ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: การปฏิบัติ ภาวนา เพื่อความสิ้นทุกข์ สิ้นกิเลส ต้องบวชทุกครั้งหรือไม่คะ  (อ่าน 2557 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

prayong

  • กำลังจะพ้นจากน้ำ
  • *
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 72
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
การปฏิบัติ ภาวนา เพื่อความสิ้นทุกข์ สิ้นกิเลส ต้องบวชทุกครั้งหรือไม่คะ
คือมักจะเห็น และ พบว่าเพื่อนๆ ที่ชวนกันปฏิบัติภาวนา มักจะพูดบอก ดิฉันว่า

 เดี๋ยวไปบวช ถึงภาวนา ถ้าไม่บวช ก็ภาวนาไม่ได้

 ( บวช ในที่นี้หมายถึง บวชเป็นแม่ชี และ พระภิกษุ )

 :25: :smiley_confused1:
บันทึกการเข้า

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
การบวช จะบอกว่าไม่มีความจำเป็นต่อการปฏิบัติธรรม เลยก็มิได้
 
 การบวช เป็นส่วนหนึ่งของการวาง เริ่มต้น เพื่อไปสู่การปฏิบัติที่ควรจะเป็น
 
 แต่ปัจจุบัน การบวชในที่คับคั่งตามวัดต่าง ๆ อาจจะไม่สนับสนุนการภาวนา  เพราพระสงฆ์ ส่วนใหญ่ ในประเทศไม่ได้มุ่งเรื่อง ภาวนา กันทั้งหมด  มีการบวชด้วยเหตุผลใหญ่ คือ
 
  1. บวชเรียน ปริยัติทางโลก ทางธรรม อันนี้อันดับใหญ่ และมีจำนวนมาก ในสังคมสงฆ์
 
  2. บวช ตามประเพณี อันนี้เป็นอันดับรอง และยังมีอยู่จำนวนมาก จะมีพระสงฆ์บวชอย่างนี้แต่ใช้เวลาเล็กน้อย
 
  3. บวช ประคองชีพ อาศัยเลี้ยงชีพอันนี้ ก็มีจำนวนพอสมควร
 
  4. บวช เพื่อละัตัดสงสาร อันนี้จากประสบการณ์ชีวิต สงฆ์ แล้ว  เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร เลยอาตมาเดินทางขึ้นลงไป เหนือ กลาง อิสาณ ใต้  แบบนี้ ปีหนึ่ง เจอสักรูป สักองค์ ก็จะดีใจมาก  น้อย ๆๆๆๆๆ 3  ปีนี้ยังไม่เจอ
 
 
  ดังนั้นการบวช ก็ไม่ใช่ว่า จะส่งเสริมการปฏิบัติ  เพราะถ้าเราเข้าไปอยู่อาศัย ใน 3 กลุ่มแรกในชีวิตนักบวชแล้วละก็  ชีวิตภาวนาจะมีอุปสรรค ปัญหา มากขึ้น
 
   เช่นถ้าเราภาวนา เดินจงกรม เขาจะมองว่าเราเคร่งไป  หรือกระทำเพื่อลาภสักการะ ก็จะหาทางไล่เราออกจากวัด หรือ ที่ปฏิบัติ  เพื่อรักษา โลกธรรม ของเขากันไว้ บางแห่งเขามุ่งทำงานก่อสร้าง  เราจะมามัวเดินจงกรม นั่งกรรมฐาน เจริญจิตไม่ได้ เพราะด้วยคำพูดที่ว่า  การทำงานคือการปฏิบัติธรรม บางทีก็มีกิจวัตร สวด เสก มากจนเกินไป อย่างนี้
 
   ดังนั้น เมื่อจะบวช ควรเลือกสถานที่ ที่มีพระ ที่บวชเพื่อละตัดสงสาร ให้มากไว้ก่อนเพื่อที่จะได้สนับสนุนการภาวนาของเราด้วย
 
   ท่านที่ภาวนา จำเป็นต้องบวชหรือไม่ ?
 
   เบื้องต้น ควรฝึกฝนตัวท่าน ด้วยการบวชใจท่านก่อน อาตมาก่อนบวช ก็  บวชใจมาก่อนถึง 3 ปี สมาทานศีล 8 ถึง 3 ปี ศึกษาหลักธรรมภาวนา  จนแน่ใจแล้วจึง สละชีวิตทางโลก  ลาออกจากงานเป็นทางการและมุ่งภาวนาอย่างเอาจริงเอาจัง  แต่เลือกสถานที่ผิดไปหน่อย เพราะไปอยู่กับ 3 พวกแรก  ปัจจุบันจึงไม่ได้อยู่วัด เที่ยวจาริกไปเรื่อยเปื่อย  แต่ยังภาวนาได้เช่นเดิม
 
   ดังนั้นก่อนที่ท่านคิดจะมาบวช จริง ควรบวชใจ ท่านใ้หพร้อมก่อน  เพราะหนทางของชีิวิตนักบวช นั้นไม่ได้โรยด้วยกุหลาบ มีแต่ขวากหนาม  คือกิเลสที่ขัดขวาง  ยกตัวอย่างถ้าท่านมาบวชเป็นพระกิจที่ท่านต้องทำก่อนเมื่อเป็นพระนวกะ  ต้องทำอย่างไร
 
       1.ต้องเรียนศึกษา หลัีกสูตร นักธรรมจนจบ นักธรรมชั้นเอก ( ภาคบังคับ )  ถ้าสอบไม่ตกก็ต้องใช้เวลาถึง 3 ปี เชียวนะ ในระหว่าง 3 ปีนี้  ก็ต้องอยู่กับครูอาจารย์ ในฐานะพระนวกะ จนถึง พรรษาที่ 5  นั่นแหละเขาถึงจะเริ่มปล่อยเรา ให้ออกเดี่ยวได้บ้าง
 
       2.ขวนขวาย งานวัด ในกิจวัตร 10 ประการ แค่ กิจ 10 ประการนี้  ก็แทบจะไม่สนับสนุนการภาวนาแล้วนะจ๊ะ ดังนั้น พระที่เป็นนักปฏิบัติ  จึงได้เลือกวิถีการเดินธุดงค์ แต่การเดินธุดงค์นั้นต้องมีพรรษา 5 ขึ้นไป
 
       3.ถึงแม้มีพรรษา 5 และ มีนักธรรมแล้ว เนื่องด้วยผู้รู้  มีคุณสมบัติอย่างนี้ที่ทำงานมีน้อย ผู้ที่มีคุณสมบัติสองประการนี้  ยังมีภารกิจทางศาสนา เช่นต้องไปสอนหนังสือนักเรียน เป็นต้น เพราะ 3  พวกแรกไม่เอา เราเป็นพระนักภาวนาก็จะถูก สั่งให้ทำ  ซึ่งในเหตุการณ์จริงก็ปฏิเสธไม่ได้
 
 
       เพียง 3 เหตุนี้ก็จัดเป็น ปลิโพธ ที่ใหญ่แล้ว
 
    สรุป ขอให้ท่่านทั้งหลาย ที่ต้องการปฏิบัติเพื่อการสิ้นละดับกิเลสนั้น  ก่อนจะมาบวชด้วยรูปแบบ ให้ บวชใจกันก่อนอย่างน้อยสัก 3 ปี  จนแน่แก่ใจแล้วค่อยมาก็ยังไม่สาย
 
     การเป็นพระอริยสงฆ์ นั้น เป็นได้ทั้ง ฆราวาส และ พระภิกษุ
 
    เจริญธรรม

 ;)
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ