มูลกรรมฐาน เพื่อการกระทำวิปัสสนา มีความสำคัญมาก หลาย ๆ คนไม่ทราบวิธีการ เพราะว่าเอาแต่นั่งสมาธิภาวนา พุทโธ บ้าง กสิณ บ้าง อสุภะ ในกองกรรมฐานต่าง จน สภาวะจิต เข้าสู่ความประณีตตั้งแต่ อุปจาระฌาน จนถึง อัปปนาวิถี เป็นสมาบัติ แต่ครั้นพอเข้าสู่ อุปจาระฌาน จตุตตถฌาน สมาบัติ 8 ได้แล้ว ก็ไม่สามารถเจริญ วิปัสสนา ได้ เพราะเหตุที่ว่า ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ในกองวิปัสสนา
สุดท้าย ก็เชื่อครูอาจารย์ ที่ทำไม่ได้กันจริง บ้างก็บอกว่า ต้องถอยออกจากฌาน คือถอยออกจาก ฌาน หรือ ฌาน สี่เพื่อ มาเจริญวิปัสสนา บ้างก็ถอยออกจากฌานทั้งหมดเลย
นับว่าเกิดเสียหายทางด้านปัญญา อย่างมาก เพราะ สภาวะธรรมปัญญาการบรรลุธรรม ย่อมต้องใช้สภาวะสูงสุดของสมาธิ ที่มี
ดังนั้น ถ้าถอยออกจากฌาน มาหมด เท่ากับใช้องค์ แห่ง ขณิกะสมาธิ และ อุปจาระสมาธิ ผลก็คือ สำเร็จธรรมแบบปัญญาวิมุตติ หรือไม่สำเร็จธรรมใด ๆ เลยเพราะความฟุ้งซ่าน มีมากกว่า
หรือบางท่านเจริญวิปัสสนาต่อ ใน จตุตถฌาน ก็ย่อมได้ผล เป็น เตวิชโช แต่ไม่ได้ ฉฬภิญโญ เพราะว่าสมาบัติ 4 นั้น มีอภิญญา 5 อยู่แล้ว
บางท่านเดินวิปัสสนาในฌาน ที่ 8 ทำไม่ได้ เพราะว่า ในฌานสมาบัติ มันมีสิ่งใดให้กำหนด เป็นแต่ความว่าง ๆๆๆ ก็ทำไม่ได้อีก
พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงตรัสการวิปัสสนา ต่อจากฌาน 8 เป็นการใช้อธิษฐาน ธรรม ส่วนหนึ่ง
ดังนั้นการเข้าสู่ วิปัสสนา จึงจำเป็นต้องศึกษา มูลกรรมฐาน ดังนี้
1. ขันธ์ 5 2. อายตนะ 3. อินทริย์ 4.ปัญญาภูมิ
4 ประการนี้เรียกว่า มูลวิปัสสนา