ดูแล้วเหมือนเป็นลางไม่ดี แต่ ถ้ามองในแง่ดี ก็คือ โอกาสได้เรียนรู้ ความไม่เที่ยง และ ได้โอกาสทำบุญใหม่

 

สาธุ คะ อนุโมทนากับทุกท่าน คะ
 

ถ้าเอาตามหลักการแล้ว ฤกษ์ บวช นั้นให้ระวังอายุ เบญจเพส คะ คือ 25 กรรมตัดรอนไม่ให้บวช มารกลั่นแกล้งครับ มีผู้เสียชีวิตก่อนวันงานบวช มากเหมือนกันนะคะ ดังนั้นคนจะบวชเขาจึงให้ไปอยู่วัดก่อนวันบวชและห้ามออกจากวัดอย่างน้อย 3 วัน

 สำหรับเรื่อง ฤกษ์บวช นั้น ไม่ต้องดูหรอกคะ บวชอย่างไรก็ได้กุศลคะ เอาเป็นว่า นิมนต์พระอุปัชฌาย์ แจ้งวัดและ วัดรับบวช อยู่สอนธรรมวินัยให้อันนี้สำคัญคะ

  ส่วนฤกษ์ลาสิกขาบถนั้น น่าจะต้องถามเจ้าตัวผู้บวชนะคะ ว่าต้องการบวชมากน้อยขนาดไหน ปกติฤกษ์ลาสิกขาบถเจ้าอาวาสจะให้ฤกษ์คะ ไม่ต้องเสียเงิน เสียตังค์อะไรทั้งสิ้นคะ

 คุยกันพอไม่ให้ ว้าเหว่คะ เพราะคำถามเรื่องฤกษ์ผานาทีนั้น สำหรับชาวธรรม แล้วไม่ค่อยจะสนใจกันนะคะ

 

ก็หมายถึงว่า พระพุทธศาสนาประเทศไทย เป็นที่ยอมรับว่าแท้เยี่ยมที่สุดในโลก แล้วใช่หรือไม่คะ
อนุโมทนา ดีใจ ที่เกิดมาถูกยุค ถูกสมัย คะ

 

อนุโมทนา คะ
 

[10. โย จ วสฺสสตํ ชีเวทุสฺสีโล อสมาหิโตเอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโยสีลวนฺตสฺส ฌายิโน ฯ110ฯผู้มีศีล มีสมาธิประเสริฐกว่าชีวิตตั้งร้อยปีของคนทุศีล ไร้สมาธิThough one should live a hundred years,Without conduct and concentration,Yet,better is a single day's lifeOf one who is moral and meditative.]

10. โย จ วสฺสสตํ ชีเว
ทุสฺสีโล อสมาหิโต
เอกาหํ ชีวิตํ เสยฺโย
สีลวนฺตสฺส ฌายิโน ฯ110ฯ


ผู้มีศีล มีสมาธิ
ประเสริฐกว่าชีวิตตั้งร้อยปี
ของคนทุศีล ไร้สมาธิ


Though one should live a hundred years,
Without conduct and concentration,
Yet,better is a single day's life
Of one who is moral and meditative.

พระพุทธภาษิตในเนื้อเรื่อง นี้ครับ

" ดูก่อน ปฎาจารา เธออย่าคำนึงถึงสิ่งที่ล่วงมาแล้วเลย หากควรทำปัจจุบันให้ถึงพร้อม บัดนี้สามีของเธอ ลูกทั้งสอง บิดามารดาและพี่ชาย เขาเหล่านั้นได้พากันจากเธอไปแล้ว ในเวลาที่บุคคลอันเป็นที่รัก มีบุตรเป็นต้นต้องตายลงในสงสารนี้ เธอก็ได้ร้องไห้คร่ำครวญมานานแสนนาน นับภพนับชาติไม่ได้ และยังจะต้องร้องไห้ต่อไปอีกหรือ น้ำตาของเธอมากกว่าน้ำในห้วงมหาสมุทรทั้งสี่ เหตุไรเธอยังประมาทอยู่ ไม่ว่าตัวเธอเอง ทุกคนในโลก หรือว่าตัวเรา จักต้องถึงซึ่งสภาพนั้นในที่สุด บิดา มารดา หรือบุตรก็ต้านทานป้องกันไม่ได้ คนเหล่านั้นถึงมีอยู่ก็เท่ากับไม่มี ดูก่อน ปฎาจารา บัดนี้เธอจงหยุด ความร่ำไรรำพันเสียเถิด จงดำรงตนอยู่ในอินทรยสังวรศีล ปฏิบัติตามมรรคมีองค์แปด เพื่อใช้นำทางไปสู่พระนิพพาน เสียแต่บัดนี้ จึงจะเป็นการดี "

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง อนมตัคคปรยายสูตร คือ เรื่องสงสารวนเวียนไม่มีที่สิ้นสุด

การสร้าง วิตก เจริญ วิจาร นั้น ไม่ใช่การบีบจิต แต่เป็นการสำรวมให้จิตเป็นอันเดียวกันกับอารมณ์ ภาวนาครับฝึกแบบสบาย สบาย สบาย จิตก็จะไม่รัดตรึงนะครับ

   

การยกธรรม ในสมาธิ ทำอย่างไร คะ
 ทดสอบด้วยตนเอง เมื่อจิตเป็น สมาธิ ( เหมือนนอนหลับ ) คือหยุดอยู่อย่างนั้น เพราะรู้สึกสบายใจ จึงหยุดอยู่อย่างนั้น ในขณะนั้นไม่มีสิ่งอื่นใดนึกถึง นอกจากคำว่า พุทโธ แต่ก็ไม่รู้สึกว่าเข้าถึงแก่นธรรมใด ๆ คะ จึงคิดว่าการยกธรรม ในสมาธิ ไม่ได้ทำง่าย ๆ คะ หรือ วิธีการยกธรรม มีขั้นตอน

  อันที่จริงเคยตั้งใจไว้ว่า เมื่อจิตเป็นสมาธิ แล้วจะยกธรรมคือ ทุกข์ ขึ้นตั้งแต่ ตอนนั้นนึกอะไรไม่ออก เหมือนจิตมันหยุดคิดคะ

  ขอท่านผู้รู้ช่วยแนะนำด้วยคะ
   

อาจจะมีสองสาเหตุ นะคะ

  สำหรับคนที่มีอาการมาก คือ คนส่วนใหญ่ในปัจจุบัน ไม่ค่อยได้ฝึกนั่งพับเพียบ ขัดตะหมาด เป็นนิสัย ดังนั้นเวลานั่งกรรมฐาน ก็จะมีอาการปวดมากกว่า คะ ส่วนคนใดมีการฝึกนั่งมาตั้งแต่เด็ก ก็จะมีอาการเจ็บปวดน้อยกว่าคะ
 

คือโยมเอง ก็เป็นผู้หนึ่งที่ปรารถนานิพพานในชาตินี้ แต่เมื่อก่อนก็อธิษฐานนิพพานกับพระศรีอาริยเมตตรัย ปัจจุบันไม่เอาแล้วถอนขอให้ได้นิพพานในชาตินี้ แต่บางครั้งก็ไม่อยากนิพพาน มองออกไปรอบตัวก็สงสาร พ่อ แม่ พี่ น้อง หลาน ๆ ญาติ จะตัดช่องน้อยเอาแต่พอตัวไปก่อน ก็เลยกลายเป็น แบกภาระข้ามฟากฝั่ง ครูอาจารย์ก็เตือนเสมอว่าให้ปล่อยวางลงภาระ เสียบ้างจะได้เดินสะดวก แต่อดจะอยากช่วยคนอื่นบ้างไม่ได้
 
  สรุปก็คือ บางครั้่งก็ต้องการนิพพาน บางครั้งก็ไม่ต้องการนิพพานอย่างนี้จัดได้ว่า มีความเบื่อหน่ายบ้างแล้วใช่หรือไม่คะ

   

ปีติ ในที่นี้่หมายถึงปีติที่ภาวนาในองค์กรรมฐาน ใช่หรือไม่คะ ที่จะต้องออกจากปีติตามที่บอก แล้วถ้าเป็นปีิติที่เกิดเช่นอ่านหนังสือธรรมะ แล้วนึกถึงธรรมรู้สึกดีใจจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ถ้าเป็นปีิติอย่างนี้ ต้องแก้ด้วยการอ่านเพิ่มอีกหรือไม่คะ คือไม่ทราบว่าวิธีใช้ด้วยกันได้หรือไม่คะ

   ยังไม่ีค่อยจะเข้าใจกับคำว่าหนามยอกต้องเอาน้ำบ่ง
   เข้าทางไหนออกทางนั้น คะ

   อยากให้ช่วยขยายความอีกสักนิดได้หรือไม่คะ

 

[ดังนั้นก่อนที่จะได้มากล่าวเรื่องต่อไป ก็ขอให้ท่านที่ถามตอนนี้ได้ทบทวน ความทุกข์ และรู้จักทุกข์ให้มากขึ้น เพราะคุณธรรมแรกในพระพุทธศาสนานั้น ก็คือการรู้จักทุกข์ นั่นเอง]

ดังนั้นก่อนที่จะได้มากล่าวเรื่องต่อไป ก็ขอให้ท่านที่ถามตอนนี้ได้ทบทวน ความทุกข์ และรู้จักทุกข์ให้มากขึ้น เพราะคุณธรรมแรกในพระพุทธศาสนานั้น ก็คือการรู้จักทุกข์ นั่นเอง

 น่าจะยังไม่จบเรื่องนี้ ใช่หรือไม่ครับ
 

ได้สาระประโยชน์ อย่างมากอย่างน้อยความได้เป็นมนุษย์ ก็มีโอกาสปฏิบัติธรรมได้มากกว่า คะ

 

แต่ถ้าเอาจริง ๆ ก้ต้องเลือก สติ ก่อน นะครับ เพราะ สติ มา ปัญญาเกิด
สติ เตลิด มักจะเกิดปัญหาคะ

 

เป็นวิธีที่น่าสนใจ มากคะ
แต่ที่นี้จะมาแย่งกล้องต่ออีกหรือไม่ นี่สิจ๊ะ

 

 

สาธุ อนุโมทนา เห็นหลวงปู่แ้ล้วก็ชื่นใจ สาธุ

 

ได้ฟังแล้ว ไม่เห็นจะเป็น rap หรือ rock ตรงไหนเลยท่านก็สวดออกมาเพียงแต่มีการลงเสียงหนัก ตันบทเท่านั้น ซึ่งเทียบกับสวดภาณยักษ์แล้วการสวดอย่างนี้ ยังถือได้ว่าท่านตั้งใจสวดเป็นอย่างมากเพราะท่านไม่ได้ลืมตามองญาตโยม นึกบทสวดมนต์ แล้วว่าออกมาเป็นจังหวะ เสียงดัง ฟังชัด สวดแล้วฟังกินใจ อันที่จริงถ้าฟังทำนองก็เป็นเรื่องปกติ ของสายอยุธยา เคยได้ฟัง หนักหน่วงกว่านี้ เจ้าบ้านน่าจะพอใจ ที่เขานำมาเผยแพร่ ก็คงต้องการให้คนเห็นความสำคัญของการสวดมนต์ ตรงนี้

   มองให้เป็น แล้ว จะเห็นว่ามีเรื่องที่น่าจะต้องว่า มากกว่าเรื่องนี้อีก .... นะจ๊ะ

   ส่วนตัวชอบนะการสวดที่ ลงเสียงหนักเป็นช่วง ฟังแล้วจะได้ไม่หลับ

   

มีข้อพิสูจน์ ต่ออย่างไรบ้างคะในเรื่องนี้

 

ตอนช่วง ใกล้ ๆเที่ยงเข้าไม่ได้ คะ ตอนนี้ปกติแล้วคะ

  ขอบคุณทีมงานที่ดูแลแจ้งข่าวให้ทราบด้วยคะ

 

อนุโมทนา ด้วยจ้า นึำกว่าหายไปไหน ที่แท้ไปปฏิบัิติธรรม ปากช่อง เขาใหญ่ นี่เอง

สาธุ สาธุ สาธู

 

“สติสัมปชัญญะกถา” แด่ท่านที่ต้องการเจริญ วิปัสสนา ก่อนเจริญ สัมมาสมาธิ
http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=7170

ดูเหมือนพระอาจารย์ ให้วิปัสสนา แบบจบเลยนะคะ ตามอ่านดูคะ เป็นบทความที่ดีมากเลยคะ เป็นเรื่อง สติสัมปชัญญะโดยตรง เลยคะ

 

สาธุ คะ น่าจะมีคำตอบมากกว่านี้นะคะ

 

[๑.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งการบริจาคทาน จิตของผู้มีสมาธิเบื้องต้นมีการน้อมนำจิตในการสละ บริจาค และให้ทาน เชื่อมั่นในกุศลจิต เป็นไปตามความเพียรแห่งการภาวนา เรียกว่า ภาวนาปธาน คือหมั่นสร้างกุศล ๒.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งสมถนิมิต จิตย่อมปรากฏลักษณะแห่งจิต ที่เรียกว่าพระลักษณะ และ พระรัศมีในฐานจิตที่กำหนดนั้น ๆ โดยอาการแห่งปีติ และปราโมทย์ มีฉันทะเป็นฐาน ซึ่งเป็นไปตามกำลังของ ฉันทะอิทธิบาท คือ มีความพอใจในการเจริญภาวนาในนิมิตนั้น ๓.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งลักษณะ ความเสื่อม ปัญญา คือยถาภูตญาณย่อมเข้ามองเห็นความเป็นจริงแห่งสัจจะธรรม คือขันธ์ 5 เบื้องต้นมองเห็น ธรรมคือ อนิจจสัญญา ความกำหนดรู้ว่าไม่เที่ยงเป็นอารมณ์แต่ก็ยังไม่ชัดเจนเป็นระดับหนึ่งที่จัก มองเห็น นี้เรียกว่ากำลังก้าวเข้าสู่การรู้เห็นตามความเป็นจริงเบื้องต้น ๔.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งนิโรธ จิตย่อมเข้าถึงซึ่งความดับกิเลสเป็นครั้งคราวในเบื้องต้น และพอกพูน นิพพิทาจิต ต่อสังขารขันธ์ มองเห็นสภาวะด้วยจิตเป็นสมาธิ คือ ความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปในสมาธิ ๕.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่ง การบริจาคทาน ของบุคคลผู้น้อมใจไปในจาคะทั้งหลาย ความมั่นคงในธรรมอย่างเดียวสมบูรณ์นั้นคือปฏิปทา เพื่อพระนิพพานย่อมเป็นที่ตั้งในการสร้างกุศล ญาณทัสสนะวิสุทธิ ย่อมตั้งมั่นด้วยองค์ธรรมไม่คืนกลับ.... ๖.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งสมถนิมิต ของบุคคลผู้หมั่นประกอบในอธิจิตทั้งหลาย เมื่อประกอบจิตในสมถนิมิต ย่อมเห็นจิตอันยิ่งยวด ว่ามีแต่จิต ที่เป็นทุกข์ เป็นสุข และเป็นกลาง ๆ เข้าใจสภาวะมีบ้างหายบ้าง ๗.ความเป็นธรรม อย่างเดียวในความปรากฏแห่งลักษณะความเสื่อม ของบุคคลผู้เจริญวิปัสสนาทั้งหลาย และ จิตถึงสังขารุเปกขาญาณเพราะ มองเห็นตามความเป็นจริงเป็นจิตที่พร้อมเพื่อการวิปัสสนา มีการ สัมปยุตธรรม สัมปยุตธาตุ เป็นต้น ๘.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งนิโรธ ของพระอริยบุคคลทั้งหลาย เมื่อจิตเห็นตามความเป็นจริง ก็ละกิเลสได้ตามจริง ตามลำดับ ตามขั้น ตามญาณ เป็น นิโรธสัญญา คือการดับเชื้อไม่เกิดอีก สิ้นสุดกิเลสจริง ๆ]

๑.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งการบริจาคทาน   

             จิตของผู้มีสมาธิเบื้องต้นมีการน้อมนำจิตในการสละ บริจาค และให้ทาน
             เชื่อมั่นในกุศลจิต เป็นไปตามความเพียรแห่งการภาวนา เรียกว่า ภาวนาปธาน
             คือหมั่นสร้างกุศล

      ๒.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งสมถนิมิต

             จิตย่อมปรากฏลักษณะแห่งจิต ที่เรียกว่าพระลักษณะ และ พระรัศมีในฐานจิตที่กำหนดนั้น ๆ
             โดยอาการแห่งปีติ และปราโมทย์ มีฉันทะเป็นฐาน ซึ่งเป็นไปตามกำลังของ ฉันทะอิทธิบาท
             คือ มีความพอใจในการเจริญภาวนาในนิมิตนั้น

      ๓.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งลักษณะ   ความเสื่อม

             ปัญญา คือยถาภูตญาณย่อมเข้ามองเห็นความเป็นจริงแห่งสัจจะธรรม คือขันธ์ 5 เบื้องต้นมองเห็น
             ธรรมคือ อนิจจสัญญา ความกำหนดรู้ว่าไม่เที่ยงเป็นอารมณ์แต่ก็ยังไม่ชัดเจนเป็นระดับหนึ่งที่จัก
             มองเห็น นี้เรียกว่ากำลังก้าวเข้าสู่การรู้เห็นตามความเป็นจริงเบื้องต้น

      ๔.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งนิโรธ
           
             จิตย่อมเข้าถึงซึ่งความดับกิเลสเป็นครั้งคราวในเบื้องต้น และพอกพูน นิพพิทาจิต ต่อสังขารขันธ์
             มองเห็นสภาวะด้วยจิตเป็นสมาธิ คือ ความเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปในสมาธิ

      ๕.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่ง การบริจาคทาน ของบุคคลผู้น้อมใจไปในจาคะทั้งหลาย

            ความมั่นคงในธรรมอย่างเดียวสมบูรณ์นั้นคือปฏิปทา เพื่อพระนิพพานย่อมเป็นที่ตั้งในการสร้างกุศล
            ญาณทัสสนะวิสุทธิ ย่อมตั้งมั่นด้วยองค์ธรรมไม่คืนกลับ....

      ๖.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งสมถนิมิต ของบุคคลผู้หมั่นประกอบในอธิจิตทั้งหลาย

            เมื่อประกอบจิตในสมถนิมิต ย่อมเห็นจิตอันยิ่งยวด ว่ามีแต่จิต ที่เป็นทุกข์ เป็นสุข และเป็นกลาง ๆ
            เข้าใจสภาวะมีบ้างหายบ้าง   

      ๗.ความเป็นธรรม อย่างเดียวในความปรากฏแห่งลักษณะความเสื่อม ของบุคคลผู้เจริญวิปัสสนาทั้งหลาย และ
            จิตถึงสังขารุเปกขาญาณเพราะ มองเห็นตามความเป็นจริงเป็นจิตที่พร้อมเพื่อการวิปัสสนา มีการ
            สัมปยุตธรรม สัมปยุตธาตุ เป็นต้น
         
      ๘.ความเป็นธรรมอย่างเดียวในความปรากฏแห่งนิโรธ ของพระอริยบุคคลทั้งหลาย

            เมื่อจิตเห็นตามความเป็นจริง ก็ละกิเลสได้ตามจริง ตามลำดับ ตามขั้น ตามญาณ เป็น นิโรธสัญญา
            คือการดับเชื้อไม่เกิดอีก สิ้นสุดกิเลสจริง ๆ

น่าเสียดายถ้าไม่ได้อ่าน เราก็จะไม่รู้จักผลของสมาธิ กันเลยนะคะ


 

เห็นแล้วอยากไป นึกถึงพุทธภาษิตที่พระพุทธเจ้าตรัสแก่ โมฆราช ได้เลยคะ โลกนี้ตระการตาดุจราชรถ อันคนเขลาไม่รู้จริง ๆ นะคะ

ขอบคุณ จขกท. ที่เพิ่มความรู้ มีคนชวนไปเที่ยวประเทศจีน ทัวร์ ค่าเดินทางก็ไม่กี่บาทอย่างนี้ต้องตัดสินใจไปสักครั้งคะ

 


อันนี้เขาเดินแบบไม่ต้องมี เซฟตี้เลยนะคะ จากภาพเห็นแล้ว ยังหวาดเสียวแทน เลยคะ

ในอนาคต อาจจะมี นะเพราะตอนนี้ มีแนวคิดเรื่องการสร้าง ไทม์แมชชิีน เครื่องทะลวงมิติ กันอยุ่นะคะ ก็เหมือนสมัยก่อนที่บอกว่า เราไม่สามารถใช้ อินเตอร์เน็ตไร้สายได้ หรือ โทรศัพท์ไร้สายได้ ไป ๆ มาก ก็เกลื่อนเมืองเลย ยิ่งเดี๊ยวนี้ ระบบ สัมผัส อย่าง ipad พวกนี้มาแรงกว่า notebook อีกนะคะ ที่จะบอกก็คือเมื่อก่อนไม่เคยมีใครคิดว่าจะเป็นไปได้ แต่สมัย อะไรก็เป็นไปได้ ในโลกวิทยาศาสตร์ นะคะ

  สิ่งเดียวที่ดิฉันเห็นยังไม่เปลี่ยน ก็คือ คนมีทุกข์ น้อยลง นี่สิ แต่เห็นคนเป็นทุกข์กันมากขึ้น รวมทั้งตัวดิฉันด้วยก็ทุกขื มากขึ้นไปอีก ตามความอยากกระแสโลก นะคะ

   อยากได้อุปกรณ์ถอดความทุกข์ หรือ ล้างทุกข์ มากคะ

   

ทุกท่าน ตอบกันมาถูกทางแล้วคะ

  เวลาจิตที่ เงียบเหงา เปล่าเปลี่ยว กังวล ต่าง ๆ นั้น ถ้าหากเราแก้ด้วยการ ดูหนัง ดูละคร เที่ยวห้าง ช๊อปปิ้งเป็นต้นนั้น ไม่ใช่วิธีการที่แก้ได้อย่างถูกต้อง คะ เมื่อ จิตนั้นเข้าไปเสวยสภาพเดิมอีก ก็ต้องแก้กันอย่างนี้ ตอนนี้ชาวโลกส่วนใหญ่ ก็จะแก้ด้วยวิธีการนี้กันอยู่แล้วคะเป็นธรรมชาติ

  สำหรับชาวธรรม น่าจะต้องพิจารณา หาต้นตอ ด้วยการฝึกควบคุมจิต แนะนำเบื้องต้นไปร่วมปฏิบัติธรรม เพื่อรับแนวทางการภาวนาปฏิบัติ คะ จะได้แก้ไขปัญหา ได้ถูกต้องคะ

 

ลุง kittisak ไม่มาเพิ่มอีก สัก 2 เดือน หรือ คะ

 

อนุโมทนา สาธุ จ้า

 

[ผู้พิชิตเขาวงพระจันทร์ ประมาณ 3,790 ขั้นบันได ที่จังหวัดลพบุรี]

ผู้พิชิตเขาวงพระจันทร์  ประมาณ 3,790 ขั้นบันได ที่จังหวัดลพบุรี

สอบถามรายละเอียด
วัดเขาวงพระจันทร์ โทร. 0 3665 0188
ททท. สำนักงานลพบุรี โทร. 0 3642 2768-9


เขาวงพระจันทร์ ตั้งอยู่ในเขตตำบลหัวยโป่ง อำเภอโคกสำโรง ห่างจากตัวเมือง ประมาณ ๒๘ กิโลเมตร ตามเส้นทาง ถนน พหลโยธิน ตรงหลักกิโลเมตรที่ ๑๗๘ มีทางแยกเลี้ยวขวา อีก ๕ กิโลเมตร จะถึงเขาวงพระจันทร์ ยอดเขา วงพระจันทร์ สูงจากระดับน้ำทะเล ประาณ ๖๕๐ เมตร บันไดขึ้นถึงยอดเขา ๓,๐๖๗ ชั้น ในช่วงเทศกาล เดือน 3 ปราชาชนทั้งใกล้และไกลจะหลั่งไหลกันมานมัสการรอยพระพุทธบาทและพระพุทธรูปบนยอดเขา แห่งนี้อย่างเนืองแน่นเป็นประจำทุกปี


ขึ้นไม่ไหว ก็ ใช้ ทรัพย์ให้เป็นประโยชน์ นะคะ

 

อ่านเนือ้หาและภาพเพิ่มเติมได้ที่นี่ นะคะ
http://www.oknation.net/blog/nukpan/2009/01/25/entry-1

[่ทีมอ๊บไปแล้ว เช็คข่าวไม่ดี พลาดแล้วนะจ๊ะ งานนี้ 26 ก.พ.55 นะจ๊ะ ไม่ใช่ 25 ก.พ.55]

จัดทีม อ๊บ ไปสองเขาวง เลย ในวันที่ 25 ก.พ.55
 ไปร่วมงานหล่อพระ ที่เขาวง ถ้านารายณ์ ใครมีแรงต่อไปเดินขึ้นเขาวง ลพบุรีต่อ กลับ เที่ยงคืน

 

่ทีมอ๊บไปแล้ว เช็คข่าวไม่ดี พลาดแล้วนะจ๊ะ งานนี้ 26 ก.พ.55 นะจ๊ะ ไม่ใช่ 25 ก.พ.55

คือสงสัยว่า รหัสที่สมัครนี้ ผู้ดูแลบอร์ดจะทราบหรือไม่คะ
ผู้ดูแล สามารถที่จะรู้รหัส พาลเวิร์ดของสมาชิก หรือไม่คะ ( ด้วยความสงสัยคะ )

 

[เหตุเพราะศิษย์ไม่เคารพในธรรม ของครูอาจารย์ จึงมองไม่เห็นธรรมดิฉันเคยคิดว่า เหมือนกันคะ เพราะคิดตีเสมอในด้านการปฏิบัติ จึงไม่ทราบปฏิปทา ครูอาจารย์ ยิ่งที่ถ้าเป็นครูอาจารย์ที่เข้าผลสมาบัติ ได้ด้วยแล้ว ไม่ควรเอาไปเปรียบกับบุคคลธรรมดาคะ เพราะไม่รู้คุณค่า จึงต้องระเห็จ ระเหินต่อไป ดังนั้นในขณะที่ครูอาจารย์ เรายังมีชีวิต รีบขวนขวายธรรมเรียนเถอะคะ พระพุทธเจ้า ซึ่งเป็น กัลยาณมิตรที่ดีที่สุด ก็จากไปแล้ว บรรดาพระอริยะสงฆ์ ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติ ชอบ ในปัจจุบัน ก็กำลังจะหายไปหมดแล้ว หากใครได้พบครูอาจารย์ ที่ประกอบด้วย ธรรมเป็นเครื่องหลุดพ้นแล้ว พึงรีบขวนขวายคะ โอกาสที่เรามี..... น้อยมากนะคะ]

เหตุเพราะศิษย์ไม่เคารพในธรรม ของครูอาจารย์ จึงมองไม่เห็นธรรม
ดิฉันเคยคิดว่า เหมือนกันคะ เพราะคิดตีเสมอในด้านการปฏิบัติ จึงไม่ทราบปฏิปทา ครูอาจารย์

  ยิ่งที่ถ้าเป็นครูอาจารย์ที่เข้าผลสมาบัติ ได้ด้วยแล้ว ไม่ควรเอาไปเปรียบกับบุคคลธรรมดาคะ
  เพราะไม่รู้คุณค่า จึงต้องระเห็จ ระเหินต่อไป

  ดังนั้นในขณะที่ครูอาจารย์ เรายังมีชีวิต รีบขวนขวายธรรมเรียนเถอะคะ

  พระพุทธเจ้า ซึ่งเป็น กัลยาณมิตรที่ดีที่สุด ก็จากไปแล้ว
  บรรดาพระอริยะสงฆ์ ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติ ชอบ ในปัจจุบัน ก็กำลังจะหายไปหมดแล้ว
  หากใครได้พบครูอาจารย์ ที่ประกอบด้วย ธรรมเป็นเครื่องหลุดพ้นแล้ว พึงรีบขวนขวายคะ

  โอกาสที่เรามี..... น้อยมากนะคะ


   

 

เห็นด้วยจ้า ชอบอ่าน คะติดตามผลงานกระทู้ทุกท่าน คะ

  สาธุ

   

สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสเอาไว้ว่า แม้วัตถุทานจะบริสุทธิ์ดี เจตนาในการทำทานจะบริสุทธิ์ดี จะทำให้ทานนั้นมีผลมากหรือน้อย ย่อมขึ้นอยู่กับเนื้อนาบุญเป็นลำดับต่อไปนี้คือ....

ทำไม ?   ธรรมทานจึงเป็นเนื้อนาบุญ คะ

  ธรรมทาน ต้องอาศัย อะไรประกอบด้วยคะ

  ไม่ค่อยจะเข้าใจ เหมือนกันคะ

       

เห็นด้วยกับ ยายกบ นะคะ

คิดว่า คงจะคิดมากไปนะคะ

 

[ไม่อยากให้ภาพ ชุดนี้ หายอย่างของปีที่แล้ว นะคะ]

ไม่อยากให้ภาพ ชุดนี้ หายอย่างของปีที่แล้ว นะคะ