ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไม ? นักรบ และ เสนาบดี เมื่อไปพบพระพุทธเจ้า จึงออกบวช  (อ่าน 2226 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

kosol

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 65
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ได้ฟัง พระพุทธประวัติ ความที่พระเจ้าสุทโธทนะ ทรงส่งทหาร และ เสนาบดี ไปเชิญพระพุทธเจ้า เสด็จกลับเมืองแต่เมื่อไปแล้ว ครั้นได้ฟังธรรม จากพระพุทธเจ้า ทำไมจึงออกบวช เพราะอะไร

   ท่านคิดอะไรกันอยู่ ในขณะนั้น จึงเห็นธรรม บรรลุธรรม กันได้ง่าย

   หรือ มีธรรมอันใดที่เราชาวปัจจุบัน ในขณะนี้ ยังคิดไม่ถึงในขณะนั้น

   :) :17: :c017:
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


     ครั้นเมื่อเจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกบรรพชาแล้ว พระเจ้าสุทโธทนะ พระบิดา คอยติดตามสดับรับฟังข่าวตลอดเวลา ครั้นได้ทราบว่าพระราชโอรสของพระองค์บำเพ็ญความเพียรทุกขกิริยาเป็นเวลา ๖ พรรษา นั้น บัดนี้ ได้บรรลุอมตธรรม สำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณ สมดังคำพยากรณ์ของท่านอสิตดาบสและพราหมณ์ทั้ง ๘ คนแล้ว เสด็จเที่ยวประกาศพระธรรมคำสอนของพระองค์ตามคามนิคมต่าง ๆ ขณะนี้ประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันมหาวิหารใกล้เมืองราชคฤห์

    พระพุทธบิดา ทรงตั้งพระทัยคอยอยู่ว่า เมื่อไรหนอ พระพุทธองค์จะเสด็จมาสู่พระนครกบิลพัสดุ์ ครั้งไม่มีข่าวว่าจะเสด็จมาเลย ก็เกิดความเล่าร้อนพระทัยปรารถนาจะได้ทอดพระเนตรเห็นสมเด็จพระบรมศาสดาโดยเร็ว จึงได้จัดส่งอำมาตย์พร้อมด้วย บริวาร ๑,๐๐๐ คน ให้ไปกราบทูลอาราธนาเสด็จมายังพระนครกบิลพัสดุ์

    แต่อำมาตย์และบริวารเหล่านั้น เมื่อเดินทางไปถึงกรุงราชคฤห์แล้ว รีบตรงไปยังพระเวฬุวันมหาวิหารโดยเร็ว ขณะนั้น พระพุทธองค์กำลังทรงแสดงพระธรรมเทศนา อยู่ในท่ามกลางพุทธบริษัท คณะอำมาตย์จึงหยุดคอยโอกาสที่จะกราบทูลอาราธนา

    และขณะที่รอคอยอยู่นั้นก็ได้สดับพระธรรมเทศนาไปด้วย เมื่อจบพระธรรมเทศนาลง อำมาตย์และบริวารได้บรรลุพระอรหัตผลด้วยกันทั้งหมดแล้วกราบทูลขอบรรพชาอุปสมบท พระพุทธองค์ประทานด้วยเอหิภิกขุอุปสัมปทา

  เมื่ออุปสมบทแล้ว ทั้งอำมาตย์และบริวารก็สงบเสงี่ยมอยู่ตามสมณวิสัย จึงมิได้กราบทูลอาราธนาพระบรมศาสดา ตามภารกิจที่พระเจ้าสุทโธทนะทรงมอบหมายมาฝ่ายพระเจ้าสุทโธทนะ คอยสดับข่าวอยู่ด้วยความกระวนกระวายพระทัย เมื่อข่าวเงียบหายไป อีกทั้งอำมาตย์ก็มิได้กลับมากราบทูลให้ทรงทราบและพระบรมศาสดาก็มิได้เสด็จมา



     จึงส่งอำมาตย์พร้อมด้วยบริวารอีกเท่าเดิม ชุดใหม่ให้ไปกราบทูลอาราธนา แต่อำมาตย์ชุดนี้เมื่อไปถึงได้ฟังพระธรรมเทศนาได้บรรลุพระอรหัตผลทั้งหมด กราบทูลขอบรรพชาอุปสมบทเหมือนคณะแรก ซึ่งเป็นธรรมดาว่า พระอริยเจ้าทั้งหลายตั้งแต่ได้บรรลุพระอรหัตผลแล้ว ย่อมสังวรสำรวมอยู่ในอริยภูมิ จึงมิได้กราบทูลข่าวสารของพระพุทธบิดาทำให้พระเจ้าสุทโธทนะ ต้องส่งอำมาตย์ไปโดยทำนองนี้ถึง ๙ ครั้ง 
 
    ในที่สุดทรงพิจารณาเห็นว่า กาฬุทายีอำมาตย์ คงจะช่วยให้สำเร็จสมพระประสงค์ได้เพราะเป็นอำมาตย์ผู้ใหญ่เป็นพระสหายเล่นฝุ่นกันมา เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ เป็นที่สนิทสนมแห่งพระบรมศาสดา จึงส่งไปพร้อมด้วยบริเวณจำนวนเท่าเดิมกาฬุทายีอำมาตย์ รับสนองพระราชโองการว่า จะพยายามกราบทูลสมเด็จพระบรมศาสดา ให้เสด็จมาสู่พระนครกบิลพัสดุ์ให้สมพระราชประสงค์ให้จงได้ และได้กราบทูลเพื่อขอบรรพชาอุปสมบทในพุทธศาสนา ในโอกาสนี้ด้วย

     เมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงออกเดินทางพร้อมด้วยบริวาร ถึงกรุงราชคฤห์ แล้วเข้าไปเฝ้าพระพุทธองค์ ณ พระเวฬุวันมหาวิหาร พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมโปรดจนได้บรรลุเป็นพระอรหันต์แล้ว ประทานอุปสมบทเป็นพระภิกษุในพุทธศาสนาด้วยกันทั้งสิ้น

     เมื่อ พระกาฬุทายี บวชแล้วได้ ๘ วัน ก็สิ้นเหมันตฤดู ย่างเข้าสู่ฤดูคิมหันต์ ถึงวันเพ็ญเดือน ๔ พอดี ท่านคิดว่า.....“พรุ่งนี้ ก็ย่างเข้าสู่ฤดูร้อน บรรดากสิกรชาวนาทั้งหลาย ก็จะเกี่ยวข้าวกันแล้วเสร็จ หนทางที่จะเสด็จสู่กบิลพัสดุ์ ก็จะสะดวกสบาย ดอกไม้นานาพรรณก็เกลื่อนกล่นพื้นพสุธา พฤกษาชาติใหญ่น้อยที่ขึ้นอยู่ริมทาง ก็ให้ร่มเงาเย็นสบายนับว่าเป็นเวลาอันสมควรที่พระบรมศาสดาจะเสด็จไปสู่กรุงกบิลพัสดุ์ เพื่อสงเคราะห์พระประยูรญาติในบัดนี้” ฯลฯ



อ้างอิง
คัดลอกมาจากประวัติ" พระกาฬุทายีเถระ เอตทัคคะในทางผู้นำตระกูลให้เลื่อมใส"
http://www.84000.org/one/1/06.html
ขอบคุณภาพจาก http://www.dhammatan.net/,http://khunsamatha.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
ได้ฟัง พระพุทธประวัติ ความที่พระเจ้าสุทโธทนะ ทรงส่งทหาร และ เสนาบดี ไปเชิญพระพุทธเจ้า เสด็จกลับเมืองแต่เมื่อไปแล้ว ครั้นได้ฟังธรรม จากพระพุทธเจ้า ทำไมจึงออกบวช เพราะอะไร

   ท่านคิดอะไรกันอยู่ ในขณะนั้น จึงเห็นธรรม บรรลุธรรม กันได้ง่าย

   หรือ มีธรรมอันใดที่เราชาวปัจจุบัน ในขณะนี้ ยังคิดไม่ถึงในขณะนั้น

   :) :17: :c017:

ขอบคุณภาพจาก http://lampatao.files.wordpress.com/

   คุณโกศล ถามเรื่องที่ยากเกินวิสัยปุถุชนจะรู้ได้ แต่ผมก็จะคุยเป็นเพื่อน
   เรื่องใครคิดอะไร ในขณะฟังธรรม คงตอบไม่ได้ บอกได้แต่เพียงว่า คนเหล่านั้นต้องมีสัมมาสมาธิอย่างแน่นอน บางคนอาจได้รับการฝึกฝน"เรื่องฌาน" มาในชาตินั้น เหมือนอย่างพระพุทธองค์เคยเรียนกับอาฬารดาบสและอุทกดาบส


  บางคนอาจเกิดสัมมาสมาธิขึ้นฉับพลันในขณะไ้ด้ยินเสียงพระพุทธเจ้า เนื่องจากได้สั่งสมบารมีธรรมมาแต่ชาติก่อนๆ คนเหล่านี้ถ้าเป็นบัว ก็จะเป็นบัวพ้นน้ำกับบัวปริ่มน้ำ
   ด้วยบารมีธรรมที่สั่งสมมาจนเต็มแล้ว บางคนฟังธรรมโดยย่อก็บรรลุ บางคนฟังธรรมโดบลำดับไปก็บรรลุ
   ข้อธรรมที่ผมอยากให้คุณโกศลพิจารณาก็ คือ จักร ๔


   จักร ๔ (ธรรมนำชีวิตไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ดุจล้อนำรถไปสู่ที่หมาย)
   ๑. ปฏิรูปเทสวาสะ (อยู่ในถิ่นที่ดี มีสิ่งแวดล้อมเหมาะสม)
   ๒. สัปปุริสูปัสสยะ (สมาคมกับสัตบุรุษ)
   ๓. อัตตสัมมาปณิธิ (ตั้งตนไว้ชอบ, ตั้งจิตคิดมุ่งหมาย นำตนไปถูกทาง)
   ๔. ปุพเพกตปุญญตา (ความเป็นผู้ได้ทำความดีไว้ก่อนแล้ว, มีพื้นเดิมดี, ได้สร้างสมคุณความดีเตรียมพร้อมไว้แต่ต้น)


    ธรรม ๔ ข้อนี้ เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า พหุการธรรม คือธรรมมีอุปการะมาก เป็นเครื่องช่วยให้สามารถสร้างความดีอื่นๆ ทุกอย่าง และช่วยให้ประสบความเจริญก้าวหน้าในชีวิต บรรลุความงอกงามไพบูลย์.

______________
ที.ม.๑๐/๑๓๔/๑๖๕

    คนในสมัยพุทธกาลมี่ฟังธรรมเทศนาแล้วบรรลุโดยง่าย ก็เพราะมีจักร ๔ นี่เอง กล่าวโดยย่อก็คือ
       - อยู่ในถิ่นที่เหมาะ
       - สมาคมกับคนดี
       - ตั้งตนไว้ชอบ
       - ได้ทำความดีไว้ก่อน


    :welcome: :49: ;)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กุมภาพันธ์ 02, 2012, 01:14:21 pm โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ