หัวข้อ: จูฬราหุโลวาทสูตร เรื่องพระราหุล เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ ตุลาคม 28, 2010, 10:11:18 am อรรถกถา มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ ภิกขุวรรค จูฬราหุโลวาทสูตร เรื่องพระราหุล ๑. อรรถกถาอัมพลัฏฐิกราหุโลวาทสูตร๑- ๑-บาลีเป็น จูฬราหุโลวาทสูตร (http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=13&A=2383&Z=2540). อัมพลัฏฐิกราหุโลวาทสูตร (http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=13&A=2383&Z=2540) มีบทเริ่มต้นว่า เอวมฺเม สุตํ ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้. ในบทเหล่านั้น บทว่า อมฺพลฏฺฐิกายํ วิหรติ ท่านพระราหุลอยู่ ณ ปราสาทชื่อว่า อัมพลัฏฐิกา คือ เมื่อเขาสร้างย่อส่วนของเรือนตั้งไว้ท้ายพระเวฬุวันวิหาร เพื่อเป็นที่อยู่ของผู้ต้องการความสงัด พระราหุลเจริญปวิเวกอยู่ ณ ปราสาทอันมีชื่ออย่างนี้ว่า อัมพลัฏฐิกา. ชื่อว่าหนามย่อมแหลมตั้งแต่เกิด. แม้ท่านพระราหุลนี้ก็เหมือนอย่างนั้น เจริญปวิเวกอยู่ ณ ที่นั้น ครั้งเป็นสามเณรมีพระชนม์ ๗ พรรษา. บทว่า ปฏิสลฺลานา วุฏฺฐิโต พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จออกจากที่เร้น คือ เสด็จออกจากผลสมาบัติ. บทว่า อาสนํ คือ ณ ที่นี้ก็มีอาสนะที่ปูลาดไว้เป็นปรกติอยู่แล้ว พระราหุลก็ยังปัดอาสนะนั้นตั้งไว้. บทว่า อุทกาทาเน คือ ภาชนะใส่น้ำ. ปาฐะว่า อุทกาธาเน บ้าง. บทว่า อายสฺมนฺตํ ราหุลํ อามนฺเตสิ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกท่านพระราหุล คือตรัสเรียกเพื่อประทานโอวาท. จริงอยู่ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงพระธรรมเทศนาไว้มากแก่พระราหุลเถระ. พระองค์ตรัสสามเณรปัญหาแก่พระเถระไว้เช่นกัน. อนึ่ง พระองค์ตรัสราหุลสังยุต (http://84000.org/tipitaka/read/?%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%8E%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_%E0%B9%91%E0%B9%96) มหาราหุโลวาทสูตร (http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=13&A=2541&Z=2681) จุลลราหุโลวาทสูตร (http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=14&A=10191&Z=10323) รวมทั้งอัมพลัฏฐิกราหุโลวาทสูตรนี้เข้าด้วยกัน. จริงอยู่ ท่านพระราหุลนี้ เมื่อพระชนม์ ๗ พรรษาทรงจับชายจีวร ทูลขอมรดกกะพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระสมณะ ขอได้ทรงประทานมรดกแก่ข้าพระองค์เถิด. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมอบให้แก่พระธรรมเสนาบดีสารีบุตรเถระบวชให้. ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงดำริว่า ชื่อว่าเด็กหนุ่มย่อมพูดถ้อยคำที่ควรและไม่ควร เราจะให้โอวาทแก่ราหุล ดังนี้แล้ว ตรัสเรียกพระราหุลเถระ มีพระพุทธดำรัสว่า ดูก่อนราหุล ชื่อว่าสามเณรไม่ควรกล่าวติรัจฉานกถา. เธอเมื่อจะกล่าว ควรกล่าวกถาเห็นปานนี้ คือ คำถาม ๑๐ ข้อ การแก้ ๕๕ ข้อ ปัญหา ๑ อุเทศ ๑ ไวยากรณ์ ๑ ปัญหา ๒ ฯลฯ ปัญหา ๑๐ อุเทศ ๑๐ ไวยากรณ์ ๑๐ อันพระพุทธเจ้าทั้งปวงไม่ทรงละแล้ว. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสสามเณรปัญหา (http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=33&Z=40)นี้ว่า เอกนฺนาม กึ อะไรชื่อว่า ๑ สพฺเพ สตฺตา อาหารฏฺฐิติกา สัตว์ทั้งหลายทั้งปวงตั้งอยู่ได้ด้วยอาหาร ฯลฯ ทส นาม กึ อะไรชื่อว่า ๑๐ ทสหงฺเคหิ สมนฺนาคโต อรหาติ วุจฺจติ ผู้ประกอบด้วยองค์ ๑๐ เรากล่าวว่าเป็นอรหันต์. พระพุทธองค์ทรงดำริต่อไปว่า ชื่อว่าเด็กหนุ่มย่อมกล่าวเท็จด้วยคำน่ารัก ย่อมกล่าวสิ่งที่ไม่เห็นว่าเราได้เห็นแล้ว กล่าวสิ่งที่เห็นว่าเราไม่เห็น เราจะให้โอวาทแก่ราหุลนั้น แม้แลดูด้วยตาก็เพื่อให้เข้าใจได้ง่าย จึงทรงแสดงอุปมาด้วยภาชนะใส่น้ำ ๔ ก่อน จากนั้นทรงแสดงอุปมาด้วยช้าง ๒ จากนั้นทรงแสดงอุปมาด้วยแว่น ๑ แล้วจึงตรัสพระสูตรนี้. ทรงแสดงการเว้นตัณหาในปัจจัย ๔ การละฉันทราคะในกามคุณ ๕ และความที่อุปนิสัยแห่งกัลยาณมิตรเป็นคุณยิ่งใหญ่ แล้วจึงตรัสราหุลสูตร. เพื่อทรงแสดงว่า ไม่ควรทำฉันทราคะในภพทั้งหลาย ในที่ที่มาแล้วๆ จึงตรัสราหุลสังยุต. เพื่อทรงแสดงว่า ไม่ควรทำฉันทราคะอันอาศัยเรือน อาศัยอัตภาพว่า เรางาม วรรณะของเราผ่องใส แล้วจึงตรัสมหาราหุโลวาทสูตร. ในมหาราหุโลวาทสูตรนั้น ไม่ควรกล่าวว่าราหุลสูตร ท่านกล่าวไว้แล้วในกาลนี้. เพราะราหุลสูตรนั้นท่านกล่าวด้วยโอวาทเนืองๆ. ท่านตรัสราหุลสังยุต ตั้งแต่พระราหุลมีพระชนม์ได้ ๗ พรรษาจนถึงเป็นภิกษุยังไม่มีพรรษา. ท่านตรัสมหาราหุโลวาทสูตรในเมื่อพระราหุลเป็นสามเณรมีพระชนม์ ๑๘ พรรษา ท่านตรัสจุลลราหุโลวาทสูตรในเมื่อพระราหุลเป็นภิกษุได้ครึ่งพรรษา. ท่านตรัสกุมารกปัญหา และอัมพลัฏฐิกรา
หัวข้อ: Re: จูฬราหุโลวาทสูตร เรื่องพระราหุล เริ่มหัวข้อโดย: ธัมมะวังโส ที่ ตุลาคม 28, 2010, 10:11:36 am ในพระสูตรเหล่านั้น ท่านตรัสราหุโลวาทสูตรเพื่อโอวาทเนืองๆ ตรัสราหุลสังยุตเพื่อถือเอาห้องวิปัสสนาของพระเถระ ตรัสมหาราหุโลวาทสูตรเพื่อกำจัดฉันทราคะที่อาศัยเรือน ตรัส
หัวข้อ: จูฬราหุโลวาทสูตร เรื่องพระราหุล เริ่มหัวข้อโดย: ธรรมะ ปุจฉา ที่ มิถุนายน 28, 2011, 04:35:14 am แนะนำให้อ่านกันครับ :25:
หัวข้อ: Re: จูฬราหุโลวาทสูตร เรื่องพระราหุล เริ่มหัวข้อโดย: ธุลีธวัช (chai173) ที่ มิถุนายน 28, 2011, 06:18:36 pm กุมารปัญหา
(พระพุทธเจ้าทรงตั้งปัญหาถามสามเณรราหุล) (http://3.bp.blogspot.com/_9QXnPqpCvZQ/TNaC-GkoI1I/AAAAAAAAQGs/eAN2G2xQz48/s1600/BS28.bmp) อนึ่ง ในระยะเวลาที่พระราหุลมีพระชนม์พรรษาน้อยอยู่นี้ พระอรรถกถาจารย์ท่านแสดงว่า พระพุทธเจ้าได้ทรงอบรมด้วย กุมารปัญหา คือ ปัญหาที่ผูกขึ้นสำหรับถามเด็ก หรือ สามเณรปัญหา ปัญหาที่ผูกขึ้นสำหรับสามเณร ปัญหานี้ในที่แห่งหนึ่งแสดงว่า พระพุทธเจ้าตรัสถามให้สามเณรรูปหนึ่งชื่อว่า โสปากสามเณร ตอบ แต่ท่านพระอรรถกถาจารย์ได้กล่าวว่า พระพุทธเจ้าได้ตรัสตั้งปัญหาอันเดียวกันนี้ถามพระราหุลด้วย มี ๑๐ ข้อ คือ ถามว่า “อะไรชื่อว่าหนึ่ง” ก็ทูลตอบว่า “ที่ชื่อว่าหนึ่ง ก็คือสัตว์ทั้งปวงตั้งอยู่ได้ด้วยอาหาร” ถามว่า “อะไรชื่อว่าสอง” ก็ตอบว่า “ที่ชื่อว่าสองคือนามรูป” ถามว่า “อะไรชื่อว่าสาม” ก็ตอบว่า “คือเวทนาสาม” ถามว่า “อะไรชื่อว่าสี่” ก็ตอบว่า “อริยสัจสี่” ถามว่า “อะไรชื่อว่าห้า” ก็ตอบว่า “อุปาทานขันธ์ คือ ขันธ์เป็นที่ยึดถือห้า” ถามว่า “อะไรช่อว่าหก” ก็ตอบว่า “อายตนะภายในหก” ถามว่า “อะไรชื่อว่าเจ็ด” ก็ตอบว่า “โพชฌงค์เจ็ด” ถามว่า “อะไรชื่อว่าแปด” ก็ตอบว่า “อริยมรรคมีองค์แปด” ถามว่า “อะไรชื่อว่าเก้า” ก็ตอบว่า “สัตตาวาส คือ ที่อยู่ของสัตว์เก้าจำพวก” ถามว่า “อะไรชื่อว่าสิบ” ก็ตอบว่า “ท่านที่ประกอบด้วยองค์สิบ เรียกว่า พระอรหันต์” ชื่อธรรมะเหล่านี้เป็นที่รู้จักกันอยู่เป็นส่วนมาก สัตตาวาส ๙ นั้นเป็นภูมิภพของสัตว์ ๙ จำพวก ส่วนพระอรหันต์ประกอบด้วยองค์ ๑๐ นั้นก็คือ ประกอบด้วยสัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ สัมมาญาณะ คือความรู้ชอบ สัมมาวิมุตติคือความพ้นชอบ ซึ่งเป็นอเสขะคือเป็นองค์ที่เสร็จกิจจะต้องศึกษา อันเรียกว่าเป็นของพระอเสขะผู้ที่ไม่ต้องศึกษา ก็ได้แก่มรรคมีองค์ ๘ และเพิ่มสัมมาญาณะ และสัมมาวิมุตติเข้าอีก ๒ รวมเป็น ๑๐ ปัญหาเหล่านี้เท่ากับว่า ตั้งขึ้นถามให้ตอบหรือว่าทาย และคอยแก้ก็เพื่อที่จะให้จดจำข้อธรรมะได้ ในตอนแรกก็อาจจะไม่เข้าใจ แต่เมื่อได้รับอบรมมากขึ้น ก็อาจเข้าใจในหัวข้อธรรมะเหล่านั้นมากขึ้น ในตอนแรกก็ตั้งให้ตอบพอจำได้ เพราะฉะนั้น จึงเรียกว่า กุมารปัญหา หรือว่า สามเณรปัญหา มี ๑๐ ข้อ ด้วยกัน. ในระหว่างพรรษาเหล่านี้ ครั้งหนึ่งได้ทรงแสดงโอวาทโปรดบุตรคฤหบดีผู้หนึ่ง ซึ่งชื่อว่า สิงคาลกะ เป็นพระโอวาทสั่งสอนทางคดีโลก นับว่าได้ทรงสั่งสอนผ่อนจากคดีโลกุตตรธรรมลงมา พระธรรมเทศนาที่แสดงมาในเบื้องต้นโดยลำดับนั้นเป็นเรื่องโลกุตตรธรรม หรือปรมัตถธรรมเป็นพื้น และผู้นับถือพระพุทธศาสนาก็ปรากฏว่าได้มีภิกษุมีสามเณรเป็นฝ่ายบรรพชิต ทางฝ่ายคฤหัสถ์ก็มีอุบาสกอุบาสิกา ปรากฏว่าได้ทรงอบรมด้วยอนุปุพพิกถาและอริยสัจ ๔ ท่านแสดงว่าผู้ที่จะทรงอบรมดั่งกล่าวนั้น ต้องมีอุปนิสัยที่จะได้ธรรมจักษุ ดวงตาเห็นธรรม ที่กล่าวว่าเป็นพระโสดาบัน พระโสดาบันนั้น คฤหัสถ์ก็เป็นได้ พระสกทาคามีก็เหมือนกัน ส่วนพระอนาคามีนั้น ท่านแสดงว่าคฤหัสถ์ก็เป็นไปได้ แต่โดยมากเมื่อคฤหัสถ์เป็นพระอนาคามี ก็มักจะบวช ส่วนที่ไม่บวชมีตัวอย่างอยู่ ท่านอ้างว่า เพราะมีกิจต้องทะนุบำรุงมารดาบิดา ทิ้งไปบวชไม่ได้ แต่ว่าถ้าเป็นพระอรหันต์ต้องออกบวช จะอยู่เป็นคฤหัสถ์ต่อไปไม่ได้และมีกำหนดว่า ต้องบวชในวันนั้น ด้วย กำหนดเป็นแบบธรรมดานิยม เพราะฉะนั้น คำสั่งสอนที่แล้วมา แม้จะสอนแก่คฤหัสถ์ก็สอนตั้งแต่เบื้องต้นจนถึงอริยสัจ ส่วนที่สอนแก่สิงคาลกะนี้ เป็นการสอนทางคดีโลกโดยตรง ที่มา : ๔๕ พรรษาของพระพุทธเจ้า พระนิพนธ์ใน สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก; วัดบวรนิเวศวิหาร http://efomania.blogspot.com/2010_11_07_archive.html http://www.phuttha.com/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2/%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89/%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%93%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B8%A5?print=1&tmpl=component (http://www.phuttha.com/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2/%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89/%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%96%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%93%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B8%A5?print=1&tmpl=component) หัวข้อ: Re: จูฬราหุโลวาทสูตร เรื่องพระราหุล เริ่มหัวข้อโดย: ratree ที่ มิถุนายน 28, 2011, 09:34:57 pm คุณธรรมธวัช เรียบเรียง ได้ให้อ่านง่ายมากขึ้นเลยคะ เดิมทีเรื่องนี้ก็อ่านผ่าน ๆ เพราะอ่านยากคะ ตัวหนังสือเล็ก
พอได้อ่านแบบเรียบเรียงใหม่แล้ว อ่านได้ง่ายมากขึ้น อ่านจบคะ อนุโมทนา สาธุ คะ :25: :25: |