ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ปุจฉา อย่างไรเรียกว่า สุข ของกรรมฐาน และ เป็น สุข ที่ประกอบด้วยธรรม  (อ่าน 3402 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ธัมมะวังโส

  • ธัมมะวังโส
  • ผู้บริหารเว็บ
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +180/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 7250
  • Respect: +6
    • ดูรายละเอียด
    • เว็บไซต์
0
 ask1   จากเมล
ปุจฉา อย่างไรเรียกว่า สุข ของกรรมฐาน และ เป็น สุข ที่ประกอบด้วยธรรมครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 10, 2013, 06:51:13 pm โดย ธัมมะวังโส »
บันทึกการเข้า
เว ทา สา กุ กุ สา ทา เว ทา ยะ สา ตะ ตะ สา ยะ ทา สา สา ทิ กุ กุ ทิ สา สา กุ ตะ กุ ภู ภู กุ ตะ กุ

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
การเข้าสู่สุขสงบ ตามลําดับพระกรรมฐาน ก็เป็นไป ตามขั้นตอนตามลําดับ
       แต่สิ่งที่เป็นสุข ที่ประกอบด้วยธรรม ที่ครูอาจารย์ว่าไว้ ก็คือ การ เข้าถึงธาตุ เข้าถึงธรรม
           เข้าถึง รู้ทัน และปล่อยวาง ตามสภาวะที่ได้รู้เห็นวัฏจักร ตามสติปัฏฐานสี่ มี กาย เวทนา จิต ธรรม
               เห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา รู้พระไตรลักษณ์
                 เห็น อริสัจย์ 4

          เหตุดี ผลดี ทุกอย่าง มีวิธี มีอุบาย แห่งความสําเร็จ

           นี้คือ กรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ กรรมฐานของพระพุทธเจ้า
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา

komol

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +7/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 643
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ดูเหมือนคำถามจะง่าย ๆ แต่ ก็ใช่ว่าจะตอบให้เข้าใจ กันได้ง่าย นะครับ
บันทึกการเข้า
พลังจิต พลังปราณ พลังสมาธิ เป็นพลังสมดุลย์ เพื่อปัญญา

chatchay

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +4/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 244
  • เกิดเป็นคนต้องมีดี บวชทั้งทีต้องสร้างดีให้กับตน
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ก็คง ต้องถึงคำว่า "สุขหนอ สุขหนอ " อย่างนี้กระมังครับ ถึงจะเรียกว่า สุข

( มาอวดโง่ ครับ )

 :13:
บันทึกการเข้า
ขอนอบน้อมแด่ พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน
โทษอันใดที่ข้าพเจ้าล่วงเกินแล้วต่อพระรัตนตรัย ด้วย กาย ด้วยวาจา ด้วยใจ
ขอพระรัตนตรัย โปรดจงงดซึ่งโทษล่วงเกินนั้นแก่ข้าพเจ้า ตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป ด้วยเทอญ

แพนด้า

  • พอพึ่งพาได้
  • ***
  • ผลบุญ: +3/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 248
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ปัญหา ผมว่า มันอยู่ตรงที่คำว่า สุขหนอ นั่นแหละครับ มันสุขอย่างไร มีการอธิบาย สุขนี้อย่างไร

  :13:
บันทึกการเข้า

นักเดินทาง

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 695
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ติดตามเนื้อหาส่วนนีอยู่เช่นกันครับ

 :49:
บันทึกการเข้า

PRAMOTE(aaaa)

  • ศิษย์ตรง
  • โยคาวจรผล
  • *****
  • ผลบุญ: +5/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 3598
  • ความศรัทธาคือเชื่อเรื่องการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ก็ถ้าหากความสุขสงบนั้น ได้เกิดขึ้น (ระหว่าง)....... กายและใจ(รูปกับนาม)
     ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็มีความสุข

   ครูอาจารย์ก็เคยบอกแล้วเสมอ...ว่า พระพุทธองค์ ท่านเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน (ตรงระหว่าง)ออกฌานสี่ กําลังจะขึ้นฌานห้า
        พระองค์ออก และ พระองค์ก็ยังไม่ได้ขึ้น แค่คําว่า ระหว่าง ก็แปลว่าตรงกลาง

          ครูอาจารย์พูดอยู่เสมอว่า ไม่สูงไม่ตํา
         
           เพราะพระนิพพานไม่มีของคู่
         
             ตัดของคู่ได้    ของคู่ทั้งหลายในโลกไม่มี

             ของคู่ก็เช่น ดีชั่ว นี่คู่กัน
                            สุขทุกข์ นี่คู่กัน
                            ขาวดํา  นี่คู่กัน

                            ยกตัวอย่างได้เป็นล้านๆคู่เลยนะ
                              แต่ถ้าตัดของคู่นี้ได้ ทั้งล้านคู่ก็คงไม่มี

                          สิ่งที่เห็นในขันธ์ จากหนาเป็นบาง

                           ก็เหมือนสีเข้ม ที่ถูกยางลบๆจนจาง.......ไปตามธรรม
             พระตถาคต ตรัสไว้ดีแล้ว พระองค์เป็นได้แต่เพียงผู้บอกทาง
            เหมือนหงายของที่ควํา เปิดของที่ปิด

              ไม่เห็นไม่รู้ อยากเห็นต้องทํา ต้องเห็นเองให้ได้ ใครจะได้สติปัฏฐานสี่ ต้องเห็น ไม่ทําไม่เห็น พูดไปก็ไม่ใช่เพราะไม่เห็น
           
             เข้าให้ถึงกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ(กรรมฐานของพระพุทธเจ้า)

            กวาดให้หมดลานวัด

  อยากให้ทุกท่านฝึกกรรมฐานไปตามขั้นตอน..ตามลําดับ
อย่าไปอยากรู้ก่อนเดี๋ยวจะขวางธรรมตัวเอง   จงตั้งใจฝึกปฏิบัติไปตามครูบาอาจารย์  อย่าใจร้อน
 ใจร้อนไป ก็ยังไม่ได้ เพราะต้องไป....ตามลําดับ
............................................................

....และจงจําไว้ว่าไม่มีใครทําไม่ได้........ถ้าตั้งปราถนาไว้จริงกับกรรมฐานนี้

         เข้าให้ถึงกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลําดับ

          ขอทุกท่านจงโชคดี
       
                               
 

       

   
   
บันทึกการเข้า
การมีกัลยาณมิตร ครูบาอาจารย์ ที่สั่งสอนธรรม เป็นเรื่องที่ดี
..เชื่อเรื่องการตรัสรู้ธรรม ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
...และเชื่อในพระธรรมที่เป็นตัวแทนของพระศาสดา