« เมื่อ: ตุลาคม 11, 2018, 09:58:17 am »
0
พาไปเที่ยวเมืองมัณฑะเลย์ พร้อมส่องโอกาสธุรกิจบุญสัปดาห์นี้ขอโอกาสเล่าให้ฟัง เรื่อง “ธุรกิจบุญ” เมืองมัณฑะเลย์ พาชมความงามที่ศูนย์กลางอัญมณี เที่ยวตลาดพระหินอ่อนและตลาดหยก
ขณะที่ท่านกำลังอ่านบทความนี้อยู่ ผมหลบเสียงระฆังจากประเทศไทย กำลังฟังเสียงระฆังดังกังวานอยู่ใน “วัดพระมหามัยมุนี” เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศเมียนมาร์ ผมมีโอกาสมากราบพระและเที่ยวเมืองโบราณที่เมืองมัณฑะเลย์รอบนี้เป็นรอบที่ 3 แล้ว
พระพุทธศาสนาในประเทศพม่าฝังลึกอยู่ในจิตใจคนพม่าเข้มแข็งและมั่นคงกว่าในประเทศไทย เปลือกนอกวัดวาอาราม การก่อสร้าง และการศึกษาของไทยเรา ดูแล้วอาจจะล้ำหน้ากว่าในประเทศพม่า แต่หากจะพูดถึงด้านจิตใจ และการเคารพนับถือพระ คนเข้าวัด ประชาชนชาวพม่ายิ่งใหญ่กว่าประเทศไทย และอีกหลายประเทศ ไม่รู้ว่าการยกย่องความเป็น “ศูนย์กลางพระพุทธศาสนาโลก” ของไทย มีปัจจัยอะไรเป็นตัวชี้วัดผมเดินทางมามัณฑะเลย์ ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3
ครั้งแรก : มากับคณะสงฆ์จากวัดอรุณราชวราราม เพื่อมากราบพระมหามัยมุนี ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของประเทศพม่า และเป็น 1 ใน 5 ศาสนวัตถุที่ศักดิ์สิทธิ์ของพม่า และพาไปเดินเล่นสะพานอูเบ็ง สะพานไม้ที่ขึ้นชื่อว่าเก่าแก่ที่สุดในโลก มีอายุกว่า 200 ปี เป็นสะพานที่สร้างขึ้นด้วยไม้สักที่เหลือจากการรื้อพระราชวังเก่าของกรุงอังวะ ทอดตัวยาวกว่า 1.2 กม. ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่ให้บรรยากาศสมัยก่อน
นอกจากจะเก่าแก่ที่สุดในโลกแล้ว ยังถือเป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในโลกอีกด้วย คราวนี้ผมก็เดินไปเที่ยวสะพานแห่งนี้ อากาศยามเช้าปลายฝนต้นหนาวบรรยากาศคงไม่ต้องบอกว่าน่าประทับใจแค่ไหน
@@@@
ครั้งที่สอง : เพราะผมมีธุรกิจเล็กๆ ธุรกิจหนึ่งคือ “การนำเข้าพระพุทธรูปหินอ่อน” หรือบางแห่งก็เรียกว่า พระหยกขาว จากเมืองมัณฑะเลย์เข้ามายังประเทศไทย เดินทางไปคราวนั้น เพราะท่านเจ้าอาวาสจากวัดรามัญคลอง 17 จ.ฉะเชิงเทรา ติดต่อมาว่าต้องการพระพุทธรูปขนาดใหญ่หน้าตัก 50 นิ้ว ผมในฐานะคนทำมาค้าขายก็ต้องบริการเดินทางไปดูทั้งเนื้อพระหินอ่อน ทั้งขนาดและหน้าตาตามแบบของพระพุทธรูปตามที่เจ้าอาวาสต้องการ ไปแบบลุยเดี่ยว
โชคดีของผมก็คือ “อาศัยความเป็นนักบวชเก่า” และอาศัย “กัลยาณมิตรคนมอญ” ที่เราเคยรับใช้ดูแลเขาตอนที่พวกท่านเหล่านี้มาในประเทศไทยบ้าง ตอนที่พวกท่านเหล่านี้มาประชุมงานวิสาขบูชาโลกบ้าง อาศัยตรงนี้มีคนมารับที่สนามบินมัณฑะเลย์ ไปคราวนี้พักวัด นอนวัด กินข้าววัด ห่างจากพระมหามัยมุนี ไม่ถึง 100 เมตร
ส่วนที่พักก็สะดวกสบาย รถก็อาศัยรถวัด พระคุณเจ้าและกัลยาณมิตรที่อุตส่าห์เดินทางไกล เพื่อมารับผมโดยเฉพาะจากเมืองย่างกุ้ง พาไปดูโรงงานแกะสลักพระหินอ่อนหลายโรงงาน เมื่อได้ตามแบบและราคาตามที่ต้องการแล้ว ก็เหลือเพียงรอรับเพื่อ เสียภาษีให้ถูกต้องที่ด่านแม่สอด จ.ตาก ซึ่งภาษีค่อนข้างแพง
กลางคืนก็ไปเที่ยว เจดีย์หยกเขียว ซึ่งสร้างโดยเศรษฐีชาวพม่า เป็นหยกทั้งองค์ และรอบๆ บริเวณก็เป็นหยก ทั้งลานเจดีย์ กำแพง ทำด้วยหยกทั้งสิ้น ทราบว่าเศรษฐีคนนี้พื้นฐานมาจากคนขับรถสิบล้อทำเหมือง เนื่องจากประเทศเมียนมาร์ มีทรัพยากรทางธรรมชาติเยอะมาก เมื่อมีโอกาสทำธุรกิจร่ำรวยขึ้น จึงซื้อที่ดินบริเวณนี้เพื่อสร้างเป็น “ศูนย์กลางอัญมณีเมืองมัณฑะเลย์”
ซึ่งตอนที่ไปรอบๆ กำลังก่อสร้างโรงแรม หมู่บ้านจัดสรรยังไม่แล้วเสร็จ อีกวันรุ่งขึ้นผมก็มีโอกาสไปเที่ยว พระราชวังกรุงอังวะ สถานที่จับเชลยไทยและมอญมาจองจำเอาไว้ และเที่ยว ตลาดหยก ตอนหัวค่ำก็กลับประเทศไทย เที่ยวไปด้วยทำงานหาเงินแสวงหาธุรกิจไปด้วยครั้งที่สาม : รอบนี้ไปเดี่ยวเช่นเคย มีพระคุณเจ้ามารับที่สนามบินเมืองมัณฑะเลย์ คราวนี้ผมตั้งใจจะไปดู ตลาดพระหินอ่อนและตลาดหยก เช่นเคย และคราวนี้ตั้งใจว่า จะสั่งพระหินอ่อนขนาดหน้าตัก 9 นิ้วบ้าง 12 นิ้วบ้าง พระหยกเขียวบ้าง พระแกะสลักด้วยไม้บ้าง เพื่อให้ชาวพุทธในประเทศไทยมีโอกาสได้บูชา คงมีพระคุณเจ้าพาเที่ยวชมเมืองเหมือนเดิม
สถานที่พักกินนอนก็คงเป็นวัดที่อยู่ติดกับพระมหามัยมุนีเหมือนเดิม และหากมีโอกาสคงได้ติดต่อกับนักธุรกิจชาวมอญ ชาวพม่า เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นสร้างโอกาสในการทำธุรกิจร่วมกัน วันนี้ขอโอกาสเล่าให้ฟัง ซึ่งเป็นเรื่องส่วนตัวล้วนๆ ว่ากำลังทำอะไรอยู่ นอกจากงานสื่ออันเป็นงานประจำแล้ว หากผิดพลาดหรือไม่สบอารมณ์ท่านผู้อ่านประการใด ก็ต้องกราบขออภัย........................
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย “เปรียญ10” :
riwpaalueng@gmail.comขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก :
https://www.dailynews.co.th/article/670475พุธที่ 10 ตุลาคม 2561 เวลา 11.00 น.