อันที่จริงแล้วบรรดาศิษย์กรรมฐานผู้ที่ได้ยกถาดถวายพระอาจารย์ผู้เป็นกัลยาณมิตรแล้วย่อมเป็นที่รู้กันว่า ถูกสอนมาว่า เมื่อปฏิบัติกันแล้ว ห้ามไม่ให้ไปคุยไปบอกกัน ยิ่งในเวลาแจ้งกรรมฐาน(สอบถามข้อที่ติดข้อที่สงสัย) พระอาจารย์ มัดจะไล่ศิษย์คนอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องให้ออกไป ไม่ให้มาฟัง ในเวลาที่ศิษย์คนนึงเข้าแจ้งกรรมฐานกับพระอาจารย์ แรกๆพวกเราก็จะถูกเอ็ดกันอยู่บอยๆ(ช่วงหลังๆหลายปีมานี้ก็จะใช้วิธีตัดเสียงเอา ไม่ได้หลุกหนีไปไหน แต่ก็ไม่ได้ฟัง) และในหนึ่งถ้าไปพูดไปบอกกันแล้ว ทำให้ผู้ที่ได้ฟัง จักนำไปตอบ นำไปบอก การที่จะเป็นผู้บอกกรรมฐานได้นั้น ต้องได้รับอนุญาติ จากครูบาอาจารย์เสียก่อนจึงจักทำการบอกสอนกรรมฐาน ในส่วนที่ได้รับอนุญาติไว้ให้บอกให้สอนแก่ผู้อื่นได้ และเป็นการเคารพในคำสั่งคำสอนของครูบาอาจารย์ ซึ้งไม่เป็นผลดีอะไรเลยกับผู้ปฏิบัติทั่วไป ที่ไปได้ยินได้รู้ได้ฟ้งมา ซึ้งก็จักกลายเป็นเรื่องใหญ่ถ้าผู้ที่บอกกรรมฐาน ยังไม่ได้สำเร็จในส่วนนั้นๆจริง จะไม่เป็นการบอกกรรมฐานที่ผิดหรือ แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่าที่เพื่อนบอกเรามาผิดหรือถูก ตกลงกำลังจะพาเราไปไหน ทั้งผู้ที่บอกผิดและผู้ที่ปฏิบัติตามแบบผิดๆ เพราะฉนั้นถ้าเอากันตามจริง ผู้ปฏิบัติควร จะแจ้งหรือสอบถาม(สำหรับในส่วนของกรรมฐาน)กับพระอาจารย์เองโดยตรง แต่ ณ ปัจจุบันในเว็ปนี้ ก็จะมีทีมงานที่พระอาจารย์ได้อนุญาติไว้ในระดับนึง ให้มาช่วยตอบ ส่วนตัว คิดว่าน่าจะเป็นการปรับทัศนะคติ ให้กลายมาเป็นสัมมาทิฐถิ
ในส่วนของผู้ที่ปฏิบัติได้มากขึ้น ก้าวหน้ามากขึ้น ยิ่งต้องปรึกษาส่วนตัวกับพระอาจารย์เอง เช่นในกระทู้นี้ "ทำไมแจ้งอารมณ์กรรมฐาน ทางเว็บไม่ได้ครับ" (
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=497.0)
หรืออย่าง "เกีี่ยวกับเวลาการนั่งกรรมฐาน นาน ๆ" (
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=1466.0)
และ เช่น "อานาปานสติ ถ้าฝึกโดยตรง ควรเิริ่มอย่างไรครับ" (
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=1296.0 )
อันนี้จะเห็นได้ชัดเจนว่าคุณ THAWATCHAI173 ไม่ได้ตอบ คุณครูนภา คุณtcarisa และคุณประสิทธิ์ แต่คุณเป็นเพื่อน เพื่อรอพระอาจารย์มาตอบแทน
ในส่วนของการตอบคำถามทั่วไป ได้ถูกอนุให้ทีมงานตอบกันได้ เช่น ถามมาว่า นิวรณ์ คืออะไร อันนี้มีอยู่ในหลักสูตรนักธรรมอยู่แล้ว
แต่ถ้าถามมาว่านั่งปฏิบัติมาหกชั่วโมง แล้วเกิดสิ่งนั้นสิ่งนี้ขึ้น ก็เป็นเรื่องของกรรมเฉพาะแต่ละบุคคล ในบรรดาศิษย์ด้วยกัน ไม่สามารถที่จะตอบให้กันได้ คงจักมีแต่พระอารย์ที่จะมาตอบให้ได้
แต่ในส่วนของผู้ที่เริ่มปฏิบัติใหม่ ที่ยังนั่งไม่เป็น(ใช้ถ้านั่งไม่ถูก) กำหนดจิตยังไม่เป็น(ยังใช้จิตไม่ถูก) ยังไม่มีพื้นฐาน ก็ให้ช่วยๆกันบอกได้
เรื่อง นิวรณ์ เป็นก้าวแรก จักต้องใช้ไปตลอดการปฏิบัติ ถ้าปฏิบัติได้สูงๆขึ้นไปๆ ก็ยังคงต้องใช้อยู่ เพราะฉนั้น ถ้าจะปฏิบัติให้ได้ตามลำดับสูงๆขึ้นไปก็ต้องเอาชนะให้ได้ ตามลำดับ ถ้าแพ้ถูกนิวรณ์เข้าครบงำ ไม่พยายามเอาชนะนิวรณ์ให้ได้แล้ว การปฏิบัติก็ไม่ไปไหน
ที่จริงแล้ว ได้สังเกตุเห็น ที่ผ่านมา พระอาจารย์ได้ตอบคำถามพวกเราได้ครบแ้ล้ว จะเห็นก็มีแต่เราที่ไม่เข้าใจในเวลานั้นๆ แต่พอกลับมาปฏิบัติ ให้ดีขึ้น ให้เก่งขึ้น(ในวันนี้) ก็กลับไปคิด กับคำตอบที่พระอาจารย์ได้เคยบอกเราไว้ ก็เพิ่งมาเข้าใจ เมื่อเราปฏิบัติได้เพิ่มมากขึ้น เห็นที่จักไม่ได้เป็นเพราะพระอาจารย์ แต่เป็นเพราะเรายังปฏบัติได้น้อย ยังดื้นอยู่ไม่ยอมทำตามคำสอน ก็เคยเป็นอยู่ ในประโยคเดียวกัน ในช่วงแรกๆ เข้าใจเท่านี้ พอนานๆ ไป ก็เข้าใจในประโยคเดียวมาขึ้น และหลังจากนั้นก็เข้าใจมากขึ้นมากขึ้นไปอีก ทั่งๆที่ ก็เป็นประโยคเดียวกันนั้นแหละ เหมือนกับในสมัยพุทธกาล หลายคนเมื่อได้ฟังธรรมแล้วเกิดเข้าใจได้ดี เพราะมีกำลังของจิตถึง ก็ได้บรรลุ แล้วกับเราละก็ ได้ยินได้ฟังมาแล้วตั้งไม่รู้กี่ครั้ง เราก็ยังไม่เข้าใจ(ถ้าเข้าถึงเข้าใจจริงก็บรรลุธรรมไปแล้ว)
เราทุกคนก็เคยทำไม่ดี เราทุกคนก็เคยพูดคำหยาบ
เราทุกคนก็เคยทำความผิด เราทุกคนก็เคยทำในแบบที่เขาทำ
ไม่มีใครดีครบร้อยเปอร์เซ็น แม้นพระอรหัง
แต่อยู่ที่กิเลสของใครมากกว่ากัน พระอรหัง ท่านดับแล้วซึ้งกิเลส
เราศิษย์ ทุกคนก็ปฏิบัติเพื่อให้กิเลสดับ
ขอให้เจริญในธรรมนะจ๊ะ