ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: แต่งงาน ตามพ่อแม่ สั่ง แต่ตัวเองเป็นทุกข์ เพราะไม่ได้รักคนที่แต่งด้่วย อย่างนี้  (อ่าน 1816 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

sunee

  • มีเหตุมีผล
  • ****
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 301
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
 ask1

 แต่งงาน ตามพ่อแม่ สั่ง แต่ตัวเองเป็นทุกข์ เพราะไม่ได้รักคนที่แต่งด้่วย อย่างนี้เป็นบาป เป็นบุญ อย่างไรคะ ซ้ำร้ายผู้ชายที่แต่งด้วย ก็ไม่ขยันการงาน เล่นแต่การพนัน ผลาญสมบัติตระกูล อย่างนี้ พ่อแม่บาป หรือไม่คะ

   thk56
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28450
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

    ans1 ans1 ans1
   
    จูฬกัมมวิภังคสูตร
    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรมาณพ สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม
    มีกรรมเป็นกำเนิด  มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กรรมย่อมจำแนกสัตว์ให้เลวและประณีตได้
ฯลฯ

   
    เรื่องนี้พูดลำบาก เป็นเรื่องอจินไตย พ่อแม่คงไม่มีเจตนาจะให้ลูกเป็นทุกข์
    ปัญหาก็คือ มันแต่งไปแล้ว ไม่มีใครช่วยได้หร็อก ต้องพึ่งตัวเองแล้วล่ะ
    เรื่องของผัวๆเมียๆ คงไม่มีใครอยากไปยุ่ง
    แม้คนนอกจะมี เมตตา กรุณา หรือมุทิตา แค่ไหนอย่างไร
    ได้แต่เห็นใจครับ เพราะสุดท้ายแล้ว ต้องใช้ อุเบกขา


    ขอยกเอาคำตอบของ ธัมมะวังโส (พระอาจารย์)
    ในกระทู้ "เป็นไปได้หรือ ที่เราทำกรรมแล้ว กรรมไปตกกับลูกหลาน"
    http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=4092.0
    มาแสดงดังนี้


ปัญหาเรื่องกรรม เป็น อจินไตรย พระพุทธเจ้า ตรัสแสดงว่าเป็นเรื่องที่บุคคลธรรมดา ที่ไม่ใช่พระอริยะ คิดไปก็เสียเวลา เพราะนั่งคิด นอนคิด เดินคิด ยืนคิด อย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ในส่วนนี้

ส่วนที่มีประโยชน์ ก็มีอยู่ คือผลของกรรม ( วิบาก ) นั้นเป็นสิ่งที่เรานำมาเป็นอุทาหรณ์ เพื่อที่จะไม่เดินรอยเดิมอยู่ในวังวน ที่เป็นลูป ( วนไป วนมา ) อยู่ที่เดิมที่เก่า เช่น เราฆ่าเขา ในชาตินี้ ชาติต่อไป เขาก็มาฆ่าเรา ต่อ
อย่าไม่มีวันหมด จนกว่าผู้ใดจะมีศีล ( คือ เลิกเบียดเบียน ตนเอง และ ผู้อื่น) จึงจักทำให้ิสิ้นสุด ในเบื้องต้น

แต่กรรมก็ยังไม่อาจที่สิ้นสุด ได้ที่คำว่า เลิกเบียดเบียน ได้เพราะจิต อาจจะไม่ยอมรับกับ การเลิกเบียดเบียน นี้ได้จึงต้องเสริมใจให้เข้มแข็ง ด้วยสมาธิ ( ความตั้งใจมั่น ) เพื่อไม่ให้ง่อนแง่นคลอนแคลนในการสร้างกุศล

แต่ถึงแม้ จะมีการเลิกเบียดเบียนลงไปแล้ว มีความตั้งใจลงไปแล้ว แต่หากขาด สติ (ระลึกได้)และปัญญา ( ทิฏฐิที่มองเห็นความจริงว่า ทุกข์ มีอย่างนี้ ทุกข์เกิดอย่างนี้ ทุกข์ดับอย่างนี้ ทุกข์จะละออกได้ ด้วยวิธีนี้ )ก็จะทำให้ การเลิกเบียดเบียน และ ความตั้งใจมั่น ขาดประสิทธิภาพ เพราะไม่มีเป้าหมายที่แท้จริงได้

ดังนั้นเรื่องกรรม เป็นเรื่องที่เราคิดแบบเหตุผล แบบสูตรเลขนั้นไม่ได้ เพราะบางครั้ง วิบาก ก็ไม่ได้ตามทันที
บางครั้งวิบากที่ตามอยุ่เป็นวิบาก ที่คั่งค้างมาจากชาติอื่น ๆ ซึ่งเกินจากสติปัญญา ที่ปุถุชน จะเข้าใจได้

ธรรมที่ควรเจริญ กับคนที่เชื่อเรื่องกรรมก็คือ มรณัสสติ นะจ๊ะ ที่ควรเจริญให้มาก มีให้มาก


เจริญธรรม


 ;)

     :25: :25: :25:
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28450
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔
อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต


    ๙. มรณัสสติสูตรที่ ๑

    [๒๙๐] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ปราสาทสร้างด้วยอิฐใกล้บ้านนาทิกคาม ณ ที่นั้นแล
     พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว
     พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย มรณัสสติอันภิกษุเจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว
     ย่อมมีผลมากมีอานิสงส์มาก หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นที่สุด
     ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายย่อมเจริญมรณัสสติหรือ

     .......ฯลฯ.......

     ส่วนภิกษุใดย่อมเจริญมรณัสสติอย่างนี้ว่า
     โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ได้ชั่วขณะที่เคี้ยวข้าวคำหนึ่งกลืนกิน
     เราพึงมนสิการคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาค เราพึงกระทำกิจให้มากหนอ และ


     ภิกษุใดย่อมเจริญมรณัสสติอย่างนี้ว่า
     โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ได้ชั่วขณะที่หายใจเข้าแล้วหายใจออก หรือหายใจออกแล้วหายใจเข้า
     เราพึงมนสิการคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาค เราพึงกระทำกิจให้มากหนอ


     ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหล่านี้เรากล่าวว่า เป็นผู้ไม่ประมาท
     ย่อมเจริญมรณัสสติ เพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายแรงกล้า


    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแหละ เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า
    เราทั้งหลายจักเป็นผู้ไม่ประมาท จักเจริญมรณัสสติ เพื่อความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลายอย่างแรงกล้า
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แล ฯ


ที่มา http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=22&A=7188&Z=7254
ขอบคุณภาพจาก http://www.oknation.net/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ