สนง.ส่งเสริมพระกรรมฐาน

เรื่องทั่วไป => สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน => ข้อความที่เริ่มโดย: ลำใย ที่ ธันวาคม 03, 2010, 01:31:27 pm



หัวข้อ: ถ้าเราถูกใส่ความ ใส่ร้าย ป้ายสี ทำเสียชื่อเสียง
เริ่มหัวข้อโดย: ลำใย ที่ ธันวาคม 03, 2010, 01:31:27 pm
ปัญหา ของคนอาจจะแตกต่างกัน

   ถ้าเราเป็นถูกใส่ความ ใส่ร้าย ป้ายสี ควรทำอย่างไรดีคะ

   เพื่อนกลั่นแกล้ง สาเหตุมาจากความหึงหวง แฟนเขาคะ

( เนื่องด้วยแฟนที่เขาเข้าใจว่าเป็นแฟนไม่เป็นแฟนด้วย )

ก็เลยมากลั่นแกล้ง ใส่ร้าย ป้ายสี หนูแทน

   หนูควรทำอย่างไร ดีคะ ?

 :25:


หัวข้อ: Re: ถ้าเราถูกใส่ความ ใส่ร้าย ป้ายสี ทำเสียชื่อเสียง
เริ่มหัวข้อโดย: chatchay ที่ ธันวาคม 04, 2010, 07:44:53 pm
เรื่องอย่างนี้ ถือว่าเป็นธรรมดา ในสังคม เพราะคนเรามีชอบ มีชัง มีเฉย ๆ นะครับ

ถือว่าศึกษาเป็นประสพการณ์ ก่อนที่จะไปทำงานจริง ๆ ครับ เพราะในที่ทำงานจริง ๆ นะครับ

ยิ่งกว่านี้อีกครั้ง มีการใส่ร้าย ป้ายความผิด กันอย่างหนักหนา ยิ่งช่วงเดือนที่แล้วเป็นช่วงประเมินผลการปฏิบัติงาน

เพื่อประเมินการขึ้นเงินเดือน ด้วยแล้ว ผมในฐานะ ก็เป็นหัวหน้าคนหนึ่ง ฟังเรื่องการใส่ร้าย ป้ายสี เป็นสิบ ๆ เรื่อง

เลยครับ ที่สำคัญที่ผมบอกให้มองเป็นธรรมดา นั้นก็เพื่อให้ คุณ ได้เข้าใจความเป็นจริงของ ชาวโลก

  สิ่งสำคัญที่สุด ก็อย่า ไปยึดติด คำพูด คำด่า นินทา ทั้งหลายเหล่านี้มาก เพราะคนมีปัญญาเขามี

  เขามอง เขารู้ เพียงแต่วันนี้ไม่มีใครอยากพูด ก็อาจจะเพราะติดธรรมเนียมไทย ๆ ที่ว่า ไม่ใช่เรื่องของเรา

  ก็อย่าไปยุ่ง

  เหมือนวันก่อน ผมเห็น ผัว เมีย คู่หนึ่ง ตบตีกันอยู่หน้าบ้าน คนยืนมุงดูกันเป็นสิบ แต่ไม่มีใครเข้าไปห้าม

ตอนผัวกระทืบเมีย นั้นก็ไม่มีใครห้าม จนกระทั่งพวกผมยืนดูอยู่ประมาณ 3 นาทีจึงตัดสินใจกันเข้าไปห้ามกัน


   นี่แหละครับ มนุษย์ เราก็อย่างนี้ ถ้าไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แล้ว คนไทย เขาก็คิดว่า อย่าเข้าไปยุ่ง

   ดังนั้น เขาจึงเรียกนิสัยคนไทยอยู่อย่างว่า ไทยมุง ไงครับ


  สรุป แล้วทำใจให้เย็น นะครับ เพราะว่าในโลกนี้ ไม่มีใครปลอดจากการใส่ร้าย ป้ายสี โดนด่า ดีขนาดไหน

  ก็โดนครับ ภาวนา พุทโํธ พุทโํธ พุทโํธ พุทโํธ พุทโํธ พุทโํธ พุทโํธ พุทโํธ ไปให้มาก ๆ ดีกว่าครับ

 :13:


หัวข้อ: Re: ถ้าเราถูกใส่ความ ใส่ร้าย ป้ายสี ทำเสียชื่อเสียง
เริ่มหัวข้อโดย: ปญฺญาวโร ที่ ธันวาคม 19, 2010, 11:54:51 pm
เอาหูไปรองเกี้ยะ
หลวงปู่บุดดา ถาวโร ได้รับนิมนต์ไปฉันเพลบ้านโยม เป็นตึกแถวสองชั้น เมื่อฉันเพลแล้ว เจ้าบ้านเห็นว่าหลวงปู่เดินทางมาเหนื่อย จึงให้ท่านนอนพักผ่อนก่อนเดินทางกลับ มีลูกศิษย์หลายคนนั่งเฝ้าและคุยกันเบา ๆเพื่อไม่ให้เสียงด้ง ทันใดนั้นเองข้างห้องซึ่งเป็นร้านขายของ เดินลากเกี๊ยะกระทบ พื้นบันไดดังเกี๊ยะ เกี๊ยะขื้นไปชั้นบน ศิษย์คนหนึ่งทนเสียงเกี๊ยะไม่ได้ จึงพูดขึ้นมาว่า แหม เดินเสียเสียงดังเชียว หลวงปู่ซึ่งนอนหลับตาอยู่พูดว่า“ เขาเดินของเขาอยู่ดี ๆ เราเอาหูไปรองเกี๊ยะเขาเอง

ขี้ของกู
หลวงปู่ปรารภขึ้นลอย ๆ ในวันหนึ่งว่า “คนเรานี่มันบ้า ขี้ออกไปจากตูดแล้วก็ยังยึดว่าขี้ของกูอีก” แล้วท่านก็เล่าให้ฟังว่ามีชายคนคนแรกเดินไปในทุ่ง แล้ว ขี้กองเอาไว้ อีกคนหนึ่งเดินมาเห็นขี้กองนั้น แต่ก็ไม่ทราบว่าใครเป็น ผู้ชายคนที่สองก็บ่นว่า“ขี้ของใครวะ? เหม็นตายห่า” พอดีเจ้าของขี้ได้ยินเข้า โมโหใหญ่ พูดตอบว่า“มึงมาด่าขี้กูเหม็นทำไมวะ”อีกคนก็ตอบว่า“กูไม่รู้นี้ ว่าขี้ของมึง” ทั้ง ๒ คน ก็เลยทะเลาะกัน หลวงปู่บอกว่า “ดูซิคนเราแม้แต่ขี้ของมันถ่ายออกไปแล้ว ใครมาว่ามันก็ยังโกรธ นั่นแหละความหลง”

สองตัวอย่างครับคำสอนของ หลวงปู่บุดดา ถาวโร