ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน
  • สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน
แสดงกระทู้
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.
  Messages   Topics   Attachments  

  Topics - เสกสรรค์
หน้า: 1 [2] 3
41  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับหลวงปู่สุก ไก่เถื่อน / หลวงปู่สุก ศึกษา วิชา ดำเนินธาตุ ทำลายธาตุ กับ ขรัวท่านโต วัดชายนา (น่าอ่าน) เมื่อ: มกราคม 31, 2012, 09:30:19 am
ทรงศึกษา วิชา ดำเนินธาตุ ทำลายธาตุ
(พรรษาที่สอง สถิตวัดโรงช้าง ยุคอยุธยา)
พรรษาที่สอง พระองค์ท่าน ทรงได้พบ กับพระอริยเถราจารย์ อีกพระองค์หนึ่งในสมาธินิมิต ท่านมีนามบัญญัติว่า ขรัวท่านโต ท่านเคยสถิตวัดชายทุ่ง ก่อนสถาปนาเป็นวัดป่าแก้ว ในรัชสมัยพระเจ้ารามาธิบดีที่ ๑ หรือเรียกว่าพระเจ้าอู่ทอง ขรัวท่านโตดำรงขันธ์อยู่ ในรัชสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ พระเจ้าอู่ทอง ท่านเข้ามาในสมาธินิมิตในครั้งนั้น ท่านมาบอกวิธีการ ให้แก่พระอาจารย์สุก สองอย่าง คือ
   การดำเนิน ความเป็นไปแห่งธาตุ ๑
   การทำลายธาตุ ๑
   และสอนให้ไม่หลงติดอยู่ในธาตุ และสอนให้ไม่หลงติดในฤทธิ์ ๑
    พระอริยเถราจารย์ บอกวิธีดำเนินธาตุ ทำลายธาตุ เพื่อให้เกิดฤทธิ์ แก่พระอาจารย์สุก โดยให้บริกรรมดำเนินธาตุ บริกรรมตั้งธาตุ บริกรรมรวมธาตุ เป็นหนึ่งเดียวพระอาจารย์สุก ทรงดำเนินการตั้ง ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟ อากาศธาตุ วิญญาณธาตุ แล้วสัมปยุตธาตุ ประกอบธาตุทั้ง ๖ เป็นหนึ่งเดียว แล้วให้บริกรรมทำลายธาตุทั้ง ๕ ให้สลายไป ยกเว้นวิญญาณธาตุ ซึ่งเป็นธาตุรู้ ท่านกล่าวว่าทำให้เกิดอิทธิวิธี
    ขรัวท่านโต กล่าวต่อไปว่า การดำเนินธาตุ ทำลายธาตุ มิใช่จะทำได้ทุกคนบุคคลไหนมีวาสนาบารมีมาทางนี้ ข้าฯก็จะมาสอนให้เอง เหมือนอย่างที่ข้าฯมาสอนให้ท่านในครั้งนี้
    ขรัวท่านโต ยังกล่าวสอนพระอาจารย์สุกอีกว่า ฤทธิ์ทั้งหลายมีเกิด แล้วก็มีเสื่อมไม่เที่ยงแท้แน่นอน ย่อมแปรปรวนไป ถ้าบุคคลใดยังเป็นปุถุชนอยู่ ไม่รู้ความจริงแห่งพระไตรลักษณ์ ย่อมติด ย่อมหลง อยู่ในฤทธิ์ ไม่สามารถหลุดจากกิเลส ไปพระนิพพานได้ ฉะนั้นขอให้ท่านพิจารณาถึงความไม่เที่ยง ตลอดเวลา อย่าไปติด ไปหลงอยู่ในฤทธิ์ให้บำเพ็ญเพียรภาวนา ไปสู่นิพพานเถิด
     พระอาจารย์สุก ทรงฟังคำพร่ำสอนของ ขรัวท่านโต พระอริยเถราจารย์ ในสมาธินิมิตแล้ว พระองค์ท่านก็มั่นเพียรทำตามที่พระอริยเถราจารย์บอก และภายในเวลา ๓ ราตรี พระองค์ท่านก็บรรลุวิชาดำเนินธาตุ ทำลายธาตุ ได้สำเร็จฤิทธิบางอย่าง แต่ยังเป็นฤทธิ อย่างปุถุชน ยังมีหวั่นไหวบ้าง
     ถึงราตรีที่ ๔ ขรัวท่านโต ก็มาปรากฏในสมาธินิมิต ของพระอาจารย์สุกอีก ด้วยท่านทราบว่า พระอาจารย์สุก สำเร็จวิชาดำเนินธาตุ ทำลายธาตุแล้ว และในสมาธินิมิตราตรีนั้น ขรัวท่านโต กล่าวกับพระอาจารย์สุกว่า วิชาดำเนินธาตุ ทำลายธาตุ ที่เป็นไปในทางโลกีย์ ท่านก็สำเร็จแล้วต่อไปข้าฯ จะสอนวิชาดำเนินธาตุ ทำลายธาตุ ที่เป็นไปในทางโลกุตรธรรม นำทางท่านไปถึงมรรค ผล นิพพาน ตามคำสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนไว้ ให้ท่านดำเนินตั้งสภาวะความเป็นไป แห่งปฐวีธาตุ ธาตุดิน ๑ อาโปธาตุ ธาตุน้ำ ๑ เตโชธาตุ ธาตุไฟ ๑ วาโยธาตุ ธาตุลม ๑ อากาสธาตุ ธาตุอากาศ ช่องว่างภายในกาย ๑
วิญญาณธาตุ ธาตุวิญญาณ คือความรู้อะไรๆได้ ๑ พระอริยเถราจารย์กล่าวสอนต่อไปอีกว่า ในธาตุทั้ง ๖ นั้น

     ปฐวีธาตุ ธาตุดิน เป็นอย่างไร ปฐวีธาตุ ธาตุดินมี ๒ อย่างคือ ปฐวีธาตุ ธาตุดิน ภายใน ปฐวีธาตุ ธาตุดิน
ภายนอกปฐวีธาตุ ธาตุดิน ๒ อย่างนั้น ปฐวีธาตุ ธาตุดินภายใน เป็นอย่างนี้คือ ธรรมชาติที่แข็ง ธรรมชาติที่กระด้าง ความแข็ง ภาวะที่แข็ง เป็นภายในเฉพาะตน เป็นอุปาทินนกรูปข้างใน คือรูปที่มีใจครอง ได้แก่ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง เนื้อ เอ็น กระดูก เยื่อในกระดูก ม้าม หัวใจ ตับ พังผืด ไต ปอด ไส้ใหญ่ ไส้น้อย อาหารใหม่ อาหารเก่า ทั้งหมดนี้เรียกว่า ธรรมชาติที่แข็ง ธรรมชาติที่กระด้าง ความแข็ง ภาวะที่แข็ง เป็นภายในเฉพาะตน เป็นอุปาทินนกรูปข้างใน รูปในที่มีใจครอง แม้อย่างอื่นใดมีอยู่ นี้เรียกว่า ปฐวีธาตุ ธาตุดินภายใน  ปฐวีธาตุ ธาตุดินภายนอก เป็นอย่างนี้คือ ธรรมชาติที่แข็ง ธรรมชาติที่กระด้าง ความแข็ง ภาวะที่แข็ง เป็นภายนอก เป็น อนุปาทินนกรูปข้างนอก คือรูปที่ไม่มีใจครองได้แก่ เหล็ก โลหะ ดีบุกขาว ดีบุกดำ เงิน แก้วมุกดา แก้วมณี แก้วไพฑูรย์ สังข์ ศิลา แก้ว ประพาฬ เงินตรา ทอง แก้วมณีแดง แก้วมณีลาย หญ้า ท่อนไม้ กรวด กระเบื้อง แผ่นดิน แผ่นหิน ภูเขา ทั้งหมดนี้เรียกว่า ธรรมชาติที่แข็ง ธรรมชาติที่กระด้าง ความแข็ง ภาวะที่แข็ง เป็นธรรมชาติภายนอก เป็นอนุปาทินนกรูปข้างนอก คือรูปที่ไม่มีใจครอง แม้อย่างอื่นใดมีอยู่ นี้ก็เรียกว่าปฐวีธาตุ ธาตุดินภายนอก ปฐวีธาตุภายใน ปฐวีธาตุภายนอก ประมวลทั้ง ๒ อย่างนั้นเข้าเป็นหมวดเดียวกัน นี้ก็เรียกว่า ปฐวีธาตุ
 
     อาโปธาตุ ธาตุน้ำ เป็นอย่างไร อาโปธาตุ ธาตุน้ำนั้นมี ๒ อย่าง คือ อาโปธาตุ  ธาตุน้ำภายใน อาโปธาตุ ธาตุน้ำภายนอก อาโปธาตุ ๒ อย่างนั้น อาโปธาตุ ธาตุน้ำภายใน เป็นอย่างนี้คือ ความเอิบอาบ ธรรมชาติที่เอิบอาบ ความเหนียว ธรรมชาติที่เหนียว ธรรมชาติที่เกาะกุมรูป เป็นภายใน เฉพาะตน เป็นอุปาทินนกรูปข้างใน คือรูปข้างในมีใจครอง ได้แก่ ดี เสลด หนอง เลือด เหงื่อ มันข้น น้ำตา เปลวมัน น้ำลาย น้ำมูก ไขข้อ มูตร ทั้งหมดนี้เป็นความเอิบอาบ ธรรมชาติที่เอิบอาบ ความเหนียว ธรรมชาติที่เหนียว ธรรมชาติที่เกาะกุมรูป เป็นภายใน
เฉพาะตน เป็นอุปาทินนกรูปข้างใน คือรูปข้างในมีใจครอง แม้อย่างอื่นใดมีอยู่ นี้เรียกว่า อาโปธาตุ ธาตุน้ำภายใน อาโปธาตุ ธาตุน้ำภายนอก ภายนอก เป็นอย่างนี้คือ ความเอิบอาบ ธรรมชาติที่ เอิบอาบ ความเหนียว ธรรมชาติที่เหนียว ธรรมชาติที่เกาะกุมรูป เป็นภายนอก เป็นอนุปาทินนกรูปข้างนอก รูปข้างนอกไม่มีใจครอง ได้แก่ รสรากไม้ รสลำต้น รสเปลือกไม้ รส ใบไม้ รสดอกไม้ รสผลไม้ นมสด นมส้ม เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้งน้ำอ้อย น้ำที่อยู่ใน พื้นดิน หรือน้ำที่อยู่ในอากาศ เป็นธรรมชาติที่มีความเอิบอาบ ธรรมชาติที่เอิบอาบ ความ
เหนียว ธรรมชาติที่เหนียวธรรมชาติที่เกาะกุมรูป เป็นภายนอก เป็นอนุปาทินนกรูปข้างนอก คือรูปไม่มีใจครองภายนอก แม้อย่างอื่นใดมีอยู่นี้เรียกว่า อาโปธาตุ ธาตุน้ำภายนอก อาโปธาตุ ธาตุน้ำภายภายใน อาโปธาตุธาตุน้ำภายนอก ประมวลทั้ง ๒ อย่างนั้น เข้าเป็น หมวดเดียวกันอย่างเดียวกันนี้เรียกว่า อาโปธาตุ คือธาตุน้ำ

     เตโชธาตุ ธาตุไฟเป็นอย่างไร เตโชธาตุ มี ๒ อย่าง คือ เตโชธาตุภายใน เตโชธาตุภายนอก ในเตโชธาตุ ๒ อย่างนั้น เตโชธาตุภายใน เป็นอย่างนี้คือความร้อนธรรมชาติที่ร้อน ความอุ่น ธรรมชาติที่อุ่น ความอบอุ่น ธรรมชาติที่อบอุ่น เป็นภายในเฉพาะตน เป็น อุปาทินนกรูปข้างใน คือรูปมีใจครอง ได้แก่ เตโชธาตุที่ทำให้ร่างกายเร่าร้อน เตโชธาตุที่ทำให้ร่างกายทรุดโทรม เตโชธาตุที่เป็นเหตุให้เผาไหม้ เตโชธาตุที่ทำให้ของกินของดื่มของเคี้ยวของลิ้มถึงความย่อยไปด้วยดี นี้เรียกว่าความร้อน ธรรมชาติที่ร้อน ความอุ่น ธรรมชาติที่อุ่น ความอบอุ่น ธรรมชาติที่อบอุ่น เป็นภายในเฉพาะตน เป็นอุปาทินนกรูปรูปมีใจครอง ข้างใน แม้อย่างอื่นใดมีอยู่ นี้เรียกว่า เตโชธาตุ ธาตุภายใน เตโชธาตุภายนอก เป็นอย่างนี้คือ ความร้อน ธรรมชาติที่ร้อน ความอุ่นธรรมชาติที่อุ่น ความอบอุ่นธรรมชาติที่อบอุ่น เป็นภายนอก เป็นอนุปาทินนกรูปข้างนอก คือรูปไม่มีใจครอง ได้แก่ ไฟฟืน ไฟสะเก็ดไม้ ไฟหญ้า ไฟมูลโค ไฟแกลบ ไฟหยากเยื่อ ไฟอสนีบาต ความร้อนแห่งไฟ ความร้อนแห่งดวงอาทิตย์ ความร้อนแห่งกองฟืน ความร้อนแห่งกองหญ้า ความร้อนแห่งกองข้าวเปลือก ความร้อนแห่งกองขี้เถ้า หรือความร้อนธรรมชาติที่ร้อน ความอุ่น ธรรมชาติที่อุ่น ความอบอุ่น ธรรมชาติที่อบอุ่น เป็นภายนอก เป็นอนุปาทินนกรูปข้างนอก รูปไม่มีใจครอง แม้อย่างอื่นใดมีอยู่ นี้เรียกว่า เตโชธาตุภายนอก เตโชธาตุภายใน เตโชธาตุภายนอก ประมวลทั้ง ๒ อย่างนั้น เข้าเป็นหมวดเดียวกันนี้เรียกว่า เตโชธาตุ หรือธาตุไฟ

     วาโยธาตุ ธาตุลมเป็นอย่างไร วาโยธาตุมี ๒ อย่างคือ วาโยธาตุภายใน วาโยธาตุภายนอก ในวาโยธาตุ ๒ อย่างนั้น วาโยธาตุภายใน เป็นอย่างนี้คือ ความพัดไปมาธรรมชาติที่พัดไปมา ความเคร่งตึงแห่งรูป เป็นภายในเฉพาะตนเป็นอุปาทินนกรูปข้างใน คือรูปมีใจครอง ได้แก่ ลมพัดขึ้นเบื้องบน ลมพัดลงเบื้องต่ำลมในท้อง ลมในไส้ ลมพัดไปตามตัว ลมศัสตรา ลมมีดโกน ลมเพิกหัวใจ ลมหายใจเข้า ลมหายใจออก หรือความพัดไปมา ธรรมชาติที่พัดไปมา ความเคร่งตึงแห่งรูป เป็นภายใน เฉพาะตน เป็นอุปาทินนกรูปข้างใน แม้อย่างอื่นใดมีอยู่นี้เรียกว่า วาโยธาตุ ธาตุลมภายในวาโยธาตุภายนอก เป็นอย่างนี้คือ ความพัดไปมา ธรรมชาติที่พัดไปมา ความเคร่งตึงแห่งรูปเป็นภายนอกเป็นอนุปาทินนกรูปข้างนอก หรือรูปไม่มีใจครอง ได้แก่ ลมตะวันออก ลมตะวันตก ลมเหนือ ลมใต้ ลมมีฝุ่นละออง ลมไม่มีฝุ่นละออง ลมหนาว ลมร้อน ลมอ่อน ลมแรง ลมดำ ลมบน ลมกระพือปีก ลมครุฑ ลมใบตาล ลมเป่าปากหรือความพัดไปมา ธรรมชาติที่พัดไปมา ความเคร่งตึงแห่งรูป เป็นภายนอก เป็นอนุปาทินนก แม้อย่างอื่นใดมีอยู่ นี้เรียกว่า วาโยธาตุภายนอก วาโยธาตุภายใน วาโยธาตุภายนอก ประมวลทั้ง ๒ อย่างนั้น เข้าเป็นหมวดเดียวกัน นี้เรียกว่าวาโยธาตุ ธาตุลม

      อากาศธาตุ คือช่องว่าง เป็นอย่างไร อากาศธาตุมี ๒ อย่าง คือ อากาศธาตุภายใน อากาศธาตุภายนอก ในอากาศธาตุ ๒ อย่างนั้น อากาศธาตุภายใน เป็นอย่างนี้คือ อากาศ ธรรมชาติอันนับว่าอากาศ ความว่างเปล่า ธรรมชาติอันนับว่าความว่างเปล่า ช่องว่างธรรมชาติอันนับว่าช่องว่าง ที่อันเนื้อและเลือดไม่ถูกต้องเป็นภายใน เฉพาะตน เป็นอุปาทินนกรูปข้างใน ได้แก่ ช่องหู ช่องจมูก ช่องปาก ช่องสำหรับกลืนของกินของดื่มของ
เคี้ยวของลิ้ม ช่องที่พักอยู่แห่งของกิน ของดื่ม ของเคี้ยวของลิ้ม และช่องสำหรับของกินของดื่มของเคี้ยวของลิ้มไหลออกเบื้องต่ำ หรือ อากาศ ธรรมชาติอันนับว่าอากาศ ความว่างเปล่า ธรรมชาติอันนับว่าความว่างเปล่า ช่องว่าง ธรรมชาติอันนับว่าช่องว่าง ที่อันเนื้อและเลือดไม่ถูกต้อง เป็นภายในเฉพาะตน เป็นอุปาทินนกรูปข้างใน แม้อื่นใดมีอยู่ นี้เรียกว่าอากาศธาตุ หรือช่องว่างภายใน อากาสธาตุภายนอก เป็นอย่างนี้คือ อากาศ ธรรมชาติอันนับว่าอากาศ ความว่างเปล่า ธรรมชาติอันนับว่าความว่างเปล่าช่องว่าง ธรรมชาติอันนับว่าช่องว่าง ที่อันมหาภูตรูป ๔ ไม่ถูกต้อง เป็นภายนอก เป็นอนุปาทินนกรูปข้างนอก นี้เรียกว่า อากาสธาตุช่องว่างภายนอก อากาสธาตุภายใน อากาสธาตุภายนอก ประมวลทั้ง ๒ อย่างนั้น เข้า เป็นหมวดเดียวกัน กองเดียวกัน นี้เรียกว่า อากาสธาตุ คือช่องว่าง

      วิญญาณธาตุ คือความรู้อะไรๆได้ เป็นอย่างนี้คือ จักขุวิญญาณธาตุ โสตวิญญาณธาตุ ฆานวิญญาณธาตุ ชิวหาวิญญาณธาตุ กายวิญญาณธาตุ มโนวิญญาณธาตุ นี้เรียกว่า วิญญาณธาตุ สภาวะธรรม หลักแห่งความเป็นไปเอง เหล่านี้เรียกว่า ธาตุ ๖ ประการ คือ ความเป็นไปเอง ๖ ประการ นี้เป็นการดำเนินธาตุ ตั้งธาตุ ฝ่ายโลกุตรธรรม

      ขรัวท่านโต กล่าวสอนต่อไปว่า ข้าฯจะบอกวิธีทำลายธาตุทั้ง ๖ เพื่อกรุยทางไปสู่อมตธรรม ท่านว่าธาตุอันพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธ ตรัสไว้ชอบนั้นมี ๖ ประการ

๖ ประการ ดังที่กล่าวมาแล้วนั้น
คือปฐวีธาตุ(ดิน)
อาโปธาตุ(น้ำ)
เตโชธาตุ(ไฟ)
วาโยธาตุ(ลม)
อากาสธาตุ(ช่องว่าง)
วิญญาณธาตุ ความรู้อะไรๆได้
      ธาตุ ๖ ประการอัน พระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ผู้ทรงรู้ ทรงเห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธตรัสไว้ชอบแล้ว ก็จิตของท่าน (หมายถึงพระอาจารสุก) เป็นผู้รู้อยู่ เห็นอยู่ จะพิจารณาอยู่อย่างไรเล่า จึงจะหลุดพ้น จากอาสวะกิเลส ไม่ยึดมั่น ถือมั่นในธาตุทั้ง ๖ อันเป็นภายใน ภายนอกนี้ ฯ ขรัวท่านโต กล่าวว่า พระพุทธเจ้า ตรัสสอนไว้ว่า ให้ภิกษุทั้งหลาย ครอง ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม อากาศธาตุ ช่องว่าง วิญญาณธาตุ ธาตุรู้อะไรๆได้ โดยความเป็นอนัตตา ไม่มีตัวตน ไม่ให้ครองอัตตา คือความมีตัวตน โดยอาศัย ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม อากาศธาตุ ช่องว่าง วิญญาณธาตุ คือความรู้อะไรๆได้ เมื่อท่านครองธาตุ โดยความไม่มีตัวตน ท่านจึงจะทราบชัดเจนว่า จิต ไม่ควรยึดมั่น ถือมั่น และจะทราบชัด ไปอีกว่าจิตของท่านกำลังจะหลุดพ้น หรือหลุดพ้นแล้ว หลุดพ้น เพราะสิ้นกิเลส ดับคืนกิเลส ละความยึดมั่นถือมั่นในอุปาทาน โดยอาศัยธาตุทั้ง ๖ และอนุสัย คือความตั้งใจ
และความปักใจมั่น โดยอาศัยธาตุทั้ง ๖ ได้ จะทำให้ท่านหลุดพ้นโดยเร็วพลัน เสร็จสิ้นคำกล่าวสอน ขรัวท่านโต ก็หายกลับไป จากนั้นพระอาจารย์สุก ก็ทรงออกจากสมาธิ ครั้งนั้นพระอาจารย์สุก พระองค์ท่านทรงมีพระสติ สัมปชัญญะ ระลึกถึงคำสอนของขรัวท่านโต อยู่เสมอเนื่องๆว่า การยึดติดธาตุ ๖ และฤทธิ์ต่างๆไม่สามารถนำทาง
พระองค์ท่านไปสู่ทางพระนิพพานได้ ถ้ายังไปหลงติดอยู่ ตามคำที่พระอริยเถราจารย์


ติดตามต่อนะครับ
42  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / คนที่ปฏิบัติธรรม นี้ส่วนใหญ่ จะได้รับวิบากกรรม เร็วกว่า ผู้ที่ไม่ปฏิบัติ เมื่อ: มกราคม 11, 2012, 08:43:57 am
คนที่ปฏิบัติธรรม นี้ส่วนใหญ่ จะได้รับวิบากกรรม เร็วกว่า ผู้ที่ไม่ปฏิบัติ คือผมสังเกต ว่าผม เพื่อน ๆ พอหันมาปฏิบัติธรรมกันหลายปีมานี้ ความรุ่งเรือง ด้วย ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ รู้สึกต่าลง หรือ ไม่มี
   ที่มี คือ เสื่อมลาภ เสือมยศ ทุกข์ และ นินทา มีมากขึ้น อันนี้ฟัง พวกเพื่อน ๆ บ่นกันมาเป็นอย่างนี้ครับ

   :25: :smiley_confused1:
43  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / พบ8 หัวใจพาครอบครัวไทยมีสุข รับปี 2012/2555 กันครับ เมื่อ: มกราคม 04, 2012, 11:10:16 am


การก้าวผ่านช่วงเวลาส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ของคืนวันที่ 31 ธันวาคม มาสู่วันที่ 1 มกราคม เป็นอีกหนึ่งเวลาพิเศษของชีวิต ไม่เฉพาะภาพของการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่และสวยงามตระการตาทั่วทุกมุมโลก แต่หลายคนยึดเอาวันขึ้นปีใหม่เป็นวันที่ตนเองจะกลับตัวกลับใจ ละทิ้งนิสัยเดิม ๆ ความเคยชินเดิม ๆ ไปสู่สิ่งใหม่ที่ดีกว่า หรือใช้โอกาสนี้หาแนวทางพัฒนาตนเองให้ดียิ่งกว่าเดิม
       
       เมื่อวันขึ้นปีใหม่มีพลัง และสามารถพามนุษย์เราไปสู่การเปลี่ยนแปลงได้ในหลาย ๆ ด้านได้เช่นนี้ จึงเป็นโอกาสดีที่ทีมงาน Life & Family จะขอรวบรวม 8 คุณลักษณะที่น่า "เปลี่ยนแปลง" เพื่อให้ปี พ.ศ. 2555 นี้เป็นปีใหม่ที่ดีกว่าเดิมสำหรับทุกครอบครัว เริ่มจาก
   
 
       1. มีน้ำใจ
       
       จากเหตุการณ์มหาอุทกภัย 2554 ที่ "น้องน้ำ" ถล่มประเทศไทยเสียยับเยิน หลายครอบครัวต้องอพยพหนีน้ำเป็นเดือน ๆ บ้านเรือนเสียหายเป็นจำนวนมาก ส่วนพืชพันธุ์ทางการเกษตรก็จมอยู่ใต้น้ำส่งผลให้เกษตรกรขาดทุนย่อยยับ แม้กระทั่งนิคมอุตสาหกรรมก็ไม่รอด การผลิตต่าง ๆ ต้องหยุดชะงัก สินค้าขาดตลาด เกิดความขาดแคลนไปถ้วนทั่ว แต่ในห้วงแห่งความเลวร้ายดังกล่าว ก็มีสิ่งที่เปรียบเหมือนน้ำทิพย์เยียวยาประเทศไทยปรากฏออกมา นั่นก็คือ ความมีน้ำใจ ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ที่คนไทยมอบให้แก่กันในยามวิกฤติ และคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ความมีน้ำใจนี่เอง ที่เป็นสิ่งสำคัญ อันดับต้น ๆ ของการมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขบนโลกใบนี้ หากในทุก ๆ วัน เรามีน้ำใจแก่กัน ต่อให้ภายภาคหน้ามนุษย์ต้องเจอภัยพิบัติจากธรรมชาติ หรือจากการกระทำของมนุษย์เองอีกสักกี่ครั้ง เราก็ยังสามารถลุกขึ้นยืนได้อย่างแข็งแกร่ง

 
        2. ไม่ยุ่งอบายมุข
       
       หากมนุษย์ไม่เดินเข้าบ่อนการพนัน ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ มนุษย์ก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ ยังสามารถยิ้ม สามารถทำงาน และอยู่กับคนที่รักได้ แต่บ่อนการพนันนั้นตรงกันข้าม ถ้าไม่มีมนุษย์เดินเข้าไป หรือสุราเมรัยถ้าไม่มีมนุษย์คนไหนไปเสพ มันจะอยู่ไม่รอด ดังนั้น ที่ผ่านมา ธุรกิจสีดำเหล่านี้จึงพยายามทำตัวให้สนิทชิดเชื้อกับเรา ๆ ท่าน ๆ อยู่ตลอด
       
       แต่เป็นที่ทราบกันดีว่า ยาเสพติด ล็อตเตอรี่เสี่ยงโชค ฯลฯ สิ่งเหล่านี้ไม่เคยให้คุณกับใคร ผู้เสพต้องเสียทั้งเงิน ทั้งสุขภาพ ไม่เพียงเท่านั้น มีการวิจัยพบว่า เด็กที่พ่อแม่ผู้ปกครองติดยาเสพติดเสี่ยงต่อการถูกทำร้ายร่างกาย หรือตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงมากกว่าเด็กทั่วไปอีกด้วย
       
        อบายมุขนอกจากจะทำให้เสียสุขภาพกายและสุขภาพใจแล้ว ยังทำให้ความยากจนมาเยือนได้เร็วกว่าใคร แถมยังนำเราไปสู่การก่ออาชญากรรมประเภทต่าง ๆ เช่น ลักขโมย โกหก ได้อีกด้วย ดังนั้น หากเราสามารถหลีกเลี่ยงอบายมุขได้ ความสุขก็สามารถมาเยือนตัวเราและครอบครัวได้ง่ายมากขึ้นนั่นเอง

   
        3. รุกทำความดี
       
       เด็ก ๆ ชอบ และมีฮีโร่ที่เขาโปรดปราน และฮีโร่ในฝันของเด็ก ๆ ก็มักเป็นผู้ผดุงความยุติธรรม เป็นคนดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น ดังนั้น ในฐานะพ่อแม่ ผู้ให้การดูแลครอบครัว การที่พ่อแม่ทำความดีให้ลูก ๆ ดูเปรียบเหมือนเราได้ช่วยสร้างรูปแบบของฮีโร่ให้เกิดขึ้นในใจของเด็ก ๆ และถือเป็นอีกหนึ่งวัคซีนความรักที่พ่อแม่สามารถทำให้ลูกได้โดยไม่ต้องเสีย ค่าใช้จ่ายอีกด้วย
     
       
      4. ลี้ความฟุ่มเฟือย
       
       หากครอบครัวไทยใช้จ่ายอย่างพอดี ปัญหาหนี้คงไม่เกิด แต่หากย้อนมองอดีต 5 - 10 ปีที่ผ่านมา เราพบว่า มันไม่เป็นเช่นนั้นเลย ส่วนหนึ่งคงต้องยอมรับว่า เพราะกลไกต่าง ๆ ของประเทศไทยหละหลวม ขาดการควบคุมที่ดี มีการปล่อยปละละเลยกันมากเกินไป จึงทำให้ภาคธุรกิจสบช่อง หาทางจูงใจให้คนไทยนำเงินออกมาใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย
       
        สำหรับผู้มีครอบครัวแล้วทุกท่าน นิสัยฟุ่มเฟือยไม่สามารถช่วยคุณรักษาครอบครัวให้มั่นคงได้อย่างแน่นอน การรู้จักอดออม และใช้จ่ายอย่างพอดีต่างหากที่ครอบครัวควรยึดเอาไว้ให้มั่น แนวทางที่จะช่วยให้ครอบครัวไกลห่างจากความฟุ่มเฟือย ยกตัวอย่างเช่น การทำบัญชีรายรับรายจ่าย การทำอาหารรับประทานด้วยตัวเอง การนำของเก่ามารีไซเคิล รวมถึงการจัดเก็บข้าวของให้เป็นระเบียบ (หลายครอบครัวเก็บของไม่เป็นระเบียบ พอถึงคราวจะใช้ก็หาไม่เจอ ทำให้ต้องซื้อของเข้าบ้านบ่อย ๆ และถือเป็นความฟุ่มเฟือยอย่างหนึ่งเช่นกัน) หรือหากจะซื้อของเข้าบ้านก็ควรเลือกที่คุณภาพ ตรงกับความต้องการใช้งาน และมีความทนทาน ไม่ควรซื้อเพราะเห็นว่าถูก กำลังลดราคา หรือโดนป้าย Sale กระตุ้นให้ต้องรีบซื้อ
       
       นอกจากนั้น การใช้ยานพาหนะในชีวิตประจำวันก็เกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน ขับรถไปทางเดียวกัน ไปด้วยกันจะประหยัดน้ำมันมากกว่า หรือหากไปซื้อของใกล้ ๆ บ้านก็ใช้จักรยานแทนจะได้ออกกำลังกายด้วย
       
        สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ หลายครอบครัวทราบดี และปฏิบัติมานาน แต่สำหรับครอบครัวที่มองข้ามหรือฟุ่มเฟือยจนเคยชิน ปีหน้าฟ้าใหม่ก็เป็นโอกาสดีที่จะลองเปลี่ยนไปสู่ความเรียบง่าย ซึ่งเราเชื่อว่าการใช้ชีวิตแต่พอดีนั้นไม่ได้ทำให้คุณสูญเสียสิ่งใดไป แต่มันอาจทำให้คุณ "ได้รับ" สิ่งดี ๆ ตอบแทนกลับมาโดยที่คุณไม่คาดฝันก็เป็นได้



        5. ถึงเหนื่อยก็อดทน
       
       ปฏิเสธไม่ได้ว่าชีวิตครอบครัวเป็นชีวิตที่เหนื่อย ยิ่งมีลูกด้วยแล้วยิ่งเหนื่อยกว่าเดิมเป็นหลายเท่า คนเป็นพ่อแม่ในยุคนี้จึงต้องอดทนให้มาก เพราะความอดทนนั้นจะช่วยให้คุณพ่อคุณแม่ก้าวผ่านความเหนื่อยยากต่าง ๆ ร่วมกันได้ ความอดทนยังมีประโยชน์ต่อครอบครัวในอีกหลายด้าน ยกตัวอย่างเช่น ความอดทนต่อความโกรธจะช่วยให้คู่สามีภรรยาลดการทะเลาะเบาะแว้ง ต่อปากต่อคำซึ่งกันและกันได้ ความอดทนต่อความโลภ ช่วยให้ครอบครัวสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้อย่างมีเกียรติและศักดิ์ศรี ไม่ต้องคดโกงผู้อื่น ความอดทนต่อความหลง จะช่วยลดปัญหานอกใจ มีกิ๊ก มีชู้ เหล่านี้เป็นต้น

   
        6. มองตนในแง่บวก
       
       หากจะมีของขวัญชิ้นเยี่ยมสักชิ้นที่คนเราสามารถมอบให้กับตัวเองได้ใน ปีใหม่ที่จะมาถึง การมองตัวเองในแง่บวกก็คงเป็นของขวัญชิ้นนั้น เพราะใน 365 วันที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นคุณพ่อคุณแม่ หรือลูก ๆ ล้วนต้องเจอเรื่องราวที่ทำให้หดหู่ ท้อแท้กันมาบ้างไม่มากก็น้อย พ่อแม่ที่เป็นคนทำงานก็อาจเคยโดนเจ้านายต่อว่าทำให้จิตตก หรือมีสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ทำให้รู้สึกว่า ตนเองไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย ส่วนลูก ๆ เองก็มีการเรียนการสอบที่คอยฉุดให้ท้อแท้
       
       มาถึงปีใหม่นี้ คงเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาดี ๆ ที่จะชวนสมาชิกในครอบครัวเติมพลังด้วย "มุมมองในแง่บวก" เสียที วิธีการก็ไม่ยาก สามารถลองทำด้วยตัวเองได้ เช่น
       
       - การเขียนข้อดีของตนเองลงบนกระดาษ หมั่นอ่านทุก ๆ วัน
       - การพูดจาในแง่ดีกับตัวเองและผู้อื่น
       - พยายามมองสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวเราในแง่ดี แม้จะรู้สึกแย่มาก ๆ ก็ตาม
       - พยายามสร้างสิ่งแวดล้อมดี ๆ ให้เกิดขึ้นรอบตัว เช่น เขียนข้อความดี ๆ ให้กำลังใจตัวเองแปะไว้ที่บอร์ด ปลูกต้นไม้เพิ่มความสดชื่น เหล่านี้เป็นต้น
       
        7. อำนวยความสะดวกแก่ผู้อื่น
       
       ที่ผ่านมา มนุษย์เราเห็นแก่ตัวกันมามาก ยิ่งในสังคมเมืองยุคทุนนิยม ยิ่งเปิดโอกาสให้คนมือยาวเข้ามาสาวผลประโยชน์ไปเป็นของตัวได้อย่างไม่ต้อง เกรงใจ ต่างคนจึงต่างพยายามช่วงชิงทรัพยากรมาไว้กับตัวให้มากที่สุด โดยไม่ได้คำนึงถึงคนอ่อนแอกว่าที่ยืนแทรกอยู่ตามมุมต่าง ๆ ใครมีพวกมาก ยิ่งคึกคะนอง ใครมีเงินมาก ยิ่งทรงอิทธิพล
       
        ปีใหม่นี้ จึงอาจเป็นโอกาสดีให้เราเลือกที่จะมีชีวิตใหม่ที่แตกต่างจากสิ่งที่กล่าวมา ข้างต้น หากลองอ่อนน้อมถ่อมตัว อุทิศตัวเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นกันดูบ้าง เราอาจพบว่ามีสิ่งดี ๆ งอกงามขึ้นในใจก็เป็นได้ ยกตัวอย่างการ อำนวยความสะดวกแก่ผู้อื่น เช่น การขับรถยนต์บนท้องถนน หากเราแบ่งปันกันใช้ ใครเปิดไฟขอทางก็ให้ทางไป จะปีใหม่หรือสงกรานต์ก็ไม่ต้องกลัวอุบัติเหตุหรือเสียชีวิต แถมยังไม่ต้องให้รัฐบาลนำเงินภาษีของประชาชนมารณรงค์การขับรถในช่วงเทศกาล อีกด้วย
       
       จุดมุ่งหมายของข้อนี้ไม่มีอะไรมาก ขอเพียงแค่ก่อนจะทำสิ่งใด ให้เราให้ความสำคัญกับคนรอบ ๆ ตัวเท่า ๆ กับให้ความสำคัญกับตัวเราเอง เท่านี้ เราก็เป็นอีกหนึ่งพลังที่จะช่วยดึงความสุขกลับคืนมาได้แล้ว
       
        8. ยืนด้วยรอยยิ้ม
       
       เพราะการยิ้มนั้นช่วยลดความเครียด แถมช่วยเปลี่ยนแปลงอารมณ์ของเราจากโกรธ น้อยใจ หรือรู้สึกแย่ ให้ดีขึ้นได้ ในปีที่ผ่านมา เชื่อว่าคงมีหลายท่านที่เจอเรื่องเครียดแล้วระบายออกมาในรูปแบบของความ รุนแรง ทั้งการด่าทอ ทะเลาะเบาะแว้ง ร้องไห้ หรือกอดขวดสุรา ปีใหม่นี้ลองเปลี่ยนมายิ้มกับทุกเรื่องแย่ในชีวิต คุณอาจได้พบปีมะโรงที่ต่างจากปีเถาะโดยสิ้นเชิงก็เป็นได้
       
        ทีมงานเชื่อว่า พฤติกรรมนำสุขทั้ง 8 ข้อที่เราได้รวบรวมมาฝากท่านผู้อ่านนั้นจะเป็นอีกหนึ่งฐานรากของการสร้าง สิ่งแวดล้อมที่เหมาะกับการเติบโตของอนาคตของชาติ หรือก็คือลูก ๆ หลาน ๆ ของเราได้เป็นอย่างดี เพราะบนแผ่นดินที่คนมีน้ำใจให้แก่กัน ช่วยเหลือกันและกัน มองโลกในแง่ดี มีความอดทน และไม่หลงใหลในอบายมุขนั้นย่อมมีความสงบร่มเย็น และสามารถเป็น “แผ่นดิน” ที่เหมาะสำหรับพัฒนาศักยภาพของมนุษย์ให้ถึงจุดสูงสุดได้อย่างไม่ต้องสงสัย
       
       สวัสดีปีใหม่ค่ะ


fwd mail ที่น่าอ่านมากครับ
ขอบคุณภาพประกอบจาก Gallery www.madchima.net ครับ
44  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / อานาปานสติ ตอนไหนเป็นการภาวนา สมถะ ตอนไหน เป็น วิปัสสนา ครับ เมื่อ: มกราคม 03, 2012, 12:27:25 pm
อยากทราบว่า อานาปานสติ
 ตอนไหนเป็นการภาวนา แบบสมถะ ตอนไหน ภาวนาแบบเป็น วิปัสสนา ครับ

 และเราจะรู้ได้อย่างไรในการภาวนา แบบ สมถะ หรือ วิปัสสนา ครับ

   :c017: :smiley_confused1:
45  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ทำไม ต้องเข้า สลับ พระธรรมปีติ ครับ เมื่อ: ธันวาคม 28, 2011, 11:41:25 am
คือปกติ แล้วผม ชอบการเดิน พระธรรมปีติ แบบ อนุโลม และ ปฏิโลม แต่ทำไม พระอาจารย์สอนให้สลับ พระธรรมปีติ ด้วยครับ คือไม่ค่อยจะเข้าใจ เพราะกรรมฐาน ต้องปฏิบัติไปตามลำดับ การ สลับนั้น บางครั้ง ก็กระโดดข้ามขั้น ไป จึงเห็นว่า ไม่เป็นไปตามลำดับ ครับ

   คือยังไม่ค่อยจะเข้าใจครับ แต่ก็ปฏิบัติตามนะครับ
    :smiley_confused1: :smiley_confused1: :smiley_confused1:
46  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เป็นไปได้ หรือ ไม่ครับ ที่พระอนาคามี จะกลับมาเกิดอีก เมื่อ: ธันวาคม 14, 2011, 10:20:15 am
เป็นไปได้ หรือ ไม่ครับ ที่พระอนาคามี จะกลับมาเกิดอีก

  คือที่ทราบมา คือ พระอนาคามี ท่านชื่อว่าผู้ไม่กลับมาอีกแล้ว ( ถ้ากลับมาอีกจะชือว่า พระอนาคาได้อย่างไร )

จะกลับมาเกิดอีกในโลกมนุษย์ เ้พื่อมาช่วยมนุษย์ ที่ร่วมกับท่านอีกครั้ง

  มีความเป็นไปได้ มากน้อยเพียงใดครับ

  ขอบคุณมากครับ

  :c017: :c017: :c017:
47  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / อยากทราบว่า พระโสดาบัน เวลามาเกิดใหม่จะมีคุณลักษณะอย่างไร ในมนุษยโลก ครับ เมื่อ: ธันวาคม 14, 2011, 10:18:06 am
คืออยากทราบว่า พระโสดาบัน ที่ตายแล้วกลับมาเกิดอีก อาจะเป็นประเภท 3 ชาติ หรือ 7 ชาติ เมื่อเกิดขึ้นมาจะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นพระโสดาบัน และ พระโสดาบัน ท่านเกิดใหม่ต้องเริ่มปฏิบัติใหม่กันหรือไม่ครับ เพราะว่าเมื่อเกิดขึ้นมาใหม่ ก็ลืมของเก่าหมดสิ้นต้องเริ่มเรียนกันใหม่

 ในพระไตรปิฏก มีีตัวอย่างของพระโสดาบัน ที่เกิดมาใหม่แล้วเป็นอย่างไร มีหรือไม่ครับ

 ผู้รู้ท่านใดที่รู้ ช่วยไขข้อกังขาส่วนนี้ให้ทีครับ


  :25: :25: :25:
48  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / อยากทราบว่า พระสาคตะ ที่ดื่มเหล้า นั้นเป็นพระอรหันต์ หรือไม่ ? เมื่อ: ตุลาคม 17, 2011, 09:41:05 am
อยากทราบว่า พระสาคตะ ที่ดื่มเหล้า นั้นเป็นพระอรหันต์ หรือไม่ ?
ใครพอทราบบ้างครับ ผมอ่านในพระสูตรไม่ได้ ระบุ ว่าพระสาคตะ เป็นพระอรหันต์
ดังนั้น ถ้ากล่าวว่า พระอรหันต์ ดื่มเหล้าแล้วเมา อันนี้อาจจะคลาดเคลื่อน ครับ

  :c017:
49  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / เป็นไปได้หรือไม่ ที่พระโสดาบัน จะปรามาส ต่อว่า ครูอาจารย์ ซึ่งเป็นพระสงฆ์ เมื่อ: ตุลาคม 10, 2011, 09:48:52 am
ผมเห็นเพื่อน ผมหลายคน ที่เป็นนักภาวนากันมาเนิ่นนาน อายุก็จะหลัก 5 แล้ว แล้วได้กล่าวว่าตัวเองเป็นพระโสดาบันแล้ว ได้เรียนธรรม กับครูอาจารย์ องค์นั้นรูปนี้ ( ไม่ขอกล่าวว่าใคร )

 อยู่มาวันหนึ่ง ก็มานั่งบ่น ทำนองว่าครูอาจารย์ไม่เข้าใจตนเอง

 จะประท้วงครูอาจารย์  ( อย่าให้กล่าวเลยนะครับว่า เรื่อง อะไร )
 
 แต่เอาเป็นว่า ผมกับมองว่า พระโสดาบัน จะปรามาสพระสงฆ์ หรือไม่ แม้ไม่ใช่ครูอาจารย์

 สนทนาธรรม กันนะครับ เพื่อทิฏฐิ ที่ถูก ที่ควร กันครับ


:49:
50  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ทำไม พระโสดาบัน ร้องไห้ ครับ เมื่อ: ตุลาคม 10, 2011, 09:44:18 am
ตั้งคำถาม ดูจะง่ายไปหรือไม่ครับ

 เพราะสงสัยว่า ทำไมพระโสดาบัน อย่าง นางวิสาขา ถึงต้องร้องไห้ เพราะหลานเสียชีวิต

 ทั้ง ๆ ที่ สักกายทิฏฐิ ที่ละแล้ว ก็คือเข้าใจว่า สิ่งนี้ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา ไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตนของเรา

 เมื่อเห็นไม่ใช่ของเรา แล้ว ทำไมจึงต้องร้องไห้ เพราะเสียใจอีกเล่า


 อีกย่าง ในเมื่อจิต นี้สว่างอย่างนี้ แล้วทำไมจึงต้องเศร้าโศรก

 การสำรเร็จเป็น พระโสดาบัน นั้น เป็น ที่ โสดาปัตติมรรค หรือ เป็นที่ โสดาปัตติผล

สนทนาธรรม ยามเช้าครับ

  :)
51  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / บวชง่าย จึงหาดียาก เมื่อ: กันยายน 23, 2011, 11:36:59 am
กรณีที่พระโวยวายแบบชาวบ้าน เต็มไปด้วยโทสะ หาความสงบไม่มี เป็นตัวอย่าง ทำให้ดูว่า การบวชพระไทยเหมือนเด็กเล่นขายของ เพราะ ก่อนบวชวันเดียว ยังกินเหล้า ด่าทอกันอยู่เลย ไม่มีการทดสอบวัดผลว่า จะบวชได้หรือไม่ มันก็เลยมั่วซั่วอย่างนี้ และพี่ไทยแกก็ตะแบงว่าไม่ผิด ตามแบบศรีธนญชัย นิทานฉลาดแกมโกงพื้นบ้านอมตะของไทย

พระจีนเคยคุยให้ ฟังว่า  ที่เมืองจีน ใครจะบวชต้องมาอยู่วัดทดสอบก่อน 3 ปี 5 ปี ปฏิบัติแบบพระเลย ถ้าทนได้ก็บวชได้ เพราะบวชแล้วบวชเลยตลอดชีวิต ไม่ใช่ตามใจฉันแบบของเรา

....แค่กิเลสหยาบๆเช่นโทสะยังมองไม่เห็น แลัวจะฝันไปนิพพาน ก็เก่งกว่าพระพุทธเจ้าแล้วล่ะ

ยิ่งบอกว่าเป็น กิริยาพระอรหันต์ น่ากลัวใหญ่ หลงทางกันใหญ่ เพราะพระอรหันต์ ไม่ยุ่งกับมนุษย์แล้ว ใครจะเป็นอย่างไร ไม่เกี่ยวมิฉนั้นเมื่อไรจะสำเร็จสักที

จากคุณ    : ไม่คิดมาก
52  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / สมาธิภาวนา ๔ ประเภท เมื่อ: กันยายน 22, 2011, 12:51:38 pm
สมาธิภาวนา ๔ ประเภท

ภิกษุ ท. ! สมาธิภาวนา ๔ อย่าง เหล่านี้ มีอยู่.
๔ อย่าง อย่างไรเล่า ? ๔ อย่าง คือ :-
ภิกษุ ท. ! มี สมาธิภาวนา อันบุคคลเจริญ
กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อ
๑. ความอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน (ทิฏฐธมฺมสุขวิหาร)
๒. การได้เฉพาะซึ่งญาณทัสสนะ
(ญาณทสฺสนปฏิลาภ)
๓. สติสัมปชัญญะ (สติสมฺปชญฺญ)
๔. ความสิ้นแห่งอาสวะ (อาสวกฺขย)
ภิกษุ ท. ! สมาธิภาวนา อันเจริญกระทำให้มากแล้ว
ย่อมเป็นไปเพื่อความอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรมนั้น เป็น
อย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ สงัดแล้วจากกาม
ทั้งหลาย สงัดแล้วจากธรรมที่เป็นอกุศลทั้งหลาย เข้าถึง
ปฐมฌาน ประกอบด้วยวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดจาก
วิเวก แล้วแลอยู่; เพราะความที่วิตกวิจารทั้งสองระงับลง
เข้าถึง ทุติยฌาน เป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิ
เป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและ
สุขอันเกิดจากสมาธิ แล้วแลอยู่; อนึ่งเพราะความจางคลายไป
แห่งปีติ ย่อมเป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติและสัมปชัญญะ และ
ย่อมเสวยสุขด้วยนามกาย ชนิดที่พระอริยเจ้าทั้งหลาย
ย่อมกล่าวสรรเสริญผู้นั้นว่า “เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็น
ปกติสุข” ดังนี้ เข้าถึง ตติยฌาน แล้วแลอยู่; เพราะละสุข
เสียได้ และเพราะละทุกข์เสียได้ เพราะความดับไปแห่ง
โสมนัสและโทมนัสทั้งสองในกาลก่อน เข้าถึง จตุตถฌาน
ไม่มีทุกข์ไม่มีสุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์
เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่.
ภิกษุ ท. ! นี้คือสมาธิภาวนา อันเจริญกระทำ
ให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความอยู่เป็นสุขในทิฏฐธรรม.
ภิกษุ ท. ! สมาธิภาวนา อันเจริญกระทำให้มากแล้ว
ย่อมเป็นไปเพื่อการได้เฉพาะซึ่งญาณทัสสนะนั้น เป็น
อย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ กระทำไว้ในใจซึ่ง
อาโลกสัญญา อธิษฐานทิวาสัญญา ว่ากลางวันฉันใด
กลางคืนฉันนั้น, กลางคืนฉันใด กลางวันฉันนั้น, เธอมีจิต
อันเปิดแล้วด้วยอาการอย่างนี้ ไม่มีอะไรห่อหุ้ม ยังจิตที่มี
แสงสว่างทั่วพร้อม ให้เจริญอยู่.
ภิกษุ ท. ! นี้คือ สมาธิภาวนา อันเจริญกระทำ
ให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อการได้เฉพาะซึ่งญาณทัสสนะ.
ภิกษุ ท. ! สมาธิภาวนา อันเจริญกระทำให้มากแล้ว
ย่อมเป็นไปเพื่อสติสัมปชัญญะนั้นเป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ เวทนา เกิดขึ้น (หรือ)
ตั้งอยู่ (หรือ) ดับไป ก็เป็นที่แจ่มแจ้งแก่ภิกษุ; สัญญา เกิดขึ้น
(หรือ) ตั้งอยู่ (หรือ) ดับไป ก็เป็นที่แจ่มแจ้งแก่ภิกษุ; วิตก
เกิดขึ้น (หรือ) ตั้งอยู่ (หรือ) ดับไป ก็เป็นที่แจ่มแจ้งแก่
ภิกษุ.
ภิกษุ ท. ! นี้คือสมาธิภาวนา อันเจริญกระทำ
ให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อสติสัมปชัญญะ.
ภิกษุ ท. ! สมาธิภาวนา อันเจริญกระทำให้มากแล้ว
ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นแห่งอาสวะนั้นเป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุ ท. ! ภิกษุในกรณีนี้ มีปกติตามเห็นความ
ตั้งขึ้นและเสื่อมไป ในอุปาทานขันธ์ทั้งห้า ว่า รูป เป็นอย่างนี้
ความเกิดขึ้นแห่งรูปเป็นอย่างนี้ ความดับไปแห่งรูปเป็น
อย่างนี้; เวทนาเป็นอย่างนี้ ความเกิดขึ้นแห่งเวทนา
เป็นอย่างนี้ ความดับไปแห่งเวทนา เป็นอย่างนี้; สัญญา
เป็นอย่างนี้ ความเกิดขึ้นแห่งสัญญา เป็นอย่างนี้ ความดับไป
แห่งสัญญา เป็นอย่างนี้; สังขารเป็นอย่างนี้ ความเกิดขึ้น
แห่งสังขาร เป็นอย่างนี้ ความดับไปแห่งสังขาร เป็นอย่างนี้;
วิญญาณเป็นอย่างนี้ ความเกิดขึ้นแห่งวิญญาณ เป็นอย่างนี้
ความดับไปแห่งวิญญาณเป็นอย่างนี้; ดังนี้.
ภิกษุ ท. ! นี้คือ สมาธิภาวนา อันเจริญกระทำ
ให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นแห่งอาสวะ.
ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แล คือ สมาธิภาวนา ๔ อย่าง.
จตุกฺก. อํ. ๒๑/๕๗/๔๑.

จากหนังสือพุทธวจน ปฐมธรรม


53  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สวัสดี กําลังหายไปจากสังคมไทย เมื่อ: กันยายน 13, 2011, 09:06:08 am

สวัสดี เป็นคำทักทายของคนไทย มักจะใช้เมื่อมีการพบปะเจอหน้า
หรือเมื่อต้องการบอกลา ก็กล่าวคำว่า สวัสดี ได้เช่นกัน

ความหมายของคำว่าสวัสดี

สวัสดิ์ หมายถึง ความดี ความงาม ความเจริญรุ่งเรือง และความปลอดภัย
สวัสดีจึงหมายถึง ขอความดีงามจงมี (แก่ท่าน)

สังคมไทยทุกวันนี้เป็นสังคมที่รีบเร่ง แม้แต่การกล่าวคำว่า สวัสดี ก็รีบเร่ง
คำว่าสวัสดี จึงเริ่มที่จะหายไปจากสังคมไทย เหลือเพียงแต่คำว่า..


หวัดดีครับ
หวัดดีค่ะ

หากแปลตามความหมายแล้ว บอกได้เลยว่าคงไม่ดีอย่างแน่นอน

เพราะ "หวัด" ไม่ดีหรอกครับ เพราะเป็นแล้วจะไม่สบาย

สวัสดีครับ

54  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ธรรม ๖ ประการที่ควรเจริญ เมื่อ: สิงหาคม 31, 2011, 09:48:55 am
พระสุตตันตปิฎก  ทีฆนิกาย  ปาฎิกวรรค  [๑๑.  ทสุตตรสูตร]
 ธรรม  ๖  ประการ



ธรรม    ๖    ประการที่ควรเจริญ    คืออะไร
 คือ    อนุสสติฏฐาน  ๖    ได้แก่
 ๑. พุทธานุสสติ     (การระลึกถึงพระพุทธเจ้า)
 ๒. ธัมมานุสสติ     (การระลึกถึงพระธรรม)
 ๓. สังฆานุสสติ     (การระลึกถึงพระสงฆ์)
 ๔. สีลานุสสติ      (การระลึกถึงศีล)
 ๕. จาคานุสสติ     (การระลึกถึงการบริจาค)
 ๖. เทวตานุสสติ    (การระลึกถึงเทวดา)
  นี้  คือธรรม ๖  ประการที่ควรเจริญ





55  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / จับสึกพระนครสวรรค์ สักยันต์ที่ก้นให้นักเรียนหญิง เมื่อ: สิงหาคม 30, 2011, 09:45:40 am
รายงานข่าวแจ้งว่า วันนี้( 28 ส.ค.) พ.ต.อ.อรุณ แตงนารา รอง ผบก.ภ.จว.นครสวรรค์ พร้อมด้วยนางศิวารมย์ ศิริภาพ ผอ.โรงเรียนโพฒิสารศึกษานครสวรรค์ นางเอ และนางบี (นามสมมมุติ) อายุ 35 ปี ร่วมเดินทางเข้าพบพระเทพปริยัติเมธี เจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ ที่อาคารสำนักงานเจ้าคณะจังหวัดฯ เพื่อร้องเรียนถึงพฤติกรรมของพระธีระ ฉายา ฌานโสภโณ อายุ 55 ปี พระลูกวัดป่ามโนธรรม บ้านทัพชุมพล ต.หนองกรด อ.เมือง กรณีทำผิดวินัยประกาศของคณะสงค์ เรื่องห้ามพระภิกษุสามเณรเรียกร้องเงินค่าเวทมนต์และห้ามทดลองของขลัง ซึ่งมีความผิดต้องสึกออกจาการเป็นพระสถานเดียว

นางเอ กล่าวว่า ตอนแรกตนไม่ทราบมาก่อนว่า น.ส.ฟ้า ลูกสาวของตน ไปให้พระธีระสักยันต์ให้ แต่ลูกสาวมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป มักตัวสั่นให้เห็นบ่อยๆ พอถามว่าเป็นอะไร ก็ได้รับเสียงตะหวาดกลับมาว่าร้อนวูบวาบตามตัว เดี๋ยวสักพักก็หาย และพักหลัง ลูกสาวมักชอบเก็บตัวเงียบอยู่ในห้องคนเดียว โดยเฉพาะตอนกลางคืน ช่วงเวลาตี 2 ของทุกคืน จะชอบนอนคุยโทรศัพท์ ซึ่งบางคืนก็คุยกันจนเกือบสว่าง พอตอนเช้าของทุกวันก็จะนั่งสมาธิอยู่ในห้องและท่องสวนมนต์คล้ายกับคาถาอะไร สักอย่างอยู่นานเป็นชั่วโมง
แต่ที่ทำให้นางเอต้องตกใจมากที่สุด ก็เมื่อตอนแอบฟังลูกสาวคุยโทรศัพท์ แล้วได้ยินเรียกคนในโทรศัพท์ว่าพ่อและเรียกแทนตัวเองว่าลูก ทั้งที่พ่อของ น.ส. ฟ้าก็ยืนอยู่ด้วยกัน

ท้ายที่สุด ความจริงก็ปรากฏจนได้ เมื่อนางบี ได้พาน.ส.สวย ลูกสาว เดินทางมาหาตนด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก พร้อมกับเล่าว่า พบรอยสักคล้ายรูปยันต์ที่บริเวณสะโพกของลูกสาว จึงเค้นสอบถามอย่างหนัก จนทราบว่า ทั้ง น.ส.ฟ้า น.ส.สวย และเพื่อนชายร่วมห้องอีก 10 คน ร่วมกันหนีเรียนไปให้พระธีระสักยนต์ให้ เลยมีอาการแปลกๆ เกิดขึ้น

เบื้องต้น หลังจากที่ทราบเรื่องร้องเรียน พระเทพปริยัติเมธี จึงได้มอบหมายให้พระโสภณวราภรณ์ เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดฯ พระเกศีวิกรม เจ้าคณะ อ.เมืองนครสวรรค์ เดินทางไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่วัดป่ามโนธรรม โดยมี พ.ต.อ.อรุณ และกลุ่มผู้เสียหาย ร่วมติดตามไปเฝ้าสังเกตการณ์ด้วย ซึ่งจากการสอบปากคำ พระธีระให้การยอมรับว่า ได้ทำพิธีสักยันต์ให้กับนักเรียนกลุ่มดังกล่าวจริง ทั้งชายและหญิง แต่ไม่ได้มีการบังคับ เพราะนักเรียนตั้งใจมาสักกันเอง ส่วนเงินค่าครู ตนก็ได้มอบให้กับทางวัดเพื่อใช้ในการพัฒนาสถานที่

ทั้งนี้ ในระหว่างที่กำลังสอบสวน เมื่อพระธีระถูกตั้งคำถามว่า ทำไมถึงต้องสักให้ผู้หญิงที่บริเวณสะโพกไปจนถึงก้นด้วย พระธีระถึงกับหน้าถอดสี ไม่สามารถตอบได้ จนในที่สุด พระโสภณวราภรณ์ จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่พระธีระ ว่ากระทำผิดวินัยประกาศของคณะสงค์ เรื่องห้ามพระภิกษุสามเณรเรียกร้องเงินค่าเวทมนต์และห้ามทดลองของขลัง ก่อนจะให้พระครูนิมิตร ธรรมสุนทร เจ้าคณะ ต.หนองกรด เขต 1 ทำการสึกออกจากความเป็นพระ เพื่อไม่ให้ไปกระทำความผิดแบบเดิมอีก

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่ทำพิธีสึก มีชาวบ้านประมาณ 10 คน ไม่ยอมให้จับพระธีระสึก โดยอ้างว่าพระธีระทำเพื่อวัดแห่งนี้

Mthai News
56  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญร่วมฟังธรรม 29 ส.ค.54 โดย หลวงพ่อวิชัย เขมิโย แห่งวัดถ้ำผาจม ที่ จุฬา เมื่อ: สิงหาคม 28, 2011, 09:50:16 am
กลุ่มสมาธิ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ขอเชิญชวนนิสิตจุฬาฯและผู้ที่สนใจทุกท่าน
ร่วมทำบุญ กราบนมัสการและฟังธรรมเทศนา

หลวงพ่อวิชัย เขมิโย แห่งวัดถ้ำผาจม จ.เชียงราย



ในวันจันทร์ ที่ 29 สิงหาคม 2554
เวลา 16.00 - 18.00 น.

ณ ห้อง 211 (ห้องสมุดสุภา ศิริมานนท์)

ชั้น2 คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาฯ

ขอเรียนเชิญทุกท่านนะครับ
โทรศัพท์ 088-237-7477

กดฟังดนตรีเพราะๆ และรายละเอียดอื่นๆเพิ่มนะครับ



จากคุณ    : ณัฏฐกรณ์ สมาธิCU
57  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / ทานอาหาร อย่างไร ไม่เกิดกิเลส และ เป็นกรรมฐาน เมื่อ: สิงหาคม 26, 2011, 09:05:16 am
คือสงสัยอยู่ว่า กรรมฐาน สามารถปฏิบัติได้ทุกที่ ทุกเวลา และ ในเวลาทานอาหาร เราจะภาวนากรรมฐานได้อย่างไร มีกรรมฐาน อะไร ที่ใช้ในตอนอาหาร และ ผลการภาวนา ส่งผลให้ถึงขั้นไหน หรือว่าเราไม่มีความจำเป็นต้องภาวนาในเวลา ทานอาหาร ครับ


58  ธรรมะสาระ / ห้อง_ด า ว น์ โ ห ล ด / ฟังเรื่อง กาลามสูตร สาวหาเหตุว่าทำไมถึงแสดง เรื่องนี้ เชิญฟังครับ 7 นาที เมื่อ: สิงหาคม 21, 2011, 12:34:54 pm


ฟังเรื่อง กาลามสูตร สาวหาเหตุว่าทำไมถึงแสดง เรื่องนี้ เชิญฟังครับ 7 นาที

Credit : บรรยายโดย อจ.ทรงเกียรติ ลิ้มนันทรักษ์ ผู้ล่วงลับไปแล้ว เมื่อ 2542
อจ.ทรงเกียรติ : "ต้องสาวหาเหตุนะครับ ไม่ใช่จู่ๆ ก็ไม่ให้เชื่ออะไร"
59  เรื่องทั่วไป / แนะนำเว็บไซท์ สายธรรมะ กันหน่อยจ้า / http://www.phrapiyaroj.com/read-tripitaka/ พระไตรปิฏกฉบับเสียงอ่าน เมื่อ: สิงหาคม 19, 2011, 11:14:57 am


http://www.phrapiyaroj.com/read-tripitaka/
พระไตรปิฏกฉบับเสียงอ่าน
60  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / หัวใจไม่พิการ เมื่อ: สิงหาคม 13, 2011, 10:31:54 am
หัวใจไม่พิการ1



หัวใจไม่พิการ 2



หัวใจไม่พิการ 3



หัวใจไม่พิการ คุณนุ้ย ส่งตัวเองจนจบ ป ตรี , ตีสิบ




ถ้าท้อถอย ก็ขอให้ดูน้องเป็นตัวอย่างครับ

61  เรื่องทั่วไป / เรื่องเล่ากฎแห่งกรรม / อ่านแล้วประทับใจครับ เรื่อง ทำดีแล้วยังไม่ได้ดีไม่เป็นไร แค่วันนี้... เมื่อ: สิงหาคม 13, 2011, 10:21:54 am
แค่วันนี้ตื่นมาเรายังมีลมหายใจ  มีแรงใจก้าวต่อไป  มีคนที่รักเรา  เราต้องมีชีวิตอยู่เพื่อพวกเค้า  แม่จ๋าถ้าตอนนั้น หนูทำร้ายตัวเองไป  แม่คงเสียใจมาก  แต่แม่รู้ไหม

วัน นั้นหนูน้อยใจเตี่ย  คิดว่าเตี่ยไม่เคยรักหนูเลย  ช่วงนั้นเตี่ยตีหนูบ่อยมาก และไม่เคยตีน้องชายเลย  มีอยูครั้งนึงที่เตี่ยตบหน้าน้องชาย ด่าน้อง หลังจากนั้น น้องก็...  หนูไม่เข้าใจเตี่ย ตอนเรียนมัธยม  มีบางวันที่ไม่อยากไปโรงเรียน ทำไมต้องตีหนูขนาดนั้น  กลายเป็นเด็กอมทุกข์  ที่โรงเรียนเวลามีกิจกรรมเข้ากลุ่ม หนูจะจิตตกทันที  ก็จิงนะ  คงไม่มีใครอยากอยู่ใกล้คนอมทุกข์หรอก

สิ่ง ที่คิดได้ตอนคิดหาวิธีทำร้ายตัวเองคือ  ถ้าเราเป็นอะไรไป  เตี่ยกับแม่จะเป็นอย่างไร  ถ้าน้องมันไม่เลี้ยงเตี่ยกับแม่ล่ะ  เลยเลิกคิด  แก้ปัญหาทุกอย่าง  ติดร  ติด 0 ไปแก้จนรอด ม.3 มาได้  ยังดีที่ไม่ตกเกณฑ์ทุนเรียนดี  (แอบงก)

  หลังจากเกิดเรื่องเมื่อเดือนที่แล้ว(ขอไม่เล่านะ  มานยาวมากกก)   ทำให้เรามีเวลาอยู่กับแม่มากขึ้น  เราได้ย้อนอดีตกัน  เรารักแม่ขึ้นอีกโขเลย  ได้กอด  ได้หอมแม่  (อยากทำมานานแระ) ชื่นใจโคตร

   กับเตี่ย  เราพยายามทำลายกำแพงตลอด  รอวันพ่อมา สามสี่ปีก็ยังไม่กล้า เพราะที่ผ่านมา  เตี่ยไม่เคยแสดงออกว่ารัก  มีครั้งเดียวที่เราซื้อเสื้อให้ แล้วแม่บอกว่า  แกแอบยิ้ม(ฮั่นแน่  อย่าเก๊กแมนเลยเตี่ย  หล่อก็ไม่หล่อ ตาก็ไม่มีเหล่าเต๊ง  อิอิ)  สิ่งที่เราประทับใจเตี่ยที่สุดคือ  เตี่ยรักย่ามาก ย่าไปนอนโรงบาล กี่โรงบาล  เสียเท่าไหร่ ไม่เคยปริปาก  ทำงานหาแต่เงิน  ในละแวกบ้าน  เราเองยังได้ไปนอนมาหมดทุ๊กกกโรงบาล  แต่เตี่ยโทสะแรง  ด่าแหลก  กับแม่บางครั้งที่เค้าทะเลาะกันหนัก  ๆ  เรางี้แอบไปร้องไห้เลย  ไม่รู้จะทำไงดี  เมื่อก่อนไปขายของ  คนที่ตลาดจะได้ยินเตี่ยกับแม่ทะเลาะกันทุ๊กกกวัน   ยังว่าตอนมัธยมที่เกิดเรื่อง  เราก็คิดนะ  แต่พอผ่านมาได้  ก็ปลงได้  บอกคนที่ตลาด  หนูชินแระ

  ออ  ฝากคุณแม่ ๆ สักหนึ่งเรื่อง  เวลาคุณลูกถามว่า "หนูเกิดมาได้ไงอ่ะแม่ " กรุณาอย่าตอบว่า  ออกมาจากกระบอกไม้ไผ่  หรือเก็บมาเลี้ยงนะ  เราถามแม่  แม่บอกเก็บมาจากถังขยะ  เราก็อ้าว  นี่ตรูไม่ได้เป็นลูกแม่หรอกหรือ  ตอนท้องน้องคนเล็ก  เราบอกลูกชายคนโตหมดหละ  ก็อธิบายเท่าที่เค้าจะเข้าใจน่ะ (เรื่องอื่น  ละไว้ เหอ ๆ )   ตอนนี้เราใกล้จะได้กินแกลบละ  เงินเก็บที่เหลือ โอนทำบุญและให้แม่ไปใช้หนี้หมดแล้ว  เตรียมหางาน  เตรียมค้าขาย  ก็สู้กันต่อไป

ท้อได้แต่อย่าถอย  น๊าท่านผู้ช๊มมม  โอ  เด๋วตัวยุ่งคงใกล้ตื่นละ  ขอจรลีก่อน

***ฝาก อีกเรื่อง  เราไม่เอากีบนะ  ไม่รู้จะไปแลกไรอ่ะ  เก็บเอาไว้ให้คนอื่นนะ  กำลังใจเรามีเยาะละ (เด๋วนี้โดนตัดโควต้าไปเยาะแน๊อ)   นี่เราก็เหลือครึ่งทางพอดี     คนที่ยังไม่ได้กอดแม่  อ่านแล้วรีบไปกอดท่านนะ  วันนี้หละ  โอกาสอันดี


จากคุณ    : ใจขึ้น





62  ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / สมถวิปัสสนา ... คือ ... ทางสายกลาง เมื่อ: สิงหาคม 05, 2011, 09:53:35 am
พอดีไปเจอมาในอรรถกถา ยกมาให้ดูกันน่าจะได้ประโยชน์

         พระอริยสาวกประกอบด้วยมรรค  เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและ
จรณะ    ดุจคนเดินทางไกลประกอบด้วยตาสามารถเห็นได้    และด้วย
เท้าสามารถเดินไปได้ เว้นที่สุด ๒ อย่าง คือ เว้น กามสุขัลลิกานุโยค
ด้วยวิปัสสนายาน    เว้น อัตกิลมถานุโยค   ด้วยสมถยาน  ปฏิบัติ
มัชฌิมาปฏิปทา  ทำลายกองโมหะด้วยปัญญาขันธ์...   กองโทสะด้วย
สีลขันธ์...กองโลภะด้วยสมาธิขันธ์    ถึงสมบัติ ๓ คือ ปัญญาสัมปทาด้วย
อธิปัญญาสิกขา,     สีลสัมปทาด้วยอธิสีลสิกขา,     สมาธิสัมปทาด้วยอธิ-
จิตตสิกขา    แล้วบรรลุนิพพานอันเป็นอมตะ.      ภิกษุหยั่งลงสู่อริยภูมิ
กล่าวคือ     สัมมัตตนิยาม    อันวิจิตรด้วยธรรมรัตนะ    คือ    โพธิ-
ปักขิยธรรม ๓๗  งามในเบื้องต้น ท่ามกลางและที่สุด  ด้วยประการฉะนี้.
                            จบ  อรรถกถามรรคสัจนิทเทส

สมถะ บางคนว่า ติดสุข
วิปัสสนา บางคนว่า ฟุ้งซ่าน

แต่สมถวิปัสสนา คือ ไม่ฟุ้งซ่าน และไม่ติดสุข เพราะไม่เอียงข้าง
เราจะทำอย่างไหนก่อนก็ได้ แต่ที่สุดแล้วต้องมีทั้งสองอย่าง
การมุ่งมั่นอย่างใดอย่างหนึ่งมากเกินไป ทำให้ใจก้าวไปสู่ความสุดโต่ง 2 ข้าง
ไม่ใช่ทางสายกลาง


จากคุณ    : พักผ่อน
63  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ึความพยายาม ของครู สอนคอมพิวเตอร์ เมื่อ: สิงหาคม 03, 2011, 10:04:50 am
http://cache2.clipmass.com/eing2007flvideo/802313fb566e4d96f0ce.flv


ถ้าดูไม่ได้ ก็ตามลิงก์นะครับ

http://www.clipmass.com/movie/%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%8B%E0%B8%87%E0%B9%86-%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94---496268588252643


ชีวิตครูต้องทำให้ลูกศิษย์ ได้ความรู้ พร้อมกับการนำเสนอที่ไม่น่าเบื่อ ครับ

ยังมีครูที่ยังพยายามสอนด้วย ความอุตสาหะ อีกมากครับ

 :13:
64  เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญร่วมบุญ พุทธบูชา ผ้าป่าเพื่อสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ เกาะพะงัน ครับ เมื่อ: มกราคม 19, 2011, 12:57:43 pm


ขอเชิญร่วมบุญ "พุทธบูชา ผ้าป่าเพื่อสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ อาคารเฉลิมพระเกียรติ และพระประธาน วัดป่าแสงธรรม เกาะพะงัน" ค่ะ    vote [ถูกใจ]
[แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

เนื่องด้วยข้าพเจ้า นางสาวอัญชลี จตุรานน ได้มีการจัดทำโครงการผ้าป่าเพื่อร่วมสมทบทุนสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ศรีมหาราช และอาคารเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษามหาราช วัดป่าแสงธรรม เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี และมีความประสงค์จะลงข้อความในการบอกบุญครั้งนี้ ในเวบไซด์ pantip.com ห้องศาสนา เพื่อเป็นการกระจายข่าวในวงกว้าง เพื่อนำมาซึ่งยอดเงินร่วมบุญในการร่วมสมทบทุนสร้างพระบรมธาตุเจดีย์และอาคาร เฉลิมพระเกียรติในครั้งนี้

ข้าพเจ้าจึงขอนำเสนอรายละเอียดโครงการดังนี้
โครงการ ผ้าป่าเพื่อร่วมสมทบทุนสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ศรีมหาราชและอาคารเฉลิมพระ เกียรติ ๘๐ พรรษามหาราช วัดป่าแสงธรรม เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

วัตถุประสงค์
เนื่อง ด้วยทางวัดป่าแสงธรรม เกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้รับพระบรมสารีริกธาตุจากประเทศศรีลังกา ๓ องค์  และต่อมามีผู้ปวารณาถวายพระบรมสารีริกธาตุเพิ่มเติมอีก ทางท่านพระครูสันติธรรมรังสี จึงได้มีศรัทธาที่จะดำเนินการก่อสร้าง พระบรมธาตุเจดีย์ศรีมหาราชเพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับมานี้ และพร้อมกันนี้ก็ได้จัดให้มีการก่อสร้าง อาคารเฉลิมพระเกียรติเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล ๘๐ พรรษามหาราช และเพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม และศาสนสถานสำหรับการเผยแผ่พระพุทธศาสนาสืบต่อไป

ดังนั้น ข้าพเจ้านางสาวอัญชลี จตุรานนจึงได้ยื่นเรื่องเสนอแก่ท่านเจ้าอาวาสวัดป่าแสงธรรม ท่านพระครูสันติธรรมรังษี ว่ามีความประสงค์จะจัดทำผ้าป่าเพื่อรวบรวมยอดเงินร่วมบุญในผ้าป่าครั้งนี้ ร่วมสมทบทุนสร้างพระบรมธาตุเจดีย์ศรีมหาราชและอาคารเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษามหาราช ณ วัดป่าแสงธรรม นี้ และได้รับการอนุญาตและสนับสนุนจากท่านเจ้าอาวาส พระครูสันติธรรมรังสี ในการดำเนินการจัดตั้งผ้าป่าครั้งนี้

ระยะเวลาโครงการ
- ระยะเวลารวบรวมเงินร่วมบุญเริ่มตั้งแต่วันที่ 6 มกราคม 2554 จนถึงวันปิดยอดคือวันที่ 31 มีนาคม 2554 และจะรวมเงินผ้าป่าทั้งหมด จัดถวายแก่ท่านเจ้าอาวาส พระครูสันติธรรมรังษี ในวันอาทิตย์ที่ 3 เมษายน 2554
- กำหนดการส่งรายงานผลให้ทางทีมงานพันทิป และผู้ร่วมบุญทุกท่านคือ วันจันทร์ที่ 4 เมษายน 2554
.............................................................
รายละเอียดการโอนเงิน: ธนาคารกรุงเทพ สาขากาดสวนแก้ว ชื่อบัญชี อัญชลี จตุรานน เลขที่บัญชี 531-0-518567

ติดต่อสอบถาม หรือแจ้งการโอนเงินร่วมบุญ: โทร. 08-1180-5050 หรืออีเมลล์
65  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ขอเพียงแค่ 1 นาที เมื่อ: มกราคม 18, 2011, 12:23:58 pm

ขอเพียงแค่ 1 นาที
มีชายหนุ่มไฟแรง ที่มุมานะทำงานอย่างมุ่งมั่น
เขามีความฝันจะสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์กับแฟนสาว
เธอจะมารอ..ที่หน้าประตูบ้าน..ของเขา หลังจากที่เขาเลิกงาน
เขาพบเธอ..ก็ยิ้มแย้ม ..ยินดีต้อนรับ.. สนทนากัน..แล้วเธอก็กลับไป
วันนี้เขากลับถึงบ้าน ช้ากว่าปกติมาก
แต่แปลกที่ยังเห็นเธอยืนรอที่หน้าบ้านเขา.. เช่นทุกวัน

“โทษทีนะที่รัก วันนี้มีงานด่วน เลยกลับมาช้าไปหน่อย”
เธอยังยิ้มให้เขา “คุณทำงานจนมีรถ มีบ้านอย่างที่ตั้งใจแล้ว
ทำไมยังทำงานหนักอีกล่ะ?”
“ผมอยากมีบ้านที่มีบริเวณมากกว่านี้ มีรถที่ดูโอ่อ่ามากกว่านี้
..เพื่อคุณนะจ๊ะ”

เวลาผ่านไป 1 ปี
หญิงสาวมาหาเขาบ้าง ไม่มาบ้าง แต่เขาไม่มีเวลามาใส่ใจกับเรื่องอย่างนี้
วันหนึ่งเธอเอ่ยถามเขา

“คุณมีเงินมากพอจะซื้อบ้านหลังใหญ่รึยัง?”
“ขอเวลาอีกสักหน่อย ผมอยากซื้อแหวนวงใหม่ มาเปลี่ยนให้คุณด้วย”
เขาจุมพิตมือที่สวมแหวนทองวงเล็กเบาๆ
“ฉันบอกหรือว่า ฉันอยากได้แหวนวงใหม่?”
“ผมอยากให้สิ่งที่ดีที่สุดเสมอ...ที่รัก”

3 เดือนแล้ว..ที่เขาไม่เห็นเธอที่หน้าประตูบ้าน วันนี้เขามีบ้านหลังใหญ่
เขาจึงตัดสินใจลางาน 1 วัน เพื่อไปหาเธอ เขาขับรถคันหรู ผ่านเส้นทางที่ขรุขระ
อย่างยากลำบาก
‘เธอต้องใช้ทางเส้นนี้มาหาเราทุกวันเหรอเนี่ย?’ เขารำพึง

เมื่อมาถึง แม่ของเธอออกมาต้อนรับและมอบกล่องไม้ใบหนึ่งให้เขา
และบอกเส้นทางที่เป็นสถานที่ ที่เธออยู่ ที่ซึ่งเขาจะพบเธอได้

เนินเขาเล็ก ๆ รายล้อมไปด้วยดอกไม้ มีแท่นหินสลักชื่อหญิงสาว
ตั้งอยู่กลางเนิน
น้ำตาของลูกผู้ชายไหลรินออกมา มือสั่นเทาของเขา เปิดกล่องไม้อย่างช้า ๆ
ข้างในกล่องอัดแน่นไปด้วยกระดาษแผ่นเล็ก ๆ
เขาเริ่มอ่านข้อความ..ทีละใบ...ทีละใบ....

“วันนี้ ..คุณกลับมาช้า ..ฉันรอ 2 ชั่วโมง ..ไม่เป็นไร ..ฉันรักคุณ”

“วันนี้ฝนตก ..ฉันยังรอ ..แต่ไม่เจอคุณ.. ไม่เป็นไร ..แต่ฉันยังรักคุณ”

“ฉันเริ่มป่วย.. จนไปหาคุณไม่ได้ ..คุณคงไม่ทันได้สังเกต.. ไม่เป็นไร..
แต่ฉันยังรักคุณ”

“วันนี้ ..คุณบอกจะเปลี่ยนแหวนวงใหม่..
คุณคงลืมว่า..ฉันตอบตกลง..จะแต่งงานกับคุณ ..เพราะแหวนวงนี้
แต่ไม่เป็นไร..ฉันยังรักคุณ”

ชายหนุ่มได้เรียนรู้แล้วว่า บางทีสิ่งที่เขาไขว่คว้ามาตลอดชีวิต
อาจเทียบไม่ได้กับสิ่งเล็กน้อย ที่เขาเคยได้รับ จนเป็นเรื่องปกติของทุกวัน
รถคันหรูแล่นไกลออกไป เหลือไว้เพียงกล่องแหวนเพชร ราคาแพง หน้าหลุมศพ
ที่ดูไม่เหลือค่าอะไร ..สำหรับเขา..อีกต่อไป

“ผมมีบ้านหลังใหญ่..แต่คงกว้างไป สำหรับการที่จะต้องอยู่คนเดียว
ผมมีรถราคาแพง
แต่ไม่รู้จะขับไปรับใคร ให้มานั่งเคียงคู่ ..เพื่อไปที่ไหน ๆด้วยกัน
ผมมีเวลาอยู่กับงานครึ่งชีวิต แต่ไม่เคยมีเวลา ที่จะได้อยู่กับคนที่..ผมรัก
ตอนนี้ผมมีเงินมากมาย แต่ไม่อาจซื้อเวลาเพียง 1 นาที ที่จะบอกว่า ‘รักเธอ’..

ผมมีทุกอย่างเพียบพร้อมตามที่ผมฝัน แต่ขาดส่วนที่สำคัญที่สุด ..
ที่อยากให้ย้อนกลับมา..จะได้ไหม?”
66  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / กฏบริษัทแบบขำ ๆ ( อาจจะมีจริง นะนี่ ) เมื่อ: มกราคม 13, 2011, 02:43:27 pm
ทางคณะผู้บริหารบริษัท มีความยินดีจะแจ้งกฎบริษัท ที่เพิ่งจะได้อนุมัติจากคณะกรรมการ หลังจากที่มีการประชุมใหญ่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางคณะผู้บริหารหวังเป็นอย่างยิ่งว่า.. พนักงานทุกคนคงจะยินดีปรีดาไม่น้อยกว่าคณะผู้บริหารเหมือนกัน ..

A: ยวดยานพาหนะ

ทางบริษัทอยากแนะนำให้พนักงานทุกคนเดินทางมาทำงานโดยใช้ยวดยานพาหนะที่เหมาะสมกับเงินเดือนของตัวเอง

* หากทางบริษัทเห็นว่าพนักงานท่านใดขับรถยนต์ฮอนด้ามาทำงานทางบริษัทก็ตระหนัก ดีว่า ท่านไม่สมควรที่จะได้รับการพิจารณาปรับเงินเดือนขึ้นแต่อย่างใด เพราะท่านก็ พอมี พอกิน อยู่แล้ว

* หากพนักงานท่านใดที่ขับรถยนต์เก่าเกินกว่า 10 ปี มาทำงาน หรือนั่งรถโดยสารมาทำงาน ทางบริษัท ก็ตระหนักดีว่า ท่านไม่สมควรที่จะได้รับการพิจารณาปรับเงินเดือนขึ้นแต่อย่างใด เพราะท่านเป็นคนที่มัธยัสถ์และเก็บเงินเก่งอยู่แล้ว

* หากพนักงานท่านใดที่ขับรถยี่ห้ออื่นมาทำงาน ท่านไม่สมควรที่จะได้รับการพิจารณาปรับเงินเดือนขึ้นแต่อย่างใด เพราะท่านก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรอยู่แล้ว

B: การลาพักร้อน
พนักงานทุกคนมีสิทธิ์ที่จะลาหยุดได้ 104 วัน ต่อปี คือวันเสาร์และวันอาทิตย์

C: พักกลางวัน
* พนักงานท่านใดที่ผอมสลิม สเลนเดอร์ จะได้รับอนุญาตให้พักเที่ยงได้ถึง 30 นาที เพื่อที่จะได้ทานอาหารอย่างเต็มที่และเต็มอิ่ม

* พนักงานท่านใดที่ดูไม่ผอม ไม่อ้วน กำลังพอดี จะได้รับอนุญาต ให้พักเที่ยง ได้ 15 นาที เพื่อจะได้ไม่มีเวลาทานมากจนเกินไป เดี๋ยวจะอ้วนขึ้นซะเปล่าๆ

* พนักงานท่านใดที่น้ำหนักเกินพิกัด จะได้รับอนุญาตให้พักได้ 5 นาที เพื่อว่าจะได้ดื่มอาหารจำพวกธัญญพืชหรือลดความอ้วน

D: การลาป่วย
ทางบริษัทจะไม่ยอมรับใบรับรองแพทย์อีกแล้ว เพราะบริษัทได้ตระหนักถึงข้อเท็จจริงดีว่า หากพนักงานท่านใดป่วยแต่ยังสามารถไปหาแพทย์ได้ ก็สามารถไปทำงานได้เช่นเดียวกัน

E : การใช้ห้องน้ำ
ทางบริษัทได้สังเกต ค้นคว้า วิจัย ออกมาแล้วว่า พนักงานส่วนใหญ่เสียเวลาไปกับห้องน้ำนานมาก ทางบริษัทจึงได้ติดตั้งเครื่องมือเอาไว้

หากพนักงานท่านใดใช้เวลาเกินกว่า 3 นาที เสียงเตือนระบบไซเรนท์จะดังขึ้น ม้วนกระดาษชำระจะถูกเก็บเข้ากล่อง ประตูจะเปิดออกโดยอัตโนมัติ และพนักงานท่านนั้นจะถูกถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึกหากพนักงานท่านใดยังนั่งห้อง น้ำ เกิน 3 นาทีเป็นครั้งที่สอง
รูปที่ถูกบันทึกไว้จะถูกตีพิมพ์ ส่งไปยังตามบอร์ดต่างๆในทุกแผนกของบริษัท เพื่อเป็นการเตือนผู้ร่วมงานท่านอื่นๆ

F : การผ่าตัด
ตราบใดที่ท่านยังเป็นพนักงานบริษัทอยู่ ท่านไม่สามารถไปผ่าตัดได้ตามอำเภอใจ เพราะทางบริษัทต้องการท่าน และได้รับท่านเข้ามาทำงาน พร้อมกับอวัยวะที่ครบ 32 ประการ หากท่านไปผ่าตัดถือว่าท่านไม่ได้ทำตามสัญญาและข้อตกลงที่ได้ให้ไว้

G : การใช้ INTERNET
การใช้เน็ตจะถูกบันทึกไว้ในระบบของบริษัท หากทางบริษัทเห็นว่าท่านใช้เน็ตเป็นการส่วนตัว ทางบริษัทจะหักค่าใช้จ่ายนี้จากโบนัสประจำปีของท่าน (ถ้ามี)
และหากในปีนั้นไม่มีโบนัสประจำปี ทางบริษัทก็จะหักค่าใช้จ่ายนี้จากเงินเดือนของท่าน ตามบันทึกของระบบ 73% ของพนักงาน จะไม่ได้รับเงินเดือนเป็นเวลา 3 เดือน

***PS.. หากพนักงานท่านใด มีข้อสงสัย หรือต้องการจะปรึกษา ก็ให้ติดต่อที่ห้องผู้บริหารได้ทุกเมื่อ (ถ้าอยู่)**

ที่มา : Thai Reader Club
67  กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / พระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง อ่างทอง เมื่อ: มกราคม 11, 2011, 11:33:08 am
พระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง

เป็น เจดีย์รูปแบบศิลปะลังกา-อยุธยา และรัตนโกสินทร์ ลักษณะเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม มองเห็นได้เด่นชัดตั้งแต่ไกล เมื่อเลี้ยวรถเข้ามาในวัดจะเห็นองค์เจดีย์อยู่ตรงกลางล้อมรอบไปด้วยต้นไมู้ สูงใหญ่ มีถนนโดยรอบแนวกำแพง

มูลเหตุของการสร้างพระธาตุเจดีย์เนื่องจาก ราวพุทธศักราช 2535 พระครูสุคนธศีลคุณ(หลวงพ่อหอม) มีดำริจะสร้างเจดีย์ขึ้นในบริเวณวัด มีความกว้าง 40 เมตร สูง 73 เมตร มีองค์ระฆังและปล้องไฉน 32 ปล้อง เพื่อทดแทนเจดีย์หลังเดิม

ซึ่งตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าอุโบสถที่ผุพังไปตามกาลเวลาและเพื่อบรรจุพระบรม สารีริกธาตุส่วนพระศอของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระพุทธรูปปางต่างๆ ประดิษฐานในพระเจดีย์เป็นสมบัติของศาสนาและเพื่อระลึกถึงพระคุณของพระองค์ ที่สั่งสอนสัตว์โลกจนเพียบพร้อมไปด้วยศีล สมาธิ ปัญญา ผู้ปฏิบัติ ยิ่งๆ ขึ้นไปจนสามารถบรรลุคุณธรรมตามความสามารถของแต่ละบุคคล

ต่อมาราวพุทธศักราช 2538 พระคุณสุคนธศีลคุณได้ทราบอาการพระประชวรของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและ เป็นช่วงที่กำลังเริ่มก่อสร้างเจดีย์ ด้วยความห่วงใยในพระองค์ท่าน หลวงพ่อหอมได้ตั้งสัจจาธิษฐานว่า ขอให้ในหลวงทรงหายจากอาการพระประชวร ถ้าเป็นไปดังสัจจาธิษฐาน จะสร้างเจดีย์ถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระองค์ท่าน และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯพระราชทานชื่อเจดีย์ว่า พระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารีเสด็จมาเปิดเมื่อปี พ.ศ. 2543

ขอบคุณที่มา
http://touronthai.com/gallery/placeview.php?place_id=39000019
68  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / กับเรื่องป้ายจราจร ครับ ดูแล้วอย่างง นะครับ เมื่อ: มกราคม 09, 2011, 12:33:21 pm


69  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / พญาไก่ป่า เมื่อ: มกราคม 02, 2011, 01:33:43 pm
ในสมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี ทรงปรารภภิกษุผู้กระสันจะสึกรูปหนึ่ง ได้ตรัสอดีตนิทานมาสาธก ว่า…

          กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว พระโพธิ์สัตว์เกิดเป็นพญาไก่ป่า มีไก่เป็นบริวารหลายร้อยตัว อาศัยอยู่ในป่าแห่งหนึ่ง มีนางแมวตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในที่ไม่ไกลจากที่อยู่ของไก่ป่านั้น มันเที่ยวใช้อุบายล่อลวงจับไก่ป่ากินเป็นอาหารเกือบหมด พญาไก่ป่าทราบว่าบริวารถูกนางแมวจับกินไปเกือบหมดก็ไม่ไปใกล้ที่อยู่ของมัน

          หลายวันต่อมา เมื่อไม่เห็นไก่ตัวใดไปใกล้ที่อยู่ของตน นางแมวจึงต้องดั้นด้นมาหาไก่เสียเอง มันเดินย่องเข้าไปใต้คอนไม้ที่พญาไก่ป่าจับอยู่ พร้อมกับพูดขึ้นว่า
          “พ่อไก่น้อยสีแดง ผู้มีขนสวยงาม เจ้าลงมาจากกิ่งไม้เถิด เราจะยอมเป็นภรรยาท่าน”
           พญาไก่ป่ารู้ทันเล่ห์เหลี่ยมของมันจึงตอบไปว่า “นางแมวเอ๋ย เจ้าเป็นสัตว์ ๔ เท้าที่สวยงาม ส่วนเราเป็นสัตว์ ๒ เท้า แมวกับไก่อยู่ร่วมกันไม่ได้ดอก เชิญท่านไปหาผู้อื่นเป็นสามีเถิด”

          นางแมวไม่ลดละความพยายามยังพูดออดอ้อนว่า “พ่อไก่น้อย ฉันจะเป็นภรรยาผู้สวยงาม ร้องเสียงไพเราะเพื่อเจ้า เจ้าจะรู้ว่าฉันเป็นภรรยาสาวพรหมจรรย์ที่สวยงาม ร้องเสียงไพเราะเพื่อเจ้า เจ้าจะรู้ว่าฉันเป็นภรรยาสาวพรหมจรรย์ที่สวยงามและมีความสุขที่สุด”
          พญาไก่ป่าจึงพูดขู่นางแมวไปว่า “นางแมวเอ๋ย เจ้ากินซากศพ ดื่มเลือด กินไก่บริวารของเราแล้ว จงไปเสียเถอะ”
          นางแมวเมื่อรู้ว่าพญาไก่ไม่หลงกล ก็รีบวิ่งหนีกลับไปอย่างผู้ผิดหวังและไม่กลับไปหากินที่นั่นอีกเลย

          พระพุทธองค์เมื่อตรัสอดีตนิทานจบ ได้ตรัสพระคาถาว่า
          “ผู้ใดรู้ไม่เท่าทันเหตุที่เกิดขึ้นโดยฉับพลัน ผู้นั้นจะตกอยู่ในอำนาจของศัตรู และจะเดือดร้อนภายหลัง ส่วนผู้ใดรู้เท่าทันเหตุที่เกิดขึ้นโดยฉับพลัน ผู้นั้นจะพ้นจาการเบียดเบียนของศัตรู เหมือนไก่พ้นจากนางแมวฉะนั้น”
 
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า :  ผู้มีปัญญารู้เท่าทันเหตุการณ์ย่อมสามารถรู้รักษาตัวรอดได้
70  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ผมฝึกอานาปานสติมาโดยตรง ควรจะต้องกลับไปฝึก พระพุทธานุสสติ หรือไม่ครับ เมื่อ: ธันวาคม 30, 2010, 12:09:48 pm
ผมฝึกอานาปานสติมาโดยตรง ควรจะต้องกลับไปฝึก พระพุทธานุสสติ หรือไม่ครับ

และก็ยังฝึกมาตลอด กับอานาปานสติ และมีความรูสึกถึง ปีติ และ สุข จนวางจิตได้แล้ว

ควรที่จะต้องไปเริ่มที่พระพุทธานุสสติ ก่อนหรือป่าวครับ

ปกติผมจะนั่งกรรมฐาน วันละ 2 ชม เป็นอย่างน้อย 2 ครั้ง คือ ตื่นมาตี 4 นั่งถึง 6 โมงเช้า และ ก่อนนอน

นั่ง 21.00 ถึง 00.00 น แล้วจึงนอน ประมาณวันละ 4  ชม แต่บางวันก็ปฏิบัติรอบเดียวครับ

ส่วนในเวลาปกติ  นั้นผมจะกำหนดลมหายใจ กับการงานแทน
 :25:
71  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / แข่งกินหนอน เรื่องพิลึก ที่คนจีนชอบ ใจไม่แข็ง อย่าเข้าดูนะครับ เดี๋ยวจะ.... เมื่อ: ธันวาคม 24, 2010, 12:09:29 pm








บอกแล้วใจไม่แข็ง อย่าเข้าดูนะครับ
72  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ระหว่าง สติ กับ สมาธิ อันไหน ควรฝึกก่อนหลังครับ เมื่อ: ธันวาคม 20, 2010, 12:58:04 pm
ระหว่าง สติ กับ สมาธิ อันไหน ควรฝึกก่อนหลังครับ

 :25:
73  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / อุคคหนิมิต คืออะไรครับ เมื่อ: ธันวาคม 19, 2010, 11:21:51 am
อุคคหนิมิต คืออะไรครับ

และ ในพระธรรมปีติ มีอุคคหนิมิต หรือป่าวครับ
 :25:
74  กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / ในพระพุทธานุสสติ นั้น มีปฏิภาคนิมิต หรือป่าวครับ เมื่อ: ธันวาคม 19, 2010, 11:20:57 am
ในพระพุทธานุสสติ นั้น มีปฏิภาคนิมิต หรือป่าวครับ
 :25:
75  กรรมฐาน มัชฌิมา / ธรรมะสัญจร / งานสรงน้ำพระพุทธบาทสี่รอย อ.แม่ริม จ.เชียงใหม 19 มี.ค. 2553 เวลา 13.00 น่ เมื่อ: ธันวาคม 19, 2010, 10:58:11 am
งานสรงน้ำพระพุทธบาทสี่รอย อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่

     ขอเชิญร่วมทำบุญงานประเพณีสรงน้ำพระพุทธบาทสี่รอยประจำปี และทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อนำปัจจัยสมทบทุนก่อสร้างศาลาบาตรรอบโบสถ์ ศาลาบาตรหน้าลานวัด-ศาลาเทวดา-ศาลาเก็บของ-โรงครัว-ซุ้มประตูวัด-ห้องน้ำ และปรับภูมิทัศน์บริเวณวัด ก่อนที่จะผูกพัทธสีมาตัดลูกนิมิต ณ วัดพระพุทธบาทสี่รอย ต.สะลวง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ วันเสาร์ที่ 19 มี.ค. 2553 เวลา 13.00 น. โดยพร้อมเพรียงกัน
76  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / คำถามว่า ในดึกคืนหนึ่ง เมื่อ: ธันวาคม 11, 2010, 09:18:55 pm

มี บริษัทหนึ่งประกาศรับสมัครพนักงานใหม่หนึ่งคน และมีคนมาสมัครมากมายหลายร้อย บริษัทนั้นให้ผู้สมัครทุกคนทำตอบคำถามหนึ่งข้อ ซึ่งคำถามมีอยู่ว่า

ในดึกคืนหนึ่งที่ฝนตกฟ้าคะนองขนาดหนักมากและคุณกำลังขับรถกลับบ้าน
ขณะที่ขับผ่านป้ายรถเมล์ป้ายหนึ่ง

คุณพบคนสามคนกำลังรอให้ฝนหยุดเพราะดึกเกินกว่าจะมีรถเมล์วิ่งแล้ว

คนสามคนนั้นคือ

1. หญิงชราที่กำลังป่วยและต้องการการรักษาด่วน
มิฉะนั้นเธออาจจะตายได้

2. หมอซึ่งครั้งหนึ่งเคยช่วยชีวิตคุณไว้

3. ผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นแฟนของคุณและคุณรักเขามากขนาดจะแต่งงานกับเขาให้ได้

คำถามมีอยู่ว่า รถคุณเป็นแบบนั่งได้แค่สองคน
ดังนั้นคุณจะรับคนไปด้วยได้อีกแค่คนเดียว
คุณจะรับใครไปด้วย และให้เหตุผลที่ตัดสินใจอย่างนั้น

พวกเราก็ลองคิดดูสิว่าถ้าเราเป็นคนตอบคำถามข้อนี้
เราจะตอบว่ายังไง แล้วเทียบกับเหตุผลข้างล่าง

เอาล่ะ

ลองดูเหตุผลของคำตอบแต่ละแบบแล้วเทียบกับเหตุผลของคุณ เนื่องจากแต่ละข้อก็มีเหตุผลที่เหมาะสมในตัวของมันเอง

เหตุผลข้างล่างนี้
เป็นเหตุผลของคนเกือบทุกคน

1. ถ้าคุณตอบว่ารับคนแก่ เหตุผลก็เพราะเขากำลังจะตาย ถ้าคุณรับไปก็เท่ากับช่วยชีวิตคนได้

2. ถ้าคุณตอบว่ารับหมอ เหตุผลก็เพราะเขามีบุณคุณกับคุณ และนี่คือเวลาที่จะตอบแทนได้บางส่วน

3. ถ้าคุณตอบว่ารับแฟนคุณ เหตุผลก็เพราะ
เขาเป็นคนที่คุณรัก

คิดว่าตรงแค่ไหนล่ะ แต่ผู้ที่บริษัทนั้นรับเข้าทำงาน
เป็นผู้เดียวที่ตอบอีกแบบนึง...ให้คิดอีกที



เขาตอบว่า 'เขาจะให้กุญแจรถกับหมอ
ให้หมอพาคนแก่ไปโรงพยาบาล
และเขาก็จะอยู่ที่ป้ายรถเมล์นั้น กับคนที่เขารัก'

เป็นไง ประหลาดใจกับคำตอบใช่ไหม
และคิดว่ามันเป็นคำตอบที่ดีมากใช่ไหม

ข้อคิดของเรื่องนี้คือ

คน เรามักจะยึดติดและไม่ยอมปล่อยผลประโยชน์ตรงหน้า (กุญแจรถ และการกลับบ้าน) ทำให้เรามองอะไร ด้วยมุมมองที่แคบลง จะเห็นว่าการมอบกุญแจรถให้หมอ นอกจากจะได้ตอบแทนบุญคุณ (หมอก็คงไม่ยึดรถไปเป็นของตัวเองหรอก ภายหลังก็เอามาคืน)

เรายังได้ช่วยชีวิตหญิงชรา แถมได้อยู่กับคนที่เรารัก แบบสองต่อสอง เรียกได้ว่าเสียไปแค่ไม่ได้กลับบ้านในตอนนั้น! แต่เราบรรลุวัตถุประสงค์ใหญ่อีกหลายอย่างได้ คุณล่ะ คิดว่าคุณมีมุมมองที่กว้างหรือแคบและยึดติดกับผลประโยชน์ต่าง ๆ แค่ไหน.....

ที่มา click2member
77  เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / แนะนำสถานที่ปฏิบัติธรรม ภาคเหนือ คะ เมื่อ: ธันวาคม 08, 2010, 10:02:42 am
1.วัดพระธาตุศรีจอมทอง อ.จอมทอง เชียงใหม่ (ปฎิบัติวิปัสสนากรรมฐาน แนวทางสติปัฎฐาน4)
2. วัดบรรพตสถิต จังหวัด ลำปางครับ
3.วัดป่าถ้ำวัวสุญญตาราม แม่ฮ่องสอน
4.วัดร่ำเปิง (ตโปทาราม)
5. วัดถ้ำผางาม   เชียงราย
6.วัดถ้ำพระบำเพ็ญบุญ อ.แม่ลาว จ.เชียราย
7.วัดถ้ำดอยกองข้าวจังหวัดเชียงราย
8.วัดท่าตอน อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่
9.วัดถ้ำตับเตา ตำบลศรีดงเย็น อำเภอไชยปราการ จังหวัดเชียงใหม่
10.วัดสันป่าสักวรอุไรธรรมาราม ตำบลหนองควาย อำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่
11.ศูนย์วิปัสสนาเชียงใหม่ วัดห้วยส้ม จ.เชียงใหม่
78  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / "น้องโภคิน" เหยื่อมือปืนทมิฬยิงถล่มเก๋งยาริส เมื่อ: ธันวาคม 08, 2010, 09:58:48 am
พี่ชาย "น้องโภคิน" เหยื่อมือปืนทมิฬยิงถล่มเก๋งยาริสยังทรงตัว เผยอาการยังทรงตัว หมอบอกญาติให้ทำใจ แต่เชื่อจะมีปาฏิหาริย์ ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ลากคอมือปืนมารับโทษ...

จากกรณีนายจักรพันธ์ ดีผิว อายุ 19 ปี บ้านอยู่ จ.ลพบุรี ขับรถเก๋งโตโยต้ายาริส ทะเบียนป้ายแดง กข 3271 ปทุมธานี พาญาติพี่น้องรวม 7 คน กลับจากเยี่ยมนายสุพัฒน์ ดีผิว พ่อ ซึ่งเป็นพ่อค้าข้าวแกงที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร จ.ปทุมธานี ถึงเชิงสะพานต่างระดับบางปะอิน ถูกคนร้ายกลุ่มหนึ่งขี่รถจักรยานยนต์ปาดหน้า ก่อนจะชักปืนยิงถล่มใส่รถนับสิบนัด กระสุนเจาะขมับซ้าย ด.ช.โภคิน ดีผิว หรือน้องโตมี่ อายุ 12 ปี อาการสาหัส ด.ช.ณัฐวุฒิ เบ่งศรี อายุ 12 ปี ถูกยิงเข้าท้อง 1 นัด อาการสาหัส ถูกส่งไปรักษาตัวที่ รพ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี ส่วนนางเฉลียว ดีผิว อายุ 70 ปี และ ด.ช.เสก ดีผิว อายุ 11 ขวบ ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้ ซึ่งตำรวจกำลังเร่งล่าตัวมือปืนมาดำเนินคดีนั้น

ความคืบหน้าการล่า ตัวแก๊งซิ่งทมิฬ เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. นายจักรพันธ์ ดีผิว อายุ 19 ปี กล่าวกับไทยรัฐออนไลน์ว่า ความคืบหน้าอาการของน้องโภคินยังทรงตัวปกติ ความดันอยู่ที่ 90 ขณะที่การเต้นของหัวใจช้าลงอยู่ที่ 46 ครั้งต่อนาที ซึ่งหมอได้บอกกับญาติๆ และครอบครัวให้เตรียมทำใจไว้ แต่อย่างไรก็ดี ตนก็ยังเชื่อว่าจะมีปาฏิหาริย์ ส่วนการผ่าตัดน้องณัฐวุฒิ เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. เป็นไปอย่างเรียบร้อย อาการดีขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกตัว ตอบสนองได้ดี ซึ่งได้ย้ายมารักษาตัวที่ รพ.พระนั่งเกล้าฯ แล้ว

เมื่อถามถึงคดี ความ นายจักรพันธ์ กล่าวว่า เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดทีมลงพื้นที่ตามล่าตัว มือปืนทมิฬ แต่ก็ทราบว่ากำลังหาเบาะแสเพื่อชี้นำไปสู้ตัวคนร้าย ก็คาดหวังว่าเจ้าหน้าที่จะสามารถตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีได้.

ที่มาข่าว
http://www.thairath.co.th/
79  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / สร้างยาก ทำลายง่าย เมื่อ: กันยายน 13, 2010, 12:00:02 pm
ใข้เวลากันหลายปี กว่าจะได้มา

แต่ทำลายใช้เวลาเพียงลัดนิ้วมือ

http://www.internetthailand.net/clip/flvideo/598.flv
80  เรื่องทั่วไป / forward mail หรือ จดหมายส่งถึงกัน / ชีวิตนี้น้อยนัก จักสู้ชีวิต แม้เหลือแค่นี้ เมื่อ: กันยายน 13, 2010, 11:49:37 am
น้องเกวียนฮงหยาง จากประเทศจีน สูญเสียขาในอุบัติเหตุ  ครอบครัวของเธอยากจน
เกินกว่าจะหาขาเทียมให้น้องได้จึงต้องดัดเเปลงลูก บาสเกตบอลเพื่อหนุนช่วงตัว
และต่อไม้สองชิ้นถือไว้เพื่อใช้ในการก้าวแทนขา เธอใช้ลูกบาสจนเก่าพังไปแล้วถึงหกลูก
แต่เธอก็ยังคงร่าเริงและยิ้มได้...









หน้า: 1 [2] 3