ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

ผู้เขียน หัวข้อ: ทำไม วัดถึงต้องกำหนดให้ผู้หญิงที่ไปปฏิบัติธรรม นุ่งผ้าถุง คะ ทำไมไม่ให้ใส่กางเกง  (อ่าน 5164 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

sinjai

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 144
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0
ทำไม วัดถึงต้องกำหนดให้ผู้หญิงที่ไปปฏิบัติธรรม นุ่งผ้าถุง คะ ทำไมไม่ให้ใส่กางเกง

  คือเวลาไปปฏิบัติธรรม แล้ว ทางวัดบอกว่ามีระเบียบให้ผู้ปฏิบัติธรรม ที่เป็นผู้หญิง ต้องนุ่งผ้าถุง ไม่ให้ใช้กางเกง เป็นเพราะอะไร คะ ห

  :smiley_confused1:





คือแบบว่าต้องแต่งตัวไป ปฏิบัติธรรมกันประมาณนี้ใช่หรือไม่คะ



 ภาพประกอบเท่านั้นคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธันวาคม 26, 2012, 09:15:32 am โดย sinjai »
บันทึกการเข้า

sinjai

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 144
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


 คือถ้าแต่งแบบนี้ ทางวัดไม่ยินยอม
บันทึกการเข้า

sinjai

  • กำลังแหวกกระแส
  • **
  • ผลบุญ: +1/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • เพศ: หญิง
  • กระทู้: 144
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
0


 คือไปหลาย ๆ วัดแล้วต้องการให้แต่งตัวประมาณนี้ แบบนี้
แต่ความคิดส่วนตัว คือ ใส่กางเกง เวลานั่ง ทำงานคล่องแคล่ว กว่า คะ

  :smiley_confused1: :smiley_confused1: :smiley_confused1:
บันทึกการเข้า

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0


พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑ 
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค

๖. ปาสาทิกสูตร (๒๙)
ว่าด้วยองค์ที่ทำให้พรหมจรรย์บริบูรณ์
   
     [๑๐๔]ดูกรจุนทะ เมื่อใดแล พรหมจรรย์ประกอบด้วยองค์เหล่านี้ คือ ศาสดาเป็นเถระ เป็นผู้รู้ราตรีนาน เป็นผู้บวชนาน เป็นผู้ล่วงกาล ผ่านวัยมา โดยลำดับ
 
      ภิกษุทั้งหลาย ผู้เป็นสาวกของศาสดานั้นก็เป็นเถระเชี่ยวชาญ ได้รับ แนะนำแล้ว แกล้วกล้า บรรลุธรรมเป็นแดนเกษมจากโยคะแล้ว สามารถเพื่อจะ กล่าวพระสัทธรรมได้โดยชอบ สามารถเพื่อแสดงธรรมให้มีปาฏิหาริย์ข่มขี่ปรัปปวาทที่เกิดขึ้นแล้วเสียได้ด้วยดี โดยชอบธรรม

{ปรัปปวาท (ลัทธิของเจ้าลัทธิอื่น)}

      ภิกษุทั้งหลายที่เป็นสาวกของศาสดานั้น ที่เป็นผู้ปานกลางก็มีอยู่
      ภิกษุทั้งหลายผู้เป็นสาวกของศาสดานั้น ที่ เป็นผู้ใหม่ก็มีอยู่
      ภิกษุณีทั้งหลายผู้เป็นสาวิกาของศาสดานั้นที่เป็นเถรีก็มีอยู่
      ภิกษุณีทั้งหลายผู้เป็นสาวิกาของศาสดานั้นที่เป็นผู้ใหม่ก็มีอยู่

     อุบาสกทั้งหลายที่เป็นสาวกของศาสดานั้น ที่เป็นคฤหัสถ์นุ่งขาวห่มขาวประพฤติพรหมจรรย์ก็มีอยู่
     อุบาสกทั้งหลายผู้เป็นสาวกของศาสดานั้น ที่เป็นคฤหัสถ์นุ่งขาวห่มขาวบริโภคกามก็มีอยู่
     อุบาสิกาทั้งหลาย ที่เป็นสาวิกาของศาสดานั้น ที่เป็นคฤหัสถ์นุ่งขาวห่มขาวประพฤติพรหมจรรย์ก็มีอยู่
     อุบาสิกาทั้งหลาย ผู้เป็นสาวิกาของศาสดานั้น ที่เป็นคฤหัสถ์นุ่งขาวห่มขาวบริโภคกามก็มีอยู่


     และพรหมจรรย์ของศาสดานั้นก็เป็นปาพจน์สำเร็จแพร่หลายกว้างขวาง ชนเป็นอันมาก รู้ได้ เป็นปึกแผ่นพอที่เทพดามนุษย์ทั้งหลายประกาศได้ด้วยดี และถึงความ เลิศด้วยลาภ เลิศด้วยยศแล้วอย่างนี้ พรหมจรรย์นั้นย่อมบริบูรณ์ด้วยองค์นั้น เมื่อนั้น ฯ


    


     [๑๐๕] ดูกรจุนทะ ก็บัดนี้ เราแลเป็นศาสดาผู้เป็นอรหันตสัมมาสัมพุทธะ เกิดขึ้นแล้วในโลก ธรรมเล่าก็เป็นธรรมอันเรากล่าวดีแล้ว ประกาศดีแล้ว เป็นธรรมที่จะนำผู้ปฏิบัติให้ออกจากทุกข์ได้ เป็นไปเพื่อความสงบระงับ เป็นธรรมอันเราผู้เป็นสัมมาสัมพุทธะประกาศไว้แล้ว

      สาวกทั้งหลายของเราเล่า ก็เป็นผู้ รู้แจ้งอรรถในสัทธรรม และพรหมจรรย์อันบริบูรณ์สิ้นเชิงเล่าก็เป็นพรหมจรรย์ อันเราทำให้แจ้งแล้ว ทำให้ตื้นแล้ว ทำให้มีบทรวบรวมไว้พร้อมแล้ว ทำให้มีปาฏิหาริย์พอที่เทพดามนุษย์ทั้งหลายประกาศได้ด้วยดีแก่เหล่าสาวกแล้ว


     ดูกรจุนทะ ก็บัดนี้เราแลเป็นศาสดาผู้เถระ ผู้รู้ราตรีนาน ผู้บวชนาน ผู้ล่วงกาลผ่านวัยมา โดยลำดับ ฯ

     [๑๐๖] ดูกรจุนทะ ก็บัดนี้ ภิกษุสาวกของเราเป็นเถระ เป็นผู้เชี่ยวชาญ ได้รับแนะนำแล้ว เป็นผู้แกล้วกล้า บรรลุธรรมเป็นแดนเกษมจากโยคะแล้ว สามารถเพื่อจะกล่าวพระสัทธรรมได้โดยชอบ สามารถเพื่อจะแสดงธรรมให้มี ปาฏิหาริย์ข่มขี่ปรัปปวาทที่เกิดขึ้นแล้วเสียได้ด้วยดีโดยชอบธรรมมีอยู่

     ดูกรจุนทะ บัดนี้ ภิกษุสาวกทั้งหลายของเรา ผู้เป็นเถระก็มีอยู่ ผู้ปานกลางก็มีอยู่ ผู้ใหม่ก็มีอยู่
     ดูกรจุนทะ บัดนี้ ภิกษุณีสาวิกาทั้งหลายของเรา ผู้เป็นเถรีก็มีอยู่ ผู้ปานกลางก็มีอยู่ ผู้ใหม่ก็มีอยู่
     ดูกรจุนทะ อุบาสกสาวกทั้งหลายของเรา ผู้เป็นคฤหัสถ์นุ่งขาวห่มขาวประพฤติพรหมจรรย์ก็มีอยู่ บริโภคกามก็มีอยู่
     ดูกรจุนทะ บัดนี้ อุบาสิกา สาวิกาทั้งหลายของเรา ผู้เป็นคฤหัสถ์นุ่งขาวห่มขาวประพฤติพรหมจรรย์ก็มีอยู่ บริโภคกามก็มีอยู่


     ดูกรจุนทะ อนึ่งในบัดนี้ พรหมจรรย์ของเราก็สำเร็จผลแพร่หลาย กว้างขวาง ชนเป็นอันมากรู้ได้ เป็นปึกแผ่น
พอที่เทพดามนุษย์ทั้งหลายประกาศไว้ ด้วยดีแล้ว ฯ



อ้างอิง
เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑  บรรทัดที่ ๒๕๓๗ - ๓๑๘๑.  หน้าที่  ๑๐๖ - ๑๓๑.
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=11&A=2537&Z=3181&pagebreak=0
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=11&i=94
ขอบคุณภาพจาก http://statics.atcloud.com/,http://www.rd1677.com/
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ

raponsan

  • มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า
  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • โยคาวจรผล
  • ********
  • ผลบุญ: +61/-0
  • ออฟไลน์ ออฟไลน์
  • กระทู้: 28446
  • Respect: +11
    • ดูรายละเอียด
0
ขอบคุณภาพจาก http://region2.prd.go.th/

 
      กติกาการนุ่งห่มเพื่อปฏิบัติธรรมของแต่ละสำนัก น่าจะเป็นเรื่องเฉพาะของสำนักนั้นๆ และเรื่องนี้ก็ไม่มีพุทธบัญญัติ
      บางสำนักก็เพียงให้แต่งกายสุภาพ ไม่จำเป็นต้องใส่ชุดขาว(จะใส่ก็ไม่ได้ห้าม)
      บางสำนักก็บอกเพียงว่า ให้ใส่ชุดขาว แต่ไม่ได้กำหนดรายละเอียด
      สำหรับสำนักที่กำหนดรายละเอียด ส่วนตัวผมยังไม่เคยเห็น


  การจะนุ่งห่มอะไรนั้น นอกจะถูกกาละเทศะแล้ว จำเป็นต้องถูกใจสำนักนั้นๆด้วย
  เมื่อเราไปอยู่สำนักไหน ก็ต้องทำตามกติกาของสำนักนั้นๆ

      การนุ่งขาวห่มขาวมีมาตั้งแต่พุทธกาล ผมคิดว่า การใส่ชุดขาวในสมัยพุทธกาลจะมีลักษณะอย่างไรนั้น
      น่าจะขึ้นอยู่กับขนบทำเนียมในยุคนั้น  หรือพูดง่ายๆก้ คือ ตามแฟชั่นสมัยนั้น
      อย่างไรก็แต่ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า ในสมัยพุทธกาล นางวิสาขาเคยใส่ชุด"มหาลดาปสาธน์" เข้าวัด
      หากเป็นสมัยนี้ ใส่ชุดอลังการขนาดนั้น ก็เป็นเรื่อง talk 0f the town เป็นาแน่


   กรณีของผู้หญิง ประเด็นที่ว่า ควรใส่ผ้าถุง หรือใส่กางเกง อย่างไหนดีกว่ากัน
   ผมได้ฟัง นักปฏิบัติธรรมหญิงท่านหนึ่งกล่าวว่า ควรเป็นผ้าถุง จะดูสุภาพมากกว่า
   เพราะเวลาผู้หญิงใส่กางเกง "ทรวดทรงองเอวจะเด่นชัด" อาจเป็นภัยแก่พระเณรได้


   ขอคุยเป็นเพื่อนเท่านี้ครับ

    :25:
   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 06, 2013, 11:40:12 am โดย nathaponson »
บันทึกการเข้า
ปัญจะมาเร ชิเนนาโถ ปัตโต สัมโพธิมุตตะมัง จตุสัจจัง ปะกาเสติ มหาวีรัง นะมามิหัง ปัญจะมาเร ปลายิงสุ