ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
    Messages   Topics Attachments  

  Messages - สายฟ้า
หน้า: 1 2 [3]
81  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เหตุ ที่ผู้หญิง ไม่ชอบผู้ชาย ดีๆ ( หนุ่มธรรมะอ่านกันบ้างนะ ) เมื่อ: กันยายน 20, 2010, 03:09:30 pm
ทำไม ? ทำไม ? และ ก็ ทำไม

เธอ ทำไมจึงไม่สนใจคนดีอย่างเราบ้างนะ เพราะอะไร ?

อ่านตรงนี้สักนิด นะ พวกหนุ่ม ๆ ธรรมะ ทั้งหลายผู้ยังใฝ่ในพุทธภูมิ





ทำไมผู้หญิงถึงไม่ชอบผู้ชายดีๆ...
---------- Forwarded message ----------
From: Mine***** <>

Subject: ทำไมผู้หญิงถึงไม่ชอบผู้ชายดีๆ...


         
         
         
        คิดว่าจริงรึเปล่า

        คำถามนี้ไม่ใช่คำถามที่แปลกเมื่อได้ยินได้ฟังหรอก..

        เป็นคำถามปกติธรรมดาที่แทบจะได้ยินทุกเมื่อเชื่อวัน..

        ผู้ชายหลายคนมักจะตั้งคำถามแบบนี้เสมอๆ

        ยิ่งเมื่อเห็นผู้หญิงที่ตัวเองชอบไปเลือกคบกับไอ้หนุ่มที่ท่าทางเจ้าชู้

        และไม่น่าไว้วางใจสักนิดเดียว

        แทนที่จะเลือกคบกับตัวเขา..

        ถึงแม้ว่าผู้ชายทั้งหลายละทิ้งอคติ..

        ที่มองว่าตัวเองดีกว่าชาวบ้านเสมอไปแล้วก็ตาม

        แต่คำถามนี้ก็ยังคงไม่หายไปจากโลกง่ายๆ..

        เพราะว่าความเข้าใจในความ "ดี"

        ที่ผู้หญิงและผู้ชายมองนั้นแตกต่างกันไป...

        ผู้ชายมักจะมองว่าผู้ชายที่ดี ที่ผู้หญิงควรจะเลือกคือ

        ผู้ชายที่เรียบร้อย ไม่เจ้าชู้ ไม่ยุ่งกับอบายมุข

        เท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วที่จะทำให้ผู้หญิงพอใจที่จะเลือกเป็นคู่ครอง

        ทว่า.. ผู้ชายมองอะไรที่ตื้นเขินเกินไป

        ในความเป็นจริงแล้ว
        ผู้หญิงทุกคนจะให้คำจำกัดความของคำว่า "ดี" คือ
        ผู้ชายที่รักเธอจริงและแสดงออกว่าเธอเป็นคนสำคัญ
        มีความเป็นผู้นำ รวมทั้งฉลาดพอที่จะต่อกรกับเธอได้

        จะเห็นได้ว่าคำว่า "ดี" ที่ผู้หญิงกับผู้ชายคิดนั้น

        แทบจะหาความเกี่ยวข้องกันไม่ได้เลย..

        ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ทำไมผู้ชายหลายคน

        ถึงไม่อาจยอมรับการตัดสินใจเลือกคบกับใครสักคนของผู้หญิงได้

        เพราะว่าเธอเลือกผู้ชายที่ไม่ดีในสายตาเขา

        แต่เป็นผู้ชายที่ดีในสายตาของเธอ..

        ในอีกกรณีหนึ่ง..

        ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าสมบูรณ์แบบเพียบพร้อมทุกประการก็เจอกับปัญหานี้เช่นกัน

        แต่ไม่ใช่เพราะว่าคำว่า "ดี"

        หากแต่เป็นเพราะความสมบูรณ์แบบของเขาต่างหาก

        ที่ทำให้ผู้หญิงไม่กล้าเลือกผู้ชายคนนี้มาเป็นคู่ครอง...

        ผู้ชายที่เป็นคนดีเกินไปนั้น

        ทำให้ผู้หญิงอึดอัดทั้งกายและใจในการที่จะอยู่ด้วย

        มากกว่าผู้ชายที่มีข้อบกพร่องบ้าง

        เพราะว่าผู้หญิงก็รู้ตัวดีอยู่ว่าตัวเองนั้นไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบเท่าไหร่นัก

        ถ้าผู้ชายที่เธอคบด้วยเป็นคนสมบูรณ์แบบเกินไป

        ก็จะทำให้เธอขาดความมั่นใจ

        และไม่สามารถแสดงตัวตนที่แท้จริงที่มีข้อบกพร่องต่อหน้าเขาได้

        เพราะว่าเขาสมบูรณ์แบบเสียจนเธอไม่คิดว่าเขาจะเข้าใจเรื่องบกพร่อง

        ในบางครั้งเขายังทำลายความมั่นใจในตัวผู้หญิงได้อย่างไม่รู้ตัว

        และสุดท้ายคือ

        ผู้หญิงกลัวที่จะสูญเสียเขาไปเมื่อเขารู้จักเธอมากพอ...

        เมื่อรู้ว่าเธอไม่สมบูรณ์แบบอย่างที่เขาอยากได้..

        ดังนั้นผู้หญิงเลยเลือกที่จะไม่สนใจผู้ชายคนนี้ตั้งแต่ต้นเสียดีกว่า

        โดยเนื้อแท้แล้ว

        ไม่มีใครอยากได้คู่ครองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นคนเลวหรอก..

        ไม่ว่าจะหญิงหรือชาย

        เราทุกคนต่างก็เสาะหาคนดีๆกันทั้งนั้น

        ดังนั้นสิ่งที่จะสามารถผูกมัดอีกฝ่ายหนึ่งไว้ได้คือ..

        จงทำตัวเหมือนหนังสือที่มองภายนอกแล้วน่าสนใจ..

        เปิดมาอ่านภายในแล้ววางไม่ลง..

        แต่อ่านเท่าไรก็ไม่สามารถหาตอนจบได้พบ...
82  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / เพื่อนรัก สาม คน เมื่อ: กันยายน 20, 2010, 03:01:52 pm
เพื่อนรัก 3 คน
มีเพื่อนรัก อยู่ 3 คน คือ ไฟ  น้ำ และ ความไว้ใจ ทั้ง 3 ได้มาพบและพูดคุยกัน

ไฟได้บอกกล่าวกับเพื่อนทั้ง 2  ว่า  'ถ้าหากฉันหายไป ให้สังเกตในที่ๆ  มีควันฉันจะอยู่ที่นั่น '

ส่วนน้ำ นั้น บอกกับเพื่อนทั้ง 2 ว่า 'ถ้าหาก ฉันหายไป ให้สังเกตที่ๆต้นไม้เขียวชอุ่มและเจริญงอกงาม เพราะฉันจะอยู่ที่ นั่น'                                                     
ส่วนความไว้ใจ บอกกับเพื่อน ทั้ง 2 ว่า 'หากฉันหายไป.......พวกเธอจะไม่ มี วันได้พบฉันอีกเลย.........'

ไฟ... ก็เปรียบเสมือนความหวัง ความมุ่งมั่น มานะและพลังในการดำเนินชีวิต
แม้มันหมดหรือดับไป........คุณยังอาจจุดประกายแห่งความมุ่งมั่นนั้นได้ ขอเพียงคุณมีแรงดลใจ (ควัน)

น้ำ ... เปรียบเหมือนความรัก ความอบอุ่น เป็นสิ่งชโลมจิตใจให้ชีวิตคงอยู่ อย่างสดชื่น และมีชีวิตชีวา แม้คุณอกหักหรือผิดหวังแต่ความรักก็ยังพร้อมจะเกิดขึ้นใหม่และเจริญงอกงาม ต่อไปได้เสมอ

แต่ ความไว้วางใจ นั้น เป็นพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างคุณ กับบุคคลอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ ลูก คนรัก เพื่อน หัวหน้า หรือ ลูกน้อง ถ้าหาก...คุณสูญเสียความไว้ใจที่มีต่อบุคคลนั้นไป......คุณจะไม่พบมันอีกเลย ในความสัมพันธ์ระหว่างคุณและเขา
83  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / สูตรว่าด้วย การออกจาก กาม เมื่อ: กันยายน 20, 2010, 02:53:13 pm
"สูตรว่าด้วยการออกจากกาม"
สารัตถะในพระไตรปิฎก

ท่านวังคีสะอยู่กับท่านนิโครธกัปปะ ผู้เป็นอุปัชฌย์ ที่อัคคาฬวเจดีย์ เมืองอาฬวี เนื่องจากที่ตนบวชใหม่ อุปัชฌายะจึงให้เฝ้าวิหาร
          ท่านอยู่ที่วิหารรูปเดียว เห็นสตรีสาว ๆ แต่งตัวสวยงามมาชมที่อยู่ของพระ เกิดความกระสัน เพราะจิตกำหนัดในสตรีเหล่านั้น แต่กลับได้ความคิดด้วยการพิจารณาว่า

          "การที่เราเกิดความกระสัน เพราะถูกความกำหนัดรบกวนนี้ ไม่เป็นลาภ ไม่ดีเลย แต่เป็นการได้ชั่ว ในขณะนี้ไม่อาจหาใครช่วย บรรเทาความกระสันให้แก่เราได้ เอาเถอะ เราควรบรรเทาความกระสันที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง แล้วยังความยินดีในธรรมให้เกิดขึ้นแก่ตนด้วยตนเองเถิด"


          เมื่อท่านทำได้สำเร็จตามที่คิด จึงมีจิตยินดีกล่าวคาถาความว่า

          วิตกทั้งหลาย เป็นเหตุให้คะนอง เกิดแต่ธรรมดาย่อมวิ่งเข้าสู่เราผู้ออกจากเรือน บวชเป็นผู้ไม่มีเรือนแล้ว

          บุตรของคนชั้นสูง มีฝีมือเชี่ยวชาญศึกษาดีแล้ว ถือธนูไว้มั่นคง สามารถขับคนที่ไม่ต้องการจะหนี ให้วิ่งหนีกระจัดกระจายไปได้ฉันใด

          แม้สตรีมากยิ่งกว่านี้จักมา สตรีเหล่านั้นจักเบียดเบียนเรา ผู้ตั้งมั่นแล้วในธรรมของตนไม่ได้เลยฉันนั้น

          เพราะว่า เราได้ฟังธรรมเพื่อไปสู่พระนิพพาน ในที่เฉพาะพระพักตร์ของพระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้เป็นเผ่าพันธุ์พระอาทิตย์แล้ว ใจของเรายินดีในทางไปสู่พระนิพพานนั้น

          ดูกรมารผู้ชั่วร้าย ถ้าท่านจะเข้ามาหาเราผู้อยู่อย่างนี้ มฤตยูราชเอ๋ย เราจะทำโดยวิธีที่ท่านจักไม่เห็นแม้ซึ่งทางของเราเลย

ข้อควรกำหนดในพระสูตรนี้

          ๑. อัคคาฬวเจดีย์ เป็นชื่อของเจดีย์แห่งหนึ่ง บรรดาเจดีย์จำนวนมากในเมืองอาฬวี ชาวเมืองนี้มีความเชื่อถือหนักไปทางธรรมชาติ คือ ยอมรับว่าสรรพสิ่งมีปราณ

           ข้อห้ามมิให้พระพรากภูตคามขุดดิน เกิดขึ้นที่เมืองนี้ เพราะชาวบ้านมีปฏิกิริยา เมื่อเห็นพระไปทำเช่นนั้น ในเมืองนี้มียักษ์นามว่า อาฬวกยักษ์ เป็นผู้ดุร้ายมาก แต่พระพุทธเจ้าเสด็จไปโปรด ให้กลายเป็นผู้ดีมีศีลธรรมได้

          ๒. การที่พระนิโครธกัปปะ ปล่อยให้พระวังคีสะเฝ้าวัด เพราะท่านเพิ่งบวชใหม่ห่มจีวรยังไม่ถนัด จึงให้เฝ้าวัดไปก่อน แต่เพราะท่านเป็นคนหนุ่ม เมื่อเจอสาว ๆ เป็นจำนวนมากเข้า จิตก็แปรปรวนไปตามความเคยชิน ในสมัยเป็นฆราวาส ทางพระพุทธศาสนาจึงถือว่า

           อิตฺถี มลํ พฺรหฺมจริยสฺส หญิงเป็นมลทินของพรหมจรรย์


          ๓. เพื่อป้องกันไม่ให้จิตของผู้บวชแปรปรวนไป เพราะรักสตรี ท่านจึงได้สอนให้พิจารณาความไม่สวยงามแห่งรูปร่างกาย คือ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ตั้งแต่วันบวชแล้ว

            โดยให้กำหนดพิจารณาโดยสีสัณฐาน กลิ่น ที่เกิดที่อยู่ของสิ่งเหล่านั้น เพราะในแง่ของความจริงระดับหนึ่งนั้น พระพุทธเจ้าทรงแสดงไว้ว่า พระองค์ไม่เห็น

           "รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อันใดที่จะครอบงำใจบุรุษได้รุนแรงกว่าของสตรี และในทำนองเดียวกัน รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะของบุรุษ ก็มีอิทธิพลครอบงำใจสตรีได้มากกว่ารูปเป็นต้นอย่างอื่นด้วย

           ๔. เพื่อให้เกิดการสำรวมระวัง เตรียมกาย ใจ เผชิญปัญหาชีวิตของนักบวช จึงทรงแสดงอันตรายของภิกษุไว้ ๔ ประการ คือ

            ๔.๑ อดทนต่อคำสั่งสอนไม่ได้ เบื่อต่อคำสั่งสอน ขี้เกียจปฏิบัติตาม

            ๔.๒ เป็นคนเห็นแก่ปากแก่ท้อง ทนความอดยากไม่ได้

            ๔.๓ เพลิดเพลินในกามคุณ ทะยานอยากได้สุขยิ่ง ๆ ขึ้นไป

            ๔.๔ รักผู้หญิง


          ภิกษุสามเณรผู้หวังความเจริญแก่ตน ควรระวังอันตรายทั้ง ๔ นี้ไว้ ไม่ให้มีอิทธิพลเหนือจิตใจตน เพราะหากทนไม่ได้แล้ว ไม่ว่าจะบวชใหม่บวชเก่า โอกาสที่จะสึกเป็นฆราวาสมีได้ง่ายมาก

          ๕. อันที่จริงกามตัณหา กามราคะ ตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดขึ้นคือ ความดำริ ด้วยเงื่อนไข ที่ตายตัวว่า รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะนั้น น่าใคร่ น่าปรารถนา น่าพอใจ

          เมื่อดำริถึงในลักษณะนี้บ่อย ๆ เข้า ความเข้มข้นแห่งตัณหาราคะ ก็มีปริมาณสูงขึ้นภายในจิต จนทำจิตให้เร่าร้อนกระสับกระส่ายไป กลายเป็นความรัก ความปรารถนาอย่างรุนแรง เหตุนั้นพระพุทธเจ้าจึงรับสั่งว่า

          "ดูกรกาม บัดนี้เราเห็นเจ้าแล้ว เจ้าเกิดจากความดำรินี้เอง เราจักไม่ดำริถึงเจ้าอีกแล้ว" เพราะพระองค์ทรงทำลายกิเลสกามได้เด็ดขาดนั่นเอง


          ๖. พระวังคีสะ เป็นพระหนุ่มที่ประกอบด้วยสมณสัญญาสูงมาก สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า ฝ่าฟันวิกฤตกาณ์ไปได้ จะเห็นว่าท่านเริ่มจากความดำริในทางที่ถูกที่ควร คือ

            ๖.๑ ความคิดเช่นนี้ ไม่ใช่ลาภ ไม่เป็นการได้ดีของท่าน แต่กลับเป็นการได้ไม่ดี

             ๖.๒ เมื่อมองหาคนที่จะช่วยเหลือบรรเทาความรู้สึกกระสันให้ไม่ได้ จึงตัดสินใจช่วยตนเอง ด้วยการมองสิ่งที่ท่านเกิดความกระสัน ในทำนองตรงกันข้าม ตามที่ได้ศึกษามา

            ๖.๓ มีความสำนึกว่า กามวิตก อันเป็นเหตุให้คะนอง ได้วิ่งเข้ามาหาท่านแล้ว แต่กามวิตกเป็นธรรมฝ่ายดำ

          และท่านยังสามารถดึงเอาบุคคลที่ประสบความสำเร็จในศิลปธนู ที่ได้ศึกษาดีแล้ว สามารถขับคนให้แตกกระจายไปได้ ก็ทำไมเล่า ท่านเองซึ่งบวชในสำนักของพระพุทธเจ้า จะต้องมาสยบต่ออารมณ์ที่เกิดขึ้น

           ๖.๔ เมื่อท่านมีความมั่นใจมากพอแล้ว เกิดความเชื่อมั่นว่าสตรีทั้งหลายจะมากันมากอย่างไร ก็ไม่อาจทำให้จิตท่านหวั่นไหวได้

          เพราะท่านมีความเชื่อมั่นในธรรม อันท่านได้สดับมาจากพระผู้มีพระภาค จนถึงท้าทายมารว่า ท่านจะเพียรพยายาม จนมารหาทางของท่านไม่พบให้ได้

          ๗. การกระทำทั้งหมดของพระวังคีสะ จึงเป็นการทำตามหลักที่ทรงแสดงไว้ว่า

          "จงเตือนตนด้วยตน จงพิจารณาตนด้วยตน ตนแลเป็นที่พึ่งของตน คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้ บุคคลฝึกฝนตนดีแล้ว ย่อมได้ที่พึ่งที่ได้โดยยาก บัณฑิตพึงทำตนให้ผ่องแผ้วจากเครื่องเศร้าหมองจิตเป็นต้น"


พระวังคีสะ มีเรื่องที่ต้องต่อสู้กับความรู้สึก ที่หนักไปในทางรักใคร่มากทีเดียว ในพระสูตรต่อไป ที่เรียกว่า อรติสูตร ขณะที่อุปัชฌายะของท่านอยู่ในห้อง


          ท่านคิดพล่านไป จนไปเกิดความกระสันขึ้นมา ได้คิดตามพระสูตรก่อน แล้วได้กล่าวสอนตนเองว่า

          "บุคคลใดละความไม่ยินดีในศาสนา และความยินดีในกามคุณทั้งหลาย พร้อมด้วยวิตกอันเกี่ยวข้องด้วยบ้านเรือน ไม่พึงทำป่าใหญ่คือกิเลสในอารมณ์ไหน ๆ ผู้ใดเป็นผู้ไม่มีป่าคือกิเลส ไม่น้อมใจไป ผู้นั้นแล ชื่อว่าผู้เห็นภัยในสังสารวัฏ

          รูปอย่างใดอย่างหนึ่งในโลกนี้ จะต้องอยู่ ณ ที่ใดก็ตาม จะต้องทรุดโทรม ไม่เที่ยงทั้งหมด บุคคลผู้สำนึกตน ย่อมถึงความตกลงอย่างนี้แล้วเที่ยวไป

          ชนทั้งหลายเป็นผู้ติดในอุปธิ คือกามคุณอันตนเกี่ยวข้องแล้ว ท่านจงบรรเทาความพอใจในกามคุณเหล่านั้น เป็นผู้ไม่หวั่นไหว บุคคลใดไม่ติดอยู่ในกามคุณ ๕ เหล่านั้น บัณฑิตทั้งหลายเรียกบุคคลนั้นว่า เป็นมุนี

           ความนึกคิดอันไม่ชอบธรรม ซึ่งอาศัยอารมณ์ ๖ เป็นอันมาก ไม่พึงมีไม่ว่าในที่ใดแก่ผู้รู้ในวัฏฏะ ภิกษุไม่ควรพูดวาจาหยาบ

           ควรเป็นผู้มีปัญญา มีใจมั่นคงตลอดกาล ไม่ลวงโลก ควรมีปัญญาแก่กล้า ไม่ควรมีตัณหา มุนีผู้ได้บรรลุธรรมอันสงบแล้ว ย่อมหวังแต่เวลาปรินิพพานเท่านั้น"

           ด้วยการนึกคิด ในทำนองสอนตน ติเตียนตน กระตุ้นให้เกิดความสำนึกที่เหมาะที่ควรเช่นนี้ ทำให้ท่านข่มความรู้สึกกระสัน ด้วยอำนาจกามราคะลงไปได้

          ความกระสันที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เกิดจากความดำริถึงกามคุณ ด้วยความใคร่ ปรารถนาพอใจเท่านั้นเอง เพราะไม่มีปัจจัยภายนอกมากระตุ้นอย่างสูตรก่อน ดังที่แสดงไว้ในอังคุตตรนิกายว่า

          "สงฺกปฺปราโค ปุริลสฺส กาโม ความกำหนัดอันเกิดจากความดำริ เป็นกามของคน"
          โบราณท่านจึงสอนไว้ว่า "อยู่คนเดียว ให้ระวังความคิด อยู่ท่ามกลางมิตรให้ระวังวาจา" เพราะว่า "ผู้ประพฤติตามอำนาจจิต ย่อมได้รับความลำบาก

          ดังนั้น เมื่อบาปจะเกิดขึ้นจากอารมณ์ใด ๆ พึงห้ามใจจากอารมณ์นั้น ๆ "

          "การฝึกจิตจึงเป็นความดี เพราะจิตที่ฝึกแล้วย่อมนำความสุขมาให้"

          บนเส้นทางแห่งการปฏิบัติธรรมนั้น ตราบใดที่ยังไม่ได้บรรลุ เป็นพระอนาคามีบุคคล การที่จะทำจิตของตนให้หลุดพ้นจากกามราคะเป็นไปได้ยากยิ่ง

          พระวังคีสะเป็นตัวอย่างในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี แม้ว่าท่านจะสามารถชนะใจตนเองได้ครั้งแล้วครั้งเล่า มีความคิดเห็นแหลมคมมาก ในปัญหาของชีวิต

          แต่เมื่อท่านยังเป็นปุถุชนอยู่ อาการไหลลงต่ำตามธรรมชาติของจิต ก็อาจจะเกิดขึ้นได้ครั้งแล้วครั้งเล่า

          คราวหนึ่ง ท่านติดตามพระอานนทเถระไปฉันในวัง ได้พบเห็นสาวงามเป็นจำนวนมาก จิตของท่านก็กำเริบขึ้นอีก เมื่อไม่อาจระงับด้วยตนเองได้ จึงเรียนพระอานนทเถระว่า

           "กระผมเร่าร้อนเพราะกามราคะ จิตของกระผมรุ่มร้อน ขอท่านโปรดบอกวิธีเป็นเครื่องดับราคะ เพื่ออนุเคราะห์แก่กระผมด้วยเถิดท่านผู้โคดม”

          “จิตของท่านรุ่มร้อน เพราะสัญญาอันวิปลาส ท่านจงละเว้นนิมิตอันสวยงาม อันเป็นที่ตั้งแห่งราคะเสีย จงเห็นสังขารทั้งหลาย เป็นของแปรปรวน เป็นทุกข์ อย่าเห็นว่าเป็นตัวตน

          ท่านจงดับราคะอันแรงกล้า อย่าให้จิตถูกราคะเผาผลาญบ่อยนัก จงเจริญอสุภกรรมฐาน ให้เป็นจิตมีอารมณ์เดียว ตั้งมั่นด้วยดีเถิด

          ท่านจงเจริญกายคตาสติ มากด้วยความหน่าย จงเจริญความไม่มีนิมิต ถอนมานานุสัยเสียเพราะรู้เท่าถึงมานะ ท่านจักเป็นผู้สงบเที่ยวไป” พระอานนทเถระกล่าว

          เมื่อท่านปฏิบัติตามพระเถระ ก็ระงับกามราคะที่เกิดขึ้นลงไปได้ระยะหนึ่ง

          - การที่พระวังคีสะ ท่านเรียนความรู้สึกของท่านให้พระอานนทเถระทราบ จัดว่าเป็นวิธีที่ถูกต้อง อาจนำไปใช้ได้แม้ในกรณีที่เกิดปัญหาด้านอื่น เพราะการเก็บอารมณ์บางอย่างไว้คนเดียว โดยขาดอุบายวิธีในการผ่อนคลาย อาจเป็นอันตรายได้ง่าย

          - พระวังคีสะเรียกพระอานนทเถระว่า ท่านผู้โคดม เป็นคำที่ไม่ปรากฏบ่อยนัก เพราะส่วนมากจะใช้เรียกพระพุทธเจ้า และเป็นคำที่คนนอกศาสนาเรียก

          เนื่องจากพระอานนทเถระ เป็นโอรสของสุกโกทนะ พระอนุชาของพระเจ้าสุทโธทนะ จึงเป็นโคตมโคตร หรือสุริยโคตร เช่นเดียวกับพระพุทธเจ้า นี่แปลกเพราะไม่เคยพบใครเรียกคนอื่น นอกจากพระพุทธเจ้า

          - วิปัลลาสสัญญา คือ การกำหนดหมายที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ท่านแบ่งออกเป็น ๓ ประเภท คือ

          ๑. วิปัลลาสด้วยอำนาจความสำคัญผิด เรียกว่า สัญญาวิปัลลาส
          ๒. วิปัลลาสด้วยอำนาจความคิดผิด เรียกว่า จิตตวิปัลลาส
          ๓. วิปัลลาสด้วยอำนาจความเห็นผิดเรียกว่า ทิฏฐิวิปลลาส

          สิ่งที่ก่อให้เกิดวิปัลลาสทั้ง ๓ นั้น แบ่งออกเป็น ๔ ชนิด คือ

            ๑. ความสำคัญ คิด เห็น ในของที่ไม่เที่ยงว่าเที่ยง
            ๒. ความสำคัญ คิด เห็น ในของที่เป็นทุกข์ว่าเป็นสุข
            ๓. ความสำคัญ คิด เห็น ในของที่ไม่ใช่ตัวตนว่าเป็นอัตตาตัวตน

            ๔. ความสำคัญ คิด เห็น ในของที่ไม่สวยงามว่าสวยงาม

          แต่ที่พระอานนทเถระ ท่านยกขึ้นแสดงท่านเน้นในจุดของวิปัลลาสข้อสุดท้ายก่อน เพราะเป็นตัวปัญหา โดยสอนให้เว้นนิมิตอันสวยงาม อันเป็นที่ตั้งแห่งราคะออกเสีย แล้วจึงแสดงข้ออื่นทีหลัง

          การยึดถือที่นำไปสู่กามราคะ ตัณหาอุปาทานเป็นต้นนั้น ท่านแสดงว่ามี ๒ ประเภท คือ

           ๑. ถือโดยนิมิต เช่นถือว่า คนนั่นสวย สิ่งนั้นงาม เสียงนั่นไพเราะ เป็นต้น

           ๒. ถือโดยอนุพยัญชนะ คือ แยกถือ เช่น ตาสวย ผมสวย ปากสวย คิ้วสวย เป็นต้น

          จากนั้น จิตจะกำหนดหมายด้วยความสำคัญผิดว่า รูปนั่นน่าใคร่น่าปรารถนา น่าพอใจ แต่พระวังคีสะท่านเห็นสาว ๆ เหล่านั้นสวยไปหมด พระอานนทเถระจึงสอนให้ถ่ายถอนการยึดถือโดยนิมิตเพียงอย่างเดียว

          วิปัลลาสทั้ง ๔ ประการนั้น ท่านแสดงธรรมสำหรับเป็นเครื่องถ่ายถอนไว้ คือ

          ๑. อนิจจสัญญา การกำหนดหมายให้เห็นความไม่เที่ยง ถอนนิจจสัญญา

          ๒. ทุกขสัญญา การกำหนดหมายว่าเป็นทุกข์ ถอนสุขสัญญา

          ๓. อนัตตสัญญา การกำหนดหมายว่า เป็นอนัตตา ถอนอัตตสัญญา

          ๔. อสุภสัญญา การกำหนดหมายให้เห็นไม่สวยงาม ถอนสุภสัญญา

           อสุภกรรมฐาน และ กายคตาสติ มีวัตถุ ที่ใช้เป็นเครื่องกำหนดพิจารณาเหมือนกัน คือ อาการ ๓๒ คือ การพิจารณาแยกกายออกเป็น ๓๒ คือ

           การพิจารณาแยกกายออกเป็น ๓๒ ส่วน ได้แก่ “ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ม้าม หัวใจ ตับ พังผืด ไต ปอด ไส้ใหญ่ ไส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า

          น้ำดี น้ำเสลด น้ำเหลือง เลือด เหงื่อ มันข้น น้ำตา มันเหลว น้ำลาย น้ำมูก น้ำไขข้อ น้ำมูตร มันสมอง”

          โดยทั่วไปแล้ว กายคตาสติ คือการพิจารณาสิ่งเหล่านั้น โดยสีสัณฐาน กลิ่น ที่เกิด ที่อยู่ ในกายตน เมื่อเห็นตามจริงแล้ว น้อมไปเปรียบเทียบกับกายคนอื่น ก็จะเห็นเป็นอย่างเดียวกัน

          ส่วนอสุภกรรมฐาน พิจารณากายคนอื่น โดยนัยเดียวกัน แล้วน้อมเข้ามาหาตน แต่หลักนี้ไม่ใช่ตายตัวนัก เพราะในคิริมานนทสูตร เรียกว่า อสุภสัญญา แต่ให้พิจารณากายตน

           แต่อย่างไรก็ตาม เป้าหมายนั้นเหมือนกัน คือต้องการถอนหลงรัก กำหนัดในกายตนและกายคนอื่น

84  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: วิชาเส้าหลิน ที่บรรดาจอมยุทธในอดีตพยายามบุกเข้าไปขโมยกัน เมื่อ: กันยายน 20, 2010, 02:28:03 pm
มาเพิ่มส่วนเนื้อหาที่ขาดไป ครับ

เพราะคัมภีร์ชุดนี้ มี 2 ชุดครับ

คือ สำหรับฝึกในท่านั่ง และ ฝึกในท่ายืน ครับ

เชิญโหลดไปอ่านกันนะครับ

เป็นไฟล์ word ครับ

ต้องเป็นสมาชิก ครับถึงจะโหลดได้
85  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ข้อมูลจากนักโทษข้อหาข่มขืนจากคุกบางขวางและลาดยาว จำนวน 100 คน เมื่อ: กันยายน 13, 2010, 12:29:44 pm
นางสาวอลิสา แสงขำ นักศึกษาปริญญาโท นิติศาสตรมหาบัณฑิต คณะนิติศาลตร์ ภาควิชาอาชญวิทยา เก็บข้อมูลจากนักโทษข้อหาข่มขืนจากคุกบางขวางและลาดยาว จำนวน 100 คน


- 90%เลือกผู้หญิงผมยาว คือหางเปีย หางม้าปล่อยตามธรรมชาติ เพราะกระชากจากข้างหลังได้ง่าย

- 87%เลือกผู้หญิงที่สวมเสื้อผ้าถอดง่าย แต่หากพบผู้หญิงถูกใจแต่สวมเสื้อผ้าที่ต้องใช้เวลาถอดนาน เขาจะกลับมาดักรอเป็นครั้งที่สองพร้อมกรรไกรหรือคัตเตอร์

- 84%เลือกผู้หญิงที่เดินไปด้วยคุยโทรศัพท์ไปด้วย มือถือสามารถนำไปขายต่อได้ หรืออ่านการ์ตูน หรือหนังสืออื่นขณะเดินเพราะไม่ได้ระวังตัว

- 96%เลือกผู้หญิงที่เดินทางไปไหนมาไหนเวลากลางคืน เพราะผู้ชายส่วนใหญ่มีประสบการณ์ทางเพศครั้งแรกตอนกลางคืนโดยไม่คำนึงว่า ต้องเป็นผู้หญิงสวยหรือหุ่นดี ขอให้มีเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งก็พอ มีนักโทษบางขวางคนหนึ่งให้ข้อมูลว่าหากเวลานั้นเป็นเวลาที่เขาต้องการปลด ปล่อยแล้วเขาไม่เลือกว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย วัว ควาย- 99% เลือกผู้หญิงที่เดินทางคนเดียว มีนักโทษบางขวางคนหนึ่งทำทีเป็นวินมอเตอร์ไซค์รับผู้หญิงคนที่ถูกใจจากกลุ่ม เพื่อนของเธอที่เดินด้วยกันไปข่มขืน

- 80%สามารถข่มขืนได้ในการกระทำครั้งแรกโดยใช้อุปกรณ์ที่อยู่ในผู้หญิงนั่นเอง เป็นอุปกรณ์ช่วยประกอบการกระทำผิด เช่น เข็มขัด ลูกกุญแจ กระจกส่องหน้า

- 70%เลิกล้มความตั้งใจหากผู้หญิงคนนั้นจ้องหน้าเขาแล้วเริ่มต้นสนทนาสั้นๆกับเขาก่อน ขณะที่เขาเข้าประชิดตัว เช่น โทษค่ะ กี่โมงแล้ว
86  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ชีวิตนี้น้อยนัก จักสู้ชีวิต แม้เหลือแค่นี้ เมื่อ: กันยายน 13, 2010, 12:14:03 pm
ผมชอบตรงที่เขาพูดว่า Again again again

  ถึงผมจะยังลุกไม่ได้ ผมก็จะพยายามทำมันอีก และ ทำมันอีก ทำมันอีก จนกว่าผมจะลุกขึ้นได้ หรือ
 
   ผมหมดลมหายใจ

 :03: :03:
87  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / Re: ชีวิตนี้น้อยนัก จักสู้ชีวิต แม้เหลือแค่นี้ เมื่อ: กันยายน 13, 2010, 12:12:11 pm
ให้ชมอีกอันนะครับ พี่ ๆ น้อง ๆ ทุกท่าน ดูแล้วอดกลั้นน้ำตาไม่ได้

http://www.internetthailand.net/clip/flvideo/513.flv
88  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สิ่งเล็ก ๆ แต่ยิ่งใหญ่ ..... เมื่อ: กันยายน 11, 2010, 10:46:04 am

กรวดเม็ดเล็ก ๆ รวมกันเป็นภูเขาสูงใหญ่

ก้าวเดินก้าวเล็ก ๆ เป็นระยะทางได้หลายกิโล

การกระทำเล็ก ๆ ด้วยความรักความกรุณา

สร้างโลกให้สดใส สดสวยด้วยรอยยิ้ม

คำพูดเล็ก ๆ สามารถบรรเทาปัญหาที่แสนจะยากเย็น

อ้อมกอดเล็ก ๆ เช็ดน้ำตาให้เหือดแห้ง

เทียนไขเล็ก ๆ ส่องแสงนำทางในความมืดมิด

ความจดจำสิ่งเล็ก ๆ คงอยู่นานหลายปี

ความฝันใฝ่เล็กๆ นำไปสู่ความยิ่งใหญ่

ชัยชนะเล็กๆ นำไปสู่ความสำเร็จที่ปรารถนา

สิ่งเล็กๆ ต่าง ๆ ในชีวิตนำมาซึ่งความสุขอันยิ่งใหญ่

ถ้าเราได้คิดสักนิดถึงสิ่งเล็ก ๆ เหล่านี้แล้วหละก็

ความอบอุ่นเมื่อคิดถึงเธอก็ผุดขึ้นในใจ

มันเป็นความสุขใจอันสุดแสนจะบรรยาย

.. เสมอและตลอดไป ..

89  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ความรักของพี่น้อง ชาวเกาหลี เมื่อ: กันยายน 07, 2010, 03:52:36 pm
กับ fwd ที่ยาวสักนิด แต่ ก็ มีคติ ครับ

ความรักของพี่กับน้อง... ของชาวเกาหลี
มีนานแล้วแต่อยากให้ได้อ่านกัน

ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน

แต่ละวันพ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ

ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี

วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆ

ของฉันมีกัน

จากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง

พ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง

โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ไผ่อยู่หนึ่งก้าน

'ใครขโมยเงินไป' พ่อตวาด

ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน

พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า

'ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ'

พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น

ทันใดนั้น น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้....แล้วพูดว่า

'ผมขโมยเองครับ'

ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง

พ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด

จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย

พ่อนั่งลงบนเก้าอี้

และด่าว่าน้องชายของฉัน

' ของคนในบ้านแกเอง แกยังขโมยได้ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก

แกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย'

คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้

หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด

แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย

กลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมาก

น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า

' พี่ครับ ไม่ต้องร้องไห้นะมันผ่านไปแล้ว'

ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้

ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อ

หลายปีผ่านไป

แต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง

ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8ปี ส่วนฉันอายุ 11ปี...

เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น

เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน

ม.ปลาย ว่าเขาสอบได้ ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย

ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน

คืนนั้น พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน

ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า

' ลูกเราทั้งคู่เรียนดีเรียนดีมากนะ'

แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ พ่อ ได้พูดว่า

'แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไรในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน'

ทันใดนั้น น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า

' ผมไม่ต้องการเรียนต่อผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว'

พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่

'ทำไมถึงคิดน่ารักๆ อย่างนี้

ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนน

พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้'

คืนนั้นทั้งคืน พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆ

ทั่วทั้งหมู่บ้าน....เพื่อขอยืมเงิน

ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ

ของน้องชายเบาๆ และคิดว่า

' ต้องให้น้องได้เรียนต่อไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไปได้'

แต่ในขณะเดียวกัน

ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้

ใครจะรู้ได้ .......

วันต่อมาในตอนเช้ามืด

น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น

และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว

ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน

ขณะฉันกำลังหลับ

' พี่ครับ การจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ ....

ผมจะไปหางานทำ...แล้วจะส่งเงินมาให้พี่'

ฉันนั่งอยู่บนเตียง

อ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า .......

ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไป

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17ปี ส่วนฉันอายุ 20ปี .....

ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน

รวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็น

กรรมกรแบกหามที่ไซท์ก่อสร้างท่าเรือ .......

ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3

วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก

เพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า

'มีชาวบ้านมาหาเธอ...อยู่ข้างนอกแน่ะ'

ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ

ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่

ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง

ฉันถามเขาว่า

'ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ'

น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า

'ก็ดูผมสิสกปรกมอมแมมออกอย่างนี้...ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่ เพื่อนๆ

ก้อได้หัวเราะเยาะพี่กันพอดี'

ฉันค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง

และพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆในลำคอ

' พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง

เธอเป็นน้องของพี่ ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม'

จากนั้น น้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง

เป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ . เขาติดกิ๊บให้ฉัน

แล้วพูดว่า 'ผมเห็นสาวๆ ในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง'

ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใด

ดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20 ปี ส่วนฉันอายุ 23 ปี .

วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรก

ฉันสังเกตเห็นว่า

หน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว

เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก

หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันพูดกับแม่ว่า

'แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจก

เพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ'

แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า

' แม่ไม่ได้จ้างหรอก...น้องชายลูกต่างหาก

วันนี้เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน

ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอ

น้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ'

ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้องนอนของเขา

ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ

ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด 'เจ็บมากไหม' ฉันถาม

'ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆ

มีหินตกมาใส่เท้าผมเต็มไปหมด

แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะ

และ...' น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยค แต่ก็ต้องหยุดพูด

เพราะฉันหันหน้าหนีเขา น้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง

'เพราะพี่เป็นพี่สาวของผมนี่ครับ'

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23 ปี ส่วนฉันอายุ 26 ปี...

หลังจากนั้น ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง

หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วยกัน...

แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ

ท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง

แต่เมื่อออกไปแล้ว

ท่านไม่รู้จะทำอะไรดี

จึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามเดิม

น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป ...

เขาบอกกับฉันว่า

'พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้นเถอะผมจะดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง'

สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของ ครอบครัว

เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท
...
แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้

เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา

วันหนึ่ง น้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล

และตกลงมาเพราะโดนไฟดูด

เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล

ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล

น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือกที่ขา

... ฉันโกรธมาก จึงตวาดน้องไปว่า

' ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ หา!!!

ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆอย่างนี้

ดูตัวเองซิ...เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง'

คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียด

ยังยืนยันความคิดเดิมของเขา

'พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ พี่เขยเพิ่งจะได้เป็นประธาน

ส่วนผมมันการศึกษาต่ำถ้าผมได้เป็นผู้จัดการ

คงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด'

น้ำตาปริ่มดวงตาของฉันรวมทั้งสามีของฉันด้วย .....

ฉันบอกกับน้องว่า

'แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่...'

'ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ'

น้องชายของฉันจับมือฉันไว้

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26 ปี ส่วนฉันอายุ 29 ปี...

เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30 ปี

เขาได้แต่งงานกับผู้หญิงในที่ทำงานที่เดียวกัน

ในงานแต่งงาน ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า

' ใครคือคนที่คุณรักที่สุดในชีวิตนี้'

น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล 'พี่สาวของผมครับ' .....

และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้

'ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง

เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2ชม.

เพื่อเดินไปเรียน...และเดินกลับบ้าน

วันหนึ่งในวันที่หิมะตกหนักผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง

พี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่ง

และเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้างเดียวเดินเป็นระยะทางไกล

เมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว

เธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วยซ้ำ .......นับจากวันนั้น

ผมสาบานกับตัวเอง

ว่าตลอดชีวิตของผม ผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดี

และจะทำดีกับเธอ'

เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว

สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉัน

คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก .......

'ในโลกใบนี้คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ'

ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้

น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีกครั้ง...

จงรัก และห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆ

วันในชีวิตของคุณและเขา

คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆ

แต่สำหรับคนคนนั้นอาจจะมีความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง

.. ไม่ว่าเขาคนนั้นจะคือ

พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อน

หรือแม้คนที่คุณไม่รู้จัก ก็ตาม


จบบริบูรณ์....

ปล.ปัจจุบันผู้เป็นพี่สาวอายุ 86 ปีตำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารใหญ่บริษัทฮุนไดและในเครือกว่า 20 บริษัท

น้องชายอายุ 83 ปีเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเล็กๆ ที่มีชื่อเป็นภาษาเกาหลีว่า

'ซัมซุง'

และเรื่องราวของท่านทั้ง 2 คนกำลังถูกนำมาสร้างเป็นซี่รี่ย์
โดยดาราเล็กๆ คนคือ ซอง เฮ เคียว และ ลี ดอง ฮุคครับ

บู มิง ฮอง
เล่าเรื่อง
90  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / การระงับความโกรธ แบบปัจจุบัน ที่ได้ผล เมื่อ: สิงหาคม 08, 2010, 02:56:47 pm
วันก่อนเพื่อน ๆ ผม มันมายืนด่าประจานผมในสิ่งที่ผมไม่ได้ทำ ต่อหน้า คุณครู เพื่อน ๆ

ทำให้ผมได้รับความอับอาย ซึ่งผมก็โกรธจนระงับโทสะไม่ได้ เกรี้ยวกราด แสดงพลัีงแบบคนพาลชน

สมกับชื่อผมว่า สายฟ้า แต่ความโกรธ ที่คั่งแค้น มันไม่หายไปเร็ว เหมือน สายฟ้า ยังคุกรุ่น อยู่ร่วม 2 วัน

พร้อมความอับอาย ที่กระทำไป



มีวิธีปฏิบัติ ระงับความโกรธ แบบกระทันหัน หรือป่าวครับ ในกรรมฐาน

มีขั้นตอนที่ทันอย่างไร โปรดแนะนำ หน่อยครับ


 :17: :17:
91  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ที่บรรดาหมอดู รายการทีวี นั้นตัดกรรมได้จริง หรือ ครับ เมื่อ: สิงหาคม 08, 2010, 02:52:15 pm
ผมเอง ก็สงสัยมากเวลา ดูรายการทีวี ซึ่งบรรดา แม่ พี่สาว ญาติ อีกหลายคน

ชอบดู รายการตัดกรรม สแกนกรรม ที่มีบรรดาหมอดูทั้งหลาย มาโชว์ฝีปากในการ

ตัดกรรม ซึ่งจะดูได้ ช่อง miracle และ อีก หลาย ๆ ช่อง

การตัดกรรม ของบรรดาหมอดู พวกนี้ ทำได้จริงหรือครับ

เพราะดูลักษณะ คำพูด การแต่งกาย ( ตามความคิดผม ) แล้วผมว่าเป็นพวกหลอกลวง ซะมากกว่า

แต่คนก็นิยม การโทรเข้าไปคุย ดูดวง และ การตัดกรรม ด้วยสิ่งที่เรียกว่า วัตถุมงคลของ คนเหล่านี้ มาตัดกรรม

ที่จริงแล้ว หลักการตัดกรรม ในศาสนาพุึทธ นี้แท้จริงเป็นอย่างไร

บางทีผมก็เห็น พระก็นั่งดูดวง ดูหมอ ทำนองนี้ ซึ่งมีคนไปเข้าคิว ดูกันเป็นอันมาก ที่วัดใกล้ ๆ บ้าน


 :25: :25:
92  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: มีแฟนเป็น พระ บาป หรือป่าว คะ เมื่อ: สิงหาคม 08, 2010, 02:41:47 pm
ผมว่า เข้าพรรษา ระยะยาวมาก การที่ผู้ชาย ที่ศรัทธาบวชเพราะเพื่อจะ เบียด นั้น อดจะระแวงไม่ได้

ผมว่า อย่างนี้ต้องให้ คุณพ่อ คุณแม่ ของหลวงพี่ พูดบอกกล่าวสักหน่อย

ถ้าดูระยะ เวลาแล้ว นี้ยังเหลือ อีกตั้ง 2 เดือน ครึ่ง เชียวนะครับ

ส่วนคุณผู้หญิง ก็งดการไปบ่อย ๆ ลงครับ ไปสักวันพระครั้ง อยู่ก็สักไม่้เกินชั่วโมง

โทรศัพท์ ก็งดคุยบ้าง ครับ เพราะการคุยโทรศัพท์ ของพระ กับ สีกา นั้น หมิ่นเหม่ ที่จะโดนสังฆาทิเสส ครับ

ส่วนการไม่ไปเลย นั้น ผมว่ายังไม่สมควรเลย ไม่งั้นเป้าหมายของ คุณพ่อ คุณแม่ หลวงพี่จะเสีย

การบวชนั้น ก็เพื่อจะได้ศึกษาหลักธรรม ในศาสนา การบวชเป็นพรรษา นี้ต้องนับถือครับ ถ้าไม่แน่จริง

นี่บวชไม่เกินพรรษาหรอกครับ ช่วงนี้ยิ่งเป็นคู่หมั้นกันแล้ว ก็คือต้องแต่งกันแน่ ๆ (ไม่ได้บวชเพื่อนิพพาน )

ก็เป็นช่วง ที่ว่าที่สามีจะได้ศึกษาหลักธรรมครับ เพราะในพรรษาพระใหม่ ต้องเรียน นักธรรมตรี ครับ

ซึ่งเป็นโอกาสที่จะได้ให้ พระธรรม กล่อมใจ

เพราะเหตุที่ว่า หลวงพี่ ต้องออกมาเป็นผู้นำครอบครัว ก็ถือว่าเป็นช่วง บ่มนิสัยท่าน

หน้าที่ของเรา ซึ่งต้องเป็นภรรยาในอนาคตนั้น ก็ต้องให้กำลังใจ ได้ดูนิสัย ความอดทน

ถ้าหากท่านขาดความอดทน สึกก่อนพรรษามา ผมว่าเลิกแต่งกันก็ดี ครับ

เพราะชีวิตคู่นั้น มีอะไรที่ยาก กว่าการเป็นพระหนึ่งพรรษาอีกครับ

การจะหึง จะหวง นั้น จะหนักยิ่งกว่า อยู่เป็นพระอีก

ถนอมน้ำใจ นี้ก็ส่วนหนึ่ง ดูน้ำใจกัน ก็ส่วนหนึ่ง ได้โอกาสศึกษา หลักธรรมก็ส่วนหนึ่ง

บางคำพูด บางอย่างของการกระทำ อาจจะทำให้โอกาสเสียได้

ต้องใจเย็น ๆๆ ครับ

 :25: :25:
93  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ผู้หญิง ที่เป็น เลสเบี้ยน เกิดจากการสร้าง กรรม อะไรครับ เมื่อ: สิงหาคม 08, 2010, 02:31:59 pm
ผู้หญิง ที่เป็น เลสเบี้ยน เกิดจากการสร้าง กรรม อะไรครับ

ถึงได้เกิดมาแล้ว วิปริต ทางเพศ

เพื่อนหญิง ผมคนหนึ่ง เขาเรียก ว่ายายทอม

เมื่อก่อนก็ไม่ค่อยมีอาการหนัก แต่ปัจจุบัน มีอาการหนัก เพราะไปรัก ผู้หญิง ด้วยกัน

ถึงขั้น ไปต่อย ตี กับผู้ชาย กันเลยครับ



สำหรับ คนปฏิบัติธรรม นั้น ควรที่คบกับ พวกที่เป็น เกย์ และ ทอม หรือป่าวครับ

เพราะผมลองคบดูมาหลายปี แล้ว ไม่เห็นพวกนี้จะสนใจศาสนาเลยครับ

แถมไม่ไหว้พระอีก บางทียังแซวพระ รวมทั้งพวกตุ๊ดด้วยครับ

ในหลักศาสนานั้น มีหลักการไม่คบพวก ตุ๊ด และ ทอม หรือป่าวครับ
 :25: :17:
94  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / พระลักษณะ ในพระขุททกาปีติ เป็นอย่างไรครับ เมื่อ: มิถุนายน 30, 2010, 07:55:47 pm
ผมได้ฟัง การนำปฏิบัติ กรรมฐาน

แล้วถึงคำว่า พระลักษณะ ของพระกรรมฐานเป็นอย่างไร ครับ
95  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / นั่งกรรมฐานที่ถูกลักษณะ เมื่อ: มิถุนายน 28, 2010, 01:21:33 pm


นั่งกรรมฐาน ที่ถูกลักษณะในท่านั่งแบบนี้จะนั่งได้นาน
96  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: การประกอบอาชีพ ด้วยการฆ่าสัตว์ มีบาปหรือป่าวครับ เมื่อ: มิถุนายน 15, 2010, 02:14:18 pm
 :c017:

ขอบคุณ คำแนะนำ แม้เพียงจะให้ผมเข้าใจ

แต่ผมก็มั่นใจ ในสิ่งที่ผม กระทำ

ผมตั้งใจ จะรักษาศีล และ ทำบุญอุทิศ ส่วนกุศลให้กับสัตว์ ที่เสียชีวิตครับ

 :25: :25:
97  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: การถอดจิต นั้นต้องฝึกกรรมฐานถึงขั้นไหนคะ เมื่อ: มิถุนายน 10, 2010, 10:33:46 am
อ้างถึง
พระอาจารย์เพื่อชี้แนะก็ได้คำตอบว่านั่นเป็นองค์

ธรรมของหลวงปู่เข้าประทับเพราะผมอาราธนาบารมีหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน

เข้าทรงหลวงปู่ ได้ด้วยหรือครับ
 :smiley_confused1:
98  เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / การประกอบอาชีพ ด้วยการฆ่าสัตว์ มีบาปหรือป่าวครับ เมื่อ: มิถุนายน 07, 2010, 10:52:06 am
จา่กกระทู้เรื่องนี้

http://www.madchima.org/forum/index.php?board=17.0

ที่บ้านผม มีฐานะปานกลาง

พ่อ มีอาชีพเกษตรกร ผมเองก็เป็นตามพ่อ และ แม่

พ่อกับแม่ ปลูกผักสวนครัว

และ เลี้ยงไก่ เป็ด กินไข่ และ หมู

และทำบ่อปลาด้วยครับ

ดังนั้น พวกเนื้อสัตว์ เวลาเราจะบริโภคนั้น ก็จะเป็น พ่อ กับ แม่ เป็นคนฆ่า เพื่อทำอาหารให้เราทานครับ



อยากทราบ พ่อ แม่ และ ผม พี่ น้อง มีบาป มากไหมครับ
และถ้าไม่ ทำ ผมจะดำรงชีวิต กันอยู่ ได้อย่างไร แบบพอเพียงครับ

 :25: :smiley_confused1: :'(

99  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / Re: คางคกสูบบุหรี่ เมื่อ: มิถุนายน 07, 2010, 10:48:09 am
่อ่านจบแล้ว กลัวบาป เลยครับ
 :25:
100  ธรรมะสาระ / กระดานข่าวทางวัดแก่งขนุน / Re: วันวิสาขบูชาวัดแก่งขนุน เมื่อ: พฤษภาคม 29, 2010, 12:38:26 pm
 :25:
หน้า: 1 2 [3]