ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: พุทธรักขิต นกแขกเต้าเจริญสติปัฏฐาน  (อ่าน 539 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
พุทธรักขิต นกแขกเต้าเจริญสติปัฏฐาน
« เมื่อ: สิงหาคม 19, 2019, 06:40:21 am »
0




พุทธรักขิต นกแขกเต้าเจริญสติปัฏฐาน

ครั้งพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จแสดงธรรมไปในมหาชนบททั้งหลาย แคว้นกุรุเป็นแคว้นหนึ่งที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปแสดงธรรม แล้วทรงแสดงธรรมไว้ถึง 7 เรื่องด้วยกัน ได้แก่ มหานิทานสูตร มหาสติปัฏฐานสูตร สาโรปมสูตร รุกขูปมสูตร รัฏฐปาลสูตร มาคัณฑิยสูตร และอานัญชสัปปายสูตร

พระอรรถกถาจารย์ได้อธิบายเหตุผลที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมที่นี่หลายเรื่องเพราะ ชาวกุรุเป็นผู้มีกำลังปัญญา สามารถฟังธรรมของพระองค์ได้ รวมทั้งบรรยากาศร่มรื่น ทำให้ชาวแคว้นแห่งนี้มีใจที่เปิดรับฟังธรรมของพระองค์

ถึงชาวกุรุจะได้รับคำสอนเรื่องสติปัฏฐาน 4 ซึ่งเป็นคำสอนเรื่องการปฏิบัติเพื่อให้เห็นธรรมได้จากการพิจารณากาย, เวทนา (ความรู้สึก) , จิต และ ธรรม และยังปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 แม้แต่สัตว์เดรัจฉานก็ยังเจริญสติปัฏฐาน 4 เช่นเดียวกัน สัตว์ตัวนั้นคือ นกแขกเต้าที่มีชื่อว่า “พุทธรักขิต”

@@@@@@

มีหญิงช่างฟ้อนรำนางหนึ่งจับลูกนกแขกเต้าตัวหนึ่งมาเลี้ยงไว้ และฝึกให้มันพูดภาษาคนได้ นางเดินทางไปแสดงฟ้อนรำที่ใดก็จะพาลูกนกตัวนี้ไปด้วยเสมอ จนกระทั่งมาถึงแคว้นกุรุ นางขออนุญาตพระเถรีพักค้างแรมในสำนักภิกษุณี แต่พอถึงวันที่นางต้องออกเดินทาง กลับลืมเจ้านกแขกเต้าไว้

สามเณรีจึงเลี้ยงนกแขกเต้าตัวนี้แทน และตั้งชื่อนกน้อยว่า “พุทธรักขิต” ซึ่งมีความหมายว่า “พุทธรักษา” วันหนึ่งพระเถรีรูปหนึ่งขานชื่อของมัน นกน้อยขานรับว่า “มีอะไรคะ ท่านแม่” พระเถรีถามต่อว่า “เจ้าเจริญภาวนาอย่างไรบ้าง” นกแขกเต้าตอบ “ไม่มีเจ้าค่ะ ท่านแม่”

“เจ้าพุทธรักขิต ผู้ที่อยู่ในอาวาสแห่งนี้ ควรเจริญภาวนาอะไรบ้างนะ แต่เจ้าเป็นเดรัจฉาน คงปฏิบัติเจริญภาวนาได้ไม่ดีนัก นั่นเจ้าจงบริกรรมคำว่า กระดูกเถิด” เจ้าพุทธรักขิตก็ตั้งมั่นในคำสอนของพระเถรี มันก็เที่ยวบริกรรมคำว่า “กระดูก” มาโดยตลอด


@@@@@@

จนกระทั่งวันหนึ่งพุทธรักขิตกำลังผึ่งแดดอยู่บนกิ่งไม้ นกใหญ่ตัวหนึ่งก็ใช้กรงเล็บจับตัวนกน้อยไว้ ด้วยความตกใจพุทธรักขิตก็ร้องขอความช่วยเหลือ สามเณรีทั้งหลายเห็นพุทธรักขิตถูกจับตัวไปก็พากันปาหินใส่นกใหญ่ เพื่อให้มันปล่อยพุทธรักขิตลงมา

เมื่อพุทธรักขิตพ้นจากอันตรายแล้ว พระเถรีได้เข้ามาแล้วถามมันว่า “ตอนที่เจ้าตกอยู่ในอันตราย เจ้าคิดอะไรอยู่” นกน้อยตอบทันทีว่า “ท่านแม่เจ้าขา ดิฉันคิดถึงกองกระดูกเท่านั้นว่า กองกระดูกนั้นแหละที่นกใหญ่จับไป กองกระดูกจะเกลื่อนกลาดไป ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม” พระเถรีกล่าวว่า “เป็นเช่นนี้ก็ดีแล้วเจ้าพุทธรักขิต การเจริญภาวนาของเจ้าจะเป็นปัจจัยหลังจากเจ้าสิ้นไปแห่งภพเดรัจฉาน”

หมายความว่า หากเจ้าพุทธรักขิต นกแขกเต้าผู้เป็นที่รักของบรรดาสามเณรีทั้งหลายในอารามแห่งนี้ หากมันยังยึดบริกรรมเจริญสติปัฏฐานเช่นนี้อย่างต่อเนื่อง แม้จะตื่นตกใจก็ไม่หลุดจากการเจริญสติปัฏฐาน 4 เมื่อตายจากไป พลังแห่งการเจริญภาวนาก็จะนำพามันไปสู่สุคติภพ คือเกิดเป็นเทวดาและมนุษย์ พ้นจากภพแห่งเดรัจฉานอย่างสิ้นเชิง



ที่มา : อรรถกถา มหาสติปัฏฐานสูตร
ภาพ : https://pixabay.com
ขอบคุณ : https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/170004.html
By nintara1991 ,17 August 2019
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ