แก้ปวดศรีษะ เส้นกำเริบ ธาตุวิปริต
ให้ตั้งแต่ที่ ๙ (ปลายจมูก)มาที่ ๑ (สะดือ) แล้วอธิฐานว่า
ข้าขอเข้าธาตุทั้ง ๔ อินทรีทั้ง ๕ โพชฌงค์ทั้ง ๗ อธิฐานแล้วจึงมาที่ ๒ (เหนือ สะดือสองนิ้ว) จึงชุมนุม ธาตุทั้ง ๔ อินทรีทั้ง ๕ โพชฌงค์ทั้ง ๗ ในที่ ๒(เหนือสะดือ) นั้น แล้วแบ่งสมาธิออกตามฐานเท้าทั้งสองข้าง แล้วยกแต่ที่ ๒(เหนือสะดือ) ไปถึงที่ ๓ (หทัย) ถึงหทัยแล้ว ขอจะขอสัมปยุตธาตุทั้ง ๔ โพชฌงค์ทั้ง ๗ ในที่ ๓ นั้นเล่า แล้วจึงแบ่งสมาธิออกไปตามเท้าทั้งสองข้าง แล้วยกสมาธิไปสู่ที่ ๔(คอกลวง) ให้เป็นสุขหน่อยหนึ่งแล้วจึงยกไป ๙(ปลายจมูก) ๘ ระหว่างตา ๗ ระหว่างคิ้ว ๖ (กลางกระหม่อม) ๕ (ท้ายทอย) มาที่ ๔(คอกลวง) แบ่งสมาธิออกไปมือสองข้าง
ถ้าโรคไม่หนัก อย่าเข้าธาตุ อย่าชุมนุมธาตุ อย่าแบ่งธาตุ
องค์ธรรมจุด นวหอรคุณ ๙ จุด
๑. สะดือ องค์ธรรมคือ พระนาคี
๒. เหนือสะดือ องค์ธรรมคือ ธาตุดิน
๓. หทัย องค์ธรรมคือ พระพุทโธ
๔. สุดคอกลวง องค์ธรรมคือ พระธรรมมา
๕. โคตรภูท้ายทอย องค์ธรรมคือ ธาตุลม
๖. กลางกระหม่อม องค์ธรรมคือ พระพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์
๗. ระหว่างคิ้ว องค์ธรรมคือ สงฆ์ผู้เป็นใหญ่
๘. ระหว่างตา องค์ธรรมคือ ธาตุไฟ
๙. ปลายจมูก องค์ธรรม ธาตุน้ำ
สัมปยุตธาตุ
๑. สะดือ
๒. เหนือสะดือ
๓. หทัย
๔. อุนาโลม
สัมปยุตปฤกษ์
กลางหทัย เลื่อนมากลางอก
- คว่ำจักร แผ่บารมีธรรมจักรลงล่าง จุดอุณาโลม จุคไหล่ขวา จุคไหล่ซ้าย จุดเหนือสะดือ ทำสมาธิดู สี่ทิศ ลงล่างแผ่บารมี สู่นรกภูมิ
- หงายจักร แผ่ บารมีธรรมจักร ขึ้นเบื้องบน จุดสะดือ จุดเหนือสะดือ จุดหทัย จุดอุณาโลม สงเคราะห์ผู้อื่น แผ่ให้ผู้มีคุณ ครูบาอาจารย์ พบพระพุทธเจ้า พบสหายธรรม แผ่เมตตา
- จันทกลา ลมซ้าย ยับยั้งมาร เวลาลมซ้ายออก
- สุริยกลา แผ่บารมีให้มาร ปราบมาร
- ชักคลองจักษุ ไม้ หวั่นไหว ในกิเลสภายนอกที่มายั่ว ตามีธาตุน้ำมาก ตาเห็นรูปที่สวย รูปที่ชอบใจ ทำให้ระงับเหมือนสายน้ำไหลไป ตาเห็นรูปที่ชั่ว รูปที่ไม่ชอบใจ ทำให้ระงับเหมือนสายน้ำไหลไป
วิชาดูแลจิต ดูแลกาย
ให้ ทำจิตให้ว่าง แล้ววางไว้ที่หทัย ดูที่หทัย แล้วเลื่อนลงมาที่ กลางสะดือ แล้วอธิฐานว่า ข้าพเจ้าจะขอเรียนพระกัมมัฏฐาน ดูแลจิต ดูแลกาย ขอมารทั้งหลาย อย่ามารบกวน ข้าพเจ้าในเวลานี้เลย แล้วนั่งดูความว่างที่สะดือเฉย ต่อมาให้พิจารณาธรรม แล้วประเทืองปัญญา
วิชาระวัง จิตระวัง กาย กายเป็นบ่าว ของจิต ถ้าจิตใจสบาย กายก็สบาย จิตเป็นสุข กายก็เป็นสุข ไม่นอนกระสับกระส่าย
เปรียบเทียบ
วิชาสลายจิต-สลายกาย ===> วิชาตัดขันธ์ ===> วิชาอิทธิฤทธิ์
หนีความวุ่นวายโลกภายนอก หนีทุกข์เวทนา จากกายเนื้อ ทำฤทธิ์ได้ต่างๆ
ให้ตัดจากกายทิพย์ ต้องมีสมาธิจิตกล้าแข็ง ลืมทุกสิ่งฯ มีมโนมฤทธิ์ เป็นต้น
สลายธาตุน้ำก่อน (คอแห้ง) ===> สลายธาตุน้ำ ===> สลายธาตุน้ำ
สลายธาตุไฟ (หนาว) ===> สลายธาตุไฟ ===> สลายธาตุไฟ
สลายธาตุดิน (หนักเบา) ===> สลายธาตุดิน ===>สลายธาตุดิน
สลายวิญญาณธาตุ ===> สลายวิญญาณธาตุ ===>ห้ามสลายวิญญาณธาตุ
(ดับความยึดมั่น ลืมทุกสิ่งทุกอย่างได้ วิญญาณธาตุรู้แจ้งอิทธิ ไม่มีร่างกาย ไม่เอาร่างกาย ทางทวารทั้งหก)
ห้ามสลายธาตุลม (จิตอยู่ถุงลม) ===> สลายธาตุลมสุดท้าย ก่อนตาย ===> สลายธาตุลม-อาธาตุ
(เพราะสังขารยังมีอยู่ ถ้าขันธ์ยังอยู่กลับมาได้)
วิชาธาตุดวงแก้ว ๔ ดวง
นะ แก้วมณีโชติ อาโบธาตุ น้ำ (หัว)
มะ แก้วไพฑูรณ์ เตโชธาตุ ไฟ (ใจ)
อะ แก้ววิเชียร วาโยธาตุ ลม (หลัง)
อุ แก้วปัทมราช ปถวีธาตุ ดิน (ปาก)
เสกต่อแตนใช้ใบมะขาม หรือใบไม้อะไรก็ได้ เป็นใบไม้ใต้เกราะกำบัง ใบบนต้นที่ถูกกำบัง เสกด้วย มะ ธาตุไฟ ตามด้วยธาตุลม คือ มะ อะ อุ นะ เป็นต่อแตนแล
ทำน้ำมนต์ใช้ได้ทุกอย่าง
ให้ ทำตอนยามสาม ยามสี่ สงัดนักแล เสกแผ่ด้วยอำนาจแห่งเมตตา ใช้ได้ทุกอย่าง ทำลายทุกอย่าง ไม่ว่าเป็นความ สะเดาะเคราะห์ ผีเข้า เป็นไข้ เป็นต้น รดน้ำมนต์เย็นด้วยเมตตา อธิฐาน ขอให้น้ำที่เย็น เย็นเข้าถึงจิตใจผู้รับ เย็นขั้วหัวใจแล
เป่าให้เย็นทั่วสารพางค์กาย และลมออกทวารแล
ต้องประกอบด้วยองค์ ๓ ประการ
๑. จิตผู้เป่าต้องบริสุทธิ์
๒.จิตผู้รับต้องดี
๓.พระคาถาดี
เวลาเป่าให้อธิฐานถ้าคนผู้นี้มีบุญ หรือมีกุศลส่งแล้ว ขอให้รับการเป่าคาถานี้ได้ หรือขอให้เกิดเวลาจิตเขารับได้ จะมีอาการขนพองสยองเกล้าฯ
การใช้อักขระ ๒๗ ตัว
๑. นะ ใช้เรียกฝน ใช้ทางเมตตา นอ นี้ใน ว่าหามิได้ รูปร่างบ่เป็น
๒. โม มหาละลวย นิยมชมชอบ คนนิยม โม ว่าอ่อน บ่ห่อนแข็งเข็ญ
๓. พุท พระปัตติมาร ตรัสได้ทุกตัว ทำได้ทุกอย่าง , ตรัสรู้เห็นประเสริฐนักหนา
๔. ท หนักให้เบา เบาจิต เบากาย
๕. ยะ ตัววิญญาณ การเคลื่อนที่ไปของธาตุ ใช้ลงคนที่ซึมเศร้า คนง่วงหงาวหาวนอน คุยแล้วไม่สนใจลงได้ คนสนใจจ้องเขม็งไม่ต้องลง
๖. ทา ตรีเพช ปลุกเสกให้มั่น ทอ ทา ทอ ทม สี่ตัวอุดม ทรงเป็นอัตตรา
๗. สิ เพ็ชน่าทั่ง ตังลง ตัวคุม อักขระ สิ ว่าแข็ง เรี่ยวแรงตัวกล้า ว่ามั่นคง
๘. ทอ หนูหมารสะดม เมตตามหานิยม เหนียว ลงเครื่องยนต์ ออ ว่าเห็นตรง บ่ได้มืดมัว
๙. อะ ตัวงาม ตัวดีมีสิ่งไม่ดี เขียนอักขระ อะ ลงไป เป็นสิ่งดีหมด
๑๐. อา พระยาราชสีห์ ลงคุมครองผู้ใหญ่ ข้าราชการดี อา ว่าหนา ว่าเล่น มาไม่ถึงอยู่ข้างนอก
๑๑. อิ – มิ พระยาราช อักขระ ตัวกัน ของไม่ดี กันของชั่วร้าย
( ท.ทา ท.ทม ) ลงเรื่องเกี่ยวกับการเจรจา การทูต ทนาย ทางความ
๑๒. อี อิ อี เรี่ยวแรงตัวกล้า
๑๓. อึ อื คือไว้ภายในกายา คุ้มครอง ป้องกัน อันตรายภายในภายนอก ลงให้ทหาร
๑๔. อื
๑๕. อุ อู หาที่เสมอไม่ หาที่สุดมิได้ ถือไว้ให้แน่ จักได้กุศล ถ้าจักภาวนายิ่งกว่าฝูงคน ลงค้าขาย ใช้เรียกอะไร เรียกคนก็ได้ เพิ่มพูลขึ้น ต้องการอะไรมากๆ
๑๖. อู
๑๗. ฤ ตัวมา ตัวโอม ตัวเป่า อยู่ในใส้
๑๘. ฤา ตัวไป ลงท้าย ว่าตรงมา
๑๙. ฦ ใช้ได้ไม่เปล่า ใช้เมตตา ว่าได้
๒๐. ฦา ไปทั้วจักรวาลย์ กันภัย ฦ ฦา ว่ารู้ ลือไปทั่วทั้ง ๘ ทิศสา
๒๑. เอ แอ กุมภัณลับหอก ตัดรอนสิ่งไม่ดีให้ขาด
๒๒. แอ ตัวงดแล
๒๓. ไอ มีตะบะ
๒๔. ใอ พระยาราชสีห์ ใอ ไอ กล่าวเรื่องราว กล่าวกลอน ว่ากลัว ว่าอย่า
๒๕. โอ โหร อง บันลือ หัวทุกทีว่ามีอารมณ์ ควบคุมอารมณ์
๒๖. เอา อำ ให้งดไว้ก่อนพิจารณาให่แน่
๒๗. อัง อะ ปราบศัตรู ไม่มีคู่สูู้่ ๔ ทวีป ปราบศัตรูในล้ำโลกา
พุทธานุสสติ
ปีติ ๕
ทำธาตุ ยุคล ๖ ทำธาตุ สุขสมาธิธาตุ พุทธานุสติ ธรรมมานุสสติ สังหานุสสติ ภาวนาเป็นอนุโลมปฏิโลม ใช้นิ้วเรียกสติกลับ
ตั้งจุดอานาปาน เป็นอิทธิฤทธิ์
๑. สะดือ ตั้งเป็นตุณหิ แต่สมาธิเปล่า ๑ บาท ๕ นาที แต่ละจุด ตั้งสมาธิเปล่า ๕ นาที บริกรรม ๕ นาที ทุกๆที่
๒. เหนือสะดือ ๒ นิ้ว อิติปิโสภะคะวา
๓. หทัยประเทศ นะ โม พุท ธา ยะ เรียงแถวชั้นนอกนี้จะถอย บริกรรมออกมาได้บ้าง ไปไว้หน้าบ้าง
๔. สุดคอกลวง นะจังงัง โมจังงังพุทละลาย ธาคลาย ยะห่ามิตาย หายบัดเดี่ยวใจ แก้อับจน ๑๐ ท้ายทอยยะทาพุทโมนะ มหาละลวย
๕. โคตรภูมิท้ายทอย นะวาคะภะโสปิติอิ อิทาเรนะ โอนะทา นะปิดตา โม มิเห็น
๖. อัช ดากาษบนกระหม่อม นะโมพุทธายะ นะจังงัง โมจังงัง พุท สิทธิกำบัง ลับอยู่ ยะหายไป (๖ มา ๗ หว่างคิ้ว เดชะหายลับศูนย์ อัง อะ อะ ศูน ศูน อิ แล้วว่า อิททาเรนะ โอนะทา นะปิดตา โมมิเห็น ปัญญาศูน ธาตุนิพพานังสัมปยุตตัง จะมาจับไปไว้ ๙ หนหลัง หนหน้าอย่าเปลี่ยนเลย
๗. อิสวาสุ เมตตา
๘. ทิพย์ศุนย์หว่างคิ้ว อีงอะอะ
๙. มหาศูนย์หว่างจักษุ ธาตุนิพพานัง
๑๐. จุลศูนน้อยปลายนาสิก
๔-๓-๖-๗-๘ หายตัว
๑-๒-๓ ดำเนินธาตุ
๔ กันคุณไสย
๕ กำบังภายนอก
๖ เมตตา
๑๐ งวยงง
อาการสามสิบสอง ใช้รักษาโรค ๓๒ ชนิด
ธาตุดิน ๒๐
เกศา (ผม)
โลมา (ขน)
นะขา (เล็บ)
ทันตา (ฟัน)
ตะโจ (หนัง)
มังสัง (เนื้อ)
นะหารู (เอ็น)
อัฏฐิ (กระดูก)
อัฏฐิมิญชัง (เยื้อในกระดูก)
วังกัง (ม้าม)
หะทะยัง (หัวใจ)
ยะกะนัง (ตับ)
กิโลมะกัง (พังผืด)
ปิหะกัง (ไต)
ปัปผาสัง (ปอด)
อันตัง (ใส้่ใหญ่)
อันตุคุนัง (ใส้่น้อย)
อุททะริยัง (อาหารใหม่)
กะรีสัง (อาหารเก่า)
มัตถะรุงคัง (สมองศรีษะ)
ธาตุน้ำ ๑๒
ปิดตัง (น้ำดี)
เสมหัง (เสลด)
ปุพโพ (หนอง)
โลหิตัง (เลือด)
เสดท (เหงื่อ)
เมโท (มันข้น)
อัสสุ (น้ำตา)
วะสา (มันเหลว)
เขโฬ (น้ำลาย)
สิงหานิกา (น้ำมูก)
ละสิกา (ไขข้อ)
มูตตัง (น้ำมูต)
กสิณ๑๐
๑. ปฐวี หม้อใหม่ เดินน้ำ
๒. อาโป น้ำใส ดำดิน
๓. เตโชเนื้อไป รักษาโรค
๔. วาโย ลมข้าวเปลือก บังหวน
๕. นีลัง เขียว
๖. ปิตัง เหลือง
๗. โลหิตัง แดงดอกชบา
๘. โอทาตะ ขาวน้ำเงิน
๙. อาโลก ขาวเหมือนเงาน้ำต้องแดด ทำให้สว่าง
๑๐. อากาศ เปล่าไม่มีอันใด ผ่านฝากำแพง
อสุภกรรมฐาน ๑๐
๑. อุทธุมาตะกะ ซากผีพอง ทำใหญ่ ทำมาก
๒. วินิลกะ ซากผีเขียว กำบัง
๓. วิปุพพกะ ซากผีน้ำหนองไหล กำบัง เป็นน้ำท่วม
๔. วิทฉิททกะ เขาสับฟัน เป็นท่อนๆ ผีขาดสองท่อน แบ่งตัว แยกร่าง
๕. วิกขายิตะกะ กา หมา แร้ง กัดกินซากผี เสกเป็นแร้ง เป็นหมา ไล่ข้าศึก
๖. วิกขิตตกะ แยกเป็นท่อน หัวขาด ตีนขาด แยกมากๆ
๗. หตวิกขิตตกะ ขาดกระจัดกระจาย เขาเชือดเลือดทั้งตัวผี
๘. โลหิตกะ เขาเชือดเลือดทั้งตัวผี
๙. ปุฬุวะกะ หนอนกินซากผี ตามทวารทั้ง ๙
๑๐. อัฏฐิกะ ปรากฏ แต่กระดูกขาว ปากประกาศิต
๗-๘-๙-๑๐. เป็นอนุโลม ปฏิโลม เป็นวาจาสิทธิ์ ถอยหลัง เล็กใหญ่
หตวิกขิตตกะ โลหิตกะ ปุฬุวกะ ถึงอัฎฐิกะ เข้าปฐมฌาน แล้วตรึกไป คือพูดเสียงที่เกิดในใจ
ตรึก (นึกความเป็นไป แล้ววางเฉย) แล้วจึงพูดออกมาเป็นวาจา ให้เป็นธรรมชาติ เป็นมัชฌิมา จึงเป็นประกาศิตแล
๑-๑๐. แก้ปัญหา แก้ความ ทำน้ำมนต์ ใช้เทียนขี้ผึ้งหน้าผี ด้ายมัดผี ล้างหมดทำนิมิตจึงถึงกระดูก
ให้เป็นกระดูกผุหมดกระจายหายไปตามลม
๑๐-๑. ชนะหมด ล้างหมด แก้คุณใส ทุกชนิด แก้กระทำ
๑-๑๐. , ๑๐-๑. แก้คุณไสย
๑-๕ แก้อาธรรพ์ อาเพศ
๕-๑. แก้ที่อาธรรพ์
๑-๕. ,๕-๑ .เปิดกรุ
๕-๑๐. แก้บ้า
๑๐-๕ . กันพายุ กันลม เสกด้วย เห เห ปฏิเสวามิ กันไฟ เสกนกคุ้ม กันลม กันฟ้า เสกลูกสะกด
๕-๑๐., ๑๐-๕. เมตตาเป่าเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง