ในฐานะ อดีตเปรียญ ผมก็คิดว่า แนวทางที่ คุณนักเดินทาง กล่าวไว้ได้ดีมากครับ โดนใจครับ
เพราะผมเองก็ประสบปัญหา เช่นนั้นเหมือนกัน ตอนผมไปสมัครงาน ปธ. 5 เขาเทียบให้ ม.3 เองครับ
ต้องไปเรียน ราชภัฏอีก 4 ปีครับ ถึงมาสอบครู สรุปแล้วไม่มีประโยชน์จริง ๆ ครับ มีก็ตรงที่เขา
เรียกเรา มหา และถ้าเป็น มัคคทายก อะไรปานนี้ เราก็จะออกไปแถวหน้าครับ
สำหรับเรื่องการศึกษา ของ พระ เณร ที่เรียน บาลี ขาดแรงจูงใจ ในปัจจุบันมากครับ
สำนักเรียน เข้มงวดกวดขัน แต่ก็ส่งเสริม เรียนทางโลก ซึ่งการันตีว่า จบแน่ ๆ ในปีหนึ่งแต่ถ้าเป็นเปรียญ
แล้ว ละก็ โอกาสของผู้สอบ ต้องมีคำว่า วาสนา รวมอยู่ด้วย ผมมีรุ่นพี่ที่เก่งกว่าผม แปลเก่ง อ่านเก่ง
แถมเป็นครูผมด้วย ท่านสอบ ปธ. 5 มาจนถึงปัจจุบันยังไม่ได้เลย แต่ผมเองอ่อนกว่าท่านอีก สอบได้
ปี ต่อ ปี เลยครับ เวลาเทสต์ คำถาม ตอบ ไม่ว่าหลักการแปล ไวยากรณ์ ผมก็เห็นท่านตอบผมได้
ผมจึงไม่แน่ใจ ว่าเรื่องนี้มีความสัมพันธ์ กัับการสอบ อย่างไร ? ครับ
ดังนั้นการสอบเปรียญธรรม นั้น ผมว่า ต้องมีบุญวาสนา ด้วยครับ อย่างปีที่ผมสอบนั้นผมดูหนังสือ
ไปตรงกันโดยบังเอิญ ทั้ง 3 ปี ในใจก็นึกอยู่ว่า ถ้าออกปัญหา ส่วนที่ต่างไม่ได้ดู ก็คงสอบไม่ได้