แสดงกระทู้
|
This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to. |
Messages - tang-dham
|
หน้า: 1 [2] 3
|
41
|
เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: ด่วน "ประกาศถึงสมาชิก ทุกท่าน เกี่ยวกับการใช้งานบอร์ด" โปรดอ่านกันด้วย
|
เมื่อ: กุมภาพันธ์ 16, 2012, 05:42:15 pm
|
ที่สมัครผ่านมาแล้ว ต้องหา email จริง ๆ มาใส่ใหม่ หรือไม่ครับ หรือ อนุญาตให้ใช้ตามนั้นครับ ขออนุญาตตอบในนี้เลยนะครับ
ที่สมัครผ่านมาแล้ว ก็ใช้ได้อยู่แล้วครับ ที่กำหนดสำหรับผู้ที่สมัครใหม่ครับ ดังนั้นผู้ที่สมัครผ่านมาแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องใส่ email จริง ครับ แต่ถ้าเป็นไปได้ ก็ สมัคร email ใหม่ มาใส่ เพื่อรับข่าวสารครับ เพราะตอนนี้เวลาส่งข่าวสารจากระบบแล้ว จดหมาย ย้อนกลับมามากกว่า 100 กว่าฉบับซึ่งก็หมายถึง สมาชิกใช้ emai ปลอมกันอยู่ครับ
|
|
|
42
|
เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / เชิญเข้าปริวาสกรรม ร่วมปฏิบัติธรรม ณ วัดอำนาจ 14 ธ.ค. - 22 ธ.ค. 54
|
เมื่อ: ธันวาคม 15, 2011, 04:02:31 pm
|
ขอออาราธนา พระภิกษุสามเณร/ขอเรียนเชิญอุบาสกอุบาสิกและสาธุชนผู้ใฝ่ในการปฏิบัติธรรม
ทุกท่าน เดินทางไปร่วมบุญเข้าปริวาสกรรม เจริญสมาธิภาวนาตามแนวสติปัฏฐาน
เพื่อร่วมกันรักษาไว้ซึ่งปฏิบัติบูชาต่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และร่วมเป็นเจ้าภาพภัตตาหารน้ำปานะ
ณ วัดอำนาจ บ้านอำนาจ ต.อำนาจ อ.ลืออำนาจ จ.อำนาจเจริญ
ตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม ถึงวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ.2554
ที่จะถึงนี้ โดยมี พระครูสิริสีลวัตร เป็นประธานในการดำเนินงานในครั้งนี้
และท่านสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดต่างเกี่ยวกับการจัดงานได้ที่ เ
บอร์โทร. 086-2462724
|
|
|
43
|
เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: ขอเชิญสมัครร่วมปฏิบัิติธรรม ส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 30 - 31 ธ.ค.54 - 1 ม.ค.55
|
เมื่อ: พฤศจิกายน 28, 2011, 12:43:31 pm
|
ถ้าพระสงฆ์ สามเณร เข้าร่วม ด้วย คิดราคาอย่างไร ครับ อยากไปครับ
น่าสนับสนุนครับ มีกี่รูป กี่องค์ ครับ ขออนุญาตตอบใน โพสต์ ถาม เลยนะครับ เนื่องด้วย มีคำถามเยอะมากครับ ก็ประกาศบอกบุญ สำหรับท่านที่ต้องการสนับพระภิกษุ สามเณรเข้ารับการฝึกอบรมปฏิบัติธรรมในครั้งนี้
ขณะนี้มีพระคุณเจ้า และ สามเณร ติดต่อเข้ามา แล้ว 6 รูป
ใครต้องการเป็นเจ้าภาพส่งเสริม ก็ขอเชิญบริจาค ร่วมสมทบทุนให้ พระเณร ที่จะเข้าร่วมปฏิบัติในครั้งนี้ ตามกำลังศรัทธา ซึ่งทาง พระอาจารย์จะมอบหนังสือ และ ของที่ระลึกไปให้โปรดแจ้ง แก่ผู้รับโอนเงินด้วยว่าบริจาค สมทบช่วยเหลือพระภิกษุสามเณรเข้าปฏิบัติธรรม
หากมีการยกเลิก จะนำเงินส่วนนี้มอบถวายเป็นค่าเสนาสนะให้แก่ สำนักปฏิบัติที่ได้ติดต่อ ไว้ล่วงหน้าแทน นะครับ ซึ่งเราจะมีรูปกิจกรรมส่วนนี้ให้ท่านติดตามต่อไปครับ และจะประกาศอนุโมทนาในเว็บให้ครับ
การโอนเงิน ให้ติดต่อที่เบอร์โทรศัพท์ นี้ เพียงเบอร์เดียวเท่านั้น
081-6890220 ใหแ้จ้งว่าต้องการ โอนเงิน เพื่อสนับสนุน พระภิกษุ สามเณร เข้าปฏิบัติธรรม
|
|
|
45
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: "สพฺเพ ธมฺมา นาลํ อภินิเวสาย" "ธรรมทั้งปวงอันใคร ๆ ไม่ควรยึดมั่น ถือมั่น.
|
เมื่อ: ตุลาคม 31, 2011, 07:08:16 pm
|
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ [๔. มหายมกวรรค] ๗. จูฬตัณหาสัขยสูตร “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กล่าวโดยย่อ ด้วยข้อปฏิบัติเพียงเท่าไร ภิกษุจึงชื่อว่าเป็นผู้หลุดพ้นแล้วด้วยธรรมเป็นที่สิ้นตัณหา มีความสำเร็จสูงสุด๑ มีความเกษมจากโยคะสูงสุด๒ ประพฤติพรหมจรรย์ถึงที่สุด๓ มีที่สุดอันสูงสุด๔ เป็นผู้ประเสริฐกว่าเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย” พระผู้มีพระภาคตรัสว่า “จอมเทพ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ได้สดับว่า ‘ธรรมทั้งปวง๕ไม่ควรยึดมั่น’ ถ้าข้อนั้นภิกษุได้สดับแล้วอย่างนี้ว่า ‘ธรรมทั้งปวงไม่ควรยึดมั่น’ ภิกษุนั้นย่อมรู้ยิ่งธรรมทั้งปวง ครั้นรู้ยิ่งธรรมทั้งปวงแล้ว ย่อมกำหนดรู้ธรรมทั้งปวง ครั้นกำหนดรู้ธรรมทั้งปวงแล้ว เธอได้เสวยเวทนาอย่างใดอย่างหนึ่งสุขก็ตาม ทุกข์ก็ตาม มิใช่ทุกข์มิใช่สุขก็ตาม เธอพิจารณาเห็นความไม่เที่ยง พิจารณา เห็นความคลายกำหนัด พิจารณาเห็นความดับ และพิจารณาเห็นความสลัดทิ้งในเวทนาทั้งหลายนั้นอยู่ เมื่อพิจารณาเห็นความไม่เที่ยง พิจารณาเห็นความคลายกำหนัด พิจารณาเห็นความดับ และพิจารณาเห็นความสลัดทิ้งในเวทนาทั้งหลายนั้นอยู่ ย่อมไม่ยึดมั่นอะไร ๆ ในโลก เมื่อไม่ยึดมั่น ย่อมไม่สะดุ้งหวาดหวั่น เมื่อไม่สะดุ้งหวาดหวั่น ย่อมดับกิเลสได้เฉพาะตนและรู้ชัดว่า ‘ชาติสิ้นแล้ว อยู่จบ พรหมจรรย์แล้ว ทำกิจที่ควรทำเสร็จแล้ว ไม่มีกิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้อีกต่อไป๖’เบื้องต้นช่วยค้นมาที่ตรงกับคำว่า ธรรมทั้ั้งปวงไม่ควรยึดมั่น เท่านี้ก่อนนะครับ เรื่อง ธรรมวิจารณ์นั้นน่าจะมาต่อภายหลัง ครับ
|
|
|
47
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / การนับสมาธิ ในพระพุทธศาสนา จริง ๆ นับที่ไหน ครับ
|
เมื่อ: สิงหาคม 10, 2011, 12:36:12 pm
|
ถ้าจัดระดับ สมาธิ ก็มีสั้น ๆ 3 ระดับ คือ 1 ขณิกสมาธิ สมาธิที่สั้นมาก ๆ ชั่วขณะหนึ่ง ประกอบด้วย องค์ใด องค์หนึ่ง ในอุปจารฌาน เช่น มีปีติ ชั่วขณะหนึ่ง วิจารชั่วขณะหนึ่ง เป็นต้น 2. อุปจาระสมาธิ สมาธิที่มั่นคงมากกว่า ชั่วขณะหนึ่ง สมาธิที่เฉียดจะเป็น ฌาน ประกอบด้วยองค์ 4 คือ วิตก วิจาร ปิีติ สุข 3. อัปนาสมาธิ สมาธิที่แน่วแน่ เป็นอารมณ์เดียว นับตั้งแต่ ฌาน ที่ 1 ถึง 8 ดังนั้น พิจารณา คำว่า สมาธิ จากคำแปล ที่ยกไว้ สมาธิ ความมีใจตั้งมั่น, ความตั้งมั่นแห่งจิต, การทำให้ใจสงบแน่วแน่ ไม่ฟุ้งซ่าน, การมีจิตกำหนดแน่วแน่อยู่ในสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเฉพาะ พิจารณา ตามคำแปล มิได้หมายถึง สมาธิ ระดับ ขณิกะสมาธิ และ อุปจาระสมาธิ แต่หากหมายถึง สมาธิ ที่เป็นอัปปนาสมาธิ อันตรงตาม อริยะมรรคมีองค์ 8 คือ สัมมาสมาธิ เป็น ปฐมฌาน ขึ้นไปเท่านั้น ดังนั้น ตีความเลยนะครับ ในภาพนั้น ให้ความหมายของคำว่า สมาธิผิด เพราะข้อความมุ่งเพียงแค่ ขณิกะสมาธิ ซึ่งไม่ตรงกับความหมายจริง ๆ ในไตรสิกขา อันเป็น สัมมาสมาธิ ครับ ที่นี้สมาธิ ระดับไหน ที่พร้อมในจริงในการทำสมถะวิปัสสนากรรมฐาน ก็ต้องตอบว่า ตั้งแต่ อุปจาระสมาธิ ครับ ส่วนในสายพม่า ใช้ สติ พัฒนา สมาธิ จึงใช้ตั้งแต่ ขณิกะสมาธิ ขึ้นมาแต่สุดท้าย สติ ก็จะพัฒนาเป็น สมาธิ ระดับอุปจาระ และ ปฐมฌาน เอง ถ้าพิจารณาจากองค์แห่งการตรัสรู้ตามพระสุคต คือ โพชฌงค์ 7 ประการ
|
|
|
49
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / พระอาจารย์ทองเฒ่า หรือ พ่อท่านทอง ชาวบ้านนิยมเรียกว่า " พ่อท่านเขาอ้อ "
|
เมื่อ: สิงหาคม 06, 2011, 02:01:23 pm
|
พระอาจารย์ทองเฒ่า หรือ พ่อท่านทอง ชาวบ้านนิยมเรียกว่า " พ่อท่านเขาอ้อ " เป็นเจ้าอาวาสเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐาน เชื่อกันว่าเป็นอาจารย์ที่เรืองวิทยาคมทางไสยศาสตร์ และแพทย์แผนโบราณ จนเป็นที่เคารพนับถือยำเกรงของคนทั่วไป ตรงศรีษะของท่านมีเส้นผมสีขาวกระจุกหนึ่ง เล่ากันว่าไม่สามารถโกนหรือตัดให้ขาดได้
ในสมัยของ พระอาจารย์ทองเฒ่า สานุศิษย์ของท่านนิยมทำพิธีแช่ว่านยา กินเหนียว กินมัน กันมาก ราวสมัยรัชกาลที่ 5 พระอาจารย์ทองเฒ่า ได้รับแต่งตั้งดำรงสมณะศักดิ์เป็น "พระครูสังฆาพิจารณ์ฉัตรทันต์บรรพต เป็นเจ้าคณะตำบลมะกอกเหนือ และเป็นพระอุปัชฌาด้วย ท่านได้ปรับปรุงวัดให้มีความเจริญขึ้นเป็นอันมาก พระอาจารย์ทองเฒ่า มรณะภาพ เมื่อ พ.ศ.2470 รวมอายุได้ 78 ป
|
|
|
50
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / เกี่ยวกับ วัด พระสงฆ์ พระธาตุ พระเครื่อง / ประวัติ หลวงปู่ก๋ง (พระอุปัชฌาย์ก๋ง) วัดเขาสมอคอน
|
เมื่อ: สิงหาคม 06, 2011, 01:57:35 pm
|
ประวัติ หลวงปู่ก๋ง (พระอุปัชฌาย์ก๋ง) วัดเขาสมอคอน
ตํานานของเมืองละโว้กล่าวถึง ความเป็นมาของ "เขาสมอคอน" คร่าวๆ ไว้ว่า เมื่อครั้งที่พระลักษมณ์ถูกหอกโมกขศักดิ์ของกุมภกรรณ พระรามจึงใช้ให้หนุมานไปเอาต้นยาที่เขาสรรพยา เมืองชัยนาทในปัจจุบัน และให้กลับมาก่อนอรุณรุ่ง หนุมานไปหายาไม่พบเพราะเป็นเวลามืด เกรงว่าจะรุ่งสางเสียก่อนจึงได้ยกเอาภูเขามาทั้งลูก และเหาะผ่านมาทางเมืองลพบุรี ซึ่งไฟกำลังลุกไหม้ แสงสว่างของไฟทำให้หนุมานมองเห็นต้นยาที่ต้องการ จึงทิ้งภูเขาที่ยกมาลงกลางทะเลเพลิง
ภูเขาลูกนั้นจึงถูกไฟเผาหินขาว ทั้งลูก จึงมีชื่อเรียกกันว่า "เขาสมอคอน" มาตราบเท่าทุกวันนี้ และเป็นภูเขาลูกเดียวกลางทุ่งนาอันกว้างใหญ่ในเขตท้องที่อ.ท่าวุ้ง ห่างจากตัวเมืองไปทางทิศเหนือประมาณ 10 กิโลเมตร
บนเขาลูกนี้มีวัดเขาสมอคอน ซึ่งนับว่าเป็นแดนธรรมแหล่งท่องเที่ยวสำคัญแห่งหนึ่งของจ.ลพบุรี ในอดีตมีพระเกจิอาจารย์ดังที่ชาวละโว้ให้ความเคารพนับถือมากที่สุดคือ "พระอุปัชฌาย์ก๋ง" หรือ "หลวงปู่ก๋ง" พระมหาเถระที่มีอายุยืนยาวถึง 125 ปี โดยศิษย์เอกที่ท่านถ่ายทอดพุทธาคมไว้ให้หมดไส้หมดพุงก็คือ หลวงพ่อบุญมี อิสสโร อดีตเจ้าอาวาสที่มีวิชาอาคมแก่กล้าไม่แพ้ท่าน และมีบุญบารมีสูงส่ง กายสังขารไม่เน่าเปื่อย
กล่าวสำหรับ เหรียญหลวงพ่อก๋ง วัดเขาสมอคอน รุ่นแรก เป็นเหรียญเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีของชาวเมือง ลพบุรีและจังหวัดใกล้เคียง รวมทั้งบรรดานักนิยมสะสมพระเครื่องและ เหรียญคณาจารย์ เรียกได้ว่าเป็นที่นิยมสะสมและแสวงหามาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาในตัวท่านและพุทธคุณปรากฏเป็นที่ประจักษ์ของผู้บูชา และที่สำคัญ.. เป็นเหรียญที่สร้างเพียงรุ่นเดียวเท่านั้น
ท่านเกิด วันจันทร์ เดือนอ้าย ปีระกา ในสมัยรัชกาลที่ 3 ที่บ้าน ต.เขาสมอคอน อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี สมัยเป็นฆราวาสได้ศึกษาหนังสือไทยและขอมที่วัดเขาสมอคอน จนแตกฉานทุกแขนง เมื่ออายุครบ 21 ปี ได้เข้าอุปสมบทที่วัดเขาสมอคอน เจ้าอธิการจีน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอธิการทับ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการชื่น เป็นพระอนุสาวนาจารย์ และได้อยู่จำพรรษาที่วัดเขาสมอคอน 1 พรรษา ก่อนย้ายไปอยู่วัดมุจรินทร์ อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี 2 พรรษา แล้วไปอยู่วัดบ้านไร่ และวัดบางลี่อีก 4 พรรษา
หลังจากนั้นได้เข้า กรุงเทพฯ ไปอยู่วัดน้อย บางยี่ขัน 3 พรรษา ก่อนจะกลับมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบางลี่ ท่านได้ปกครองวัดบางลี่อยู่ 5 พรรษา จึงย้ายมาจำพรรษาอยู่วัดเขาสมอคอนจนได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาส ปกครองดูแลวัดแห่งนี้มาจนสิ้นอายุขัย โดยมรณภาพเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 2469 รวมอายุยืนยาวถึง 125 ปี
หลวงปู่บุญมี อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาสมอคอน ศิษย์เอกของท่าน เล่าไว้ว่า เมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ รัชกาลที่ 5 เคยเสด็จฯ มาหาหลวงปู่ก๋งที่วัดหนึ่งครั้ง โดยเสด็จฯ ขึ้นไปถึงยอดเขาสมอคอนกับท่านตามลำพังเป็นเวลานานจึงเสด็จฯ กลับลงมา ต่อมาได้แต่งตั้งให้ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์
เรื่องราวของ "พระอุปัชฌาย์ก๋ง" หรือ "หลวงปู่ก๋ง" พระมหาเถระที่มีอายุยืนยาวถึง 125 ปี แห่งวัดเขาสมอคอน จ.ลพบุรี ยังมีอีกว่าสมัยนั้นการเป็นพระภิกษุสงฆ์จะได้รับการยกเว้นจากการเป็นทหาร ใครไม่อยากเป็นก็หนีมาให้ท่านบวชให้ ท่านก็บวชให้ไม่ว่าคนดีหรือคนร้าย จนเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่รู้จะทำอย่างไรกับท่าน กระทั่งรู้ไปถึงเจ้าคณะมณฑลในสมัยนั้นอยู่ที่อยุธยา ท่านได้ส่งคนถือหนังสือมานิมนต์ตัวท่านไปพบ และกักตัวให้จำพรรษาอยู่วัดประดู่ อยุธยา เป็นเวลา 2 พรรษา จึงได้กลับมาวัดเขาสมอคอน
ด้านการศึกษาวิทยาคมเริ่มแรกท่านเรียนกับ พระอธิการจีน พระอุปัชฌาย์ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์เรืองวิทยาคมขลังเพียบพร้อมไปด้วย เวทมนตร์คาถา หลังจากนั้นได้ไปร่ำเรียนกับพระคณาจารย์อีกหลายท่านที่เห็นว่ามีวิชาความรู้ พอที่จะถ่ายทอดให้ท่านได้
วัตถุมงคลที่โด่งดังของท่านประกอบด้วย ขี้ผึ้งเมตตามหานิยม, แหวนพิรอด ท่านใช้กระดาษข่อยลงเลขยันต์อักขระ แล้วถักเป็นแหวนลงด้วยรักสีดำ, มีดหมอ ที่มีอานุภาพไม่ด้อยไปกว่าของหลวงพ่อเดิม ซ้ำหายากกว่าอีกเพราะท่านสร้างไว้น้อย
เหรียญรุ่นแรก ปี 2460 กว่าๆ มี 3 เนื้อคือ เงิน, ทองแดง และอะลูมิเนียม ด้านหน้ารูปท่านนั่งขัดสมาธิ ห่มจีวรเฉียง พาดสังฆาฏิรัดประคดเอว เป็นหัวพระพิรอด ท่านนั่งบนแท่นรองรับด้วยบัวเข็มสองข้างมีขนหางหงส์ขึ้นซ้ายและขวาแผ่พังพาน เป็นพญานาค ด้านบนมีภาษาไทยว่า "หลวงพ่ออุปัชฌาย์ก๋ง"
ด้านหลังเป็น ยันต์แหวนพิรอด อำนาจของยันต์นี้หนักไปในทางป้องกัน เขี้ยวงาชะงัดนักแล เป็นรูปพญางูสองหัว มีหางมัดเป็นเกลียว เป็นอุณาโลมขึ้น ด้านบนมีฉัพพรรณรังสี 10 แฉก มีภาษาไทยว่า "ที่รฤก วัดเขาสมอคร" ขอบของเหรียญชักลูกประคำรอบเหรียญ
สำหรับเหรียญทองแดงต้องมีลูกประคำ หรือภาษาในวงการพระเรียกว่า "ไข่ปลา" ซึ่งบางเหรียญก็ไม่มีไข่ปลา เพราะเขาเอาปลอกเหรียญอะลูมิเนียมมาปั๊มเหรียญทองแดง และปลอกเหรียญทองแดงมาปั๊มอะลูมิเนียม ซึ่งเหรียญทั้งสองนี้เป็นรุ่นเดียวกัน ส่วนเหรียญเงินนั้นมีน้อยมาก เพราะท่านทำแจกเฉพาะลูกหลานและผู้ใกล้ชิดเท่านั้น
ลูกศิษย์คนหนึ่งเล่าว่า ในการปลุกเสกเหรียญนั้น ท่านได้จัดพิธีกลางแจ้ง มีประชาชนแห่แหนมาร่วมงานไม่น้อย ท่านได้นำเอาเหรียญใส่ลงไปในพาน และรองรับด้วยพานแว่นฟ้า ปูพื้นด้วยผ้าขาวผืนใหญ่ แล้วนั่งบริกรรมอยู่เพียงรูปเดียวด้วยกระแสจิตอันมั่นคง สักครู่ใหญ่ก็ปรากฏเสียงดังแกร๋งๆๆๆ จากพานที่ใส่เหรียญ และมีวัตถุกระโดดออกมาจากในพาน ทุกคนที่นั่งดูพิธีครั้งนั้นถึงกับอุทานกัน พร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นพนมท่วมหัว
แต่ละคนที่เฝ้าดูท่านอยู่ต่างเข้าไปแย่งเหรียญที่กระโดดออกมาจากบาตร แต่ท่านไม่อนุญาตให้ใครเอาไป และเอาเหรียญเหล่านั้นใส่ลงไปในบาตรตามเดิมแล้วคนๆ ให้รวมปนกันไป ก่อนจะแจกจ่ายให้ทุกคนที่มาร่วมงาน หลังจากนั้นหลายๆ คนที่ได้รับเหรียญไปต่างมีประสบ การณ์เล่าขานกันมากมาย ไม่ว่าจะในด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย แม้กระทั่งมหาอุด ยิงไม่ออก ฟันไม่เข้าก็มีมิใช่น้อย
เหรียญของท่านจึงเป็นเหรียญคณาจารย์ดังของเมืองลพบุรีเหรียญหนึ่ง ซึ่งหายากเข้าไปทุกวัน เช่นเดียวกับพระเครื่อง วัตถุมงคลของท่านทุกชนิด สืบเนื่องจากความศักดิ์สิทธิ์เหนือคำบรรยายนั่นเองขอบคุณเนื้อหาจาก http://www.usnzone.com/forum/thread-15308-1-1.html
|
|
|
52
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ปฏิบัติธรรม ง่าย ๆ เข้าใจ ง่าย ๆ ตรงนี้ ครับ
|
เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2011, 05:19:20 pm
|
อย่าสับสนกับวิธีการ นะครับ เวลาภาวนาเรามักมัวแต่ตั้งท่า ตั้งทางกัน ไม่ได้ภาวนาให้ถึงแก่นแห่งใจ และปัญญา มีพระสูตรมาฝากต่อ นะครับ อายตนบรรพ [๒๙๒] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกข้อหนึ่ง ภิกษุพิจารณาเห็นธรรมในธรรม คืออายตนะ ภายในและภายนอก ๖ ภิกษุพิจารณาเห็นธรรมในธรรมคืออายตนะภายในและภายนอก ๖ อย่างไร เล่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้จักนัยน์ตา รู้จักรูป และรู้จักนัยน์ตาและรูปทั้ง ๒ นั้น อันเป็น ที่อาศัยบังเกิดของสังโยชน์ อนึ่ง สังโยชน์ที่ยังไม่เกิดจะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัด ประการนั้นด้วย สังโยชน์ ที่เกิดขึ้นแล้ว จะละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย สังโยชน์ที่ ละได้แล้วจะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย ภิกษุย่อม รู้จักหู รู้จักเสียง ... ภิกษุย่อมรู้จักจมูก รู้จักกลิ่น ... ภิกษุย่อมรู้จักลิ้น รู้จักรส ... ภิกษุย่อม รู้จักกาย รู้จักสิ่งที่จะพึงถูกต้องด้วยกาย ... ภิกษุย่อมรู้จักใจ รู้จัก ธรรมารมณ์ และรู้จักใจและ ธรรมารมณ์ทั้ง ๒ นั้น อันเป็นที่อาศัยบังเกิดของ สังโยชน์ อนึ่ง สังโยชน์ที่ยังไม่เกิดจะเกิดขึ้น ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการ นั้นด้วย สังโยชน์ที่เกิดขึ้นแล้วจะละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้น ด้วย สังโยชน์ที่ละได้แล้วจะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัด ประการ นั้นด้วย ดังพรรณนามาฉะนี้ ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมภายในบ้าง พิจารณา เห็นธรรมในธรรมภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นธรรมในธรรมทั้งภายในทั้ง ภายนอกบ้าง พิจารณาเห็น ธรรมคือความเกิดขึ้นในธรรมบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือ ทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในธรรมบ้าง ย่อมอยู่ อีกอย่างหนึ่ง สติของเธอที่ ตั้งมั่นอยู่ว่า ธรรมมีอยู่ ก็เพียงสักว่าความรู้ เพียงสักว่า อาศัยระลึกเท่านั้น เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว และไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก ดูกร ภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่าพิจารณาเห็นธรรมในธรรมคืออายตนะภายใน และภาย นอก ๖ อยู่ ฯ จบอายตนบรรพขอบคุณภาพจาก http://www.oknation.net
|
|
|
53
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / เพื่อน ๆ เข้าใจ นาม รูป อย่างไร ไม่เข้าใจ โปรดอ่านตรงนี้
|
เมื่อ: กรกฎาคม 18, 2011, 05:16:28 pm
|
พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค
มหานิทานสูตร http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=10.0&i=57
1. นามรูปที่มีวิญญาณเป็นปัจจัย ซึ่งเป็นนามรูปที่เป็นปัจจัยแห่งผัสสะ 2. นามรูปที่เป็นปัจจัยแห่งวิญญาณ
+++++
1. นามรูปที่มีวิญญาณเป็นปัจจัย ซึ่งเป็นนามรูปที่เป็นปัจจัยแห่งผัสสะ
ก็คำนี้ว่า เพราะนามรูปเป็นปัจจัยจึงเกิดผัสสะ เรากล่าวอธิบายดังต่อ ไปนี้- ดูกรอานนท์ เธอพึงทราบความข้อนี้โดยปริยายแม้นี้ เหมือนที่เราได้กล่าว ไว้ว่า เพราะนามรูปเป็นปัจจัยจึงเกิดผัสสะ ดูกรอานนท์ การบัญญัตินามกาย ต้องพร้อมด้วยอาการ เพศ นิมิต อุเทศ เมื่ออาการ เพศ นิมิต และอุเทศ นั้นๆ ไม่มี การสัมผัสเพียงแต่ชื่อในรูปกายจะพึงปรากฏได้บ้างไหม ฯ ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า ฯ ดูกรอานนท์ การบัญญัติรูปกาย ต้องพร้อมด้วยอาการ เพศ นิมิต อุเทศ เมื่ออาการ เพศ นิมิต อุเทศนั้นๆ ไม่มี การสัมผัสโดยการกระทบ จะพึง ปรากฏในนามกายได้บ้างไหม ฯ ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า ฯ ดูกรอานนท์ การบัญญัตินามก็ดี รูปกายก็ดี ต้องพร้อมด้วยอาการ เพศ นิมิต อุเทศ เมื่ออาการ เพศ นิมิต อุเทศนั้นๆ ไม่มี การสัมผัสเพียงแต่ชื่อ ก็ดี การสัมผัสโดยการกระทบก็ดี จะพึงปรากฏได้บ้างไหม ฯ ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า ฯ ดูกรอานนท์ การบัญญัตินามรูปต้องพร้อมด้วยอาการ เพศ นิมิต อุเทศ เมื่ออาการ เพศ นิมิต อุเทศนั้นๆ ไม่มี ผัสสะจะพึงปรากฏได้บ้างไหม ฯ ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า ฯ เพราะเหตุนั้นแหละ อานนท์ เหตุ นิทาน สมุทัย ปัจจัยแห่งผัสสะ ก็คือนามรูปนั่นเอง ฯ
ก็คำนี้ว่า เพราะวิญญาณเป็นปัจจัยจึงเกิดนามรูป เรากล่าวอธิบายดังต่อ ไปนี้- ดูกรอานนท์ เธอพึงทราบความข้อนี้โดยปริยายแม้นี้ เหมือนที่เราได้กล่าว ไว้ว่า เพราะวิญญาณเป็นปัจจัยจึงเกิดนามรูป ดูกรอานนท์ ก็วิญญาณจักไม่หยั่งลง ในท้องแห่งมารดา นามรูปจักขาดในท้องแห่งมารดาได้บ้างไหม ฯ ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า ฯ ดูกรอานนท์ ก็ถ้าวิญญาณหยั่งลงในท้องแห่งมารดาแล้วจักล่วงเลยไป นามรูปจักบังเกิดเพื่อความเป็นอย่างนี้ได้บ้างไหม ฯ ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า ฯ ดูกรอานนท์ ก็ถ้าวิญญาณ ของกุมารก็ดี ของกุมาริกาก็ดี ผู้ยังเยาว์วัยอยู่ จักขาดความสืบต่อ นามรูปจักถึงความเจริญงอกงามไพบูลย์ ได้บ้างไหม ฯ ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า ฯ เพราะเหตุนั้นแหละ อานนท์ เหตุ นิทาน สมุทัย ปัจจัยแห่งนามรูป ก็คือวิญญาณนั่นเอง ฯ
++++++++++
2. นามรูปที่เป็นปัจจัยแห่งวิญญาณ
ก็คำนี้ว่า เพราะนามรูปเป็นปัจจัยจึงเกิดวิญญาณ เรากล่าวอธิบายดังต่อ ไปนี้- ดูกรอานนท์ เธอพึงทราบความข้อนี้โดยปริยายแม้นี้ เหมือนที่เราได้กล่าว ไว้ว่า เพราะนามรูปเป็นปัจจัยจึงเกิดวิญญาณ ดูกรอานนท์ ก็ถ้าวิญญาณจักไม่ได้ อาศัยในนามรูปแล้ว ความเกิดขึ้นแห่งชาติชรามรณะและกองทุกข์ พึงปรากฏ ต่อไปได้บ้างไหม ฯ ไม่ได้เลย พระเจ้าข้า ฯ เพราะเหตุนั้นแหละ อานนท์ เหตุ นิทาน สมุทัย ปัจจัยแห่งวิญญาณ ก็คือนามรูปนั่นเอง ด้วยเหตุผลเพียงเท่านี้แหละ อานนท์ วิญญาณและนามรูป จึงยังเกิด แก่ ตาย จุติ หรืออุปบัติ ทางแห่งชื่อ ทางแห่งนิรุติ ทางแห่งบัญญัติ ทางที่กำหนดรู้ด้วยปัญญาและวัฏฏสังสาร ย่อมเป็นไปด้วยเหตุเพียงเท่านี้ๆ ความ เป็นอย่างนี้ ย่อมมีเพื่อบัญญัติ คือนามรูปกับวิญญาณ ฯแก่นแท้ของธรรม หากก้าวเดินผิด เดี๋ยวตกสะพานนะครับ
|
|
|
60
|
เรื่องทั่วไป / ข่าวสารเพื่อนถึงเพื่อน / Re: 12 มิ.ย.54 ร่วมตักบาตรพระสงฆ์ 15,000 รูป ที่เขตจตุจักร
|
เมื่อ: มิถุนายน 11, 2011, 08:31:33 pm
|
สาธุครับ ผมได้ไป สำรวจพื้นที่แล้ว บรรยากาศการเตรียมงานคึกคักครับ 15000 รูป เห็นว่ามาหลายจังหวัดนะครับ ก็เป็นโอกาสดี ที่เราจะได้ทำบุญกับพระจำนวนมาก ๆ อย่างนี้ต้องขอบคุณผู้จัดงาน แต่พระเยอะ คนก็เยอะ ความโกลาหล ก็เป็นธรรมดาครับ แต่คุณ drift-999 คำนวณยอดเงินรูปละ 15 บาท ใ่ส่ทุกรูปก็ 225000 บาท ( มากนะนี่ ) ผมเองก็แลกเงิน 20 บาทมา 2000 บาท กับนมกล่องข้าวสารน้ำตาลทราย ชุดละ 20 บาท 50 ชุด ต้องบอกว่า ตามกำลังศรัทธาจริง ๆ ครับ ใครที่สามารถใส่ได้ 15000 รูปเลยนี่ได้ ผมอนุโมทนา อย่างยิ่งครับ สาธุ สาธุ สาธุ
|
|
|
61
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: ภวังคจิต คือ อะไร
|
เมื่อ: มิถุนายน 05, 2011, 03:01:36 pm
|
ที่คุณ ธรรมธวัช และ คุณทินกร สรุปไว้นั้น เป็นแค่ส่วนหนึ่ง ของ ภวังคจิตครับ ซึ่งภวังคจิต ไม่ใช่หมายถึงการหลับทุกครั้ง แม้การตื่นอยู่ถ้าไม่รับรู้สภาวะทางอายตนะ ก็เป็นภวังคจิตเหมือนกัน ที่สำคัญ อยุ่ที่จิต มีสติเข้าใจ ส่วนนี้ต่างหากครับ ภวังคจลนะ ภวังคุปัจเฉทะ มโนทวาราวัชชนจิต แต่ถ้าจะให้อธิบาย ผมเองก็ยังไม่ใคร่จะเข้าใจ ทั้งหมด นะครับ โดยเฉพาะ มโนทวารวัชชนจิต เป็นสายการบรรลุธรรมด้วย นะครับ
|
|
|
62
|
กรรมฐาน มัชฌิมา / ถามตอบ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับ กรรมฐาน / Re: เมื่อดูลมหายใจแล้ว..
|
เมื่อ: มิถุนายน 05, 2011, 02:57:41 pm
|
ผมทำแบบอานาปานสติครับดูลมหายใจหรือจะว่าเป็นแบบ มัชฌีมาแบบลำดับก็ว่าได้เช่นกัน คุณ notebook123 ฝึกกรรมฐาน มัชฌิมา แบบลำดับ ห้องที่ 4 หรือครับ ในส่วนที่กล่าวมานั้น ไม่น่าใช่นะครับ เพราะ ห้องที่ 4 มีสองส่วนที่ต้องเข้าถึงก่อนนะครับ ืคือ อุคคหนิมิต และ ปฏิภาคนิมิต ซึ่งจะมีได้ต้องปฏิบัติ ในส่วน ฐาน 9 นะครับ และอาการที่ว่าว่างเบานั้น ไม่ใช่เป็นสภาวะที่ควรจะเป็นในห้องพระอานาปานสติครับ เพราะธรรมสภาวะ เบาว่าง นั้นจะอยู่ในห้อง พระสุขสมาธิ เกรงว่าศิษย์ท่านอื่น จะเขวได้นะครับ ว่าเป็นอย่างนั้น
|
|
|
63
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: ภวังคจิต คือ อะไร
|
เมื่อ: มิถุนายน 04, 2011, 12:06:54 pm
|
มื่อรูปกระทบทวารและกระทบภวังคจิต ภวังคจิตที่รูปกระทบเป็น อตีตภวังค์ ภวังคจิตต่อจากอตีตภวังค์เป็น ภวังคจลนะ คือเป็นภวังคจิตที่ไหวเพราะอารมณ์กระทบ แม้ว่าจะไม่รู้อารมณ์นั้นก็ตาม
ภวังคจิตดวงสุดท้ายของกระแสภวังค์ก่อนปัญจทวารวัชชนจิตจะเกิดขึ้นนึกถึงอารมณ์นั้นเป็น ภวังคุปัจเฉทะ
ภวังคจลนะ
ภวังคุปัจเฉทะ
มโนทวาราวัชชนจิต
อกุศลจิตหรือกุศลจิต 7 ขณะ (สำหรับพระอรหันต์เป็นกิริยาจิต)
|
|
|
64
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: ภวังคจิต คือ อะไร
|
เมื่อ: มิถุนายน 04, 2011, 12:03:39 pm
|
ในสังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค วีณาสูตร พระผู้มีพระภาคตรัสกะภิกษุทั้งหลายว่า
"... ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระราชาหรือมหาอำมาตย์แห่งพระราชา ยังไม่เคยได้ยินเสียงพิณ พระราชาหรือมหาอำมาตย์แห่งพระราชา ฟังเสียงพิณแล้ว พึงกล่าวอย่างนี้ว่า แน่ะ ท่านผู้เจริญ นั่นเสียงอะไรหนอ น่าชอบใจ น่าใคร่ น่าบันเทิง น่าหมกมุ่น น่าพัวพันอย่างนี้
บุรุษนั้นกราบทูลว่า "ขอเดชะ" เสียงนั้นเป็นเสียงพิณ เสีบงนั้นน่าชอบใจ น่าใคร่ น่าบันเทิง น่าหมกมุ่น น่าพัวพันอย่างนี้"
พระราชาหรืออำมาตย์แห่งพระราชาพึงกล่าวว่า "แน่ะท่านผู้เจริญ ท่านทั้งหลายจงนำพิณนั้นมาให้แก่เรา"
ราชบุรุษทั้งหลายพึงนำพิณมาถวาย พึงกราบทูลว่า "นี่คือพิณนั้น เสียงของพิณนี้น่าชอบใจ ... น่าพัวพันอย่างนี้"
พระราชาหรือมหาอำมาตย์แห่งพระราชานั้นพึงกล่าวว่า "แน่ะท่านผู้เจริญ ฉันไม่ต้องการพิณนั้น ท่านทั้งหลายจงนำพิณนั้นมาให้แก่เราเถิด"
ราชบุรุษกราบทูลว่า "ขอเดชะ ขึ้นชื่อว่าพิณนี้มีเครื่องประกอบหลายอย่าง มีเครื่องประกอบมาก นายช่างประกอบดีแล้วด้วยเครื่องประกอบหลายอย่าง คือธรรมดาว่าพิณนี้อาศัยกระพอง อาศัยแท่น อาศัยลูกบิด อาศัยนม อาศัยสาย อาศัยคัน และอาศัยความพยายามของบุรุษซึ่งสมควรแก่พิณนั้น มีเครื่องประดับหลายอย่าง มีเครื่องประกอบมาก นายช่างประกอบดีแล้วด้วยเครื่องประกอบหลายอย่างจึงจะเปล่งเสียงได้"
พระราชาหรือมหาอำมาตย์ของพระราชาทรงผ่าพิณนั้น 10 เสี่ยงหรือ 100 เสี่ยง แล้วกระทำให้เป็นส่วนน้อยๆแล้วพึงเผาด้วยไฟ แล้วพึงกระทำให้เป็นเขม่าโปรยไปด้วยลมแรง หรือพึงลอยไปเสียในแม่นํ้ามีกระแสอันเชี่ยว
ท้าวเธอตรัสอย่างนี้ว่า "ท่านผู้เจริญ ได้ยินว่า ชื่อว่าพิณนี้เลวทราม สิ่งหนึ่งสิ่งใดจะเลวทรามกว่าพิณนี้ไม่มี เพราะพิณนี้คนต้องมัวเมาประมาท หลงใหลจนเกินขอบเขตฉันใด"
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุก็ฉันนั้นนั่นแล ย่อมแสวงหารูปเท่าที่มีคติ เวทนา สัญญา สังขารทั้งหลาย วิญญาณเท่าที่มีคติอยู่ใด เมื่อเธอแสวงหาวิญญาณเท่าที่มีอยู่ใด ความยึดถือโดยคติของภิกษุนั้นว่าเรา หรือว่าของเรา หรือว่าเป็นเรา แม้ความยึดถือนั้นก็ไม่มีแก่เธอฯ"
|
|
|
65
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / Re: ภวังคจิต คือ อะไร
|
เมื่อ: มิถุนายน 04, 2011, 12:01:29 pm
|
ภวังคจิต เป็น วิบากจิต เป็นผลของกรรมเดียวกันกับการที่ทำให้ปฏิสนธิจิตเกิด ในชาติหนึ่งจะมีปฏิสนธิจิตดวงเดียวเท่านั้น แต่มีภวังคจิตนับไม่ถ้วน ไม่ใช่เฉพาะภวังคจิตดวงแรกเท่านั้น แต่ภวังคจิตทั้งหมดในชาตินี้เป็นผลของกรรมที่ทำให้ปฏิสนธิจิตเกิด
|
|
|
66
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: ท่านคิดอย่างไรกับการไหว้พระราหู คะ
|
เมื่อ: พฤษภาคม 26, 2011, 03:10:01 pm
|
สองสหายอำลาอาจารย์ [๗๐] ครั้งนั้น โมคคัลลานปริพาชกได้กล่าวชักชวนสารีบุตรปริพาชกว่า ผู้มีอายุ เรา พากันไปสำนักพระผู้มีพระภาคเถิด เพราะพระผู้มีพระภาคนั้นเป็นพระศาสดาของเรา. สารีบุตรปริพาชกกล่าวว่า ผู้มีอายุ ปริพาชก ๒๕๐ คนนี้อาศัยเรา เห็นแก่เรา จึงอยู่ใน สำนักนี้ เราจงบอกกล่าวพวกนั้นก่อน พวกนั้นจักทำตามที่เข้าใจ. ลำดับนั้น สารีบุตรโมคคัลลานะพากันเข้าไปหาปริพาชกเหล่านั้น ครั้นถึงแล้วได้กล่าว คำนี้ต่อพวกปริพาชกนั้นว่า ท่านทั้งหลาย เราจะไปในสำนักพระผู้มีพระภาค เพราะพระผู้มีพระภาค นั้นเป็นพระศาสดาของเรา. พวกปริพาชกตอบว่า พวกข้าพเจ้าอาศัยท่าน เห็นแก่ท่านจึงอยู่ในสำนักนี้ ถ้าท่าน จักประพฤติพรหมจรรย์ในพระมหาสมณะ พวกข้าพเจ้าทั้งหมด ก็จักประพฤติพรหมจรรย์ใน พระมหาสมณะด้วย. ต่อมา สารีบุตรโมคคัลลานะได้พากันเข้าไปหาท่านสญชัยปริพาชก ครั้นถึงแล้วได้เรียน ว่า ท่านขอรับ พวกกระผมจะไปในสำนักพระผู้มีพระภาค เพราะพระผู้มีพระภาคนั้นเป็นพระ ศาสดาของพวกกระผม สญชัยปริพาชกพูดห้ามว่า อย่าเลย ท่านทั้งหลาย อย่าไปเลย เราทั้งหมด ๓ คน จักช่วยกันบริหารคณะนี้. แม้ครั้งที่ ๒ ... แม้ครั้งที่สาม สารีบุตรโมคคัลลานะได้กล่าวคำนี้ต่อสญชัยปริพาชกว่า ท่านขอรับ พวก กระผมจะไปในสำนักพระผู้มีพระภาค เพราะพระผู้มีพระภาคนั้นเป็นพระศาสดาของพวกกระผม. สญชัยปริพาชกพูดห้ามว่า อย่าเลย ท่านทั้งหลาย อย่าไปเลย เราทั้งหมด ๓ คน จักช่วยกันบริหารคณะนี้. ครั้งนั้น สารีบุตรโมคคัลลานะพาปริพาชก ๒๕๐ คนนั้น มุ่งไปทางที่จะไปพระวิหาร เวฬุวัน. ก็โลหิตร้อนได้พุ่งออกจากปากสญชัยปริพาชกในที่นั้นเอง. เครดิตลิงก์นี้นะครับ http://www.madchima.org/forum/index.php?topic=537.msg2093#msg2093
|
|
|
69
|
เรื่องทั่วไป / ส่งจิตออกนอก (นั่งเล่นคุยกัน) / Re: พรหมลูกฟัก อสัญญีพรหม คือ พรหมแบบไหนครับ
|
เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2011, 07:46:03 pm
|
อ่านเรื่องนี้แจ่ม เลยคะ อยาก เรียนถามคุณ nathaponson ต่อไปนะคะ
เคยได้ยินมาว่า พรหมลูกฟัก นี้อาจจะจุติ เป็น ศัตราวุธ ของกายสิทธิ์ ที่กำเนิดจากชีวิต ผู้ภาวนาในการเป็นพรหมลูกฟัก จริงหรือไม่คะ เช่น ธาตุกายสิทธิ์ ต่าง ๆ ที่ปรากฏบนโลกเรานี้ หรือว่า พรมหประเภทนี้ต้องจุติบนสวรรค์ชั้น ที่เป็นอยู่โดยเฉพาะ
ขอความเห็นด้วยนะคะ
เนื้อเรื่อง อ่านเข้าใจง่าย ดีคะ แล้วก็จะระวัง ถ้าภาวนากรรมฐาน จะไม่ปรารถนาเกิดใน อสัญญีพรหมเลยคะ
|
|
|
70
|
เรื่องทั่วไป / แจ้งปัญหาการใช้งานบอร์ด / Re: เข้าเว็บเพื่อจะโพสต์ ภาพประกอบไม่ได้ คะ
|
เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2011, 07:40:52 pm
|
คุณ kobyamkala จะช่วยจ่ายค่าโดเมน ให้พระอาจารย์หรือไม่ครับ ผมว่าต้องรอหน่อยนะครับ เพราะเราไม่ได้มีส่วนช่วย ในเรื่องทุนทรัพย์นะครับ แต่เห็นพระอาจารย์ตอบเมล มาว่าได้ให้ทางเว็บมาสเตอร์ ดำเนินการซื้อ โฮสต์ และ โดเมน ใหม่แล้วเพื่อไว้โพสต์ไฟล์ภาพ กันต่างหากคงต้องรอหน่อยนะครับ
|
|
|
74
|
เรื่องทั่วไป / สอบถามปัญหาชีวิต เปิดใจคุยกัน / Re: ฝันเห็นผู้ชายคนที่เป็นแฟน ตอนนี้เขาตายแล้ว
|
เมื่อ: พฤษภาคม 06, 2011, 07:23:11 pm
|
เคยได้ยินมาว่าผู้ชาย บางคนทุ่มเทรักผู้หญิง เมื่อเวลาจะตายแล้วนึกถึงแต่คนที่รักอยู่นั้น เมื่อสิ้นชีวิตลงไปแล้วก็เลยไปป้วนเปี้ยนอยู่รอบผู้หญิงคนนั้น แต่ปกติแล้ว อยู่คนละภพจะไม่สามารถสื่อกันได้ แต่วิญญาณก็จะเริ่มพัฒนาความสามารถโดยการเข้ามาฝันก่อนเป็นอันดับแรก เพราะทำได้ง่ายที่สุด จากนั้นก็จะขยับมาที่ปรากฏกาย เริ่มจะเห็นแล้ว จากนั้น ก็เข้าควบคุม เหมือนอาการผีเข้า ทำอะไรขาดสติ เพี้ยน ๆ ผมเคยเห็นมากับตาแล้วหลายคนเลยครับ
ดังนั้นทางที่ดี เมื่อคุณระลึกถึงเขาได้แล้ว ก็บอกเขาให้ไปเกิดเสียเถิด อย่ามาเสียเวลาเวียนเป็นสัมภะเวสีอยู่เลยครับ เป็นบาปนะครับ ไม่ใช่เป็นบุญ นึกถึงเป็นตัวเราบ้างที่ต้องมัวแต่วนเวียนอยู่รอบคนอื่น ๆ บ้าง วิธีที่ดีที่สุด ผมว่าน่าจะไม่พ้นการแผ่เมตตาครับ น่าจะได้ผลที่สุดครับ
|
|
|
79
|
ธรรมะสาระ / สนทนาธรรม ทั่วไป ตามความชอบใจของท่าน / ขอความกระจ่าง เรื่องพระโสดาบัน ครับ
|
เมื่อ: เมษายน 03, 2011, 07:37:09 pm
|
คือเห็นแต่ที่ไหน ๆ ก็อธิบายว่า พระโสดาบัน ละ้กิเลส 3 อย่าง แต่ผมอยากรู้ว่า พระโสดาบัน มีความประพฤติ อย่างไร มีข้อวิเ้คราะห์อย่างไร รู้ได้อย่างไรว่าเราเป็นแล้ว หรือใครเป็นแล้ว และพระโสดาบัน ใช้ชีิวิตอย่างไร เป็นต้นครับ ่คืออยากอ่านบทความเกี่ยวกับพระโสดาบัน ให้ได้มาก ๆ ครับ เพราะตอนนี้ผมปรารถนา ความเป็นพระโสดาบัน ครับ ขอเบื้องต้นก่อนนะครับ
|
|
|
|