เหตุที่เป็นอย่างนี้เพราะยัง ไม่เคยรู้จักรูปนาม ไม่เคยเรียนรู้รูปนาม ในกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ เรียนพระลักษณะธาตุปีติห้าก่อน แล้วจึงไปพระรัศมี ศึกษารูปนาม เพื่อทําลาย ความยึดถือ ว่าเป็นเรา เป็นของเรา ทําลายความยึดถือว่าขันเป็นของเที่ยง ก่อนที่ครูบาอาจารย์จะปล่อยขึ้นพระรัศมีเข้าสะกด ท่านก็ต้องสอบแล้วทั้ง ลักษณะ รัศมี
กรรมฐานมัชฌิมา เมื่อครูปล่อยแล้ว ขึ้นรัศมี เข้าสะกด จึงไม่มีผิด ไม่มีเพี้ยน
ไม่มีเป็นเรา เป็นของเรา ไม่มีเราเป็นนั่นเป็นนี่
เพราะคน สัตว์บุคคล ตัวตน เราเขา ไม่มี
กรรมฐานมัชฌิมาแบบลําดับหากเรียนตามขั้นตอน เป็นได้แค่มรรคผล วิปลาสไม่มี(ถ้าเชื่อครู ตามขั้นตอน ตามลําดับ)
สําหรับท่านนี้ หากเคยรับกรรมฐานจากครูอาจารย์ ก็อาจจะห่างไกลครูอาจารย์ เรียกว่าฝึกเองดีกว่า........
เช่นเดียวกัน ในการสังคายนาพระไตรปิฏก แต่ละครั้ง ต้องการเฉพาะเจโตวิมุติ ปัญญาวิมุติไม่เอา เพราะไม่เห็นอะไร
การฝึกกรรมฐาน ถ้าครูอาจารย์ตาไม่ดี หรือไม่มีตา จะสอบสภาวะธรรม ลักษณะ รัศมี ได้อย่างไร
ผู้สําเร็จที่ได้เจโตวิมุติ ขั้นที่สี่ จึงจะเห็นสีจิต(ครูอาจารย์เคยเล่าให้ฟัง)
จึงจะเห็นสีของผู้อื่นได้ ลูกศิษย์โกหกก็รู้ ลูกศิษย์เป็นอะไรก็รู้ ลูกศิษย์กําลังจะเป็นหรือเป็นแล้ว ท่านก็แก้ไขของท่านได้
วิธีแก้ ก็คือพาเข้าพบครูบาอาจารย์ ที่รักษา ครูอาจารย์รูปนั้นต้องสําเร็จ หรือได้นวหรคุณด้วย
จึงจะสามารถดึงธาตุไฟกลับได้ แล้วก็จะไม่เห็น ไม่ได้ยิน อย่างที่เป็นอยู่ แล้วค่อยเริ่มใหม่
แต่ถ้าหากยังไม่มีครูบาอาจารย์ ก็ให้ไปขึ้นกรรมฐานที่วัดราชสิทธาราม คณะห้า พระอาจารย์ท่านใจดี
แนะนําได้แค่นี้ เพราะได้ยินได้ฟังมาอย่างนี้ไม่ได้รู้เอง
ใครจะเชื่อ ก็ได้ ไม่เชื่อก็ได้ ไม่ได้ยืนยัน เพราะไม่สําคัญอะไร