล้ ๆ ก็เลยอธิษฐานจิต และ เริ่มบริกรรม แล้วออกเดิน สมัยนั้นเป็นทางลูกรัง ก็เดินเท้าเปล่าไป การเดินก็เดินธรรมดา แต่พอรู้ตัว ก็ึถึงวัดที่กำหนดแล้ว เหลียวมองนาฬิกาลาน ทีพกมาด้วยปรากฏว่าใช้เวลาไป 1 ฃม. ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดว่า เดินไว ก็เลยแวะคุยกับ หลวงพี่เจ้าอาวาสวัดหนองจาน ( หลวงพี่ศรีนวล )
ท่านก็ถามว่า เณรมาอย่างไร นี่
ก็ตอบว่า เดินมาครับ
หลวงพี่ศรีนวล ถามต่อ แล้วเณรเดินมาจากไหน
ผมเดินมาจาก สวนพุแค ครับ
โอ เก่งนี่ เดินมากี่โมง
ตอนเที่ยงครับ ถึงนี่ บ่ายโมง
หลวงพี่ศรีนวล พูดด้วยความแปลกใจว่า ไม่ใช่มั้งเณรจะเดินมาถึงนี่ 1 ชม เป็นไปไม่ได้
ด้วยความสงสัยก็เลยถามว่า ทำไมครับ หลวงพี่
หลวงพี่ศรีนวล ก้จาก พุแค มาถึงนี่ 18 กม.นะจะเป็นไปได้อย่างไร ที่จะเดินได้ไวอย่างนั้น
ตัวเองก็เลยสงสัย ว่า หลวงพี่พูดหลอกเราแล้วกระมัง เราว่ามันแค่ 3 กม. เอง ( ในใจคิดอย่างนั้น )
ก็เลยถามท่านว่า หลวงพี่ ถ้าผมเดินกลับไปทางหน้าพระลาน จะใกล้หรือ ไกลว่า ครับ
หลวงพี่ศรีนวล ตอบว่า ถ้าเณร กลับไปทางจะใกล้กว่าประมาณ 2 กม. ประมาณ 19 กม.
จากวัดเขาพรหมสวรรค์ ถึง แยกเขารวก 7 กม.
จากแยกเขารวก ถึง หน้าพระลาน 7 ก.ม.
จากแยกหน้าพระลาน ถึง สวนประมาณ 5 กม.
ขากลับก็ลองจับระยะทาง กับ เวลาเดินกลับตอน 15.00 น. ถึง สวนพุแค 16.00 น. ตรง ๆ เลย
อันนี้คือประสบการณ์ ตอนเป็นสามเณร นะจ๊ะ ไม่ใช่มากล่าวอุตริ ปัจจุบันวิชานี้ไม่ได้นำมาใช้ เพราะมีข้อห้ามคือ เมื่อเรา ย่นระยะทางลงเท่าใด เราต้องไปเดินจงกรมตามระยะทางที่ย่นลงไปด้วย ไม่งั้นเป้นหนี้บุญ คือบุญบารมีที่สร้างมาจะหมดได้ ให้ยามจำเป็น ในชีวิตนี้ อาตมาใช้วิชานี้ 3 ครั้งเอง
เล่าพอให้ได้รื่นรมย์ ในการภาวนานะจ๊ะ
ดังนั้นใครฟุ้งซ่าน ให้เดินจงกรม ด้วยนะจ๊ะ