หัวข้อ: ชมภาพสไลด์ประกอบดนตรีเพื่อสมาธิ งานเททองหล่อพระราหุลเถรเจ้า ๑๖ มี.ค.๕๖ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 01, 2013, 11:40:56 am http://www.youtube.com/watch?v=RX-9xjiFE7M# (http://www.youtube.com/watch?v=RX-9xjiFE7M#) เผยแพร่เมื่อ 31 มี.ค. 2013 โดย nathaponson ขอขอบพระคุณดนตรีประกอบ "ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา" (The NAERUNCHARA River) Green Music : The Naerunchara River (เนรัญชรา) จำรัส เศวตาภรณ์ ภาพชุดนี้เป็นการนั่งเรือชมเกาะเกร็ด นนทบุรี ในช่วงเช้า ก่อนที่จะไปงานเททองหล่อ พระราหุลเถระเจ้า และสมเด็จพระสังฆราช (สุก ญาณสังวร) เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๖ ณ โรงหล่อพระพุทธรูป ยงค์เจริญการช่าง นครชัยศรี นครปฐม หัวข้อ: Re: ชมภาพสไลด์ประกอบดนตรีเพื่อสมาธิ งานเททองหล่อพระราหุลเถรเจ้า ๑๖ มี.ค.๕๖ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 01, 2013, 11:48:46 am http://www.youtube.com/watch?v=9myYKQ1J7-w# (http://www.youtube.com/watch?v=9myYKQ1J7-w#) เผยแพร่เมื่อ 31 มี.ค. 2013 โดย nathaponson ขอขอบพระคุณดนตรีประกอบ "พระโพธิ์แก้ว" (The JEWEL BO Tree) Green Music : The Naerunchara River (เนรัญชรา) จำรัส เศวตาภรณ์ ภาพชุดนี้เป็นบรรยากาศงานเททองหล่อ พระราหุลเถระเจ้า และสมเด็จพระสังฆราช (สุก ญาณสังวร) เมื่อวันที่ ๑๖ มีนาคม ๒๕๕๖ ณ โรงหล่อพระพุทธรูป ยงค์เจริญการช่าง นครชัยศรี นครปฐม หัวข้อ: Re: ชมภาพสไลด์ประกอบดนตรีเพื่อสมาธิ งานเททองหล่อพระราหุลเถรเจ้า ๑๖ มี.ค.๕๖ เริ่มหัวข้อโดย: raponsan ที่ เมษายน 01, 2013, 12:07:48 pm (http://www.pantipmarket.com/mall/center/PicBin/August2012/User103577_I2NTG1.jpg) เพื่อใจที่เป็นสมาธิ บรรยากาศย้อนไปใน อดีตพุทธกาล ณ อุรุเวฬาเสนานิคม ริมฝั่งน้ำเนรัญชรา Green Music : The Naerunchara River (เนรัญชรา) จำรัส เศวตาภรณ์ The Naerunchara River : This set contains 5 sounds, total time: 46.42 - พระโพธิ์แก้ว(The JEWEL BO Tree) - มหาอุบาสิกานามสุชาดา(SUCHADA) - ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา(The NAERUNCHARA River) - สายธารธรรม(Morality Stream) - อุรุเวฬาเสนานิคม(AURUVAERASAENANIKOM) (http://www.dhammathai.org/webboard/data/imagedb/R1545-2.jpg) ตรัสรู้ (เกิดใหม่อีกครั้ง) เนรัญชรา เมื่อพระองค์ทรงเสวยพระกระยาหารจนมีพละกำลังแข็งแรงดีขึ้นอย่างเดิมแล้ว ก็ทรงเริ่มทำความเพียรทางจิตต่อไป และในยามสุดท้ายของวันพุธ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีระกา ก่อนพุทธศักราช 45 ปี พระองค์ก็ได้ตรัสรู้ ซึ่งนับเป็นการเกิดครั้งที่ 2 ของพระองค์ เรียกว่าธรรมกายอุบัติ คือเกิดด้วยธรรมกาย รุ่งเช้าของวันที่จะตรัสรู้นี้ นางสุชาดา ธิดาของคหบดีผู้มั่งคั่งในตำบลอุรุเวฬาเสนานิคมนั้น ได้จัดแจงเอาข้าวมธุปายาส อันประณีตด้วยเครื่องปรุงทุกประการ ใส่ลงในถาดทองและปิดครอบด้วยถาดทองอีกใบหนึ่ง แล้วนำไปที่ต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พระองค์ประทับนั่งอยู่ เพื่อทำการบวงสรวงเทพารักษ์ เพราะก่อนหน้า แต่นี้ นางได้มาบนบานเทพารักษ์ไว้ว่า ขอให้ได้สามีที่มีตระกูลเสมอกันและขอให้ได้บุตรคนแรกเป็นชาย ซึ่งบัดนี้นางก็ได้สมประสงค์ เมื่อได้ไปถึงต้นโพธิ์ก็ได้เห็นพระองค์ ซึ่งสง่างามด้วยรัศมีมีวรรณะผ่องใสประทับนั่งอยู่ที่ควง (โคน) ต้นโพธิ์ จึงเข้าใจว่า พระองค์เป็นรุกขเทพที่ได้บนบานไว้มาปรากฏให้เห็น นางดีใจมากจึงถวายข้าวมธุปายาส พร้อมทั้งถาดทอง พระองค์ทรงรับไว้ เมื่อเสด็จลงสรงน้ำในแม่น้ำเนรัญชราแล้วจึงเสด็จขึ้นมาเสวยจนหมด จากนั้นก็ทรงลอยถาดเสียในแม่น้ำ พร้อมกับทรงอธิษฐานเสี่ยงพระบารมีว่า หากว่าจะได้ตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ ขอถาดใบนี้จงลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไป ซึ่งถาดนั้นก็ได้ลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไปจริงๆ ครั้นพระองค์ได้ทอดพระเนตรเห็นเป็นนิมิตหมายอันดีเช่นนั้น ก็ทรงมั่นพระทัยว่า จะต้องได้ตรัสรู้แน่นอน จากนั้นก็เสด็จมายัง สาละวัน (ป่าไม้สาละ) ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ประทับพักภายใต้ร่มไม้สาละ กระทั่งพระอาทิตย์บ่ายคล้อยพระองค์จึงเสด็จกลับมาที่ต้นโพธิ์อีกครั้งหนึ่ง ระหว่างทางได้พบกับโสตถิยพราหมณ์ คนหาบหญ้า เมื่อโสตถิยพราหมณ์ได้เห็นพระองค์ก็เกิดความเลื่อมใสมากและได้น้อมถวายหญ้าคาที่หาบมาแก่พระองค์ 8 กำ พระองค์ทรงรับแล้วก็ได้นำมาลาดเป็นที่ประทับนั่งต่างบัลลังก์ ณ ควงไม้พระศรีมหาโพธิ์ด้านทิศตะวันออก แล้วเสด็จขึ้นประทับนั่งขัดสมาธิ ผันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก ผันพระปฤษฎางค์มาทางลำต้นพระศรีมหาโพธิ์ แล้วทรงอธิษฐานพระทัย (จาตุรงคมหาปธาน) ว่า "จักไม่ลุกขึ้นจากที่นี่ตราบใดที่ยังไม่ได้บรรลุพระสัมโพธิญาณ แม้ว่า เนื้อและเลือดจะเหือดแห้งไปจนเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกก็ตามที" ขณะนั้น มารคือกิเลส (กิเลสมาร) ได้เกิดขึ้นท่องเที่ยวอยู่ในพระทัยของพระองค์ นำให้ทรงหวนระลึกถึงความหลังเมื่อครั้งเสวยกามสุขอยู่ในราชสมบัติ ซึ่งน่าภิรมย์ยิ่งนัก พระองค์จึงทรงหักห้ามพระทัยและต่อสู้กับกิเลสมารเหล่านั้นด้วยพระบารมี 10 ทัศ คือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา ที่ทรงเคยบำเพ็ญมาทั้งในอดีตชาติและในปัจจุบัน ทำพระหฤทัยให้หนักแน่น ไม่หวั่นไหวต่อความเมื่อยขบและกิเลสตัณหาเหล่านั้นที่เข้ามารบกวนจิตใจ และก่อนที่อาทิตย์จะลับขอบฟ้าไป ก็ทรงสามารถผจญกิเลสมารอันเกิดขึ้นท่องเที่ยวอยู่ใต้พระทัยให้ปราชัยได้ (http://www.trueplookpanya.com/data/product/media/hash_edu_photoalbum/497/497/MEM0006857497.jpg) จากนั้นก็ทรงเจริญสมาธิภาวนาทำจิตให้แน่วแน่ปราศจากอุปกิเลส จนจิตสุขุมเข้าโดยลำดับ นับได้ว่า ได้บรรลุญาณ ที่ 1-2-3-4 แล้วยังฌานอันเป็นตัวปัญญาชั้นสูงทั้ง 3 ประการให้เกิดขึ้นตามระยะกาลแห่งราตรีดิถีวิสาขปรุณมีนั้น โดย 1.ในปฐมยาม ทรงบรรลุปุพเพนิวาสานุสสติญาณ สามารถระลึกชาติได้ เป็นเหตุให้ทรงหยั่งรู้อัตตภาพขันธสังขารว่า เป็นเพียง แต่สภาวะอย่างหนึ่งๆ เท่านั้นคุมกันเข้าเป็นขันธ์ เป็นผลให้ทรงกำจัดความหลงในขันธ์อันเป็นเหตุรักหรือชังเสียได้ 2.ในมัชฌิมยาม ทรงพระบรรลุ จุตูปปาตญาณ (เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ทิพพจักษุญาณ) ทรงสามารถมองเห็นการจุติและการเกิดของมวลสัตว์โลกได้ เป็นเหตุให้ทรงหยั่งรู้ว่า ขันธ์นั้นแลย่อมเป็นไปตามอำนาจแห่งธรรมดา มีอันคุมกันเข้าสัตว์เป็นบุคคล ในเบื้องต้นแปรปรวนในท่ามกลางแล้วแตกสลายไปในที่สุด เป็นอย่างนี้เหมือนกันหมด แต่ก็กระนั้น ก็ยังมีดีมีเลวได้สุขได้ทุกข์บ้างแตกต่างกันออกไป ที่เป็นอย่างนี้ก็ เพราะกรรมที่กระทำเอาไว้ เป็นผลให้ทรงกำจัดความหลงในคติแห่งขันธ์อันเป็นเหตุสำคัญผิดด้วยประการต่างๆ เสียได้้ 3.ในปัจฉิมยาม ทรงบรรลุ อาสวักขยญาณ (ความรู้เป็นเหตุสิ้นไปแห่งอาสวะเครื่องเศร้าหมอง อันหมักหมมอยู่ในจิตสันดาน) เป็นเหตุให้ทรงหยั่งรู้ขันธ์พร้อมทั้งอาการโดยความเป็นเหตุและผลสืบเนื่องติดกันไป เหมือนลูกโซ่ ซึ่งคล้องเกี่ยวเป็นสายอันเรียกว่าปฏิจจสมุปบาท ซึ่งก็คือทรงรู้อริยสัจ 4 ประการนั่นเอง เป็นผลให้พระองค์ทรงรู้และเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างจนสามารถบรรลุถึงความบริสุทธิ์สิ้นเชิงได้สมพระมโนปณิธาน สรุปแล้ว ที่ว่า ตรัสรู้อริยสัจ 4 คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ด้วยอาการที่ทรงเจริญ สมถภาวนา ทำจิตให้เป็นสมาธิจนได้บรรลุฌานทั้ง 4 และ ญาณ 3 มาโดยลำดับ หมายเหตุ "อริยสัจ" คือในความหมายของข้อความต่อไปนี้ - ความจริงของพระอริยะอย่าง - ความจริงที่ให้สำเร็จเป็นพระอริยะอย่าง - ความจริงที่พระอริยเจ้าทั้งหลายรู้แจ้งแทงตลอดอย่าง - ความจริงที่จริงแท้ไม่แปรผันเป็นอย่างอื่นอย่าง พระนามพิเศษ "อรหํ" และ "สมมาสมพุทโธ" 2 บทนี้ เป็นพระนามใหญ่ของพระองค์ ไม่มีใครตั้งให้ แต่เป็นเนมิตกนาม คือนามที่เกิดขึ้นตามเหตุแห่งลักษณะและคุณสมบัติ ที่ได้พระนามว่า "อรหํ" เพราะพระองค์เป็นผู้ควรและเป็นผู้บริสุทธิ์จากกิเลส ที่ได้พระนามว่า "สมมาสมพุทโธ" เพราะพระองค์ตรัสรู้ได้โดยลำพังพระองค์เอง ไม่มีใครสอนให้ หากจะกล่าวว่า อาฬารดาบสและอุททกดาบสสอนให้ก็ไม่ได้ เพราะวิชาที่พวกเขาสอนให้นั้นยังอยู่ในโลกีย์ ซึ่งยังไม่ถึงขั้นที่จะตรัสรู้ได้ อ้างอิง จากหนังสือ พุทธประวัติ ฉบับมาตรฐาน คู่มือสำหรับนักเรียน นักธรรมและธรรมศึกษาชั้นตรี เรียบเรียงโดย คณาจารย์แห่งโรงพิมพ์เลี่ยงเชียง ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก http://www.pantipmarket.com/mall/greenmusic/?node=products&id=193883 (http://www.pantipmarket.com/mall/greenmusic/?node=products&id=193883) https://soundcloud.com/meditationcentreth/sets/the-naerunchara-river-1 (https://soundcloud.com/meditationcentreth/sets/the-naerunchara-river-1) http://www.dhammathai.org/,http://www.trueplookpanya.com/ (http://www.dhammathai.org/,http://www.trueplookpanya.com/) หัวข้อ: พระราหุลเถรเจ้าที่วัดพลับคณะ5เป็นเจ้าภาพ หล่อเสร็จแล้วดูรูปได้ครับ เริ่มหัวข้อโดย: mature_na ที่ เมษายน 22, 2013, 12:13:43 pm (http://sphotos-d.ak.fbcdn.net/hphotos-ak-prn1/p480x480/551548_568463809864500_738768548_n.jpg)
พระกรรมฐานมัชฌิมาแบบลำดับ ============================= -ข้อมูลสำหรับการศึกษาเพิ่มเติม www.Somdechsuk.org (http://www.Somdechsuk.org) | เวทาสากุ http://www.facebook.com/phrakrusittisongvon (http://www.facebook.com/phrakrusittisongvon) http://www.facebook.com/themajjhima (http://www.facebook.com/themajjhima) http://www.themajjhima.com/ (http://www.themajjhima.com/)
หัวข้อ: Re: ชมภาพสไลด์ประกอบดนตรีเพื่อสมาธิ งานเททองหล่อพระราหุลเถรเจ้า ๑๖ มี.ค.๕๖ เริ่มหัวข้อโดย: KIDSADA ที่ เมษายน 22, 2013, 09:40:45 pm st11 st12 thk56
|