ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: "สติสัมปชัญญะ....คําสอนครูบาอาจารย์"  (อ่าน 4388 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

suchin_tum

  • ไม่กลับมาเกิด
  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 486
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
"สติสัมปชัญญะ....คําสอนครูบาอาจารย์"
« เมื่อ: มีนาคม 04, 2011, 09:20:46 pm »
0
ขึ้นชื่อว่า สติ เป็นธรรมอันสําคัญ อันผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทรงตรัสแสดงไว้เป็นเรื่องที่สําคัญอย่างยิ่งยวด ในหัวข้อศึกษาธรรม ในนวโกวาทหลักสูตรนักธรรมชั้นตรีก็ได้จัดไว้เป็นธรรม 2 หัวข้อ(เป็นธรรมที่มีอุปการะ มาก 2 อย่าง) คือ 1.สติ แปลว่า ความระลึกได้ 2.สัมปชัญญะ แปลว่า ความรู้ตัว แบ่งเป็นสติขั้นต้นคือความไม่หลงไม่ลืม. สติขั้นกลางคือความตามระลึกได้ในบุญกุศล. สติขั้นสูงสุดคือสติที่เป็นไปในสติปัฏฐานทั้ง4 คือ มีสติในกาย ในเวทนา ในจิต และ ในธรรม.อานิสงค์คือความสิ้นไปแห่งสังสารวัฏ ซึ่งองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แสดงอานิสงค์ไว้ ขั้นตํ่าก็เป็นพระอนาคามี และ ขั้นสูงสุด ก็จะได้เป็นพระอรหัตผล "สติทั้ง3"หาแยกจากกันไม่ เพราะผู้มีสติก็ต้องมีสติ ตั้งแต่พื้นฐาน จนถึงขั้นสูงสุด และสติย่อมเกิดขึ้นและทําให้ผู้มีสติ(ย่อมถึงสิ่งที่ปรารถนาไว้นั่น ก็คือ ความรู้ตัวทั่วพร้อม ตามลําดับ กําลังของผู้มีสติ).....วันนี้พอก่อน...จากคําสอนตําราครูบาอาจารย์...
บันทึกการเข้า
ขอน้อมอาราธนากำลังแห่งครูอาจารย์กรรมฐานมัชฌิมาจงมาประสิทธิ์ประศาสตร์

suchin_tum

  • ไม่กลับมาเกิด
  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 486
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: "สติสัมปชัญญะ....คําสอนครูบาอาจารย์"
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มีนาคม 05, 2011, 02:05:35 am »
0
(ต่อ)-เหตุที่ทําให้สติเกิดนั้นมี2ประการ คือ..(.1).โยนิโสมะนะสิกาโร คือทําไว้ในใจโดยแยบคาย ทําไว้อย่างไรทําไว้โดย ตามระลึกถึงเหตุที่ทําให้เกิดสติและความเป็นผู้มีสติโดยลักษณะ ของการระมัดระวังชื่อว่า สัมมัปปธาน4 ดังนี้ 1.สังวรปะธาน เพียรระวังไม่ให้อกุศลเกิดขึ้นในสันดาน 2.ปหานปะธาน เพียรละอกุศลอันเกิดขึ้นแล้วให้สูญหายไป 3.ภาวนาปะธาน เพียรสร้างกุศลให้เกิดขึ้นในสันดาน 4.อนุรักขะนาปะธาน เพียรรักษากุศลที่เกิดขึ้นแล้วให้อยู่ในสันดาน...(2).พะหุลีกาโร คือการทําบ่อยๆอย่าขี้เกียจ ต่อเหตุุของการมีสติ และความเป็นผู้มีสติโดยความอุตสาหะ โดยลักษณะเอาใจใส่ ชื่อว่า อิทธิบาท4..คือ1.ฉันทะ พอใจต่อการเป็นผู้มีสติ...2.วิริยะ พากเพียรต่อการเป็นผู้มีสติ...3.จิตตะ ฝักไฝ่ต่อการเป็นผู้มีสติ...4.วิมังสา ตรึกตรองต่อการเป็นผู้มีสติ......เหตุให้เกิดสติทั้ง 2 ประการนี้เป็นหลักสรุปลงรวบยอดอยู่ใน"ความไม่ประมาท"องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงตรัสไว้ว่า ธรรมทั้งหลายมีความไม่ประมาท เป็นที่เริ่มต้น เปรียบเหมือนรอยเท้าช้าง ย่อมเป็นใหญ่กว่ารอยเท้าสัตว์อื่นๆ ฉันนั้น ธรรมทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา ท่านทั้งหลายจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด...ประโยชน์ของสติ(ตามพุทธภาษิต)...1.สติเป็นเครื่องตื่นอยู่ในโลก คือปลุกคนให้ตื่นอยู่เสมอ...2.สติจําปรารถ ในที่ทั้งปวง...3.สติทําให้คนได้รับความเจริญทุกเมื่อ...4.สติทำให้คนได้รับความสุข...5.สติทำให้คนเป็นผู้ประเสริฐทุกวัน...6.สติรักษาคนมิให้พลาดพลั้ง...7.สติทำให้ได้รับ มนุษย์สมบัติ สวรรค์สมบัติ นิพพานสมบัติ.......เมื่อพระโยคาวจร ได้เจริญสติอย่างมั่นคง ย่อมมีผลทำให้ สัมปชัญญะ เกิดขึ้นเป็นคุณธรรมที่เป็นเอนกอนันต์ อันเป็นบาทแห่งธรรม ไปสู่ความสิ้น วัฏฏะสงสาร หรือ ไปสู่นิพพาน เมื่อผู้ปฏิบัติมีสติได้อย่างมั่นคง คุณธรรมที่จะเกิดตามมา นั้นก็คือ สัมปชัญญะ ซึ่งแปลว่า ความรู้ตัวทั่วพร้อม ซึ่งครูบาอาจารย์ท่านได้ให้ความหมายดังนี้ ....สัมปชัญญะ หมายถึง ความรู้แจ้ง ในรูป ในนาม ในพระไตรลักษณ์ มรรค ผล นิพพาน รู้แจ้งแทงตลอดในขันธ์ทั้ง5 รู้ดีอย่างประเสริฐ ในการขจัดคลายกิเลส ด้วยความเพียร มีสติ และ รู้ตัว เมื่อรู้แล้วก็คลายจากความยึดมั่น ถือมั่น นําออกจากกองทุกข์ทั้งปวงซึ่งท่านได้พรรณาไว้มากมาย แต่ ก็มีสาระสำคัญอยู่ที่การ รู้แจ้งในขันธ์ 5....คือ รู้รูป รู้นาม รู้พระไตรลักษณ์ ส่วนผลของการรู้นั้น ท่านเรียกว่า มรรค ผล และ นิพพาน หรือ โลกุตระธรรม 9 ประการ
บันทึกการเข้า
ขอน้อมอาราธนากำลังแห่งครูอาจารย์กรรมฐานมัชฌิมาจงมาประสิทธิ์ประศาสตร์

suchin_tum

  • ไม่กลับมาเกิด
  • ศิษย์ตรง
  • มีเหตุมีผล
  • *****
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 486
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ปรุงแต่งแก้ง่วง
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มีนาคม 05, 2011, 02:58:00 am »
0
        เหมือนหยั่งมุดนํ้า อึดอัด...ดําผุดว่ายวัด หายใจเฮือก...ได้หนึ่งครั้งดึงลม ยืดไว้ ชีวา...แสงนวลโผล่ คอกลวง กลืนลม ลงไป...ลมคับ ไม่เชิง ละเอียดอ่อน...ประคองกลอน พุทธะ พรํ่าไว้...เห็นกายเรือง บ่นสุข พรํ่าไป...ลมหายใจ ด้านใน เส้นตรง...หยั่งจิต กําลัง ลึกลับ...อานุภาพ พุทธา แฝงช่วย...อย่าโดนขอบ ใส่ตรงกลาง ไว้สวย...ไม่เอารวย ขอแค่ รอดตาย...ความเห็นไม่ใส่ ทําแต่งาน...คืบ ขยับ วันละนิด ให้ได้...แหงะมอง ความไม่เที่ยง ควบไป...พรํ่าไว้ พุทโธ พระอาจารย์...ว่ายวน นํ้าลึก หูดับ...บางคราว ไม่รู้ อยู่ไหน...สติมา ตื่นขึ้น สลับไป...ไม่ตาย ยังรู้ เจาะดวง...แสงสี ลุกขึ้น บ่นลงไป...นําจิต ว่าไว้ ใส่ลมตรง...พทธานุสสติ มิให้หลง...ตั้งอารมณ์ น้อมเห็นแต่ ครูอาจารย์...ตั้งวิริยา ตั้งสัทธา มีธิกะ...ด้านปัญญา อย่าพาเดิน เป็นสังขาร....วัดด้วยใจ ได้แค่นี้ กระพี้นั้น...กลางกบาล ใส่ลงไป ใต้สะดือ...โดนริม เด้งแข็ง และกระด้าง....ถ้าใส่กลาง โพลงสีนวล สะท้านกาย...หู กึก กั่ก บางครั้ง ว่าเสียงใคร...ดินสะเทือน สั่น ไหวๆ สะพร่างพราง....
บันทึกการเข้า
ขอน้อมอาราธนากำลังแห่งครูอาจารย์กรรมฐานมัชฌิมาจงมาประสิทธิ์ประศาสตร์

Akira

  • โยคาวจรมรรค
  • *****
  • ผลบุญ: +2/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 653
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: "สติสัมปชัญญะ....คําสอนครูบาอาจารย์"
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มีนาคม 05, 2011, 07:31:04 am »
0
พี่แก้ง่วง ด้วยการแต่งกลอน แต่งเก่ง ดีคะ

แต่ถ้าเรียงให้เป็นระเบียบอ่านง่าย ๆ ขึ้นจะดีมากนะคะ

สาูิธุ

 :25:
บันทึกการเข้า
เครดิต ยายกบ มาศึกษาธรรมะจ้า แก๊งค์ อ๊บ อ๊บ

prachabeodee

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 135
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: "สติสัมปชัญญะ....คําสอนครูบาอาจารย์"
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: มีนาคม 07, 2011, 11:39:07 pm »
0
        เหมือนหยั่งมุดนํ้า อึดอัด...ดําผุดว่ายวัด หายใจเฮือก...ได้หนึ่งครั้งดึงลม ยืดไว้ ชีวา...แสงนวลโผล่ คอกลวง กลืนลม ลงไป...ลมคับ ไม่เชิง ละเอียดอ่อน...ประคองกลอน พุทธะ พรํ่าไว้...เห็นกายเรือง บ่นสุข พรํ่าไป...ลมหายใจ ด้านใน เส้นตรง...หยั่งจิต กําลัง ลึกลับ...อานุภาพ พุทธา แฝงช่วย...อย่าโดนขอบ ใส่ตรงกลาง ไว้สวย...ไม่เอารวย ขอแค่ รอดตาย...ความเห็นไม่ใส่ ทําแต่งาน...คืบ ขยับ วันละนิด ให้ได้...แหงะมอง ความไม่เที่ยง ควบไป...พรํ่าไว้ พุทโธ พระอาจารย์...ว่ายวน นํ้าลึก หูดับ...บางคราว ไม่รู้ อยู่ไหน...สติมา ตื่นขึ้น สลับไป...ไม่ตาย ยังรู้ เจาะดวง...แสงสี ลุกขึ้น บ่นลงไป...นําจิต ว่าไว้ ใส่ลมตรง...พทธานุสสติ มิให้หลง...ตั้งอารมณ์ น้อมเห็นแต่ ครูอาจารย์...ตั้งวิริยา ตั้งสัทธา มีธิกะ...ด้านปัญญา อย่าพาเดิน เป็นสังขาร....วัดด้วยใจ ได้แค่นี้ กระพี้นั้น...กลางกบาล ใส่ลงไป ใต้สะดือ...โดนริม เด้งแข็ง และกระด้าง....ถ้าใส่กลาง โพลงสีนวล สะท้านกาย...หู กึก กั่ก บางครั้ง ว่าเสียงใคร...ดินสะเทือน สั่น ไหวๆ สะพร่างพราง....
....................................................
ช่างเป็นสังขารที่ปรุงแต่งได้อย่าพิศดารเหลือเกิน........
แต่ป้าว่า.......อ่านแล้วคงไม่ได้แก้ง่วงหรอก...ป้าว่ามันปวดหัวแทนอ่ะ......เพราะอ่านแล้วเดี๋ยวดำผุดดำว่าย...เดี๋ยวใส่กลางกบาลเดี๋ยวเอาไปไว้ใต้สดือ.....โอ้ยป้าหายง่วงเลยแต่กับมาปวดหัวแทน...... :a102: :s_laugh: :33:
บันทึกการเข้า

pimpa

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +0/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 138
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: "สติสัมปชัญญะ....คําสอนครูบาอาจารย์"
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: มีนาคม 11, 2011, 02:51:40 pm »
0
ต้องค่อย ๆ อ่านทำความเข้าใจ เพราะผู้เขียนพยายาม กล่าวธรรม ตั้งแต่พื้นฐาน ยัน ขั้นสูง ด้วยอักษรไม่กี่บรรทัด

ดิฉันพยายามอ่าน แล้ว ก็พอจะเข้าใจความรู้สึกของผู้เขียนอยู่ แต่การใช้วาจาวกไปวนมานั้น น่าจะเรียบเรียงให้อ่าน

ง่ายขึ้นนะคะ อย่างน้อยก็มีเรื่องที่มีประโยชน์อยู่หลายตอน เหมือนกัน

ถือว่าเป็น ธรรมวิจารณ์ หรือ ธรรมเสวนา กันก็ได้นะคะ

 :13:
บันทึกการเข้า

lastman

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +10/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: ชาย
  • กระทู้: 158
  • สระบุรี มีอรอยพระพุทธบาทมากที่สุด.................
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: "สติสัมปชัญญะ....คําสอนครูบาอาจารย์"
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: มีนาคม 11, 2011, 06:47:22 pm »
0
บรรยาอารมณ์ กรรมฐาน ก็อาจจะดูไม่ได้ ครูอาจารย์ ท่านจึงสอนว่า อย่านำอารมณ์จิตเราไปแจ้งกรรมฐานกับ

คนอืิ่นที่ไม่ใช่อาจารย์ของเรา เพราะจริตคนนั้นแตกต่างกัน ดังนั้นการแจ้งกรรมฐาน เวลาเป็นอารมณ์ที่สูงจากระดับ

อย่างนี้ผมส่วนมากจะแจ้งทางโทรศัพท์กับหลวงพ่อพระครู หรือ ทางเมล์กับพระอาจารย์ครับ

อันที่จริงอยากแจ้งสดเป็นการส่วนตัว แต่ช่วงนี้ ครูอาจารย์ของเราท่านลึกลับ ครับ คือปลีกวิเวก ไม่อยู่วัด ไม่รับแขก
ไม่สามารถติดต่อท่านได้ จริง ๆ ครับ


 :13:
บันทึกการเข้า
อนันตริยกรรม ๖ พึงงดเว้น
มีเพื่อนบอกว่าคุณจะเลวอย่างไรก็ได้ แต่อย่าทำผิดศีล ๕

ทิด...คนหนึ่งที่นับถืออาจารย์