เท่าที่ได้สังเกตมาโดยมาก ผู้ศึกษาพระพุทธศาสนา
ถ้าจะว่าถึงธรรมชั้นต่ำเพียงเป็นจรรยา ความประพฤติได้ประโยชน์ในโลกนี้
และทางสุคติภพแล้ว คงเข้าใจกันง่ายไม่สู้จะขัดข้อง
การประพฤติก็ติดจะคล่อง ทั้งไม่แก่งแย่งกันในทางความเห็นด้วย
แต่เมื่อถึงธรรมคำสอนชั้นสูง
เป็นเรื่องจิตใจที่จัดว่าเป็นปรมัตถ์หรือนิพพานแล้ว
ทำท่วงทีจะอึดอัดขัดข้องไม่คล่องใจ
ประหนึ่งว่าจะเกินวิสัยเป็นส่วนมาก ยากที่จะจับเงื่อนเงา
เหมือนเราแหงนดูพื้นฟ้าในอากาศอันโว่งว่างไม่มีที่หมายฉะนั้น
เพราะทางนี้มีธรรมและถ้อยคำที่ใช้ลึกละเอียดสุขุม
เป็นประโยชน์ที่สุดของความมุ่งหมายแห่งมนุษย์
ดุจบันไดขั้นที่สุดแห่งทางขึ้นฉะนั้น สมชื่อว่าทางปรมัตถ์แท้จริง
ผู้อ่อนบารมี อ่อนศึกษา อ่อนคิด ย่อมติดขัด
และเพราะได้คัดลอกถ่ายเทกันมาหลายทอดเป็นเวลานานสองพันปีเศษแล้ว
ต้องมีวิจิกิจฉาเข้าแอบแนบ เกรงว่าจะคลาดเคลื่อน
เพราะปรากฏว่าได้แต่งเพิ่มเติมเสริมต่อเข้าอีกมากมายในภายหลังอีกด้วย
ผู้ศึกษาปฏิบัติในทางนี้
โดยมากจึงเกิดแก่งแย่งกันในทางความเห็น เป็นพวกเป็นหมู่
ในที่ประชุมใดๆ เมื่อพูดกันขึ้นถึงเรื่องนี้ เป็นต้องขัดกันร่ำไป
เพราะฉะนั้นจึงมีความประสงค์ที่จะเขียนออกความเห็นในเรื่องนี้กับเขาบ้าง
อย่าให้ไร้ประโยชน์ในการศึกษาเสียเลย
คงได้ประโยชน์แก่ผู้อ่านบ้างไม่มากก็น้อย เขียนไปตามความคิดเห็น
แต่ก็ต้องชักพุทธภาษิตเข้ามาประกอบให้เป็นหลักฐาน
อันธรรมดาว่าความเข้าใจหรือความเห็นนั้น
ผู้เห็นก็ต้องเชื่อใจว่าตนเห็นถูก ที่รู้อยู่แน่ๆว่าตนเห็นผิดแล้ว
และพูดออกมาเพื่อทำความฉิบหายให้แก่คนอื่นนั้น ย่อมมีไม่ได้
เว้นไว้แต่คนทุจริตที่คิดไม่ชอบ
ตั้งใจหาประโยชน์อะไรของเขาอีกส่วนหนึ่งเท่านั้น
เพราะฉะนั้นต้องขออภัยในข้อที่ไม่ถูกใจกับท่านผู้อ่านด้วย เทอญ.
เปมงฺกโร ภิกฺขุ
พ.ศ. ๒๔๗๔-๒๕๑๒
http://luangpu.exteen.com/20090829/entry