พระอริยบุคคลมีตั้งแต่โสดาบันขึ้นไป โสดาบัน ก็ยังยิ้ม ยังอะไรได้นะผมว่า =]
เมื่อก่อนก็คิดว่าพระอรหันต์ต้องสำรวมมากๆ พอมาเจอพระอาจารย์รูปหนึ่งเป็นพระปฏิบัติ เคยอุปฐากครูบาอาจารย์หลายรูป รวมถึงหลวงตามหาบัวด้วย พระอาจารย์ท่านนี้ เกศาของท่านกลายเป็นพระธาตุ แม่้ขณะนี้ท่านยังคงสังขารอยู่ ท่านมีกริยาไม่สำรวมเลยครับ หากใครไม่รู้ ไม่ฟังธรรมจากท่าน ก็คงจะปรามาสได้ง่ายๆ ธรรมที่ท่านเทศน์ ก็ตรงกับจริตของคนกลุ่มหนึ่ง ตอนผมไปฟังท่านเทศน์ ก็คิดแล้ว คิดอีก จิตส่งออกนอกตลอดเวลาว่า เอ๊ะ ท่านเทศน์อย่างนี้ ได้หรอ? ถูกหรอ? ท่นนทำเช่นนี้ไม่อาบัติหรอ? เพ่งโทษ พระอาจารย์รูปนั้นไป
จนลืมไปว่า เคยอ่านธรรมะอยู่บทที่ที่ว่า บุคคลในโลกนี้มีสี่ประเภท คือ หม้อเปล่าเปิดฝา หม้อเปล่าปิดฝา หม้อที่มีแกงเต็มเปิดฝา หมอที่มีแกงเต็มปิดฝา
ซึ่งมันหมายถึง1 คนที่ไม่มีคุณธรรมอะไร มี พฤติกรรมไม่สำรวจ ไม่ดูสุขุม
2 คนที่ไม่มีคุณธรรมขั้นสูงอะไร แต่ประพฤติตนเคร่งครัดน่าเลื่อมใส ศรัทธา สุขุม นุ่นลึกเหมือนมีคุณธรรมสูง
3 คนที่มีคุณธรรมสูง แต่มีอากัปกิริยาไม่สำรวมเท่าใดนัก
4 คนที่มีคุณธรรมสูง และมีอากัปกิริยาสงบ สำรวม น่าเลื่อมใส
นอกจากนี้นะครับ ระหว่างฟังเทศน์ มีคนถามพระอาจารย์รุปนั้นว่า มีคนบอกว่าท่านเป็นพระอรหันต์ จริงหรือไม่? ท่านบอกว่า นี่ไง เอาหันซ้ายหรือหันขวาดี (หัวเราะ)
ท่านบอกว่า ท่านไม่ใช่พระอรหันต์ พระอรหันต์นั่นมันสมมติ มันเป็นตำแหน่ง
และตอนท้ายของเทศน์นั้น ท่านบอกว่า ที่เกศาของท่านกลายเป็นพระธาตุ หรือของครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆกลายเป็นพระธาตุนั้น เพราะจิตมันเข้าถึงธรรม เข้าถึงธาตุธรรม ท่านยังทรงสังขารอยู่ ท่านเลยมาบอกได้ ท่านว่า ท่านไม่ได้หลงไม่ได้อยากจะส่งจิตออกนอก รู้ว่าระจิตคนอื่น ไม่ได้อยากมีคุณวิเศษอะไร เพราะนั่นมันเรื่องนอกตัว นอกกาย จิตต้องอยู่ต้องดูที่ตัวเอง อย่าส่งจิตออกนอก ครูอาจารย์ท่านสอนท่าน แล้วจิตของท่านมันดิ่ง มันทะลุตรงไปถึงจุดหมายเลย ชาตินี้ของท่านเป็นชาติสุดท้าย...
(จากความจำนะครับ ท่านไม่ได้เทศน์เช่นนี้เป๊ะเป๊ะ)
ผมว่า วิธีดูอากัปกิริยานั้น มันไม่ใช่วิธีดูคุณธรรมของพระนะครับ บางอากัปกิริยา พระท่านก็ทำไปตามเหตุปัจจัย ตามวาสนาที่สั่งสมมา ในสมัยพุทธกาลเคยมีพระอรหัต์ท่านหนึ่งมีวาสนาพูดคำหยาบคาย ก็ติดคำสบถนั้นมาก็มี แต่ จิตของท่านไม่ได้ยินดียินร้ายในอากัปกิริยานั้นๆแล้ว ท่านละกิเลสหมดแล้ว และจิตบางจิต ก็ไม่ใช่กิเลส เช่น โสมนัสจิต ที่ทำให้น้ำตาไหลออกมาด้วยปิติ หรืออาการจากปิติอื่นๆ ที่ทำให้ ไม่ได้อยู่นิ่งๆ แล้วสงบสำรวมตลอดเวลา
ดังนั้น วิธีดูที่ท่าน จขกท บอกมานั้น ผมเห็นว่า ไม่ใช่วิธีดูที่ครอบคลุมและถูกตรงทั้งหมดครับ = ]
จากคุณ : OnceWakeUp