สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

การภาวนา กรรมฐาน เป็น วุฒิภาวะ ขั้นสูง ไม่ใช่สภาวะ ของคนที่คิดไมเป็น ดังนั้น การขึ้นกรรมฐาน ต้องไม่มีการบังคับ หรือ หลอกล่อให้มาทำภาวนา ผู้ภาวนาต้องมีความสมัครใจ และเห็นด้วยปัญญา เอง
มูลกรรมฐาน สายกัจจายนะ นั้น อาศัย วุฒิภาวะ ในการรู้ตาม ( อนุพุทธะ ) เป็นสภาวะ ในการปฏิบัติ ดังนั้น ผู้ภาวนาต้องคิดเอง ทำเอง เจริญภาวนาด้วยตนเอง ไม่ใช่ให้ครูมาสั่ง แล้วจึงจะทำ
ฉันไม่ได้มาสอนเด็กน้อย คนที่ขึ้นกรรมฐาน ส่วนใหญ่แล้วอายุเกิน 25 ปี ทั้งหมด ขอให้ท่านจงใช้ วุฒิภาวะ ของท่านเองในการภาวนา
มีคนขึ้นกรรมฐาน สมัยก่อนกับฉันมีมากอยู่ ราว 6 พัน แต่ ทั้ง 6 พัน ไม่ได้เรียน มูลกรรมฐาน กัจจายนะ มีเพียงศิษย์ในห้องพิเศษระดับสูงเท่านั้นที่ได้เรียน มูลกรรมฐาน กัจจายนะ
ดังนั้นท่านเรียนแล้วไม่ภาวนา มันก็เรือ่งของพวกท่าน ไม่ใช่เรื่องของฉัน เพราะฉันไม่ได้สนใจ ใครจะภาวนา หรือ ไม่ภาวนา เพราะเส้นทางนี้ ต้องเพียรด้วยตนเอง ครูอาจารย์ ทำหน้าที่หมดแล้ว
จงเตือนตนเองให้บ่อยขึ้นในการภาวนา
ไม่ต้องให้ครูอาจารย์ มาปากเปียก ปากแฉะ ชักแม่น้ำ 500 สายเพื่อให้ท่านภาวนากัน อย่าทำตัวเหมือนเด็กเล่นขายของ
เจริญพร
( เฟคนี้ถือว่าพูดเตือนเบา ๆ เพราะถ้าเป็นห้องระดับสูง ฉันพูดตรงไปตรงมา มากกว่า นี้ ดังนั้น ห้องนั้นจึงเป็นต้องเป็นศิษย์คัดกรอง อุปนิสัยมาแล้ว ถึงจะให้สิทธิ์เข้าไปเรียนตรงนั้น เพราะ ห้องนั้น เหมือนขวานผ่าซาก ไม่มีการพูดเกรงใจ แบบตรงนี้ )

ถาม ถ้าพระอาจารย์คิดอย่างนี้ก็ไม่มีใครขึ้นกรรมฐาน กับพระอาจารย์ สิครับ

ตอบ ก็ช่างหัวมันสิ การสอนของฉันไม่เป็น สาธารณะแล้ว เคยสอนกรรรมฐาน แบบสาธารณะ คือไม่ต้องขึ้นกรรมฐาน แต่ก็ถ่ายทอดกรรมฐาน ทำมาอยู่ 8 ปี แต่มีผลเสีย คือผู้เรียน พิจารณาเป็นทางเลือก แล้วนำสิ่งที่สอนไป แอพพาย รูปแบบใหม่ ซึ่งผิดวิธีการไปเลย จนทำให้พูดสอนไปในทางผิด ตามทิฏฐิของที่แอพพาย แล้วมองเรื่อง ประเพณีเป็นเรื่องคร่ำครึ 10 ปีมานี้ ที่ฉันเดินทางไปสอนตามที่นิมนต์จึงไม่มีใครมาได้ขึ้นกรรมฐานกับฉันเลย ทั้ง ๆ ที่ 8 ปีมานี้ สอนวิชากรรมฐานไปไม่ต่ำ 20,000 คน แต่ส่วนใหญ่ไหลตามโลก เลือกตามพวก ไม่ได้เลือกตามที่ปฏิบัติได้ เลือกหมู่คณะ มากกว่าในปัจจุบัน ดังนั้นพิจารณาตามประเพณี ( วินัย ) ตามที่ครูสั่ง ถ่ายทอด ธรรมญาณ ให้แก่ผู้เหมาะสม เท่านั้น ฉันไม่ได้สนใจใครจะสำเร็จ หรือ ไม่สำเร็จ ตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว ฉันมีแค่หน้าที่บอก วิชาเท่านั้น เพราะสำเร็จ หรือ ไม่สำเร็จในการภาวนา ไม่ได้อยู่ที่ฉัน อยู่ที่คนมาเรียนวิชา แล้วนำไปภาวนาเอง

ปัจจุบันฉันไปที่ไหนไปนั่งเงียบฟังเขา
ไม่ได้คิดจะสอนใครเลยในปัจจุบัน
ฉันไม่มีความสำคัญอะไรทั้งนั้น และไม่เป็นอะไรทั้งนั้นในปัจจุบัน
นอกจากเป็นพระเพียงรูปหนึ่ง ที่กำลังจะตาย

ศิษย์ที่ขึ้นกรรมฐาน เรียนกรรมฐานไปแล้ว ถ้ารักกันก็ขอให้ปฏิบัติตามวิชากรรมฐาน ที่สอนไป ไม่ใช่ว่า เรียนไว้แค่รู้ เรียนไว้แค่คุย ถ้าเรียนแบบนี้ ไม่สำเร็จคุณธรรมตามวิชา
มีหลายคน ยังไม่ได้ภาวนา ตามหลักวิชา ที่สอน เพราะฉลาดเกินไป ตัดระบบ ระเบียบออกไป ไม่กล่าวอธิษฐาน ไม่กล่าวขอขมา ไม่ทำตามลำดับ ถ้าอย่างนี้ จะมาบ่นกับครูอาจารย์กันทำไม ? ฉันไม่เข้าใจหรอก นะ ไปทำตามใจชอบ ตัดวิธีการที่สอนออกหมด มันก็เป็นการสร้างวิชาใหม่ อาศัยวิชาเก่า มันจะต่างอะไรกัน กับ คน ที่ไม่ภาวนา ตามหลักวิชา
ดังนั้นขอให้ท่าน ถามใจตนเองก่อน ว่า ได้ทำตามที่สอนหรือยังก่อนจะว่าบ่น ว่า ครูอาจารย์ สอนไม่ดี ไม่ติดตามสนใจเรา
ขอให้พิจารณาตนเองกันด้วย

เส้นทางสายการภาวนา กรรมฐาน ไม่ได้มีคนเยอะมาก นัก เพราะว่า การเจริญกรรมฐาน มีเป้าหมายจริง คือ มรรค 4 ผล 4 และ นิพพาน 1 ดังนั้นคนที่จะมาเอา มรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1 ไม่ได้มีมากมายอะไรนัก ปัจจุบันมีน้อยมาก ที่จะปรารถนา ใน โลกุตระธรรม 9 แม้ผู้ออกบวช ก็ไม่ได้มีมากนัก ที่ ปรารถนาแบบนี้ ดังนั้นจะบอกว่า คนที่เลือกสายกรรมฐานภาวนา นั้นเป็นคนโง่ ต้องบอกว่า ไม่ใช่เลย แต่เป็นคนที่คิดเป็น อย่างน้อย ก็ต้องมี นิพพิทา ( คือ เบื่อการเกิดอีก ) เป็นนิสัย จึงจะมาภาวนากรรมฐาน หรือ ไม่ก็ต้องเป็นผู้บำเพ็ญบารมี อุปบารมี และ ปรมัตถ์บารมี ด้วย ถึงจะมาภาวนา ลำพังพวกเห็นแก่ตัว บ้า ยศ ลาภ สุข สรรเสริญ เชื่อได้เลยว่าไม่มีทางที่จะมาภาวนา เพื่อ โลกุตตระธรรม 9

เพราะเส้นทางสายภาวนา นั้น มันถูกบังคับ ด้วยความมักน้อย สันโดษ รู้จักให้อภัย เมตตา และ กรุณา เสียสละ คุณธรรมเหล่านี้เป็นคุณธรรม พื้นฐาน ของผูที่จะเดินทางไปสู่ มรรค 4 ผล 4 และ นิพพาน 1

ดังนั้นฉันจึงไม่ค่อยหนักใจ อะไรในการสอน คนเหล่านี้ เพราะว่า อย่างน้อย เขาต้องมีอุดคมการณ์ ที่ผ่านวิปัสสนา มาบ้างแล้ว แต่อาจจะมีทิฏฐิ ที่ผิดไปตามการสอนผิด อาจจะมีบ้างแต่ก็ไม่ใช่เรืองใหญ่ เพราะว่า เมือ่ถึงเวลาที่บรรลุคุณธรรมนั้น เขาก็จะรู้ด้วยคุณธรรมที่สั่งสมมาเอง ตามความปรารถนา ตรงต่อ มรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1 เอง

ดังนั้นขอให้ทุกท่าน จงทำความเข้าใจกับวิชากรรมฐาน ไม่ต้องทำความเข้าใจอะไรกับตัวฉัน จงทำความเข้าใจกับใจของตนเองให้มากที่สุด แล้วตอบคำถามตนเองให้มีเป้าหมายชัดเจน

หลายคนเลือกจะอยู่กับโลก คือ การเกิดอีก ก้ไม่ผิด แต่ถ้าเลือกอย่างนี้ ภาวนาไปตามสบายที่ชอบ มาใช้กรรมฐาน ขัดเกลากิเลสไม่ได้ เพราะมันจะขัดอารมณ์ ต้องเลือกให้เหมาะสม กับ สภาวะใจของตนเองที่จะดำเนินมรรคแบบไหน ก็อนุโมทนา ทั้งนั้น เพราะท่านเดินทางของท่าน ฉันก็เดินทางของฉันไม่ได้เกี่ยวกัน ฉันภาวนาก็ได้ของฉัน ท่านภาวนาก็ได้ของท่าน เพราะการภาวนา เนือ้หา มรรค 4 ผล 4 นิพพาน 1 เป็นเรือ่งส่วนบุคคล

เจริญพร

 ถาม ทำไมกรรมฐาน จึงขัดอารมณ์ ครับ ขอเหตุผลสักนิด ครับ

ตอบ จะขายเขาหลอกเขาว่าดี ของมันไม่มี คนภาวนากรรมฐานไปพูดหลอกเขาไม่ได้ เพราะคนภาวนากรรมฐาน มีศีลมากกว่าศีลบวช แค่ 5 8 9 10 227 เรียกว่า ศีลโยคาวจร หรือ ถ้าสำเร็จคุณธรรม เรียกว่า ศีลอริยะ เป็นผู้เว้นจากการเบียดเบียน คนที่ภาวนากรรมฐาน ไปค้าขายไม่รวย เพราะเป็นคนขี้สงสาร ทั้งแจก และช่วย ทำอะไรก็มักจะเดือดร้อนตนเองเพราะความกรุณา มันเป็นธรรมชาต ของผู้ภาวนากรรมฐาน เหมือนพระโพธิสัตว์ นั่นแหละเหมือนกัน ดังนั้นผู้ภาวนากรรมบาน พื้นฐาน ก็ต้อง มีกุศลกรรมบถ 10 ประการ ดังนั้นมันจะขัดอารมณ์ของกิเลส ดังนั้นถ้ายังไม่คิดที่จะบรรลุคุณธรรมในชาตินี้ ก็ต้องเลือกภาวนาแบบสบาย ๆ ที่มันไม่กระทบกับวิถีชีวิตมากนัก

    st12 st12 st12

    เส้นทางของนักต่อสู้ มักโดดเดี่ยว(เสมอ) การต่อสู้กับเหล่าหมู่มาร จำเป็นต้องละทิ้งโลกธรรม
    เชื่อว่า..ผู้ปฏิบัติธรรมถึงจุดหนึ่งจะเลือกทางใดทางหนึ่ง ...สาธุครับ

    st12 st12 st12

    เส้นทางของนักต่อสู้ มักโดดเดี่ยว(เสมอ) การต่อสู้กับเหล่าหมู่มาร จำเป็นต้องละทิ้งโลกธรรม
    เชื่อว่า..ผู้ปฏิบัติธรรมถึงจุดหนึ่งจะเลือกทางใดทางหนึ่ง ...สาธุครับ

 st11 st12 st12 st12

ขออนุโมทนาสาธุ

ขออนุโมทนาสาธุ