อยากหาใครสักคนให้ความกระจ่างจังครับ
(เท่าที่เคยเรียนมาพอจะเข้าใจว่าดังนี้นะครับ)
ขณิกสมาธิ คือ สมาธิที่พึ่งเริ่มจับตัวได้ชั่วขณะ หรือ ปะเีดี๋ยวปะด๋าว
อุปจารสมาธิ คือ สมาธิที่รวมตัวได้ค่อนข้างแน่นอน แต่ยังไม่มั่นคง
อัปนาสมาธิ คือ สมาธิที่รวมตัวได้มั่นคงแล้ว จนเป็นเอกคตา (คือจะเป็นองค์ฌาน-อุคคนิมิต-โอภาสหรือแสงสว่าง)
อัปนาสมาธิจะเป็นพวกที่เล่นฌานใช้กัน คือจะดำดิ่งไม่รับรู้ภายนอก อยู่ในองค์อย่างเดียว จัดเป็นสมถะร่วนๆ
ส่วนวิปัสนาสมาธิ คือจะต้องถอยร่นลงมาแค่อุปจารสมาธิเท่านั่นจึงจะพิจารณาวิปัสนาได้ คือใช้ปัญาญาพิจารณาอย่างวิเศษ ให้เห็นแจ้งในพระไตรลักษณ์ อนิจจัง-ทุกขัง-อนัตตา.
ก็พอจะอธิบายคร่าว ๆ ได้ดังนี้ ตามปัญญาที่รู้มาครับผม
ขอเพิ่มเต็มอีกหน่อยเรื่อง ฌาน
ฌาน ๔
ปฐมฌาน ฌานที่ ๑
ทุติยฌาน ฌานที่ ๒
ตติยฌาน ฌานที่ ๓
จตุตถฌาน ฌานที่ ๔
ม. มู. ๑๒/๗๓.
อธิบาย: การเพ่งอารมณ์จนใจแน่แน่วเป็นอัปปนาสมาธิ เรียก
ว่าฌาน. ฌานนั้นจัดเป็น ๔ ชั้น เรียกชื่อตามลำดับปูรณสังขยา
ประณีตขึ้นไปกว่ากันโดยลำดับ. ปฐมฌานมีองค์ ๕ คือ ยังมีตรึก
ซึ่งเรียกว่าวิตก และยังมีตรองซึ่งเรียกว่าวิจาร เหมือนอารมณ์แห่ง
จิตของคนสามัญ แต่ไม่ประกอบด้วยกิเลสกามและอกุศลธรรม ซ้ำ
มีปีติคือความอิ่มใจ และสุขคือความสบายใจเกิดแต่วิเวกคือความสงบ
กับประกอบด้วยจิตมีอารมณ์เป็นหนึ่งลงไป ซึ่งเรียกว่าเอกัคคตา.
ทุติยฌานมีองค์ ๓ ละวิตกวิจารเสียได้ คงอยู่แต่ปีติและสุขอันเกิดแต่
สมาธิกับเอกัคคตา. ตติยฌานมีองค์ ๒ ละปีติเสียได้ คงอยู่แต่สุข
กับเอกัคคตา. จตุตถฌานมีองค์ ๒ เหมือนกัน ละสุขเสียได้กลายเป็น
อุเบกขา คือเฉย ๆ กับเอกัคคตา. ฌาน ๔ นี้ จัดเป็นรูปฌาน เป็น
รูปสมาบัติ มีรูปธรรมเป็นอารมณ์ สงเคราะห์เข้าในรูปาวจรภูมิ.