พิมพ์

[raponsan]

ชมทิวสน...พระธาตุ 4 จอม จากหางดงสู่แม่สะเรียง

เพราะภาพทิวสนที่ขนาบอยู่สองข้างทางจนดูราวกับอยู่ในซีรีส์เกาหลีจึงทำให้ยอมที่จะนอนเลยมานอนค้างที่ตัวเมืองเชียงใหม่แทนที่จะออกอีกทางเลยไปแม่สะเรียงทีเดียว

เพราะภาพทิวสนที่ขนาบอยู่สองข้างทางจนดูราวกับอยู่ในซีรีส์เกาหลี จึงทำให้ยอมที่จะนอนเลยมานอนค้างที่ตัวเมืองเชียงใหม่แทนที่จะออกอีกทาง เลยไปแม่สะเรียงทีเดียวก่อนจะใช้เส้นทางหางดง-สันป่าตอง-จอมทอง-ฮอดมุ่งหน้าสู่ อ.แม่สะเรียงจ.แม่ฮ่องสอนแทน

ทิวสนที่ยิ่งดูสวยกว่าเดิมในช่วงฤดูหนาว เพราะมีหมอกลอยเรี่ยมาช่วยประกอบฉาก คือ สถานีทดลองปลูกพรรณไม้บ่อแก้วหรือที่ใครต่อใครมักรู้จักในชื่อ “สวนสนบ่อแก้ว” ตั้งอยู่บนเส้นทางสายฮอด-แม่สะเรียงกิโลเมตรที่ 36 เลยอุทยานแห่งชาติออบหลวงไปไม่ไกลสวนสนเป็นส่วนหนึ่งของโครงการสำรวจวัตถุดิบเพื่อทำเยื่อกระดาษเป็นแปลงทดลองปลูกพืชจำพวกสนสามใบและยูคาลิปตัส ในเนื้อที่ทั้งหมด2,072 ไร่อากาศของที่นี่ชื้นและเย็นตลอดปี

 

ทิวสนที่ปลูกอย่างเป็นระเบียบงามตาจึงทำให้บริเวณสถานีกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมแห่งหนึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมมาเที่ยวชมในยามเช้าเพื่อจะได้สัมผัสกับอากาศที่บริสุทธิ์แล้วยังได้เก็บรูปพระอาทิตย์ขึ้นในยามเช้าที่สวนสนบ่อแก้วด้วย

สนที่ปลูกอยู่นั้นสนภูเขาชนิดต่างๆ ที่กรมอุทยานแห่งชาติฯนำพันธุ์มาจากต่างประเทศเช่น ออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ไต้หวันเพื่อทดลองหาพันธุ์ที่เหมาะสม มาเป็นไม้เบิกนำเพื่อปลูกบนป่าเสื่อมโทรมบนดอยทางภาคเหนือต้นสนที่นำมาปลูกมีอายุกว่า30 ปี เพราะปลูกในช่วงปี พ.ศ.2509-2510 จำนวนหลายพันต้นบนพื้นที่หลายร้อยไร่เรียงรายเป็นระเบียบบนลานโล่งเตียนด้านหน้าหลายคนจะมักจะแวะพักชมทิวทัศน์หรือมาปิกนิกขณะที่ในยุคหนึ่งกองถ่ายทำโฆษณาและมิวสิกวิดีโอนิยมใช้ที่นี่เป็นฉากที่ต้องการทิวทัศน์แบบเมืองหนาว

ขณะที่แม่สะเรียง ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางนั้นเป็นหนึ่งใน 7 อำเภอของจังหวัดแม่ฮ่องสอน จัดเป็นอำเภอที่มีความสำคัญเนื่องจากมีที่ตั้งอยู่ห่างจากตัวจังหวัดมากถึงประมาณ 164 กิโลเมตร โดยสภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นหุบเขาสลับซับซ้อนประกอบกับเป็นอำเภอที่ติดกับชายแดนไทยพม่าและเป็นเมืองผ่านไปยังอำเภออื่นๆของจังหวัดแม่ฮ่องสอน

เมืองแม่สะเรียงมีชื่อในประวัติศาสตร์ว่าเมืองยวมใต้ หรือ เมืองยวม เคยเป็นที่ตั้งชุมชนมาไม่น้อยกว่า600 ปีและเป็นเมืองหน้าด่านที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของอาณาจักรล้านนาแต่วันนี้ที่นี่เต็มเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ของความเป็นอยู่เรียบง่ายของชุมชนไทยใหญ่ที่บางคนบอกว่าครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้วปายก็เคยมีบรรยากาศไม่ต่างจากนี้

นอกจากการชมบรรยากาศและวิถีอันเรียบง่ายแล้ว แม่สะเรียงยังมักถูกเรียกว่า เป็นเมืองแห่งพระธาตุ 4 จอม โดยวัดทั้ง 4นั้นตั้งอยู่บนเขาเตี้ยๆ ไม่ไกลจากตัวเมืองประจำอยู่ทั้ง4ทิศของเมืองเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองที่สร้างขึ้นเพื่อขอให้สิ่งศักสิทธิ์คอยดูแลปกปักรักษาเมืองแม่สะเรียงแห่งนี้วัดและพระธาตุทั้งสี่จอมจึงเป็นโบราณสถานอันศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่เคารพของชาวอำเภอแม่สะเรียงด้วย

มีตำนานเล่าขานสืบกันมาเกี่ยวกับพระธาตุทั้งสี่จอมว่า มีพระฤาษีสี่ตนเป็นพี่น้องกันได้เป็นผู้ริเริ่มสร้างพระธาตุสี่มุมเมืองยวมคือ พระธาตุจอมมอญ พระธาตุจอมแจ้งพระธาตุจอมทอง พระธาตุจอมกิตติพระฤาษีทั้งสี่พี่น้องเป็นผู้มีตบะเดชะมีวิทยาคมแก่กล้ามากได้ศึกษาเล่าเรียนเพียรปฏิบัติจากพระฤาษีอีกองค์หนึ่งผู้เป็นอาจารย์ซึ่งมีฤทธิ์มากและมีอายุมากแล้วบำเพ็ญเพียรอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งทางเหนือของเมืองยวมกล่าวกันว่าถ้ำนั้นชื่อถ้ำเหง้าหลังจากท่านฤาษีทั้งสี่ตนพี่น้องเรียนศิลปศาสตร์ต่างๆ จนจบ จึงกราบลาอาจารย์ไปบำเพ็ญเพียรสร้างบารมีต่อและได้สร้างพระธาตุทั้งสี่จอมขึ้นมา

    ว่ากันว่าพระฤาษีทั้งสี่ตนนั้นมีความเก่งไปคนละด้าน คือ
    ๑. ฤาษีผู้พี่เก่งในทางรักษาโรคสามารถปรุงยาชุบชีวิตคนตายให้ฟื้นคืนชีพได้ตั้งสำนักอยู่ ณ ดอยจอมกิตติ
    ๒. พระฤาษีผู้น้องรองลงมาเก่งในทางเล่นแร่แปรธาตุ สามารถแปรเปลี่ยนธาตุหรือซัดตะกั่วให้เป็นทองก็ทำได้ตั้งสำนักอยู่ชื่อว่า ดอยจอมทอง
    ๓. พระฤาษีผู้น้องที่สามเก่งในทางอาคมไสยศาสตร์ทั้งหลาย พำนักอยู่ที่ ดอยจอมแจ้ง
    ๔. ฝ่ายฤาษีผู้น้องท้ายสุดเก่งในทางเรียกฝนเรียกลมด้วยอำนาจแห่งพลังจิต สำเร็จกสิณอภิญญา สามารถเดินเหินบนน้ำหรือเหาะขึ้นไปบนอากาศก็ได้ ด้วยอำนาจแห่งวาโยกสิณเพ่งลม จนกายเบาใจเบาพาตัวเองลอยละลิ่วไปในอากาศได้พระฤาษีตนสุดท้ายนี้พำนักอยู่ณ ดอยจอมมอญ

พระธาตุจอมกิตติ จึงดูเหมือนจะเป็นพี่ใหญ่ โดยเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุมีลักษณะเป็นสถูปแบบล้านนาตั้งอยู่ห่างจากอำเภแแม่สะเรียง2กิโลเมตรตามเส้นทางสายแม่สะเรียง-แม่สามแลบจุดเด่นของวัดพระธาตุจอมกิตินอกจากจะเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุแล้วยังเป็นจุดชมทิวทัศน์อันสวยงามของอำเภอแม่สะเรียงด้วย

ขณะที่พระธาตุจอมทอง ซึ่งเป็นพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองเช่นเดียวกัน ก่อสร้างแบบศิลปะล้านนาโดยแท้ตั้งอยู่ห่างจากตัวอำเภอ1 กิโลเมตรตามเส้นทางแม่สะเรียง-สบเมยมีจุดเด่นอยู่ที่พระพุทธรูปหลวงพ่อโตก่ออิฐถือปูนสูง 15เมตรหน้าตักกว้าง 19เมตรที่ประดิษฐานอยู่บนยอดเขาสร้างขึ้นเมื่อ 12มีนาคม2532เป็นพระพุทธรูปที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดแม่ฮ่องสอนโดยสร้างถูกต้องตามพุทธลักษณะ 32 ประการของพระพุทธเจ้าบนลานพระพุทธรูปนี้ก็สามารถชมทิวทัศน์อันสวยงามของอำเภอแม่สะเรียงได้เช่นกัน

ส่วนพระธาตุจอมแจ้ง ตั้งอยู่บ้านจอมแจ้งทางเข้าเมืองแม่สะเรียงใกล้กับศูนย์วัฒนธรรมแม่สะเรียงภายในวัดมีศิลปกรรมแบบล้านนาแบบผสมผสานและมีพระธาตุที่บรรจุพระเกศาธาตุคู่บ้านคู่เมืองประดิษฐานอยู่บริเวณโดยรอบของวัดจะมีจุดชมวิวมองไปทางด้านทิศตะวันออกจะเห็นภาพทุ่งนาและบ้านเรือนของชาวอำเภอแม่สะเรียง

สุดท้ายพระธาตุจอมมอญ มีลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นเจดีย์แบบล้านนาเก่าแก่ชาวอำเภอแม่สะเรียง เรียกขานกันว่าวัดจอมมอญ และเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าวัดพะมอลอ ตามชื่อหมู่บ้านซึ่งเป็นที่ตั้งซึ่งเป็นชุมชนของชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงที่ได้ชื่อว่า จอมมอญอนุมานว่า
     สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชได้กอบกู้บ้านเมืองได้เกลี้ยกล่อมชาวไทยไทยใหญ่ มอญ กะเหรี่ยง ละว้าจากพม่าเป็นสมัครพรรคพวก ให้มาขึ้นกับไทยประกอบกับกษัตริย์มอญได้หนีข้าศึกทางพม่านุ่งห่มขาวลี้ภัยพร้อมด้วยบริวาร มาตั้งรกรากอยู่บริเวณนี้
     จึงได้ช่วยกันบูรณปฏิสังขรณ์พระธาตุจอมมอญเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานระลึกถึง
     กาลต่อมา วัดจอมมอญถูกทิ้งให้ร้างเป็นป่ารกชัฏ จนมาถึงการบูรณปฏิสังขรณ์ใหม่อีกครั้ง ทางวัดจึงมีการทำเรื่องถึงกรมการศาสนายกวัดร้างขึ้นทะเบียนเป็นวัดถูกต้องตามกฎหมาย แล้วมีการเปลี่ยนชื่อวัดโดยการเพิ่มคำว่า “พระธาตุ”จากวัดจอมมอญ เป็นวัดพระธาตุจอมมอญ       

ขอบคุณภาพและบทความจาก
www.dailynews.co.th/Content/Article/211138/ชมทิวสน...พระธาตุ+4+จอม+จากหางดงสู่แม่สะเรียง

[Akira]

 

[Jojo]

อยากไปบ้างจัง เห็นภาพแล้ว นึกถึง โบนัสชีวิต