ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: เสพเมถุน ตกนรกขุมไหน.?  (อ่าน 5254 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28452
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
เสพเมถุน ตกนรกขุมไหน.?
« เมื่อ: กันยายน 23, 2015, 11:22:19 am »
0


ลับเฉพาะ “พระ-เณร เกย์” นิยมเสพกาม ตกนรกขุมมหาอเวจี บาปหนักที่สุด!

ยุบหนอ พองตัวหนอ... ภาพหนุ่มหน้านวล ใส่สบง ดึงปลาช่อน (เปรียบเทียบ) จากผ้านุ่ง ออกมาโชว์ ประกาศก้องว่าใครพร้อมอยากเจ็บตรงนั้น ก็มาหาเรานะ ถูกแชร์ ถูกไลค์ ทั้งจากชายรักชาย พระชอบพระ หรือเณรคลั่งเณรอย่างล้นหลาม
       
ภาพนี้ไม่ใช่ภาพแรก ยังมีภาพสุดสยิวอีกมากมาย เช่น ภาพชายใส่สบงทำท่าโก้งโค้งหันหลัง ท่อนล่างเปลือยเปล่า ตามคำอธิบายของภาพบอกเพิ่งเสร็จภารกิจ มาหมาดๆ ยังมีภาพจูบกัน กอดรัดกัน นัวเนียอีกมากมาย ให้พระนะยะ เณรนะคะ ได้เมนต์กันอย่างเมามันในโลกลับๆ ใต้สะดือ
       
สำหรับ สมาชิกกลุ่มลับเฉพาะมีชื่อว่า "กลุ่มลับของ พ ณ เกย์" นี่คือภาพรัญจวนใจเบาๆ ที่พากันกลืนน้ำลาย บ้างก็แสดงความประสงค์ “อยากเจ็บตรงนั้น อยากโดนตรงนี้” เมนต์กระจายใต้รูป น่าตกใจที่ผู้เมนต์คือ พระ-เณร ทั้งในวัดดัง ทั้งในเขตกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด หลายคนแสดงตัวตนผ่านโปรไฟล์เฟชบุ๊กว่า เราชอบไม้ป่าเดียวกันนะจะบอกให้

       
       


บวชแค่นั้น ฉันชอบสังวาส    

(กลุ่มลับๆ ของพระ-เณรที่ถูกแฉ)อาจจะไม่ต้องถามว่าเรามาถึงจุดนี้กันได้ยังไงในวงการสงฆ์ เพราะเรื่องราวฉาวโฉ่ ประเด็นการแอบเสพสังวาส เกิดขึ้นในวงการสงฆ์มาอย่างต่อเนื่อง แต่ที่น่าตกใจมากขึ้นๆ คือ พระ-เณร ยุคใหม่ในโลกโซเชียล เปิดเผยว่าตัวเองเป็นเกย์เป็นตุ๊ดที่อยู่ในชุดผ้าเหลือง แสดงออกทางเพศ และเผยความต้องการทางเพศกันอย่างโจ๋งครึ่ม ไม่เกรงกลัวต่อบาป ซ้ำยังใช้โลกออนไลน์ สร้างกลุ่มรวมเพื่อนที่มีรสนิยมทางเพศ เปิดเผยกันอย่างไม่เกรงใจใคร
       
“ภาพกลุ่มลับ พ ณ เกย์ น่าจะเป็นภาพเก่าที่เกิดขึ้นเมื่อ 7-8 ปีมาแล้ว เป็นพระเณร ทางภาคเหนือ ที่สร้างความเสื่อมเสียให้วงการสงฆ์ พระ เณร ดีๆ จิตในมุ่งในธรรม จะไม่ทำบาปเยี่ยงนี้ มีเฉพาะพระ เณร บางรูปบางคนติดในกาเม ชอบสังวาส มาบวชก็ไม่ยกระดับจิตใจให้ดีขึ้น ก็กระทำตนเหมือนช่วงที่ยังไม่บวช” พระครูภาวนาวีรานุสิฐ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดพิชยญาติการาม กล่าวถึงภาพหวือหวาของเณรพระที่ปรากฏเป็นข่าว

             
 :91: :91: :91: :91:

“บางคน มาบวช พระครู ถามว่า พ่อแม่ อนุญาตไหม เป็นชายหรือไม่ ทุกคนจะตอบว่า อนุญาตครับ เป็นชายครับ แต่บวชไปสักระยะ ก็จะรู้ในสังคมพระแห่งนั้นว่า พระรูปนี้เป็นเกย์ ตุ๊ด จริงๆ เราตรวจสอบไม่ได้เลย บางคนร่างกายกำยำ กลายเป็นเกย์ ทั้งนี้อยู่ที่ตัวบุคคลนั้นๆ หากเป็นเกย์เป็นตุ๊ด แต่อยู่ในศีลในธรรมวินัย ก็บวชเป็นพระได้ แต่ปัญหาคือมีพระ-เณรบางรูปที่มีแค่ศีลคลุมกาย กับคำพูด แต่จิตใจไม่พัฒนา ไม่เจริญไม่เข้าถึงโสดาบัน”
       
ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดพิชยญาติการาม ย้ำว่าบางคนมาบวช กลายเป็นนางพญาหงส์ในหมู่ผู้ชายก็มี วัดบางแห่งก็อาจเรียกมาตักเตือนได้ แต่ถ้ายังประพฤติผิดซ้ำ มีหลักฐานว่าสร้างความเสื่อมเสียให้สังคมพระ มีการแอบมั่วกามตลอดมาก็สามารถจับสึกได้

       



ต้อง “ประหารจากความเป็นพระ”!!      

พระราชธรรมาภรณ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส หัวหน้าพระวิญญาธิการ (พระตำรวจผู้คุมกฎ) วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร กล่าวเสริมว่า ในพระธรรมวินัยได้ระบุกฎเกณฑ์เอาไว้แล้วว่าไม่ควรทำ ถือว่า “ผิดอาจาระ” (ข้อควรประพฤติสำหรับพระภิกษุสามเณร) ที่เป็นอยู่ ถ้าเพียงพิมพ์พูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องลามกเช่นนี้ ถือเป็นความไม่เหมาะสม เป็นอาบัติเล็กน้อย แต่เป็นอาบัติที่นำไปสู่โลกวัชชะ (โทษทางโลก, อาบัติที่เป็นโทษทางโลก) และสร้างความเสื่อมเสียให้แก่พระพุทธศาสนา ทำให้ชาวโลกเขาติเตียนว่าสมควรทำหรือไม่
       
เล่นเฟซบุ๊กกันแบบนี้และไปพูดกันถึงเรื่องลามก ซึ่งมันไม่เป็นวิสัยที่จะต้องทำ แต่ถ้าการพูดคุยนั้น นำไปสู่ขั้นชักชวนกันไปมีความสัมพันธ์กันในผ้าเหลือง ถือเป็นอาบัติขั้นหนัก ต้องขาดจากความเป็นพระทันที ส่วนเรื่องจะตกนรกหรือไม่ ต้องพิจารณาจากหลายบริบทเข้าด้วยกัน ยังระบุไม่ได้ว่ากระทำความผิดข้อนี้แล้วจะไปสู่นรกชั้นไหน แต่แน่นอนว่าการกระทำเช่นนี้จะนำไปสู่อบายที่ไม่ดี”

       
 :41: :41: :41: :41: :41:

วิธีเข้าจัดการคือต้องดูว่าพระเณรเหล่านั้นอยู่สังกัดวัดไหน ซึ่งไม่ว่าลูกวัดจะอยู่ในระดับไหนก็ตาม ผู้บังคับบัญชาภายในวัดหรือเจ้าอาวาสจะต้องดำเนินการ ถ้าพบว่ายังไม่ถึงกับมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง พูดคุยกันในกลุ่มเท่านั้น ก็จะเป็นความผิดที่เบากว่า แต่ก็ทำให้ทางวัดเสื่อมเสีย เจ้าอาวาสก็ต้องเรียกมาตักเตือน แต่ถึงอย่างนั้นก็ควรจะรู้ไว้ว่าเรื่องลามกเหล่านี้ ไม่ใช่วาจาที่สมควรจะต้องพูดคุยกัน
       
“เรื่องอาบัตินั้นมีแน่นอน อย่างน้อยก็เป็นอาบัติอย่างเบา “อาบัติปาจิตตีย์” พูดสิ่งที่ไม่ควรพูด หรือถ้าพูดล่อแหลมไปจนถึงขั้นส่งให้เกิดการสำเร็จความใคร่ จะถือเป็น “อาบัติสังฆาทิเสส” แต่ถ้าถึงขั้นเสพกามกันแล้ว จะหนักไปถึง “อาบัติปาราชิก” ในทันที และมีความจำเป็นที่จะต้องให้ลาสิกขาบทไป ให้ “ประหารจากความเป็นพระ” ไปสู่ความเป็นฆราวาสทันที! เทียบกับพระที่มีอะไรกับสีกา กับพระที่มีอะไรกับพระในผ้าเหลืองด้วยกันเองแล้ว ถือว่าเป็นความผิดบาปเท่ากัน คือต้องอาบัติปาราชิก”
             
 :32: :32: :32: :32:

พูดถึงปัญหาเรื่องพระเกย์หรือพระเบี่ยงเบนทุกวันนี้ โดยภาพรวมแล้ว ทางคณะสงฆ์ทุกวัดเป็นที่รับทราบกันดี และกำลังช่วยกันปรามอยู่ ไม่ได้ปล่อยปละละเลย เมื่อพบหลักฐานแน่ชัดก็ต้องให้พระรูปนั้นย้ายออกหรือลาสิกขาบทออกไป และที่ผ่านมาก็มีพระที่เบี่ยงเบนเข้ามาขอบวชอยู่เยอะเช่นกัน สิ่งเหล่านี้ไม่ได้อยู่แค่ในสังคมโลกอีกต่อไปแล้ว ไม่ได้พบในโรงเรียนชายล้วนอย่างที่เคย แต่พระอาจารย์บอกว่ามันลามเข้ามาถึงในวัดเสียแล้ว
       
“อย่างวัดอาตมา ถ้าดูแล้วว่าใครที่มาบวชจะมีพฤติกรรมเบี่ยงเบนไปมากก็จะเลือกที่จะไม่รับเข้ามาเลย ก็อยากบอกชาวพุทธทั้งหลายว่าคณะสงฆ์ไม่ได้ปฏิเสธว่าสิ่งเหล่านี้ไม่มี แต่คณะสงฆ์ก็ได้พยายามดำเนินการให้เรื่องเหล่านี้มันน้อยลง อุปัชฌาย์ (พระผู้บวชให้) ทั้งหลายก็กลั่นกรองอยู่ส่วนหนึ่งแล้วว่าควรบวชหรือไม่ แต่อีกส่วนหนึ่งเราไม่รู้ได้ว่าจิตใจของเขาเป็นชายหรือหญิง

 
 :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi: :s_hi:
     
ที่จริงแล้ว พระที่มีจิตใจเบี่ยงเบนนั้น ตามหลักแล้วบวชไม่ได้ เพราะพระธรรมวินัยกำหนดให้ผู้ชายที่เข้ามาบวชนั้นต้องเป็นผู้ชายจริง เพียงแต่บางคนมีพฤติกรรมแอบแฝงอยู่ทำให้ไม่สามารถบ่งชี้ได้ ยกเว้นบางคนที่ออกแต๋วเต็มที่ถึงจะรู้ แต่หลายๆ คนก็ไม่รู้ แต่เมื่อบวชเข้ามาแล้วเราก็ให้สิทธิเขา และพระบางรูปในวัดเราก็มีลักษณะเบี่ยงเบนเช่นกัน แต่เขาก็ประพฤติปฏิบัติตามพระธรรมวินัยเป็นอย่างดี อยู่ในกรอบและกฎเกณฑ์ของวัดที่กำหนดเอาไว้ เช่น ทำวัตรสวดมนต์, นั่งสมาธิ, เรียนหนังสือ ฯลฯ ดังนั้น เรื่องที่มีพระเบี่ยงเบนเข้ามาบวชนั้นไม่ถือเป็นปัญหา แต่อยู่ที่ว่าวัดนั้นๆ ควบคุมความประพฤติทั่วถึงมากน้อยแค่ไหน
       
ส่วนเรื่องการเล่นเฟซบุ๊กนั้นห้ามได้ยาก เพราะสังคมทุกวันนี้เราปิดไม่ได้แล้ว จริงๆ แล้ว โลกออนไลน์มันมีประโยชน์นะ ถ้าไปใช้ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ เหมือนไฟฟ้า มันให้แสงสว่างเรา แต่ถ้าเราใช้ไม่ระวัง ใช้ผิดแบบก็อาจถูกไฟลัดวงจร มีโทษให้เราถึงตายได้เช่นกัน เช่นเดียวกับการใช้อินเทอร์เน็ตของพระ ถ้าใช้ให้ดี จะไม่เป็นโทษอะไรเลย เพราะการเผยแพร่ธรรมะทุกวันนี้ก็ต้องใช้อินเทอร์เน็ตเข้ามาช่วย อย่างอาตมามีวัดอยู่ร้อยวัด จะส่งพระธรรมวินัยให้กันก็ส่งได้ในทันทีพร้อมกันทีเดียว ถือว่ามีประโยชน์มาก ถ้าทำเพื่อเผยแพร่ธรรมะ การใช้อินเทอร์เน็ตของพระก็จะไม่เสียหายอะไร แต่มันจะกลับกลายเป็นโทษเมื่อเราไปใช้คุยกันในทางลามกเสียหาย”

       
       


พระ-เณร นิยมเสพกาม ตกขุมนรกมหาอเวจี หนักที่สุด!
       
พระครูภาวนาวีรานุสิฐ ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดพิชยญาติการาม ให้ข้อคิดว่า หากพระ-เณร ไม่เกรงกลัวต่อพระธรรมวินัย ขอให้เกรงกลัวต่อบาปบ้าง เพราะผู้ที่ประพฤติผิดในการเสพสังวาสขณะที่ยังบวชเป็นพระ เป็นเณร ถือว่า บาปหนักหนา ตกนรกขุมสุดท้ายคือ ขุมที่ 8 มหาอเวจีนรก (นรกเปลวไฟ)
       
นรกขุมที่ 8 อเวจีนรก เป็นสถานที่สำหรับพวกที่ทำอนันตริยกรรม เช่น ฆ่าบิดา มารดา ฆ่าพระอรหันต์ ทำสงฆ์ให้แตก กัน หรือทำพระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิต ตายแล้วก็ต้องไปตกนรกขุมที่ 8 มีชื่อว่า อเวจีนรก (ถึงแม้จะทำแค่เพียงครั้งเดียว ไม่ว่าด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม ก็ถือเป็นกรรม ที่หนักมาก ต้องตกอเวจีมหานรก ได้รับ ทัณฑ์ทรมานที่แสนสาหัส มีอายุยาวนาน กว่านรกขุมอื่นๆ)
       

 :29: :29: :29: :29:

นรกในขุมนี้จะได้รับความทุกข์แสนสาหัส เป็นนรกที่ขุมใหญ่ที่สุด ราวกับเมืองใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยกำแพงเหล็กอันรุ่งโรจน์ ภายในมีเปลวไฟร้อนระอุไหม้สัตว์นรกอยู่ตลอดเวลาทั้งกลางคืนกลางวันไม่มีว่างเว้น สัตว์ที่ต้องไปอุบัติในอเวจีมหานรกนี้มีมากกว่าขุมอื่นๆ แออัดยัดเยียดเบียดเบียนกันอยู่ ทั้งการเสวยทุกข์โทษในมหานรกขุมนี้ก็แตกต่างกันไปหลายอิริยาบถ หลายท่าหลายทาง เช่น ถ้าเคยยืนทำบาปอกุศลกรรมไว้ ก็ต้องมาทนทุกข์อยู่ในอิริยาบถยืน เคยเดินทำบาปไว้ ก็ต้องเดินทนทุกข์อยู่ เคยนั่งเคยนอนทำบาปไว้ ก็ต้องมานั่งมานอนเสวยทุกข์อยู่ในอเวจีมหานรกนี้
       
ผู้ที่ทำบาปหนักถึงขุมนี้ จะมีผลกรรมให้เกิดทุกข์ในปัจจุบัน และ เลยไม่ถึงชาติหน้า จึงอยากเตือนให้พระ เณร ที่กำลังกระทำแบบนี้ได้ ควรละเลิก และคิดติตรองว่า กระทำผิดศีล แล้วมีต่อผลร้าย ทั้งทางโลกที่สังคมติเตียนประณามและผลทางทางธรรม ที่อาจจะโดนจับสึก ผลทางกรรมที่จะบาปหนัก ตายแล้วก็ทุกข์ทรมาน

       
       


ตามหลักของกรรม ในพระพุทธศาสนา นรกมีทั้งหมด 8 ขุม
       
นรกขุมที่ 1 สัญชีวนรก เป็นสถานที่สำหรับพวกที่ชอบฆ่าสัตว์ ชอบบี้มดตบยุงเป็น ประจำ หรือฆ่ามนุษย์ด้วยกัน รวมทั้ง ฆ่าตัวตาย ด้วย ตายแล้วก็ต้องไปตก นรกขุมที่ 1 ชื่อว่า สัญชีวนรก ซึ่งเกิดขึ้นมาเพื่อรองรับผู้ที่ชอบการฆ่าโดยเฉพาะ

นรกขุมที่ 2 กาฬสุตตนรก
เป็นสถานที่สำหรับพวกที่ชอบลักขโมย ฉ้อโกง ตายแล้วก็ ต้องไปตกนรกขุมที่ 2 ชื่อว่า กาฬสุตตนรก

นรกขุมที่ 3 สังฆาฏนรก เป็นสถานที่สำหรับพวกที่ชอบประพฤติผิดในกาม ตายแล้ว ก็ต้องไปตกนรกขุมที่ 3 ชื่อว่า สังฆาฏนรก

นรกขุมที่ 4 โรรุวนรก เป็นสถานที่สำหรับพวกที่ชอบพูดโกหก พูดคำหยาบ พูด ส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ ตายแล้วก็ต้องไป ตกนรกขุมที่ 4 ชื่อว่า โรรุวนรก

นรกขุมที่ 5 มหาโรรุวนรก เป็นสถานที่สำหรับพวกที่ชอบดื่มสุรา หรือเสพสิ่งมึนเมา ยาเสพติด ตายแล้วก็ต้องไปตกนรกขุมที่ 5 ชื่อว่า มหาโรรุวนรก

นรกขุมที่ 6 ตาปนนรก เป็นสถานที่สำหรับพวกที่ชอบเล่นการพนันทุกชนิด ตายแล้วก็ต้องไปตกนรกขุมที่ 6 ชื่อว่า ตาปนนรก

นรกขุมที่ 7 มหาตาปนนรก เป็นสถานที่สำหรับพวกที่ชอบเที่ยวกลางคืน มัวเมาในอบายมุข ตายแล้วก็ต้องไปตกนรกขุมที่ 7 ชื่อว่า มหาตาปนนรก

นรกขุมที่ 8 อเวจีนรก เป็นสถานที่สำหรับพวกที่ทำอนันตริยกรรม เช่น ฆ่าบิดา มารดา ฆ่าพระอรหันต์ ทำสงฆ์ให้แตก กัน หรือทำพระพุทธเจ้าให้ห้อพระโลหิต ตายแล้วก็ต้องไปตกนรกขุมที่ 8 มีชื่อว่า อเวจีนรก (ถึงแม้จะทำแค่เพียงครั้งเดียว ไม่ว่าด้วยสาเหตุอะไรก็ตาม ก็ถือเป็นกรรม ที่หนักมาก ต้องตกอเวจีมหานรก ได้รับ ทัณฑ์ทรมานที่แสนสาหัส มีอายุยาวนาน กว่านรกขุมอื่นๆ)

       

ขอบคุณภาพและบทความจาก   
http://manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9580000105015   
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ