อุโบสถเก่า 109 ปี! ถูกละเลย ทรุดโทรมหนัก ชาวลับแลวอนกรมศิลป์บูรณะพบพระอุโบสถเก่าแก่อายุ 109 ปี ที่ อ.ตรอน พื้นที่ รัชกาลที่ 5 ทรงเคยเสด็จประพาสต้น สภาพทรุดโทรมหนัก วัดคลึงคราช นำสลิงขึงรอบหวั่นถล่ม วอนกรมศิลป์บูรณะให้อนุชนรุ่นหลังได้ศึกษา
เมื่อวันที่ 11 ต.ค. 59 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังวัดคลึงคราช หมู่ 4 ต.หาดสองแคว อ.ตรอน จ.อุตรดิตถ์ หลังจากที่ชาวบ้านร้องเรียนว่า ทนเห็นสภาพพระอุโบสถเก่าแก่อายุ 109 ปี ของเมืองตรอน ที่ครั้งหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จประพาสต้นหัวเมืองฝ่ายเหนือทางชลมารค และทรงหยุดพักขบวนเรือประทับแรมที่เมืองตรอนตรีสินธุ์ ปัจจุบันคือ ต.หาดสองแคว เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2444 หรือ ร.ศ. 120 ประมาณ 115 ปีมาแล้วชาวบ้านวอนกรมศิลป์ บูรณะด่วน!
สถาพภายในทรุดโทรมมาก
ทั้งนี้ พระอุโบสถหลังดังกล่าวเป็นโบราณสถานขึ้นทะเบียนโดยกรมศิลปากร ที่เป็นศิลปะแบบลาวเวียงจันทร์ ตัวของพระอุโบสถเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 8 เมตร ยาว 16 เมตร สูงกว่า 10 เมตร มีประตูทางเข้าด้านหน้าเพียงด้านเดียว หน้าต่าง 2 ด้านรวม 6 ช่อง มีสิงห์คู่ตั้งอยู่ด้านหน้าประตู หลังคามุงด้วยสังกะสีอยู่ในสภาพทรุดโทรม ฝาผนังพระอุโบสถมีรอยแตกร้าว ทางวัดใช้ลวดสลิงขึงรอบตัวพระอุโบสถเอาไว้ พร้อมนำไม้และเสาปูนช่วยค้ำยันฝาผนังอีกทาง เพื่อไม่ให้ตัวพระอุโบสถพังถล่มหากเกิดพายุ อีกทั้ง ติดป้ายห้ามไม่ให้ประชาชนเข้าใกล้ ส่วนภายในพบโบราณวัตถุคล้ายถูกขุด มีกองดินทับถม และบางส่วนถูกขโมยเอาไป หลังคาสังกะสีหลุด โครงสร้างที่เป็นไม้ถูกมอดกัดกิน ผู้พบเห็นต่างสลดใจผนังแยกออกจากตัวโบสถ์ไปเยอะแล้ว
ต้องใช้เสาค้ำยัน ลวดสลิงขึงรอบโบสถ์
พระชาติ จตมโร พระลูกวัดคลึงคราช ผู้ดูแลรับผิดชอบพระอุโบสถ กล่าวว่า พระอุโบสถคาดว่าจะก่อสร้างในปี พ.ศ. 2450 ไม่ทราบวันเดือนที่แน่ชัด ปัจจุบันก็อายุ 109 ปี ซึ่งพระอุโบสถหลังดังกล่าวหลวงพ่อพุ่ม จันทสโร อดีตเจ้าอาวาสวัดคลึงคราช และชาวบ้านร่วมกันสร้างตามภูมิปัญญาของชาวลาวเวียงจันทน์ ที่มาอาศัยอยู่ คือ อิฐทุกก้อนที่เผาแล้วจะเรียงเป็นรูปสี่เหลี่ยม ไม่มีเสา และโครงสร้างหลังคาใช้ไม้สัก เพื่อใช้เป็นสถานที่ในกิจของสงฆ์ของพระลูกวัดและวัดใกล้เคียง
หลังจากที่กรมศิลปากร ประกาศขึ้นทะเบียน ตามระเบียบในรัศมีใกล้เคียง 20 เมตร ห้ามมีการก่อสร้างและดำเนินการนั้น ทำให้พระอุโบสถถูกปล่อยทิ้งร้าง ทางวัดไม่สามารถเข้าไปพัฒนา หรือปรับปรุงซ่อมแซมตามความประสงค์ของชาวบ้านได้ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่กรมศิลปากร เข้ามาตรวจสอบและเร่งซ่อมแซมบูรณะ เพราะหวั่นพระอุโบสถจะพังถล่ม และในอนาคตยังเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านพระพุทธศาสนา ให้อนุชนรุ่นหลังศึกษาอีกด้วย.ขอบคุณภาพข่าวจาก
http://www.thairath.co.th/content/750462