ประมาณพุทธศักราช 2349 สามเณรโตมีอายุได้ 18 ปี ได้มาขึ้นกรรมฐานมัชฌิมาแบบลําดับ กับพระญาณสังวร ทรงสอบอารมณ์กรรมฐานสมาเฌรโต ปรากฏว่าสามเณรโต ศึกษามาได้สามห้องพระกรรมฐานแล้วคือ ห้องพระปีติ5 ห้องพระยุคล6 ห้องพระสุขสมาธิ2 ได้ขั้นพื้นฐานจากพระอาจารย์เดิม คือท่านอรัญญิกมาแล้ว
พระญาณสังวรเถร จึงทรงต่อรูปกรรมฐาน และอรูปกรรมฐานให้ และให้สามเณรโตแจ้งพระกรรมฐานกับพระปลัดชิต จบสมถะแล้ว สามเณรโตศึกษาวิปัสสนาธุระต่อ สามเณรโตจยพระวิปัสสนาธุระ ตั้งแต่ยังเป็นสามเณร
สามเณรโต มาศึกษากรรมฐานครั้งนั้น พระญาณสังวร ทรงประทานพระอรหัง ให้สามเณรโต 1องค์ด้วย เพื่อเป็นบาทฐานของพระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลําดับ
สามเฌรโต อุปสมบทเป็นภิกษุแล้วได้มาศึกษาต่อกรรมฐานมัชฌิมาแบบลําดับกับพระญาณสังวร เป็นห้องสุดท้ายคือห้อง ออกบัวบานพรหมวิหาร
ต่อมาพระมหาโต ได้บรรลุมรรคผลตามกาลคือ อนาคามีบุคคล และได้รับการสถาปนาเป็น สมเด็จพระราชาคณะที่ สมเด็จพระพุฒาจารย์ ในรัชกาลที่ 4
พระมหาเถรที่ทรงมาปรึกษา และปรึกษา
และมาเป็นศิษย์ พระญารสังวรเถร (หน้า 289)
1.พระสังฆราช(ศุข) ทรงมาปรึกษา ทรงเป็นพระสังฆราชองค์ที่2
2.สมเด็จพระสังฆราช(มี) ทรงมาเป็นศิษย์ ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่3
3.สมเด็จพระสังฆราช(ด่อน) ทรงมาเป็นศิษย์ เป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่5
4.สมเด็จพระสังฆราช(นาค)ทรงมาเป็นศิษย์ เป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่6
5.สมเด็จพระมหาสมฌะเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส ทรงมาเป็นศิษย์ ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่7
6.พระพนรัต(ทองดี)วัดระฆัง มาศ
........................ยังมีต่ออีกมาก...................
ส่วนประวัติอีกด้าน คือประวัติในทําเนียบพระอาจารย์กรรมฐาน วัดพลับ
สามเฌรโต ศึกษากรรมฐานกับ สมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อน ตั้งแต่ครั้งยังเป็นสามเณร เมื่ออายุได้19 อุปสมบทแล้วพระญาณสังวร สุก วัดพลับ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ท่านจึงมาต่อ จนจบ ห้องสุดท้ายคือ ออกบัวบานพรหมวิหาร(มาขึ้นพระอนาคามีให้ตอนที่บวชพระ)
ในส่วนที่ทราบมาจากแหล่งอื่น
เกียวกับ ที่สมเด็จโต ศึกษากับ หลวงปู่แสง ทางลพบุรีก็ใช่
แต่เป็นภายหลัง
ท่านมาเรียน ทางด้านเดินจงกลม จตุรธาตุจนได้ถึงขั้นสุด โลกุตตระธรรม9
มีความสามารถทางฤทธิ์มาก เกียวกับเรื่องเดินจงกลมย่นระยะทาง สุขสัญญา ลหุสัญญา นารายแปลงรูป
ที่มา....พระประวัติสมเด็จพระสังฆราช สุก ไก่เถื่อน(เล่มแดง)หน้าปกรูปหล่อองค์ทองเหลืองพระองค์ท่าน