แสดงกระทู้
|
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to. |
Messages - paisalee
|
หน้า: 1 2 3 [4] 5 6 ... 10
|
128
|
เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยอัมพฤกษ์-อัมพาตและปฏิบัติธรรม ลำปาง
|
เมื่อ: มกราคม 10, 2012, 05:45:15 pm
|
โครงการปฏิบัติธรรม อบรมพัฒนาจิตเพื่อให้เกิดปัญญาและสันติสุข หลักสูตรคุณแม่ ดร.สิริ กรินชัย วิสุทธิธรรมนครลำปาง ณ สำนักปฏิบัติธรรม วัดทุ่งบ่อแป้น (สำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดลำปาง แห่งที่ 2)
กำหนดการอบรม วันแรกของการอบรม เวลา 08.00น. - ลงทะเบียน - ปฐมนิเทศและพิธีรับพระกรรมฐาน วันสุดท้ายของการอบรม ท่านสามารถนัดญาติมารับเวลาประมาณ 12.00น.
ตารางการปฏิบัติธรรม ณ สำนักปฏิบัติธรรมวัดทุ่งบ่อแป้น
วันที่ 10-16 ธันวาคม 2554 รับผู้เข้าปฏิบัติธรรมจำนวน 120 คน วันที่ 15-21 มกราคม 2555 รับผู้เข้าปฏิบัติธรรมจำนวน 120 คน วันที่ 20-26 กุมภาพันธ์ 2555 รับผู้เข้าปฏิบัติธรรมจำนวน 120 คน วันที่ 20-26 มีนาคม 2555 รับผู้เข้าปฏิบัติธรรมจำนวน 120 คน วันที่ 1-10 เมษายน 2555 บวชพระ , เณรเทิดพระเกียรติ วันที่ 7-13 พฤษภาคม 2555 รับผู้เข้าปฏิบัติธรรมจำนวน 120 คน วันที่ 16-22 มิถุนายน 2555 รับผู้เข้าปฏิบัติธรรมจำนวน 120 คน วันที่ 17-23 กรกฎาคม 2555 รับผู้เข้าปฏิบัติธรรมจำนวน 120 คน วันที่ 9-15 สิงหาคม 2555 รับผู้เข้าปฏิบัติธรรมจำนวน 120 คน วันที่ 15-21 กันยายน 2555 รับผู้เข้าปฏิบัติธรรมจำนวน 120 คน วันที่ 8-14 ตุลาคม 2555 รับผู้เข้าปฏิบัติธรรมจำนวน 120 คน วันที่ 8-14 พฤศจิกายน 2555 รับผู้เข้าปฏิบัติธรรมจำนวน 120 คน วันที่ 10-16 ธันวาคม 2555 รับผู้เข้าปฏิบัติธรรมจำนวน 120 คน
ผู้ประสงค์เป็นเจ้าภาพร่วมในโครงการปฏิบัติธรรม สามารถแจ้งความประสงค์ที่เจ้าหน้าที่ หรือโอนเงินเข้าบัญชี ชื่อบัญชี "วัดทุ่งบ่อแป้น ธนาคารกรุงไทย สาขาลำปาง" เลขที่บัญชี 503-0-05967-9 หากท่านโอนเงินเข้าบัญชีแล้วกรุณาแฟกซ์เอกสาการโอนเงินเพื่อรับใบอนุโมทนาบัตรต่อไป
|
|
|
129
|
เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยอัมพฤกษ์-อัมพาตและปฏิบัติธรรม ลำปาง
|
เมื่อ: มกราคม 10, 2012, 05:37:59 pm
|
ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ป่วยอัมพฤกษ์-อัมพาตและปฏิบัติธรรม วัดทุ่งบ่อแป้น อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง โทร. (Tel) 054367505 , 0866544505 โทรสาร (Fax) 054366711 Website: http://www.thungbopaen.netระเบียบในการเข้าปฏิบัติธรรม ณ สำนักปฏิบัติธรรม วัดทุ่งบ่อแป้น ผู้เข้าปฏิบัติธรรม ต้องอยู่ในบริเวณสถานที่ปฏิบัติธรรม และพักอยู่ในสถานที่ปฏิบัติธรรมตลอดระยะเวลาของการปฏิบัติธรรม ผู้ปฏิบัติธรรมต้องสวมชุดสีขาว ไม่รัดรูปและเหมาะสมกับการปฏิบัติธรรมและเพียงพอสำหรับการปฏิบัติธรรม ผู้ที่มีโรคประจำตัว ต้องเตรียมยารักษาโรคประจำตัวมาให้เพียงพอ งดใช้อุปกรณ์สื่อสารทุกชนิด , งดติดต่อบุคคลภายนอกและสำรวมวาจาตลอดเวลาการปฏิบัติธรรม งดเสพสิ่งเสพติดทุกชนิด มิฉะนั้นจะถือว่ามีความผิดตามกฏหมาย งดการชักชวนลงทุน , ทำธุรกิจ ตลอดเวลาของการปฏิบัติธรรม ห้ามนำอาหาร , เครื่องดื่มทุกชนิดเข้าในห้องพัก เข้านอนและปิดไฟทั้งหมด เวลา 21.30น. สำหรับข้าราชการ , หน่วยงานต่างๆ ถ้าปฏิบัติธรรมจนครบหลักสูตรและไม่ทำผิดระเบียบที่กำหนดไว้ ทางวัดจะออกหนังสือรับรองให้กับท่าน หมายเหตุ เจ้าหน้าที่สามารถพิจารณามิให้ผู้หนึ่งผู้ใด เข้าร่วมปฏิบัติธรรมได้ หากท่านไม่ตามระเบียบที่กำหนดไว้ไม่ว่ากรณีใดๆ ท่านที่สนใจเข้าร่วมโครงการปฏิบัติธรรมกับทางวัดทุ่งบ่อแป้น กรุณาแจ้งชื่อเข้าร่วมโครงการปฏิบัติธรรมล่วงหน้า โดยแจ้งความประสงค์ , ส่งเอกสารใบสมัครเข้าร่วมโครงการ หรือมาสมัครได้ด้วยตนเอง ตั้งแต่เวลา 08.00น.-17.00น. ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ เอกสารประกอบการสมัครปฏิบัติธรรรม สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
|
|
|
136
|
เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / การปฏิบัติธรรมเป็นอาจาริยบูชาแด่องค์พ่อแม่ชา ระหว่างวันที่ 12-17 มกราคม ของทุกปี
|
เมื่อ: มกราคม 09, 2012, 07:27:38 am
|
ขอเชิญร่วมปฏิบัติธรรมเป็นอาจาริยบูชาองค์พ่อแม่ชา สุภัทโท ณ วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี 12-17 มกราคม 2555 เนื่องจากองค์พ่อแม่ชาได้ละสังขารไปเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2535 ทางวัดหนองป่าพงจึงได้กำหนดสัปดาห์แห่งการปฏิบัติธรรมเป็นอาจาริยบูชาแด่องค์พ่อแม่ชา ระหว่างวันที่ 12-17 มกราคม ของทุกปี ในโอกาศครบรอบ 20 ปี การละสังขารขององค์พ่อแม่ชา จึงขอเชิญชวนศิษยานุศิษย์และผู้สนใจร่วมปฏิบัติธรรม เป็ฯอาจาริยบูชาแด่องค์พ่อแม่ชา ณ วัดหนองป่าพง บ.พงสว่าง ต.โนนผึ้ง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี สามารถดูกำหนดการณ์ได้ตามลิงค์นี้ครับ http://www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3630ปล.กราบขออภัยที่ไม่สามารถให้ความกระจ่างได้ครบถ้วน และกราบขออภัยผู้ที่ได้ลงบทความข้างต้นเอาไว้ในเว็บวัดป่ากรรมฐาน ลูกขอร่วมเผยแพร่บารมีแห่งองค์พ่อแม่ชา สุภัทโท ที่ลูกเคารพเหนือเศียรเกล้า ด้วยประสงค์ที่บริสุทธิ์ทุกประการ
|
|
|
141
|
เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ขอเชิญร่วมพิธีสมโภชสมณศักดิ์พระครูฐานานุกรม พระครูปลัดมงคล สิริธัมโม 9 ธ.ค.54
|
เมื่อ: พฤศจิกายน 25, 2011, 08:45:01 am
|
ขอเชิญร่วมพิธีสมโภชสมณศักดิ์พระครูฐานานุกรม ในโอกาสที่ พระเดชพระคุณพระเทพปริยัติเวที วัดสุทัศน์เทพวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร แต่งตั้งให้ พระอธิการมงคล สิริธัมโม เจ้าอาวาสวัดอมรญาติสมาคม ดำรงตำแหน่งพระครูฐานานุกรมในพระราชาคณะชั้นเทพ ที่ ... " พระครูปลัดมงคล สิริธัมโม " ณ อุโบสถวัดอมรญาติสมาคม ต.ท่านัด อ.ดำเินินสะดวก จ.ราชบุรี วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม 2554 เวลา 15.39 น. จึงขอเชิญพุทธศาสนิกชนทุกท่านแสดงมุิทิตาสักการะโดยพร้อมเพรียงกันจากเมล FB
|
|
|
146
|
เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: เห็นธรรมะ ในบทเพลง
|
เมื่อ: ตุลาคม 11, 2011, 09:37:13 pm
|
ตอนนี้ ก็ ต้อทำงานจิตอาสา กันให้มากขึ้น นะครับ ช่วงนี้ กำลังต้องการแรงงาน จิตอาสา กันอยู่ นะครับ ยังมีประชาชน และ วัด ( พระคุณเจ้า ) ที่ประสบอุทกภัย กันอยู่จำนวนมากเลยนะครับ โดยเฉพาะ ในจังหวัด อยุธยา ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง ชัยนาท อุทัยธานี นครสวรรค์
|
|
|
148
|
เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / ทำบุญวันออกพรรษา วัดแก่งขนุน วันที่ 12 ต.ค.54
|
เมื่อ: ตุลาคม 09, 2011, 06:54:31 pm
|
ผมได้รับใบปลิว การทำบุญออกพรรษา จากวัดแก่งขนุน ขอนำมาประกาศให้สมาชิกทราบด้วยครับ
ขอเชิญร่วมทำบุญวันออกพรรษา ตักบาตรเทโว และบริจาคสิ่งของช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ณ วัดแก่งขนุน ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี
วันพุธที่ 12 ต.ค.2554
เวลา 7.00 น. พระสงฆ์ปวารณาออกพรรษา และ ออกรับบิณฑบาตข้าวสาร อาหารแห้ง
รายละเอียด สอบถามได้ที่
086-0100883 081-7599433 081-2930056
|
|
|
149
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ยังมัวหาหนวดเต่า กันอยู่หรือไม่ครับ ?
|
เมื่อ: กันยายน 28, 2011, 09:29:03 am
|
เมื่อเกิดมา เข้าใจธรรม ที่สำคัญ จะผลัดวัน ประกันพรุ่ง ไปถึงไหน ได้พบธรรม ที่รุ่งเรือง ดั่งอำไพ ยังร่ำไร เที่ยวแสวง แฝงมัวเมา
เดินขึ้นเหนือ ไปลงใต้ ไม่สิ้นสุด ไม่รู้หยุด สะดุดใจ ไขความเขลา เที่ยวแสวง แฝงกาย ห่างตัวเรา เหมือนกบเฝ้า รั้งรอ ใต้กอบัว
ยามพระบาท พระุุพุทธเจ้า ปรากฏอยู่ ให้เร่งรู้ ใจตน รีบขวนขวาย ก่อนสัทธรรม อันแท้แท้ จักมลาย รีบขวนขวาย กันเถิด ผองพวกเรา
อย่ามัวเที่ยว แสวง อยู่ภายนอก อย่ากลิ้งกลอก หลอกใจ เป็นมุสา รีบฉวยหลัก พระสัทธรรม อย่าลีลา รีบภาวนา ลาจาก พุทธภูมิ
ครูอาจารย์ นานมา ปรากฏยาก อย่าประมาท จักพลาดพลั้ง ในสงสาร รีบน้อมนำ ปฏิบัติ ในหลักการ อย่าได้คร้าน รีรอ มัวลองดู
ไพศาลี 28 ก.ย.54 กลอนนี้ขอมอบไว้ ให้กับเพื่อน ๆ ครับ เพราะบางครั้งเรามัวแต่คิดว่า ครูอาจารย์จักอยู่กับเราสอนเราไปได้ตลอดนะครับ บางครั้งได้พบครูอาจารย์แล้ว เราก็ยังเที่ยวแสวงหาไปเรื่อยเปื่อย จนกระทั่งครูอาจารย์ก็ล้มหายตายจากกันไปหลายท่าน ในที่สุดเราก็ยังวิ่งวนอยู่กับที่ไม่ไปไหน ทั้งๆ ที่โอกาสก็มีมาแล้ว ผมสูญเสียครูอาจารย์ที่สำคัญไปหลายรูปแล้วครับ แต่ขณะเดียวกันคุณธรรมที่ทำให้ผมมั่นใจว่าจะพ้นจากสังสารวัฏ นั้นยังไม่ปรากฏเลย เป็นเพราะความประมาทของตัวเอง และคิดว่ายังไม่ถึงเวลา ดังนั้น ท่านที่มีโอกาส ก็รีบนำโอกาสมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เถอะครับ หรือท่านทั้งหลาย ยังหาหนวดเต่ากันอยู่ เช่นผม ครับ ?
|
|
|
151
|
เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / รวม งานบุญ ทอดกฐิน ปี 2554
|
เมื่อ: กันยายน 24, 2011, 08:36:30 am
|
กำหนดการทอด กฐินสามัคคี วัดป่าอรัญญวิเวก วันอาทิตย์ ที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๔ แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๑ วันอาทิตย์ ที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๔ ๗.๐๐ น. ใส่บาตร ณ บริเวณลานพระมหาธาตุเจดีย์ ๙ มงคลเหนือสุดสยาม ๙.๓๐ น. ทำพิธีทอดกฐิน (หมายเหตุ) วันเสาร์ ที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๔ ๑๙.๐๐ น. ทำวัตรเย็น ณ ลานพระมหาธาตุเจดีย์ แสดงพระธรรมเทศนา (...กินเจ 27 กันยายน 2554 ถึง วันที่ 5 ตุลาคม 2554..). หลักการ ๑. ไม่มีมหรสพสมโภชน์ ๒. ไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ติดต่อ บัญชา ทิพย์อักษร (ผู้ประสานงาน) 089 - 280 9741 ; Fax. 02 - 968 3961 e - mail : ban.char@hotmail.com 1. ท่านที่ต้องการตั้งกองกฐินเพื่อนำไปร่วม จะพิมพ์ซอง + ใบฎีกา และจัดส่งให้ ฟรี (แจ้งชื่อ ประธาน และ กรรมการ อย่างช้า ไม่ควรเกิน 1 ต.ค. 54) 2. ต้องการซองไปช่วยแจก สามารถแจ้งความประสงค์ได้ กรุณาแจ้ง จำนวนซอง ชื่อ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ 3. โอนเงินเข้า ชื่อบัญชีหลวงพ่อทวี จิตฺตคุตฺโต (หมายเลขโทรศัพท์หลวงพ่อทวี 089 - 999 3644) ธนาคาร กสิกรไทย สาขาพลโยธิน เชียงราย หมายเลข 369 - 2 - 24697 - 6 (โอนเงินเข้าบัญชีของหลวงพ่อ เป็นทางที่ดีที่สุด สะดวกแก่กันและกันทุกฝ่าย หลวงพ่อสะดวกในการไปจ่ายเงินซื้อวัสดุ และ หลวงพ่อไม่ต้องลำบากนำเงินไปเข้าธนาคารด้วยครับ วันทอด เพียงนำสลิปไปแจ้ง หรือแจ้งด้วยวาจา หรือโทรศัพท์แจ้งยอดก็ได้เช่นกันครับ) 4. ท่านที่ต้องการตั้งโรงทาน กรุณาแจ้งด้วย เพื่อจะจัดสถานที่ให้ ชมภาพเกี่ยวข้องได้ที่นี่นะครับ https://skydrive.live.com/?cid=fb8dd597ad011386&sc=photos&ct=photos&sa=156539147#cid=FB8DD597AD011386&id=FB8DD597AD011386!175&sc=photos ข่าวอื่น ๆ จะตามมาเรื่อย ๆ นะครับ
|
|
|
152
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / สาเหตุการเวียนว่าย ตาย เกิด ของสัตว์โลก
|
เมื่อ: กันยายน 15, 2011, 08:21:04 am
|
พระสุตตันตปิฏก ทีฆนิกาย มหาวรรค [๑. มหาปทานสูตร] พระโพธิสัตว์ตรัสรู้ [๕๘] จากนั้น ทรงพระดำริว่า ‘วิญญาณนี้ย่อมหมุนกลับมาจากนามรูป เท่านั้น ไม่เลยไปกว่านั้น เพราะความหมุนกลับเพียงแค่นี้ สัตว์โลกจึงเกิดบ้าง แก่บ้าง ตายบ้าง จุติบ้าง อุบัติบ้าง ความเป็นไปนั้น คือ เพราะนามรูปเป็นปัจจัย วิญญาณจึงมี เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย นามรูปจึงมี เพราะนามรูปเป็นปัจจัย สฬายตนะจึงมี เพราะสฬายตนะเป็นปัจจัย ผัสสะจึงมี เพราะผัสสะเป็นปัจจัย เวทนาจึงมี เพราะเวทนาเป็นปัจจัย ตัณหาจึงมี เพราะตัณหาเป็นปัจจัย อุปาทานจึงมี เพราะอุปาทานเป็นปัจจัย ภพจึงมี เพราะภพเป็นปัจจัย ชาติจึงมี เพราะชาติเป็นปัจจัย ชรา มรณะ โสกะ(ความโศก) ปริเทวะ (ความคร่ำครวญ) ทุกข์(ความทุกข์กาย) โทมนัส(ความทุกข์ใจ) และอุปายาส (ความคับแค้นใจ) จึงมี ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลนี้มีได้ ด้วยประการฉะนี้’
ขอบคุณภาพประกอบจาก http://picdb.thaimisc.comขอบคุณภาพประกอบจาก http://file.siam2web.com
|
|
|
153
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ว่่าด้วยธรรม โดยย่อ ( ที่ควรทราบในหลักการพระพุทธศาสนา )
|
เมื่อ: กันยายน 14, 2011, 08:38:40 am
|
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค [๑. สฬายตนสังยุต] ๒. ทติยปัณณาสก์ ๔. ฉันนวรรค ๓. สังขิตตธัมมสูตร ๓. สังขิตตธัมมสูตร ว่าด้วยธรรมโดยย่อ [๘๖] ท่านพระอานนท์นั่ง ณ ที่สมควร แล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคดังนี้ว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอประทานวโรกาส ขอพระผู้มีพระภาคโปรดแสดงธรรมแก่ข้าพระองค์โดยย่อ ซึ่งข้พระองค์ได้ฟังแล้ว จะพึงหลีกออกไปอยู่คนเดียว ไม่ประมาท มีความเพียร อุทิศกายและใจอยู่เถิด” พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “อานนท์ เธอเข้าใจความข้อนั้นว่าอย่างไร จักขุเที่ยงหรือไม่เที่ยง” “ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า” “ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุข” “เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า” “ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรผันเป็นธรรมดา ควรหรือที่จะพิจารณาเห็นสิ่งนั้นว่า ‘นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นอัตตาของเรา” “ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า” “รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง” “ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า” “จักขุวิญญาณ ฯลฯ จักขุสัมผัส ฯลฯ แม้ความเสวยอารมณ์ที่เป็นสุขหรือทุกข์หรือมิใช่สุขมิใช่ทุกข์ที่เกิดขึ้นเพราะจักขุสัมผัสเป็นปัจจัย เที่ยงหรือไม่เที่ยง” “ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า” “ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุข” “เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า” “ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรผันเป็นธรรมดา ควรหรือที่จะพิจารณาเห็นสิ่งนั้นว่า ‘นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นอัตตาของเรา” “ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า” ฯลฯ “ชิวหาเที่ยงหรือไม่เที่ยง” “ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า” ฯลฯ “ชิวหาวิญญาณ ฯลฯ ชิวหาสัมผัส ฯลฯ แม้ความเสวยอารมณ์ที่เป็นสุขหรือทุกข์หรือมิใช่สุขมิใช่ทุกข์ที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย เที่ยงหรือไม่เที่ยง” “ไม่เที่ยง พระพุทธเจ้าข้า” “ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุข” “เป็นทุกข์ พระพุทธเจ้าข้า” “ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรผันเป็นธรรมดา ควรหรือที่จะพิจารณาเห็นสิ่งนั้นว่า ‘นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นอัตตาของเรา” “ข้อนั้นไม่ควรเลย พระพุทธเจ้าข้า” “อานนท์ อริยสาวกผู้ได้สดับเห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในจักขุ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในรูป ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในจักขุวิญญาณ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในจักขุสัมผัส ฯลฯ ย่อมเบื่อหน่ายแม้ในความเสวยอารมณ์ที่เป็นสุขหรือทุกข์หรือมิใช่สุขมิใช่ทุกข์ที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย เมื่อเบื่อหน่ายย่อมคลายกำหนัดเพราะคลายกำหนัด จิตย่อมหลุดพ้น เมื่อจิตหลุดพ้นแล้ว ก็รู้ว่า ‘หลุดพ้นแล้ว’รู้ชัดว่า ‘ชาติสิ้นแล้ว อยู่จบพรหมจรรย์แล้ว ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ไม่มีกิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้อีกต่อไป” สังขิตตธัมมสูตรที่ ๓ จบขอบคุณภาพจาก http://www.bloggang.com
|
|
|
154
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / สติปัฏฐานกถา
|
เมื่อ: กันยายน 14, 2011, 08:29:16 am
|
พระอภิธรรมปิฎก กถาวัตถุ [๑. มหาวรรค] ๘. สติปัฏฐานกถา เล่มที่ ๓๗ หน้าที่ ๒๓๖ - ๒๔๑
๑ ปร. หมายถึงภิกษุในนิกายอันธกะ (อภิ.ปญฺจ.อ. ๓๐๑/๑๗๙) ๒ เพราะมุ่งถึงธรรมที่เป็นอารมณ์ของสติปัฏฐาน (อภิ.ปญฺจ.อ. ๓๐๑/๑๗๙)
ว่าด้วยสติปัฏฐาน [๓๐๑] สก. สภาวธรรมทั้งปวงเป็นสติปัฏฐานใช่ไหม ปร.๑ใช่๒ สก. สภาวธรรมทั้งปวงเป็นสติ เป็นสตินทรีย์ เป็นสติพละ เป็นสัมมาสติเป็นสติสัมโพชฌงค์ เป็นทางเดียว เป็นเหตุให้ถึงความสิ้นกิเลส ให้ถึงความตรัสรู้ให้ถึงนิพพาน ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ ไม่เป็นอารมณ์ของสังโยชน์ ไม่เป็นอารมณ์ของคันถะ ไม่เป็นอารมณ์ของโอฆะ ไม่เป็นอารมณ์ของโยคะ ไม่เป็นอารมณของนิวรณ์ ไม่เป็นอารมณ์ของปรามาส ไม่เป็นอารมณ์ของอุปาทาน ไม่เป็น อารมณ์ของกิเลส สภาวธรรมทั้งปวงเป็นพุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติสีลานุสสติ จาคานุสสติ เทวตานุสสติ อานาปานสติ มรณานุสสติ กายคตาสติอุปสมานุสสติใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น๑ ฯลฯ สก. สภาวธรรมทั้งปวงเป็นสติปัฏฐานใช่ไหม ปร. ใช่ สก. จักขายตนะเป็นสติปัฏฐานใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. จักขายตนะเป็นสติปัฏฐานใช่ไหม ปร. ใช่ สก. จักขายตนะเป็นสติ เป็นสตินทรีย์ เป็นสติพละ เป็นสัมมาสติ เป็นสติสัมโชฌงค์ เป็นทางเดียว เป็นเหตุให้ถึงความสิ้นกิเลส ให้ถึงความตรัสรู้ ให้ถึงนิพพาน ไม่เป็นอารมณ์ของอาสวะ ไม่เป็นอารมณ์ของสังโยชน์ ฯลฯ ไม่เป็นอารมณ์ของสังกิเลส จักขายตนะ เป็นพุทธานุสสติ ธัมมานุสสติ สังฆานุสสติสีลานุสสติ จาคานุสสติ เทวตานุสสติ อานาปานสติ มรณานุสสติ กายคตาสติอุปสมานุสสติใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. โสตายตนะ ฯลฯ ฆานายตนะ ฯลฯ ชิวหายตนะ ฯลฯ กายายตนะฯลฯ รูปายตนะ ฯลฯ สัททายตนะ ฯลฯ คันธายตนะ ฯลฯ รสายตนะ ฯลฯโผฏฐัพพายตนะ ฯลฯ ราคะ ฯลฯ โทสะ ฯลฯ โมหะ ฯลฯ มานะ ฯลฯ ทิฏฐิฯลฯ วิจิกิจฉา ฯลฯ ถีนะ ฯลฯ อุทธัจจะ ฯลฯ อหิริกะ ฯลฯ อโนตตัปปะเป็นสติปัฏฐานใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. อโนตตัปปะเป็นสติปัฏฐานใช่ไหม ปร. ใช่ สก. อโนตตัปปะเป็นสติ เป็นสตินทรีย์ เป็นสติพละ เป็นสัมมาสติ ฯลฯ เป็นกายคตาสติ เป็นอุปสมานุสสติใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. สติเป็นสติปัฏฐาน และสติที่เป็นสติปัฏฐานนั้นเป็นสติใช่ไหม ปร. ใช่ สก. จักขายตนะเป็นสติปัฏฐาน และจักขายตนะที่เป็นสติปัฏฐานนั้นเป็นสติ ใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. สติเป็นสติปัฏฐาน และสติที่เป็นสติปัฏฐานนั้นเป็นสติใช่ไหม ปร. ใช่ สก. โสตายตนะ ฯลฯ กายายตนะ ฯลฯ รูปายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะฯลฯ ราคะ ฯลฯ โทสะ ฯลฯ โมหะ ฯลฯ มานะ ฯลฯ อโนตตัปปะเป็นสติปัฏฐานและอโนตตัปปะที่เป็นสติปัฏฐานนั้นเป็นสติใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. จักขายตนะเป็นสติปัฏฐาน แต่จักขายตนะที่เป็นสติปัฏฐานนั้นไม่เป็นสติ ใช่ไหม ปร. ใช่ สก. สติเป็นสติปัฏฐาน แต่สติที่เป็นสติปัฏฐานนั้นไม่เป็นสติใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. โสตายตนะ ฯลฯ กายายตนะ ฯลฯ รูปายตนะ ฯลฯ โผฏฐัพพายตนะฯลฯ ราคะ ฯลฯ โทสะ ฯลฯ โมหะ ฯลฯ อโนตตัปปะเป็นสติปัฏฐาน แต่อโนตตัปปะที่เป็นสติปัฏฐานนั้นไม่เป็นสติใช่ไหม ปร. ใช่ สก. สติเป็นสติปัฏฐาน แต่สติที่เป็นสติปัฏฐานนั้นไม่เป็นสติใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ [๓๐๒] ปร. ท่านไม่ยอมรับว่า “สภาวธรรมทั้งปวงเป็นสติปัฏฐาน” ใช่ไหม สก. ใช่ ปร. สติปรารภสภาวธรรมทั้งปวงจึงตั้งมั่นได้มิใช่หรือ สก. ใช่ ปร. หากสติปรารภสภาวธรรมทั้งปวงจึงตั้งมั่นได้ ดังนั้น ท่านจึงควรยอมรับว่า “สภาวธรรมทั้งปวงเป็นสติปัฏฐาน” สก. สติปรารภสภาวธรรมทั้งปวงจึงตั้งมั่นได้ ดังนั้น สภาวธรรมทั้งปวงจึงเป็นสติปัฏฐานใช่ไหม ปร. ใช่ สก. ผัสสะปรารภสภาวธรรมทั้งปวงจึงตั้งมั่นได้ ดังนั้น สภาวธรรมทั้งปวงจึงเป็นผัสสปัฏฐานใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. สติปรารภสภาวธรรมทั้งปวงจึงตั้งมั่นได้ ดังนั้น สภาวธรรมทั้งปวงจึงเป็นสติปัฏฐานใช่ไหม ปร. ใช่ สก. เวทนาปรารภสภาวธรรมทั้งปวงจึงตั้งมั่นได้ ฯลฯ สัญญา ฯลฯ เจตนาฯลฯ จิตปรารภสภาวธรรมทั้งปวงจึงตั้งมั่นได้ เพราะเหตุนั้น สภาวธรรมทั้งปวงจึงเป็นจิตตปัฏฐานใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. สภาวธรรมทั้งปวงเป็นสติปัฏฐานใช่ไหม ปร. ใช่ สก. สัตว์ทั้งปวงมีสติตั้งมั่น ประกอบด้วยสติ มั่นคงด้วยสติ สติปรากฏแก่สัตว์ทั้งปวงใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ [๓๐๓] สก. สภาวธรรมทั้งปวงเป็นสติปัฏฐานใช่ไหม ปร. ใช่ สก. พระสูตรที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ว่า “ภิกษุทั้งหลาย ชนเหล่าใดไม่เจริญกายคตาสติ ชนเหล่านั้นชื่อว่าไม่บรรลุอมตธรรม ชนเหล่าใดเจริญกายคตาสติชนเหล่านั้นชื่อว่าบรรลุอมตธรรม” ๑ มีอยู่จริงมิใช่หรือ ปร. ใช่ สก. สัตว์ทั้งปวงเจริญ ได้เฉพาะ ซ่องเสพ เจริญ ทำให้มากซึ่งกายคตาสติใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. สภาวธรรมทั้งปวงเป็นสติปัฏฐานใช่ไหม ปร. ใช่ สก. พระสูตรที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ว่า “ภิกษุทั้งหลาย ทาง๒ นี้เป็นทางเดียว ๓ เพื่อความบริสุทธ์ของเหล่าสัตว์ เพื่อล่วงโสกะและปริเทวะ เพื่อดับทุกข์และโทมนัสเพื่อบรรลุญายธรรม๔ เพื่อทำให้แจ้งนิพพาน ทางนี้คือสติปัฏฐาน ๔ ”๕ มีอยู่จริงมิใช่หรือ ปร. ใช่ สก. สภาวธรรมทั้งปวงเป็นทางสายเดียวใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
๑ ดูเทียบ องฺ.เอกก. (แปล) ๒๐/๖๐๐/๕๔ ๒ ทาง หมายถึงทางดำเนินไปสู่นิพพานหรือทางที่ผู้ต้องการนิพพานควรดำเนินไป (ที.ม.อ. ๒/๓๗๑/๓๖๑) ๓ ทางเดียว มีความหมาย ๔ นัย คือ (๑) ทางที่บุคคลผู้ละการเกี่ยวข้องกับหมู่คณะไปประพฤติธรรมอยู่ แต่ผู้เดียว (๒) ทางสายเดียวที่พระพุทธเจ้าทรงทำให้เกิดขึ้น เป็นทางของบุคคลผู้เดียวคือพระผู้มีพระภาค (๓) ข้อปฏิบัติในศาสนาเดียวคือพระพุทธศาสนา (๔) ทางดำเนินไปสู่จุดหมายเดียวคือนิพพาน (ที.ม.อ. ๒/๓๗๓/๓๕๙, ม.มู.อ. ๑/๑๐๖/๒๔๔) ๔ ญายธรรม หมายถึงอริยมรรค (ที.ม.อ. ๒/๒๑๔/๑๙๗, ม.มู.อ. ๑/๑๐๖/๒๕๑) ๕ ดูเทียบ ที.ม. (แปล) ๑๐/๓๗๓/๓๐๑, ม.มู. (แปล) ๑๒/๑๐๖/๑๐๑, สํ.ม. (แปล) ๑๙/๓๖๗/๒๑๐
สก. สภาวธรรมทั้งปวงเป็นสติปัฏฐานใช่ไหม ปร. ใช่ สก. พระสูตรที่พระผู้มีพระภาคตรัสไว้ว่า “ภิกษุทั้งหลาย เพราะพระเจ้าจักรพรรดิปรากฏ แก้ว ๗ ประการจึงปรากฏ แก้ว ๗ ประการ อะไรบ้าง คือ(๑) จักรแก้ว (๒) ช้างแก้ว (๓) ม้าแก้ว (๔) มณีแก้ว (๕) นางแก้ว (๖) คหบดีแก้ว(๗) ปริณายกแก้ว เพราะพระเจ้าจักรพรรดิปรากฏ แก้ว ๗ ประการนี้จึงปรากฏ ภิกษุทั้งหลาย เพราะตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าปรากฏ แก้วคือโพชฌงค์๗ ประการจึงปรากฏ แก้ว ๗ ประการ อะไรบ้าง คือ (๑) แก้วคือสติสัมโพชฌงค์(๒) แก้วคือธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ (๓) แก้วคือวิริยสัมโพชฌงค์ (๔) แก้วคือปีติ-สัมโพชฌงค์ (๕) แก้วคือปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ (๖) แก้วคือสมาธิสัมโพชฌงค์(๗) แก้วคืออุเบกขาสัมโพชฌงค์ เพราะตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าปรากฏแก้วคือโพชฌงค์ ๗ ประการนี้จึงปรากฏ” ๑ มีอยู่จริงมิใช่หรือ ปร. ใช่ สก. เพราะตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าปรากฏ สภาวธรรมทั้งปวงที่เป็นแก้วคือสติสัมโพชฌงค์จึงปรากฏใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สก. สภาวธรรมทั้งปวงเป็นสติปัฏฐานใช่ไหม ปร. ใช่ สก. สภาวธรรมทั้งปวงเป็นสัมมัปปธาน ฯลฯ เป็นอิทธิบาท ฯลฯ เป็นอินทรีย์ ฯลฯ เป็นพละ ฯลฯ เป็นโพชฌงค์ใช่ไหม ปร. ไม่ควรกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ สติปัฏฐานกถา จบ
|
|
|
155
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: พึงสดับ อะไรบ่อย เพื่อการแทงตลอด
|
เมื่อ: กันยายน 09, 2011, 08:45:54 am
|
พระสุตตัตนตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทุกนิบาต [๒. ทุติยปัณณาสก์] ๕. โลณผลวรรค ๔. ปริสาสูตร เล่้มที่ ๒๐ หน้า ๒๓๘ ๓. สรทสูตร ว่าด้วยธรรมจักษุกับท้องฟ้าในสารทกาล [๙๕] ภิกษุทั้งหลาย เมื่อท้องฟ้าแจ่มใสปราศจากเมฆหมอกในสารทกาล๑ ดวงอาทิตย์ส่องแสงไปทั่วท้องฟ้า ขจัดความมืดมัวที่อยู่ในอากาศทั้งหมด ส่องแสง แผดแสงและส่องสว่างอยู่ ฉันใด
ฉันนั้นเหมือนกันแล เมื่อธรรมจักษุ๒ที่ปราศจากธุลี ปราศจากมลทินเกิดแก่อริยสาวก พร้อมกับการเกิดขึ้นแห่งทัสสนะ อริยสาวกย่อมละสังโยชน์ ๓ ประการคือ สักกายทิฏฐิ(ความเห็นว่าเป็นตัวของตน) วิจิกิจฉา(ความลังเลสงสัย) และสีลัพพตปรามาส(ความถือมั่นศีลพรต)
ลำดับต่อมา อริยสาวกออกจากธรรม ๒ ประการ คือ อภิชฌา(ความเพ่งเล็งอยากได้ของเขา) และพยาบาท(ความคิดร้าย) อริยสาวกนั้นสงัดจากกามและอกุศล-ธรรมทั้งหลาย บรรลุปฐมฌานที่มีวิตก วิจาร ปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวกอยู่
ภิกษุทั้งหลาย ถ้าอริยสาวกพึงตายลงในขณะนั้น เธอไม่มีสังโยชน์ที่เป็นเหตุให้ต้องกลับมาสู่โลกนี้อีก
|
|
|
156
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: พึงสดับ อะไรบ่อย เพื่อการแทงตลอด
|
เมื่อ: กันยายน 09, 2011, 08:38:20 am
|
พระวินัยปิฎก มหาวรรค [๑.มหาขันธกะ] ๖.ปัญจวัคคิยกถา เล่ม ๔ หน้า ๒๘ ภิกษุทั้งหลาย เมื่อใด ความรู้เห็นตามเป็นจริงของเราในอริยสัจ ๔ เหล่านี้ ๓ รอบ ๑๒ อาการอย่างนี้ หมดจดดีแล้ว เมื่อนั้น เราจึงยืนยันได้ว่า เป็นผู้ตรัสรู้สัมมาสัมโพธิญาณอันยอดเยี่ยมในโลก กับทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์ ญาณทัสสนะเกิดขึ้นแก่เราว่า “ความหลุดพ้นของเราไม่กำเริบ ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย บัดนี้ ภพใหม่ไม่มีอีก” เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสเวยยากรณ์นี้๑อยู่ ธรรมจักษุ อันปราศจากธุลีปราศจากมลทินได้เกิดแก่ท่านพระโกณฑัญญะว่า “สิ่งใดสิ่งหนึ่ง มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาสิ่งนั้นทั้งปวง มีความดับไปเป็นธรรมดา”หมายเหตุ
ธรรมจักษุ แปลว่า ดวงตาเห็นธรรม คือ โสดาปัตติมรรคญาณ (วิ.อ. ๓/๕๖/๒๗)
|
|
|
158
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / พึงสดับ อะไรบ่อย เพื่อการแทงตลอด
|
เมื่อ: กันยายน 08, 2011, 07:52:57 am
|
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต [๔.จตุตถปัณณาสก์] ๔.โยธาชีววรรค ๗.วัสสการสูตร เล่มที่ ๒๑ หน้า ๒๖๘ พระผู้มีพระภาคตรัสต่อไปอีกว่า “ภิกษุในธรรมวินัยนี้ได้สดับว่า ‘นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย (เหตุเกิดทุกข์) นี้ทุกขนิโรธ (ความดับทุกข์) นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา(ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับทุกข์) และเห็นแจ้งแทงตลอดเนื้อความแห่งคำที่สดับนั้นด้วยปัญญา บุคคลผู้สดับ มีปัญญาชำแรกกิเลส เป็นอย่างนี้แล”
|
|
|
159
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / บุคคลผู้กลัว และ สะดุ้งกลัว ต่อ ความตาย ( มรณานุสสติ ยามเช้า )
|
เมื่อ: กันยายน 08, 2011, 07:41:39 am
|
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต [๔.จตุตถปัณณาสก์] ๔.โยธาชีววรรค ๔.อภยสูตร เล่มที่ ๒๓ หน้าที่ ๒๖๑ พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “พราหมณ์ บุคคลผู้มีความตายเป็นธรรมดากลัวถึงความสะดุ้งต่อความตายมีอยู่ และบุคคลผู้มีความตายเป็นธรรมดา ไม่กลัว ไม่ถึงความสะดุ้งต่อความตายก็มีอยู่ บุคคลผู้มีความตายเป็นธรรมดากลัว ถึงความสะดุ้งต่อความตาย เป็นอย่างไรคือ บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้ยังไม่ปราศจากความกำหนัด ไม่ปราศจากความพอใจ ไม่ปราศจากความรัก ไม่ปราศจากความกระหาย ไม่ปราศจากความเร่าร้อน ไม่ปราศจากความอยากในกามทั้งหลาย โรคหนักบางอย่างกระทบเขาเข้าเมื่อเขาถูกโรคหนักบางอย่างกระทบเข้าจึงมีความคิดอย่างนี้ว่า ‘กามอันเป็นที่รักจักละเราไปหนอ และเราก็จักละกามอันเป็นที่รักไป’ เขาย่อมเศร้าโศก ลำบากใจ ร่ำไรทุบอกคร่ำครวญ ถึงความเลอะเลือน นี้แลคือบุคคลผู้มีความตายเป็นธรรมดากลัว ถึงความสะดุ้งต่อความตาย
ยังมีอีก บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้ยังไม่ปราศจากความกำหนัด ไม่ปราศจากความพอใจ ไม่ปราศจากความรัก ไม่ปราศจากความกระหาย ไม่ปราศจากความเร่าร้อน ไม่ปราศจากความอยากในกามทั้งหลาย โรคหนักบางอย่างกระทบเขาเข้าเมื่อเขาถูกโรคหนักบางอย่างกระทบเข้าจึงมีความคิดอย่างนี้ว่า ‘กายอันเป็นที่รักจักละเราไปหนอ และเราก็จักละกายอันเป็นที่รักไป’ เขาย่อมเศร้าโศก ลำบากใจ ร่ำไรทุบอกคร่ำครวญ ถึงความเลอะเลือน นี้แลคือบุคคลผู้มีความตายเป็นธรรมดากลัวถึงความสะดุ้งต่อความตาย ยังมีอีก บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้ยังไม่ได้ทำความดีไว้ ยังไม่ได้สร้างกุศลไว้ไม่ได้ทำที่ป้องกันสิ่งน่ากลัว ทำแต่ความชั่ว ทำแต่กรรมหยาบช้า และทำแต่กรรมเศร้าหมอง โรคหนักบางอย่างกระทบเขาเข้า เมื่อเขาถูกโรคหนักบางอย่างกระทบเข้าจึงมีความคิดอย่างนี้ว่า ‘เรายังไม่ได้ทำความดีไว้หนอ ยังไม่ได้ทำกุศลไว้ ไม่ได้ทำที่ป้องกันสิ่งน่ากลัวไว้ ทำแต่ความชั่ว ทำแต่กรรมหยาบช้า ทำแต่กรรมเศร้าหมองเราตายแล้วจะไปสู่คติของผู้ไม่ได้ทำความดีไว้ ไม่ได้ทำกุศลไว้ ไม่ได้ทำที่ป้องกันสิ่งน่ากลัว ทำแต่ความชั่ว ทำแต่กรรมหยาบช้า ทำแต่กรรมเศร้าหมองนั้น’ เขาย่อมเศร้าโศก ลำบากใจ ร่ำไร ทุบอกคร่ำครวญ ถึงความเลอะเลือน นี้แลคือบุคคลผู้มีความตายเป็นธรรมดากลัว ถึงความสะดุ้งต่อความตาย
ยังมีอีก บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้มีความสงสัย เคลือบแคลงใจ ไม่ถึงความตกลงใจใสัทธรรม โรคหนักบางอย่างกระทบเขาเข้า เมื่อเขาถูกโรคหนักบางอย่างกระทบเข้าจึงมีความคิดอย่างนี้ว่า ‘เรามีความสงสัยเคลือบแคลงใจ ไม่ถึงความตกลง ใจในสัทธรรมหนอ’ เขาย่อมเศร้าโศก ลำบากใจ ร่ำไร ทุบอกคร่ำครวญถึงความเลอะเลือน นี้แลคือบุคคลผู้มีความตายเป็นธรรมดากลัว ถึงความสะดุ้งต่อ ความตาย
พราหมณ์ บุคคลผู้มีความตายเป็นธรรมดา ๔ จำพวกนี้แลกลัว ถึงความสะดุ้งต่อความตาย
|
|
|
160
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: พระปิงคิยะ ผู้ภาวนา พุทธานุสสติกรรมฐาน คาถาที่ 3
|
เมื่อ: กันยายน 07, 2011, 08:15:01 am
|
[๑๑๕] (พระปิงคิยเถระกล่าวว่า) อาตมภาพชราแล้ว มีกำลังและเรี่ยวแรงน้อย เพราะเหตุนั้นแล ร่างกายจึงไปในสถานที่ ที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ไม่ได้ แต่อาตมภาพไปเฝ้าพระองค์เป็นนิจ โดยการไปด้วยความดำริ ท่านพราหมณ์ เพราะว่าใจของอาตมภาพเกาะเกี่ยวอยู่กับสถานที่ ที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่นั้น คำว่า ชราแล้ว ในคำว่า อาตมภาพชราแล้ว มีกำลังและเรี่ยวแรงน้อยได้แก่ ชราแล้ว คือ เป็นผู้เฒ่า สูงอายุ ล่วงกาลมามาก ผ่านวัยมามาก รวมความว่าชราแล้ว
คำว่า มีกำลังและเรี่ยวแรงน้อย ได้แก่ เป็นผู้เฒ่า คือ มีเรี่ยวแรงน้อยลงมีเรี่ยวแรงนิดเดียว รวมความว่า อาตมภาพชราแล้ว มีกำลังและเรี่ยวแรงน้อย
คำว่า ร่างกายจึงไปในสถานที่ที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ไม่ได้ อธิบายว่าร่างกายไปไม่ได้ คือ มิได้ถึง มิได้เดินทางไป มิได้ก้าวไปทางที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่รวมความว่า ร่างกายจึงไปในสถานที่ที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ไม่ได้
คำว่า แต่อาตมภาพไปเฝ้าพระองค์เป็นนิจ โดยการไปด้วยความดำริอธิบายว่า อาตมภาพไปเฝ้า คือ ถึง เดินทางไป ก้าวไปโดยการไปด้วยความดำริคือ โดยการไปด้วยความตรึก ด้วบญาณ ด้วยปัญญา ด้วยความรู้ รวมความว่าแต่อาตมภาพไปเฝ้าพระองค์เป็นนิจ โดยการไปด้วยความดำริ
คำว่า ใจ ในคำว่า ท่านพราหมณ์ เพราะว่าใจของอาตมภาพเกาะเกี่ยวอยู่กับสถานที่ที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่นั้น ได้แก่ จิต มโน มานัส หทัย ปัณฑระมนะ มนายตนะ มนินทรีย์ วิญญาณ วิญญาณขันธ์ และมโนวิญญาณธาตุ ที่เกิดจากวิญญาณขันธ์นั้น
คำว่า ท่านพราหมณ์ เพราะว่าใจของอาตมภาพเกาะเกี่ยวอยู่กับสถานที่ที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่นั้น อธิบายว่า ใจของอาตมภาพเกาะเกี่ยว คือ เกี่ยวเนื่องผูกพันกับสถานที่ที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่แล้ว รวมความว่า ท่านพราหมณ์ เพราะว่าใจของอาตมภาพเกาะเกี่ยวอยู่กับสถานที่ที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่นั้น ด้วยเหตุนั้นพระปิงคิยเถระจึงกล่าวว่า อาตมภาพชราแล้ว มีกำลังและเรี่ยวแรงน้อย เพราะเหตุนั้นแล ร่างกายจึงไปในสถานที่ ที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่ไม่ได้ แต่อาตมภาพไปเฝ้าพระองค์เป็นนิจ โดยการไปด้วยความดำริ ท่านพราหมณ์ เพราะว่าใจของอาตมภาพเกาะเกี่ยวอยู่กับสถานที่ ที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่นั้น
|
|
|
|