พิมพ์

[ธัมมะวังโส]

QA  ใครช่วยตอบได้ ก็ช่วยตอบกัน ด้วยนะ จะนำคำถามมาลงก่อน ก็แล้วกันนะ ส่วนคำตอบจะทะยอยตอบ

ปุจฉา
     ??  QA "ดิฉันเคยฟังมาว่า พระพุทธเจ้า สอนเรื่องทุกข์ และการดับไม่เหลือแห่งทุกข์ แล้วทำไม ฟังอ่าน ท่าน ทำไมจึงสอนให้คนอยู่แต่ในความสุข ติดสุข และเข้าหาสุข ด้วย ซึ่งการสอนอย่างนี้ไม่ขัดแย้ง กับความจริง ที่พระพุทธเจ้า สอนหรือ " 


วิสัชชนา

    <?<?<? ยังไม่ได้ตอบ รอให้ สมาชิกธรรม ร่วมตอบกันก่อน


 

[raponsan]

  พระพุทธเจ้าไม่ได้บังคับให้ใครเชื่อ ไม่ได้บังคับให้ใครปฏิบัติตาม
  ผู้ปฏิบัติต้องศรัทธาและเลื่อมใสในคำสอนของท่านก่อน

  ธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ก็คือ อริยสัจ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
  คนส่วนหนึ่งอาจจำได้แต่คำว่า ทุกข์ หรือ สาเหตุของการเกิดทุกข์(สมุทัย)
  โดยไม่สนใจคำว่า นิโรธ นิโรธเป็นเป้าหมายสูงสุดของพุทธศาสนา หมายถึง นิพพานนั่นเอง

  พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า นิพพานัง ปรมัง สุขัง แปลว่า นิพพานเป็นบรมสุข
  พุทธพจน์นี้ ยืนยันว่า สุขเป็นเป้าหมายของพุทธศาสนา
  ดังนั้น คนที่เข้าใจว่า พระองค์ไม่ได้สอนให้ติดสุขนั้น ควรทบทวนคำสอนของท่านให้ดี

  คราวนี้เรามาทำความเข้าใจคำว่า "สุข"
  สุขที่จะกล่าวต่อไปนี้ ไมได้หมายถึงความสุขทางโลกทั่วไปนะครับ

  สุขแรกก็คือ สุขในองค์ฌาน ในฌานหนึ่งถึงฌานสี่จะประกอบองค์ฌาน คือ วิตก วิจาร ปิติ สุข เอกัคคตา
  สุขนี้เป็นสุขในสมาธิ สุขนี้เป็นที่มาของคำว่า "ติดสุข" เป็นสุขทีเกิดจากการเจริญสมถะกรรมฐาน หรือการเจริญฌาน โดยไม่ยอมออกมาทำวิปัสสนากรรมฐาน หรือเจริญปัญญา

  การติดสุขเช่นนี้ จะเป็นอุปกิเลสที่ขวางนิพพาน คือ ไปไม่ถึงบรมสุข
  แต่ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร เพื่อนๆรู้ไหมว่า การได้สุขในฌานในสมัยปัจจุบันเป็นเรื่องยากมาก
  ลองถามตัวเองและคนข้างๆดูว่า มีใครได้ฌานหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ใช่ไหมครับ?

  และอีกอย่างผู้ปรารถนาพุทธภุมิหรือปัจเจกภูมิ จำเป็นต้องอยู่แค่การเจริญฌาน ไม่อาจเจริญปัญญาได้่
  เพราะหากเจริญปัญญา อาจทะลุไปเป็นสาวกภูมิได้

  หรืออีกกรณีหนึ่ง ผู้ปรารถนาจะเป็นพรหม ยังรักที่จะท่องเที่ยวอยู่สังสารวัฏนี้
  ยังไม่อยากจะเข้้านิพพาน ก็จะเจริญแต่ฌานอย่างเดียว
  นั่นคือ "การติดสุข" ของผู้มีฌานที่มีเป้าหมายที่แตกต่างกัน

  สุดท้าย ขอบอกว่า ไม่ว่าจะเป็นสุขทางโลกหรือสุขในฌาน ยังเป็นโลกียสุข
  ยังต้องวนเวียนอยู่ใน ๓๑ ภพภูมินี้อยู่
  หากปรารถนาจะพ้นจากภพภูมิเหล่านี้ ต้องแสวงหาโลกุตรสุข นั่นคือ
  "บรมสุขที่ได้จากนิพพาน" นั่นเอง
   

[Jet]

อนุโมทนา สาธุ กับคำตอบด้วยคะ อ่านแล้ว รู้สึกว่าเข้าใจได้มากเลยคะ
สงสัยเรื่องนี้พระอาจารย์ น่าจะตอบไม่ได้ รอศิษย์ หรือ สมาชิก ช่วยตอบอยู่

อ่านแล้ว 2 รอบ รู้สึกว่า กระจ่างมาก เพราะส่วนตัวก็เคยได้ยินแต่ ผู้ภาวนาพูดว่า ให้เรียนทุกข์ รู้จักทุกข์
ละจากทุกข์ ทำทุกข์ให้สิ้นไป เท่านั้น

 แท้ที่จริง พระพุทธเจ้า สอนให้เราเข้าถึงสุข .... เรียกว่า บรมสุข นี่เอง

   
 

[Sitti]

อนุโมทนา สาธุ
 

[raponsan]

อนุโมทนา สาธุ กับคำตอบด้วยคะ อ่านแล้ว รู้สึกว่าเข้าใจได้มากเลยคะ
สงสัยเรื่องนี้พระอาจารย์ น่าจะตอบไม่ได้ รอศิษย์ หรือ สมาชิก ช่วยตอบอยู่

อ่านแล้ว 2 รอบ รู้สึกว่า กระจ่างมาก เพราะส่วนตัวก็เคยได้ยินแต่ ผู้ภาวนาพูดว่า ให้เรียนทุกข์ รู้จักทุกข์
ละจากทุกข์ ทำทุกข์ให้สิ้นไป เท่านั้น

 แท้ที่จริง พระพุทธเจ้า สอนให้เราเข้าถึงสุข .... เรียกว่า บรมสุข นี่เอง

   
 

  พระอาจารย์ตอบได้ทุกคำถาม ขึ้นอยู่ว่า ท่านจะมีเวลามาตอบหรือไม่
  ความเห็นของผม ได้มาจากการสนทนากับพระอาจารย์หลายครั้ง ต่างกรรมต่างวาระ
  ความเห็นนี้เป็นการประมวลความเห็นของพระอาจารย์เข้ากับความเห็นส่วนตัวของผม
  อยากให้เข้าใจตามนี้..ขอรับ
   

[arlogo]

เท็จเป็นจริง จริงเป็นเท็จ

(  เพราะไม่เข้าใจ )