อธิวาสนะ
อธิวาสนะ แปลว่า อดทน การละกิเลสด้วย ความอดทน การพัฒนาจิตไปสู่ความบริสุทธิ์ด้วยความอดทน ความอดทนที่ท่านเรียกว่าขันตินี้ ท่านแบ่งเป็น 3 อย่าง คือ
1. ธีติขันติ แปลว่า ทนต่อการตรากตรำลำบาก เหน็ดเหนื่อยด้วยการงาน การศึกษา การปฏิบัติธรรม หรืออะไรก็แล้วแต่ ถ้าต้องตรากตรำลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านที่เป็นฆราวาส ที่เรียกว่า ฆราวาสธรรม มีข้อหนึ่งเรียกว่า ขันติ อดทน ในพระบาลีท่านใช้คำว่า ธีติ ยกตัวอย่างเช่น ยสฺเส เต จตุโร ธมฺมา สทฺธสฺส ฆรเมสิโน สจฺจํ ทโม ธีติ จาโค สัจจะ ทมะ และในที่นี้ท่านใช้คำว่า ธีติ แทน ขันติ ทโมก็คือ ทมะ ธีติ ก็คือ ขันติ จาโค คือ จาคะ สเว เปจฺจ น โสจติ ผู้นั้น ล่วงลับไปแล้ว จะไม่เศร้าโศก ยสฺเส เต จตุโร ธมฺมา ธรรม 4 ประการนี้ มีอยู่แก่ท่านผู้ใด แก่ฆราวาสผู้ใด ผู้มีศรัทธาอยู่ครองเรือน คือ สัจจะ ทมะ ธีติ จาคะ ผู้นั้นล่วงลับไปแล้วจะไม่เศร้าโศก แม้มีชีวิตอยู่ก็ไม่ เศร้าโศก ไม่ต้องพูดถึงล่วงลับ เพราะเหตุที่มีธรรม เหล่านี้อยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทมะ การฝึกอินทรีย์ การฝึกตน ก็ได้พูดมาบ้างแล้วในปัจจัย 4
2. อธิวาสนขันติ ที่เรียกว่า อธิวาสนะ อดทนต่อความเจ็บไข้ได้ป่วย เกิดมาแล้วไม่มีใครที่ไม่เจ็บไข้ ได้ป่วย เพราะว่าร่างกายนี้มันเป็นตัวโรคอยู่แล้ว ว่าความไม่มีโรคเป็นลาภอย่างยิ่ง ท่านหมายถึงไม่มีโรคทางใจ แต่เราเอามาใช้ในความหมายว่าไม่มีโรคทางกาย ความไม่มีโรคทางกายมันเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าตัวร่างกายเองมันเป็นตัวโรคอยู่แล้ว พระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างนี้นะครับ ในมาคัณฑิยสูตร มัชฌิมนิกาย ตรัสว่า ความไม่มีโรคเป็นลาภอย่างยิ่ง ก็หมายถึงไม่มีโรคทางใจ ก็ทำให้ไม่มีโรคได้สำหรับใจ ก็ทำให้บรรเทาเบาบางลงไป ฝึกฝนไป แก้ไขไป ขัดเกลาไป ฝึกฝนไป โรคใจมันก็ค่อยๆ น้อยลง ด้วยความอดทน ในที่สุดก็จะไม่มีโรคทางใจเลย มีน้อยลงไป จนไม่มีเลย แต่ว่าโรคทางกาย ยิ่งเรา มีอายุมากขึ้นก็ยิ่งมีโรคมากขึ้น เหมือนกับรถยนต์ เครื่องยนต์ต่างๆ ที่ใช้ไป ยิ่งนานปีก็ยิ่งทรุดโทร ยิ่งต้องแก้ไขมากปรับปรุงมากขึ้นเท่านั้น
3. ตีติกขาขันติ อดทนต่อความลำบากทางใจ อดทนต่อความเจ็บใจ อดทนต่อคำด่าว่าเสียดสี อดทนต่อคำนินทาว่าร้าย อดทนต่อการบีบคั้นของกิเลสต่างๆ ซึ่งเกิดขึ้นจากภายในบ้าง มาจากภายนอกบ้าง ทำได้ก็เป็นตบะอย่างยิ่ง เรียกว่า ขนฺติ ปรมํ ตโป ตีติกฺขา
ขันติ ประเภทตีติกขา อดกลั้นต่อกิเลส เป็นตบะอย่างยิ่ง บางทีพระพุทธเจ้าพระองค์ก็ถูกด่าว่าเสียดสี มีคนจ้างไปด่าหลายวัน พระอานนท์ทนไม่ไหว พระพุทธ- เจ้าตรัสบอกว่าอานนท์ เราเป็นเหมือนช้างศึกที่ลงสู่สงคราม จะต้องอดทนต่อลูกศรที่พุ่งมาจาก 4 ทิศ เพราะว่า คนส่วนมากเป็นคนชั่ว เพราะฉะนั้น เราจึงต้องอดทน ถ้ามีคนดีมากก็ไม่ต้องอดทนมาก
http://www.ruendham.com/book_detail.php?id=60&content=801&name_content=%B7%D3%A8%D4%B5%E3%CB%E9%BA%C3%D4%CA%D8%B7%B8%D4%EC%20%C7%D4%B8%D5%B7%D5%E8%204.%20%CD%B8%D4%C7%D2%CA%B9%D0