ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: การตั้งเป้าไว้ที่นิพพาน จะทำให้ขัดแย้งหรือสวนทางกับ การใช้ชีวิตทางโลก หรือไม่.?  (อ่าน 567 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28495
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0





การตั้งเป้าไว้ที่นิพพาน จะทำให้ขัดแย้งหรือสวนทางกับ การใช้ชีวิตทางโลก หรือไม่.?
โดย พระอาจารย์นวลจันทร์ กิตติปัญโญ

ปุจฉา : แต่ทำไมเรามักเห็นคนที่เข้าวัดแล้วกลับออกมาทำท่าซึม ๆ เบื่อโลก แล้วการตั้งเป้าไว้ที่นิพพานจะทำให้ขัดแย้งหรือสวนทางกับการใช้ชีวิตทางโลกหรือไม่.?

วิสัชนา : นั่นไม่ใช่ชาวพุทธ ผู้ภาวนาตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าจะเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน ไม่ใช่ผู้เซื่องซึม ไม่ใช่ผู้ไม่รู้ ไม่ใช่ผู้คิดมาก ไม่ใช่ผู้ซึมเศร้าเหงาเซ็ง ที่นุ่งขาวห่มขาว นั่งสมาธิ เดินจงกรม มันบอกไม่ได้หรอก เพราะบางคนทำไปโดยไม่รู้อะไรเลย ทำเพื่อสร้างภาพลักษณ์หรือสะสมแต้มบางอย่าง

สมัยนี้มีเยอะที่ไปเข้าวัดแล้วกลับออกมาทำท่าเบื่อลูกเบื่อผัว จะธุดงค์ท่าเดียว หลวงปู่พุทธทาสจึงเทศน์ว่าธรรมะคือหน้าที่ หน้าที่ที่ทำอยู่ปกติธรรมดาก็ต้องทำให้ดีที่สุด ถ้าหน้าที่ยังไม่รับผิดชอบ ยังเป็นลูกที่ดีไม่ได้ ยังเป็นพนักงานที่ไม่ดี แล้วจะไปวิมุตติหลุดพ้นได้อย่างไร

@@@@@@

ถ้าเข้าวัดถูก ปฏิบัติถูก ก็จะเป็นอิสระทางใจ รู้ตื่นเบิกบาน ปฏิบัติหน้าที่การงานที่มีอยู่ธรรมดา ๆ อย่างดีที่สุด เรียกว่าปฏิบัติหน้าที่โดยธรรม มีแรงกำลังอย่างเหลือเฟือ ทำหน้าที่แล้วก็จบไปในหน้าที่ ไม่ยึดติด ไม่ถือมั่น ไม่แบกความวิตกกังวล ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้า เป็นผู้บริหาร เป็นครู เป็นพ่อแม่ ก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลาย เมื่อเข้าสู่นิพพานธาตุแล้ว ท่านก็ทำงานจนลมหายใจสุดท้าย ท่านไม่ได้ละทิ้งหน้าที่แต่อย่างใด มีแต่ทำมากขึ้นโดยที่ไม่ขัดแย้งกับการทำงาน และเป็นการทำงานที่ปราศจากโทษ เป็นไปเพื่อให้ผู้คนมีดวงตาเห็นธรรม เป็นงานที่ให้อริยทรัพย์แก่ผู้อื่น

การที่เราทำกิจการงานไปทั้ง ๆ ที่มีไฟสุมอยู่บนหัว หรือมีศรปักอกอยู่ กับการที่เราทำงานไปโดยที่ไฟถูกดับแล้ว ศรถูกถอนออกแล้ว เราก็ยังทำการงานได้เหมือนเดิม แต่ความรู้สึกทางใจจะต่างกัน ถ้ามีนิพพานเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงจะมีความชุ่มเย็น สันติ สงบโดยวิถีธรรมชาติ สิ่งที่ทำก็เป็นสิ่งที่ดีงาม ไม่ได้เป็นไปเพื่อการฆ่า พยาบาท เบียดเบียน แต่จะยิ่งมีประโยชน์มากขึ้นๆ


@@@@@@

การสัมผัสนิพพานชิมลองเหมือนไฟถูกดับแล้ว ศรถูกถอนออกแล้ว จะมีการพัฒนาที่เป็นสัมมา เป็นไปตามทำนองคลองธรรม เป็นไปเพื่อปัจจัยสี่ ไม่มีการขัดแย้งกับโลกที่กำลังหมุนไป แต่จะยิ่งมีความทุ่มเทในกิจการงานมากกว่าเดิมเสียอีก หลายคนเป็นห่วงว่า ถ้ามาทางนี้มากเกินไปจะทิ้งงาน ไม่เอาไม่ทำแล้ว นั่นเพราะยังไม่ได้สัมผัส ยังไม่ไดลิ้มรสอย่างแท้จริงจึงสงสัยไปล่วงหน้า อย่ากลัวไปเลย ประโยชน์ของธรรมะก็คือ ให้มีนิพพานหล่อเลี้ยงจิตใจให้ไม่มีความวุ่นวาย ไม่มีความหนักใจ หัวใจมีความชุ่มเย็น แล้วคำตอบจะอยู่ที่ตัวของเราเอง รู้ได้เฉพาะตน ผู้ที่ได้ลิ้มรสแห่งธรรมเป็นคราวๆ ไป จะมีประโยชน์ในการทำงานไปด้วย

โดยสรุป คือ นิพพานไม่ได้ทำให้ไม่มีการพัฒนา ไม่สร้าง หรือปล่อยวาง ไม่เอา ไม่เป็น เป็น แต่ดียิ่งกว่า ขยันมากกว่าเดิม (อยู่กับโลก) เหมือนเดิมแต่ (ข้างใน) ไม่เหมือนเดิม

 

ที่มา : นิพพาน…ที่นี่…เดี๋ยวนี้ , สำนักพิมพ์อมรินทร์ธรรมะ
Image by truthseeker08 on Pixabay
Secret Magazine (Thailand) ,IG @Secretmagazine
ขอบคุณ : https://goodlifeupdate.com/healthy-mind/dhamma/143618.html
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ